วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

โลก 360 องศา - (จอร์แดนขอความมั่นใจว่านักบินของตนยังมีชีวิตอยู่แลกกับตัวประกันมือระเบิดหญิงอิรัก,รัฐบาลมาเลเซียแถลงสรุปสาเหตุ MH370เป็นอุบัติเหตุ,IS เผยคลิปสังหารตัวประกันชาวญี่ปุ่นแล้ว 1 ราย,ตำรวจฟิลิปปินส์ปะทะเดือดกลุ่มกบฏ,ทางการสเปนจับผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย,กษัตริย์ซาอุสิ้นพระชนม์)


เอเอฟพี - จอร์แดนในวันพฤหัสบดี(29ม.ค.) ย้ำจะไม่ปล่อยมือระเบิดหญิงชาวอิรัก จนกว่าจะได้รับข้อพิสูจน์ว่านักบินของตนเองที่ถูกกลุ่มรัฐอิสลามจับเป็นตัวประกันนั้นยังมีชีวิตอยู่ กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ข่มขู่ที่จะประหารนักบินชาวจอร์แดนที่ถูกตนจับกุมไว้ ในทันทีหากกรุงอัมมานไม่ยอมปล่อยตัวมือระเบิดหญิงชาวอิรักก่อนพระอาทิตย์ตกดินวันพฤหัสบดี (29 ม.ค.) เพื่อแลกเปลี่ยนกับตัวประกันอีกคนซึ่งเป็นนักข่าวชาวญี่ปุ่น โมฮัมหมัด อัล-โมมานี โฆษกรัฐบาลจอร์แดนกล่าวว่า "จอร์แดนมีความตั้งใจแลกตัวซาจิดา อัล-ริชาวี กับนักบินจอร์แดน แต่ในตอนนี้เราเน้นย้ำว่าเราได้ร้องขอข้อพิสูจน์ของการมีชีวิตของนักบินจากไอเอส และเรายังไม่ได้รับคำตอบใดๆ"  "ริชาวี ยังคงอยู่ในจอร์แดนและการแลกเปลี่ยนตัวจะมีขึ้นต่อเมื่อเราได้รับข้อพิสูจน์ตามที่เราร้องขอว่าเขายังไม่ตาย" โฆษกรัฐบาลจอร์แดนบอกกับผู้สื่อข่าว โดยไม่ได้พาดพิงใดๆถึงนายเคนจิ โกโตะ นักข่าวอิสระที่ถูกไอเอสจับไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ในคลิปล่าสุดที่เผยแพร่ในตอนเช้าวันพฤหัสบดี(29ม.ค.) ไอเอสขีดเส้นตายให้ จอร์แดนต้องนำตัว ซาจิดา อัล-ริชาวี ที่ต้องโทษประหารจากการมีส่วนร่วมในเหตุระเบิดในอัมมานปี 2005 ไปส่งที่ด่านชายแดนตุรกีก่อนพระอาทิตย์ตกดิน โดยดูจากพระอาทิตย์ตกในเมืองโมซูล เมืองใหญ่ที่สุดที่ไอเอสยึดครองในอิรัก ซึ่งน่าจะเป็นเวลาราวๆ 15.00 จีเอ็มที(ตรงกับเมืองไทย 22.00น.) จอร์แดน บอกว่าจะปล่อยตัวนักโทษหญิงชาวอิรัก หากไอเอสยอมมอบอิสรภาพแก่นักบินของพวกเขา อย่างไรก็ตามในขณะที่ไอเอสขู่เอาชีวิตร้อยโทมูอาห์ อัล-คัสซัสเบห์ แต่สารของพวกเขาก็ไม่ได้บ่งชี้อย่างชัดเจนว่าพร้อมปล่อยตัวนักบินรายนี้เป็นส่วนหนึ่งในการแลกเปลี่ยนด้วยหรือไม่  ร้อยโทมูอาห์ อัล-คัสซัสเบห์ ถูกจับเป็นตัวประกันเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม หลังเครื่องบินเอฟ 16 ของเขาเกิดตกระหว่างปฏิบัติภารกิจต่อต้านนักรบไอเอสเหนือน่านฟ้าทางเหนือของซีเรีย ขณะที่จอร์แดนบอกว่าเป้าหมายลำดับแรกของพวกเขาคือช่วยเหลือนักบินรายนี้กลับสู่มาตุภูมิโดยปลอดภัย

เอเอฟพี - ภายหลังที่เที่ยวบิน MH370 ของสายการบิน มาเลเซียแอร์ไลน์สสูญหายไปนานนับ 10 เดือน ล่าสุดวันนี้ (29 ม.ค.) มาเลเซียได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า อากาศยานลำนี้ประสบ อุบัติเหตุและสันนิษฐานว่า ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตยกลำ ซึ่งนับเป็นขั้นตอนหนึ่งซึ่งจะเปิดโอกาสให้ญาติๆ ของผู้สูญขอรับค่าชดเชย แม้ว่าจะเป็นข้อสรุปที่ยากจะทำใจยอมรับก็ตาม  อัซฮารุดดิน อับดุล ราห์มาน อธิบดีกรมการบินพลเรือนระบุในการแถลง ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ว่า ด้วยความเจ็บปวดสุดหัวใจ และความโศกเศร้าอย่างสุดซึ้ง เราในนามของรัฐบาลมาเลเซีย ขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ประสบอุบัติเหตุ  เขาระบุต่อไปว่า ลูกเรือและผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH370 รวม 239 คน ถูกสันนิษฐานว่าเสียชีวิตทั้งหมด  อัซฮารุดดินชี้ว่า การประกาศอย่างเป็นทางการว่า การอันตรธานหายไปของโบอิ้งมาเลย์ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ปีที่แล้ว เป็นอุบัติเหตุนั้นจะช่วยเปิดช่องให้ครอบครัวของลูกเรือ และผู้โดยสารเดินหน้าขอเงินชดเชยจากทางสายการบินได้ในที่สุด   เขากล่าวว่า คาดหมายกันว่า การประกาศเช่นนี้จะช่วยให้ครอบครัวสามารถขอรับความช่วยเหลือที่จำเป็น โดยเฉพาะผ่านกระบวนการมอบเงินชดเชย  อย่างไรก็ตาม ซาราห์ บัจก์ คู่ครอง ฟิลิป วูด หนึ่งในผู้โดยสารบนเครื่องบินลำนี้ได้ออกมาตำหนิการประกาศของรัฐบาลมาเลเซีย โดยระบุว่า ดิฉันคิดว่า พวกเขากำลังโกหก  ก็อาจเป็นไปได้ว่าเครื่องบินลำนี้ตก แต่ยังไม่มีหลักฐาน และจนกว่าจะมีหลักฐาน เราก็ยังเชื่อคำพูดของพวกเขาไม่ได้เธอกล่าวพาดพิงถึงรัฐบาล และสายการบินของแดนเสือเหลือง   หากเรายังไม่ได้ข้อพิสูจน์ ก็ไม่มีทางปิดคดีนี้ได้ญาติพี่น้องบางส่วนพากันกล่าวหารัฐบาลมาเลเซีย และสายการบินแห่งชาติว่า สร้างความสับสนวุ่นวาย และไม่รู้จักตอบสนองอย่างทันท่วงที ตั้งแต่ครั้งแรกที่เครื่องบินลำนี้ขอเปลี่ยนเส้นทาง จนปล่อยให้อากาศยานทั้งลำสูญหายไป รวมทั้งตั้งข้อสงสัยว่า เจ้าหน้าที่พยายามปกปิดอะไรบางอย่าง ในขณะที่ทั้งกัวลาลัมเปอร์ และสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ต่างปฏิเสธเสียงแข็งว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่เป็นความจริง  ทั้งนี้ เที่ยวบิน MH370 ได้อันตรธานหายไประหว่างออกเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่ง จนกลายเป็นหนึ่งในปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแวดวงการบิน  เหล่าเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของมาเลเซียระบุว่า ข้อมูลจากดาวเทียมชี้ว่า เครื่องบินลำนี้เบนออกนอกเส้นทางไปไกลถึงตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย โดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่พวกเขาสงสัยกันว่า น่าจะเกิดจากการความจงใจของคนบนเครื่อง อย่างไรก็ตาม ยังไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่า อากาศยานลำนี้ประสบชะตากรรมอย่างไร แม้ว่าออสเตรเลียจะยังคงนำภารกิจค้นหาในน่านน้ำที่มีการสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นจุดตกของ MH370 ในการดำเนินปฏิบัติการค้นหาและช่วยชีวิตที่ใช้งบประมาณมากที่สุดในประวัติศาสตร์


เอพี/เอเจนซีส์ - หลังการเผยแพร่คลิปการสังหาร ฮารุนะ ยูกาวะ วัย 42 ปี ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้ญาติและเพื่อนของตัวประกันพลเมืองญี่ปุ่นทั้งสองต่างตกอยู่ในความเศร้าและตื่นตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น โชอิจิ ยูคาวะ (Shoichi Yukawa) พ่อของยูคาวะเสียใจอย่างท่วมท้นต่อข่าวการเสียชีวิตของบุตรชาย และยังหวังลึกๆ ว่าจะไม่ใช่ฮารุนะที่จากไป ในขณะที่ NBC News สื่อสหรัฐฯ ชี้ข้อเรียกร้องใหม่ของกลุ่ม IS ที่ต้องการให้แลกเปลี่ยนชีวิตกับพลเมืองญี่ปุ่นที่เหลือเพื่อแลกกับผู้ต้องขังมือวางระเบิดหญิง IS ชาวอิรัก ซาจิดา อัล-ริชาวี (Sajida al-Rishawi) ในจอร์แดนนั้นเป็นกลยุทธ์ในการโปรโมตข่าวชวนเชื่อให้กับทางกลุ่มว่าเป็นผู้ปกป้อง หญิงมุสลิม โชอิจิ ยูคาวะ (Shoichi Yukawa) บิดา วัย 74 ปีของฮารุนะ ยูกาวะ วัย 42 ปีที่เพิ่งได้รับข่าวการเสียชีวิตของลูกชายหลังจากเส้นตาย 72 ชม. ผ่านพ้นไปในวันศุกร์ (23) ได้เปิดแถลงความรู้สึกวันนี้ (25) ที่กรุงโตเกียวว่า ผมหวังอยู่ในใจลึกๆ ว่านั่นจะไม่ใช่เรื่องจริงยูคาวะกล่าว ซึ่งลูกชายของเขาที่มีความต้องการเปิดธุรกิจด้านให้บริการความมั่นคงถูกจับตัวในซีเรียในปีที่ผ่านมา และยูคาวะกล่าวต่อกับสื่อทีวีญี่ปุ่นโดยขอไม่ให้เปิดเผยใบหน้าว่า หากผมสามารถได้พบกับฮารุนะอีกครั้ง ผมจะกอดเขานานๆและโชอิจิ ยูคาวะ ยังขอโทษต่อทุกคนที่ลูกชายของเขาทำให้ทุกคนเดือดร้อน ซึ่งเอพีชี้ว่าถึงแม้ฮารุนะ ยูคาวะถูกลักพาตัวไปในปีที่ผ่านมา แต่ทว่าข่าวของเขาหายไปอย่างรวดเร็วจากหน้าสื่อญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเห็นว่า ยูคาวะเดินทางเสี่ยงไปที่ถิ่นสงครามกลางเมืองตามลำพังด้วยความบ้าบิ่นและสมัครใจ แต่ทว่าข่าวการถูกสังหารของฮารุนะด้วยฝีมือกลุ่ม IS และสถานการณ์ล่อแหลมในความสามารถการทูตญี่ปุ่นที่จะต้องช่วยพลเมืองตัวประกันที่ถูกจับนั้นทำใหญี่ปุ่นตกอยู่ในอาการขวัญผวาเนื่องจากเป็นประเทศที่ถือได้มีนโยบายเชิงสันติ และมีอัตราอาชญากรต่ำ
ในขณะเดียวกัน สื่อญี่ป่น อาซาฮี ชิมบุน รายงานเพิ่มเติมวันนี้ (25) ว่า ด้านพ่อตาของเคนจิ โกโตะ นักข่าวญี่ปุ่น วัย 47 ปี ที่ปรากฏภาพในวิดีโอคลิปถือภาพการเสียชีวิตของเพื่อน ยูคาวะ และเสียงบรรยายประกอบคลิปยื่นข้อเสนอแลกชีวิตเขากับมือวางระเบิดหญิงชาวอิรัก ซาจิดา อัล-ริชาวี ( Sajida al-Rishawi) กล่าวว่า เรายังไม่สามารถวางใจได้จนกว่า เคนจิจะสามารถมีชวิตกลับมาถึงญี่ปุ่นได้ เพราะเขาอาจถูกสังหารในนาทีใดก็ได้ ผมต้องการให้เขากลับถึงบ้านให้เร็วที่สุดส่วนจุนโกะ อิชิโด (Junko Ishido) มารดาวัย 78 ปีของนักข่าวญี่ปุ่นที่มักท่องเที่ยวในตะวันออกกลางเพื่อสัมภาษณ์คนท้องถิ่นที่นั่นเปิดเผยว่า ดิฉันรู้สึกหนักอื้งเมื่อเห็นวิดีโอคลิปล่าสุด ดิฉันสงสัยว่า เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นจริงหรือในโลกใบนี้ ดิฉันคิดว่าสถานการณ์ที่โหดร้ายเกิดขึ้นเกินกว่าที่ดิฉันจะคาดการณ์ได้ ดิฉันไม่สามารถมองโลกในง่ดีมากไปกว่านี้  ส่วนโนบูโอะ คิโมโตะ (Nobuo Kimoto) วัย 70 ปีที่ปรึกษาบริษัทความปลอดภัยของฮารุน ยูคาวะ ให้สัมภาษณ์ว่า ผมยังสั่นไม่หาย ผมหวังว่า ข่าวที่ปรากฏนั้นไม่เป็นจริงทั้งนี้คิโมโตะที่เป็นอดีตสมาชิกสภาเขตอิบาระกิ เปิดเผยว่า เขาได้กลายมาเป็นที่ปรึกษาของบริษัทยูคาวะเพราะเห็นความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ  อย่างไรก็ตาม ในเงื่อนไขใหม่แลกชีวิตโกโตะกับมือระเบิดหญิง IS นั้นสื่อสหรัฐฯ NBC News รายงานในวันนี้ (25) ถึงรายละเอียดของผู้ต้องขังมือวางระเบิดหญิงชาวอิรัก ซาจิดา อัล-ริชาวี (Sajida al-Rishawi) ในจอร์แดนว่า เธอผู้นี้ผูกระเบิดติดไว้กับกระเป๋าคาดเอวเพื่อระเบิดโรงแรมในอัมมาน ในปี 2005 แต่โชคดีที่ระเบิดไม่ทำงาน แท้จริงแล้วเป็นน้องสาวของผู้บัญชาการระดับสูงภายใต้ อาบู มูซาบ อัล-ซาร์คาวี (Abu Musab Al-Zarqawi) อดีตผู้นำอัลกออิดะห์ในอิรัก ซึ่ง อาบู บาการ์ อัล-บักห์ดาดี (Abu Bakr al-Baghdadi) ผู้นำคนปัจจุบันของ IS เคยทำงานเป็นนักรบภายใต้การนำของอัล-ซาร์คาวี  ด้าน Karima Bennoune ศาสตราจารย์กฎหมายระหว่างประเทศประจำมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ยูซีเดวิส เจ้าของหนังสือ “Your Fatwa Does Not Apply Here : Untold Stories from the Fight Against Muslim Fundamentalism.” และมีผู้ติดตามยูทิวบ์อีกร่วมล้านกว่าคนในการเปิดเผยถึงชีวิตของมุสลิมที่ต่อสู้กับลัทธิก่อการร้าย เปิดเผยกับสื่อสหรัฐฯ ถึงดีลล่าสุดที่ IS หยิบยื่นว่า ดูเหมือนว่าข้อเรียกร้องต่อรองของ IS ได้เปลี่ยนไปเพื่อมุ่งหวังในการทำโฆษณาชวนเชื่อมากกว่าเงินตรา โดยต้องการให้ภาพลักษณ์ของ IS ถูกมองว่าเป็นผู้ปกป้องหญิงมุสลิม โดยเธอได้โยงไปถึงภาษาที่ถูกใช้ในวิดีโอคลิปล่าสุด ที่เรียกขานมือระเบิดหญิงว่า น้องสาวที่ถูกกักขังซึ่งสื่อเป็นนัยถึงการสร้างภาพชวนเชื่อ ทั้งนี้ซาจิดา อัล-ริชาวีพยายามจะกดระเบิดในระหว่างงานพิธีสมรสของคู่บ่าวสาวหนึ่งที่จัดขึ้นในโรงแรมหรูในอัมมาน ปี 2005 พร้อมกับ ฮุซเซน อาลี อัล-ชามารี (Hussein Ali al-Shamari) สามีของเธอประสบความสำเร็จเป็นมือระเบิดฆ่าตัวตายสังหารคนไปเกือบ 40 คนที่โรงแรมแรดิสสันในจอร์แดน และมือระเบิดหญิง IS ถูกจำคุกในปี 2006  โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่า อาเบะได้ต่อสายโทรศัพท์ปรึกษากษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดนในวันเสาร์ (24) สื่อรัฐบาลจอร์แดน เพตรารายงาน โดยไม่ได้ระบุว่าผู้นำทั้งคู่ได้สนทนาเรื่องใดบ้าง แต่สกายทีวี สื่ออังกฤษวิเคราะห์ว่า อาจมีการปรึกษาถึ งข้อเรียกร้องล่าสุดของกลุ่มติดอาวุธ IS   เอเจนซีส์ นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น และผู้นำตะวันตกนำทีมโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ออกมาแถลงในวันอาทิตย์ (25) ม.ค.) ประณามกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่ฆ่าตัดคอตัวประกันชาวญี่ปุ่นไปแล้ว 1 คน โดยระบุว่าเป็นการกระทำที่ เหี้ยมโหดและให้อภัยไม่ได้พร้อมกับเรียกร้องให้ปล่อยตัวประกันชาวซามูไรอีกคนหนึ่งในทันที ขณะที่ทางด้านไอเอสระบุว่ายกเลิกการเรียกร้องค่าไถ่แล้ว แต่จะปล่อยตัวประกันที่ยังเหลืออยู่นี้ หากโตเกียวไปจัดการให้จอร์แดนยอมปล่อยนักโทษหญิงชาวอิรักที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในกรุงอัมมานเมื่อ 10 ปีก่อน  นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ กล่าวผ่านสถานีทีวีเอ็นเอชเคในวันอาทิตย์ว่า มีโอกาสสูงที่ร่างคนไร้ศีรษะซึ่งปรากฏในคลิปที่ถูกนำออกเผยแพร่เมื่อคืนวันเสาร์ (24) คือศพของฮารูนะ ยูกาวะ ผู้รับเหมาสัญญาด้านความมั่นคงชาวญี่ปุ่น  อาเบะย้ำว่า การสังหารยูกาวะเป็นการกระทำที่เหี้ยมโหดและอภัยให้ไม่ได้ และญี่ปุ่นจะไม่ยอมจำนนให้การก่อการร้าย พร้อมเรียกร้องให้กลุ่มไอเอสปล่อยตัวประกันญี่ปุ่นอีกคนที่ยังเหลืออยู่ คือ ผู้สื่อข่าว เคนจิ โกโตะ อย่างปลอดภัยในทันที และประกาศว่า การรักษาชีวิตของโกโตะคือเป้าหมายสำคัญที่สุดในขณะนี้  วิกฤต 2 ตัวประกันชาวญี่ปุ่นซึ่งกลายเป็นบททดสอบหนักหน่วงสำหรับอาเบะ เริ่มต้นขึ้นในวันอังคารที่ผ่านมา (20) เมื่อไอเอสเผยแพร่ภาพโกโตะและยูกาวะสวมชุดสีส้มนั่งคุกเข่า โดยมีชายชุดดำถือดาบกวัดแกว่งอยู่ด้านหลัง และเรียกร้องค่าไถ่ 200 ล้านดอลลาร์ภายในเวลา 72 ชั่วโมง โดยถึงกำหนดเส้นตายเมื่อวันศุกร์ (23)  สำหรับในคลิปล่าสุดคืนวันเสาร์ที่มีความยาว 3 นาที เป็นภาพนิ่งของโกโตะถือภาพร่างไร้ศีรษะของยูกาวะ พร้อมเสียงพูดบรรยายเป็นภาษาอังกฤษของชายที่อ้างว่าเป็นโกโตะ ซึ่งกล่าวว่า ยูกาวะถูกสังหารในดินแดนของรัฐอิสลาม และสำทับว่า ความจริงแล้วรัฐบาลญี่ปุ่นสามารถช่วยชีวิตยูกาวะได้ผ่านทางจอร์แดน ที่อาเบะตั้งสำนักงานประสานงานเพื่อรับมือวิกฤตตัวประกันครั้งนี้ตั้งแต่เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว  โกโตะกล่าวต่อไปว่า ไอเอสยกเลิกการเรียกร้องค่าไถ่และจะปล่อยตัวเขา โดยแลกกับ ซาจิดา อัล-ไรชาวี มือระเบิดหญิงชาวอิรักที่ถูกจอร์แดนตัดสินประหารชีวิต เนื่องจากมีส่วนร่วมในการลอบวางระเบิดในเมืองหลวงอัมมานเมื่อปี 2005 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 60 คน
ทางด้านโชอิชิ ยูกาวะ พ่อของยูกาวะให้สัมภาษณ์วันอาทิตย์ว่า เสียใจมาก และไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นความจริง ขณะที่จุงโกะ อิชิโดะ แม่ของโกโตะ บอกว่า มีความหวังเพียงริบหรี่หลังจากเห็นภาพของลูกชายที่ดูเครียดมาก แต่สำทับว่า รัฐบาลญี่ปุ่นไม่เคยทอดทิ้งประชาชน และเธอเชื่อว่า รัฐบาลกำลังพยายามอย่างดีที่สุด ทั้งนี้ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับเอ็นเอชเค อาเบะเผยว่า ได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ตัวประกันญี่ปุ่นกับกษัตริย์อับดุลเลาะห์แห่งจอร์แดน แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของไอเอสในการแลกตัวโกโตะกับอัล-ไรชาวี ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นย้ำว่า กำลังพยายามติดต่อกับไอเอส และที่ปรึกษาคนหนึ่งของอาเบะระบุว่า ได้สื่อสาร ทางอ้อมกับนักรบอิสลามกลุ่มนี้  โตเกียวนั้นมีอิทธิพลทางการทูตในตะวันออกกลางน้อยมาก กระนั้น สื่อท้องถิ่นรายงานก่อนหน้านี้ว่า อาเบะอาจขอให้ประธานาธิบดีรีเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ของตุรกี ช่วยเหลือตัวประกันญี่ปุ่นด้านโยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแดนซามูไรแถลงว่า ญี่ปุ่นพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยชีวิตโกโตะ และว่า รัฐบาลไม่ได้รับการเตือนใดๆ ก่อนที่จะมีการเผยแพร่คลิปล่าสุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้อง ท่ามกลางการตั้งข้อสงสัยหลายประเด็น อาทิ เสียงในคลิปไม่น่าใช่เสียงของโกโตะ อย่างไรก็ดี สำหรับประเด็นนี้ นักวิเคราะห์คนหนึ่งยืนยันว่า เป็นเสียงของโกโตะจริง นอกจากนี้ ยังมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า คลิปดังกล่าวไม่ได้โพสต์บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของไอเอสและไม่มีธงขาว-ดำของกลุ่มนี้ รวมทั้งไม่มีภาพการสังหารยูกาวะ เหมือนคลิปก่อนๆ ที่นักรบญิฮัดโชว์ภาพการตัดศีรษะตัวประกันตะวันตกให้เห็นกันชัด ๆ ขณะเดียวกัน วันเสาร์ที่ผ่านมา นักรบคนหนึ่งได้ออกคำเตือนผ่านเว็บไซต์ที่โยงใยกับไอเอสว่า ข้อความในคลิปล่าสุดเป็นสาส์นปลอม ขณะที่นักรบอีกคนบอกว่า ข้อความนั้นต้องการสื่อกับครอบครัวของโกโตะเท่านั้น และนักรบคนที่สามตั้งข้อสังเกตว่า คลิปล่าสุดไม่ได้เผยแพร่โดยอัล-เฟอร์กัน ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานด้านสื่อของไอเอสที่ก่อนหน้านี้เป็นผู้โพสต์คลิปเกี่ยวกับการจับและการสังหารตัวประกัน ส่วนที่วอชิงตัน ทำเนียบขาวแถลงในวันเสาร์ว่า ประธานาธิบดีโอบามา ประณามการสังหารยูกาวะอย่างโหดเหี้ยมโดยไอเอส และวอชิงตันพร้อมเคียงข้างสนับสนุนโตเกียว และเรียกร้องให้ไอเอสปล่อยโกโตะ ต่อมา โอบามาซึ่งอยู่ระหว่างเยือนอินเดีย ยังโทรศัพท์หาอาเบะเมื่อวันอาทิตย์ เพื่อแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ทางด้านนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษ ก็แถลงประณามเหตุการณ์นี้ว่าเป็น การฆาตกรรมอย่างป่าเถื่อนเช่นเดียวกับประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศส และโทนี่ แอ็บบอตต์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ประณามว่าเป็น ความชั่วร้ายอย่างแท้จริงของ ลัทธิแห่งความตาย 

รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 32 คนในวันอาทิตย์ (25 ม.ค.) หลังเกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างตำรวจฟิลิปปินส์กับกลุ่มกบฏมุสลิมทางภาคใต้ของประเทศ สั่นคลอนข้อตกลงสันติภาพที่เพิ่งมีอายุได้เพียง 1 ขวบปี รวมถึงข้อตกลงหยุดยิงที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลา 3 ปี  รายงานข่าวระบุว่า เหตุยิงปะทะดังกล่าวซึ่งกินเวลายาวนานกว่า 12 ชั่วโมงใกล้กับเมืองมามาซาปาโน ในจังหวัด มากินดาเนาเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 27 นาย รวมถึงสมาชิกกลุ่มติดอาวุธมุสลิมอีก 5 คนเสียชีวิต  ขณะเดียวกันมีการยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 7 นายได้หายตัวไประหว่างการยิงปะทะและยังหาตัวไม่พบ ขณะที่มีรายงานว่ามีตำรวจอีก 8 นายถูกพวกกบฏมุสลิมจับตัวไป ถือเป็นเหตุปะทะกันระหว่างฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐบาลและฝ่ายกบฏครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2011 เป็นต้นมา ด้านพันเอก เรสติตูโต ปาดิญา จากกองทัพฟิลิปปินส์ออกมาเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทหารไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการยิงปะทะกันอย่างหนักหน่วงระหว่างตำรวจกับกลุ่มกบฏในครั้งนี้ พร้อมเผยจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงอาจพุ่งสูงถึง 50 ศพซึ่งส่วนใหญ่คาดว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ กลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามิกโมโร (MILF) ซึ่งถือเป็นกลุ่มกบฏมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ได้ยอมรับข้อตกลงสันติภาพจากรัฐบาลฟิลิปปินส์เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว หลังการเจรจายาวนานที่มีมาเลเซียเป็นคนกลาง ส่งผลให้ความขัดแย้งที่ดำเนินมานานถึง 45 ปี และคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 120,000 คน กับทำให้เกิดผู้อพยพพลัดถิ่นอีก 2 ล้านคนสิ้นสุดลง ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว กลุ่มโมโรจะต้องยอมวางอาวุธและสลายกองกำลัง ส่วนรัฐบาลฟิลิปปินส์ต้องจัดตั้งองค์กรปกครองใหม่ซึ่งให้อำนาจในการปกครองตนเองแก่คนในพื้นที่ และให้สิทธิ์ชาวมุสลิมซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยของประเทศ ได้เข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและทางการเมืองมากขึ้น

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ผล เอ็กซิท โพลล์ที่มีการเผยแพร่ล่าสุดในกรีซ ชี้ กลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย ซีริซาจะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภากรีซ เหนือพรรคประชาธิปไตยใหม่ของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอันโตนิส ซามาราสที่กำลังจะหมดอำนาจ ผล เอ็กซิท โพลล์ที่มีการเผยแพร่ในวันอาทิตย์ (25 ม.ค.) ชี้ชัด กลุ่มการเมืองซีริซาภายใต้การนำของอเล็กซิส ซีปราส นักการเมืองหนุ่มใหญ่วัย 40 ปีจะได้คะแนนเสียงระหว่าง 35.5-39.5 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็น 146-158 ที่นั่งจากที่นั่งในรัฐสภาทั้งหมด 300 ที่นั่ง ซึ่งมากพอที่จะส่งให้ซีปราสได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่  ขณะที่พรรคประชาธิปไตยใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอันโตนิส ซามาราส มีแนวโน้มได้คะแนนเสียงเพียง 23-27 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น  หากผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการที่จะมีการประกาศในช่วงเช้าวันจันทร์ออกมาสอดคล้องกับผลเอ็กซิท โพลล์จะส่งผลให้อเล็กซิส ซีปราสกลายเป็น หัวหน้ารัฐบาลรายแรกของประเทศสมาชิกกลุ่มยูโรโซน ที่แสดงจุดยืนชัดเจนต่อต้านการบังคับใช้มาตรการรัดเข็มขัดรวมถึงภาระหนี้สินที่เกิดจากเงื่อนไขความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ด้านปาโนส สกูร์เลติส โฆษกพรรคซีริซา ออกมาประกาศชัยชนะผ่านสถานีโทรทัศน์เมกา ทีวี โดยระบุว่า นี่คือชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ และยังเป็นการส่งสัญญาณว่า นับจากนี้กรีซจะไม่ยอมรับเงื่อนไขและมาตรการทางเศรษฐกิจใดๆจากภายนอกอีกต่อไป แต่จะหันไปให้ความสำคัญกับความเป็นประชาธิปไตยและการธำรงรักษาศักดิ์ศรีของประเทศ ทั้งนี้ กลุ่มการเมืองซีริซา ได้ให้คำมั่นตลอดช่วงหาเสียงการเลือกตั้งคราวนี้ ซึ่งจัดให้มีขึ้นก่อนกำหนดถึง 2 ปีว่า หากพรรคของตนคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งก็จะเร่งผลักดันการเปิดเจรจาใหม่ เรื่องบรรดาเงื่อนไขของข้อตกลงเงินกู้ 240,000 ล้านดอลลาร์ที่กรีซทำไว้กับเจ้าหนี้ 3 ฝ่ายหรือ ทรอยกาอันประกอบด้วย สหภาพยุโรป (อียู) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) รวมถึง ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ขณะเดียวกัน ซีปราสยังประกาศจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ตลอดจนออกมาตรการลดค่าไฟฟ้าสำหรับครอบครัวผู้มีรายได้ต่ำ และลดภาษี รวมถึง ยกเลิกการตัดค่าใช้จ่ายโครงการภาครัฐ จุดยืนของพรรคซีริซาในการต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดเช่นนี้ กระตุ้นให้เกิดความกังวลรอบใหม่ว่า รัฐบาลเอเธนส์จะหลุดพ้นจากปัญหาหนักหน่วงทางเศรษฐกิจที่เผชิญอยู่ได้หรือไม่ โดยที่วิกฤตการเงินนั้นได้กัดกร่อนให้เศรษฐกิจกรีซลดขนาดลงถึง 25% หรือ 1 ใน 4 และยังผลักให้อัตราว่างงานในหมู่หนุ่มสาวชาวกรีกพุ่งสูงกว่า 50% รวมถึงทำให้หนี้สาธารณะทะยานจาก 146% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เป็น 175.5% เมื่อปีที่ 2014 ที่ผ่านมา  ขณะที่บรรดาเจ้าหนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศเจ้าของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอียู ยังคงยืนยันว่า กรีซต้องปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำไว้ หากต้องการที่จะรับการสนับสนุนต่อ ขณะที่นักลงทุนและตลาดการเงินต่างหวาดผวาว่า ถ้าพรรคฝ่ายซ้ายจัดซีริซาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งจริง และไม่สามารถตกลงกับฝ่ายเจ้าหนี้ต่างประเทศได้ กรีซอาจจะถึงขั้นล้มละลายและหมดความสามารถในการชำระหนี้สินอย่างสิ้นเชิง


เอเอฟพี - ตำรวจสเปนวานนี้ (24 ม.ค.) ได้เข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงอิสลามิสต์ ที่กำลังเตรียมก่อเหตุโจมตีในประเทศ ทั้งนี้เป็นการเปิดเผยของรัฐบาลแดนกระทิงดุ กระทรวงกลาโหมระบุในคำแถลงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบตัวพี่น้องชาวสเปนเชื้อสายโมร็อกโก 2 คู่ ในนครปกครองตนเองเซวตาแห่งสเปนซึ่งตั้งอยู่ติดกับพรมแดนประเทศโมร็อกโก  กระทรวงมหาดไทยสเปนระบุว่า ชายทั้งสี่ มีประวัติคล้ายคลึงกับสองพี่น้องกูอาชี ผู้ลงมือก่อเหตุโจมตีในฝรั่งเศสเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมามาก แต่ไม่พบว่าทั้งสองกรณีมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันฮอร์เก เฟอร์นันเดซ ดิอาซ รัฐมนตรีมหาดไทยได้เปรียบผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้ กับมือปืนสองพี่น้อง เชริฟ และซาอิด คูอาชี ที่ควงปืนอาก้าบุกสังหารหมู่เหยื่อ 12 ชีวิตที่สำนักงานนิตยสารแนวเสียดสีประชดประชัน ชาร์ลี เอ็บโดในกรุงปารีส เขาชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้ต้องสงสัยในนครปกครองตนเองเซวตา นั้นมีลักษะละม้ายคล้ายผู้ก่อเหตุกราดยิงที่กรุงปารีส ในแง่ที่พวกเขามี การเตรียมความพร้อมทั้งในเชิงกายภาพ และเชิงจิตวิทยา รวมทั้งมีทักษะความชำนาญในการใช้อาวุธเหมือนกัน  นอกจากนี้ ผู้ต้องสงสัยชาวสเปนยังมี เจตจำนงอันแน่วแน่...ที่จะก่อเหตุโจมตี และพร้อมสละชีพเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย หากจำเป็น  ทั้งนี้ ชายชาวเซวตาทั้งสี่ได้รับแรงบันดาลใจจากข้อความที่เผยแพร่ทางโลกออนไลน์ โดยกลุ่มนักรบญิฮาดหัวรุนแรง รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ที่กำลังยึดครองดินแดนอันกว้างใหญ่ในอิรักและซีเรีย

เอเอฟพี - เหล่าผู้นำจากต่างชาติรวมตัวกันที่มัสยิดกลางในเมืองหลวงของซาอุดีอาระเบียในวันศุกร์(23ม.ค.) เพื่อร่วมพระราชพิธีศพของกษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ทรงเสด็จสวรรคตก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ส่วนเจ้าชายซัลมาน บิน อับดุลอาซิส มกุฎราชกุมารผู้สืบทอดราชสมบัติ ทรงให้คำมั่นจะนำพาประเทศอยู่บนเส้นทางแห่งความมั่นคงและเรียกร้องความรักความสามัคคีในหมู่ชาวมุสลิม  นายเรเซพ ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกีและนายนาวาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน รวมถึงเหล่าผู้นำของซูดานกับเอธิโอเปีย เข้าร่วมพิธีสวดพระศพที่มัสยิดอิหม่าม เตอร์กี บิน อับดุลเลาะห์ ในกรุงริบาด เคียงข้างกษัตริย์ซัลมาน เจ้าผู้ครองแผ่นดินคนใหม่ของซาอุดีอาระเบีย  รายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์เผยให้เห็นภาพพระศพของกษัตริย์อับดุลเลาะห์อยู่บนแคร่ที่หามโดยเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีสวดพระศพ ในนั้นรวมถึงเจ้าชายมิเตบ บิน อับดุลเลาะห์ รัฐมนตรีกองกำลังพิทักษ์ชาติ พระโอรสของกษัตริย์ผู้ล่วงลับ     จากนั้นพระศพของพระองค์ก็ถูกเคลื่อนย้ายไปยังสุสานสาธารณะที่อยู่ใกล้ๆกัน โดยตามธรรมเนียมมุสลิมอันเข้มงวดของประเทศ พระศพของอดีตกษัตริย์อับดุลเลาะห์จะถูกฝังในหลุมศพที่ไม่มีป้ายชื่อเช่นเดียวกับอดีตกษัตริย์ฟาห์ด ซึ่งเสด็จสวรรคตเมื่อปี 2005  นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว กษัตริย์ฮาหมัดของบาห์เรน ชีค ทามิม บิน ฮาหมัด อัล-ธานี เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ ผู้แทนระดับสูงจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และชีค ซาบาห์ อัล-อาห์หมัด อัล-ซาบาห์ เจ้าผู้ครองคูเวต ต่างเสด็จมาร่วมพระราชพิธีศพในวันศุกร์(23ม.ค.)เช่นกัน  สำนักพระราชวังซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์ระบุว่ากษัตริย์อับดุลเลาะห์ ซึ่งเชื่อว่ามีพระชนมายุราว 90 พรรษา ทรงเสด็จสวรรคตตอนเวลา 01.00 น. โดยมีเจ้าชายซัลมาน บิน อับดุลอาซิส มกุฎราชกุมารเป็นผู้สืบทอดราชสมบัติ ส่วนเจ้าชายโมเกรน ซึ่งเป็นพระอนุชาต่างพระมารดาของกษัตริย์อับดุลเลาะห์ ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นมกุฎราชกุมาร  กษัตริย์อับดุลเลาะห์ ทรงเข้ารับการรักษาพระวรกายที่โรงพยาบาลเนื่องจากทรงประชวรด้วยพระอากาศพระปัปผาสะติดเชื้อมานานหลายสัปดาห์แล้ว ทั้งนี้นับตั้งแต่ทรงขึ้นครองราชย์เป็นองค์ประมุขของราชอาณาจักรที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นต้นกำเนิดของศาสนาอิสลามแห่งนี้ พระองค์ทรงประสบปัญหาเกี่ยวกับพระพลานามัยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนเจ้าชายซัลมาน พระชนมายุ 79 ชันษา ซึ่งทรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร ต้องทรงปฏิบัติภารกิจแทนพระองค์ในช่วงที่ทรงประชวรในคำแถลงถึงประชาชนครั้งแรกในฐานะผู้ปกครองคนใหม่ กษัตริย์ซัลมาน ทรงประกาศนำพาประเทศอยู่บนเส้นทางแห่งความมั่นคงและเรียกร้องความรักความสามัคคีในหมู่ชาวมุสลิม รวมถึงจะอุทิศพระวรกายเพื่อปกป้องประเทศ
ขณะเดียวกัน พระองค์ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คือ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พระราชโอรสของพระองค์ และทรงแต่งตั้งให้เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ ซึ่งปัจจุบันทรงดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ทรงมีพระอิสรริยยศเป็นรัชทายาทอันดับ 2 ต่อจากเจ้าชายมูคริน มกุฎราชกุมาร  ผู้นำหลายประเทศได้ส่งสารแสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของพระองค์ โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ กล่าวในถ้อยแถลงยกย่ององค์ประมุขของซาอุดีอาระเบียว่า พระชนมายุของกษัตริย์อับดุลลาห์ เริ่มตั้งแต่ก่อนกำเนิดของยุคสมัยใหม่ของซาอุดิอาระเบีย ผ่านช่วงเวลาฉุกเฉินในฐานะกำลังสำคัญภายในเศรษฐกิจโลก และผู้นำในกลุ่มชาติอาหรับและอิสลาม  รัฐบาลญี่ปุ่นส่งสารแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ่งไปยังรัฐบาลและประชาชนในซาอุดิอาระเบียต่อการสูญเสียครั้งนี้ ญี่ปุ่นยังต้องการให้มิตรภาพของสองประเทศแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น มีชาวซาอุดิอาระเบียจำนวนมาก ไปรวมตัวกันเมืองเมกกะ หลังจากที่ทราบข่าวการสวรรคต ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาการครองราชย์ พระองค์ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์นักปฏิรูปและมีแนวคิดสมัยใหม่ และยังทรงทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อพัฒนาการศึกษาและระบบสาธารณูปโภค


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น