จริงๆ ความชอบในการดูซีรี่ย์ของแต่ละคนมักจะชอบแตกต่างกันไป บางคนจะชอบเป็นบางแนวเป็นพิเศษ เช่น ไซไฟ สืบสวนสอบสวน แนวตลกซิทคอม สำหรับผู้เขียนแล้วจะดูได้ทุกแนว และในแต่ละแนวก็จะมีเรื่องที่ชอบที่สุดอยู่ด้วยอย่างน้อย 1-2 เรื่อง และซีรี่ย์ในดวงใจของผู้เขียน ที่ขอนำมาเสนอแนะ 10 หมวดนี้ คงเป็นเรื่องที่อยู่ในใจหลายคน จัดเป็นยอดฮิต 10 หมวดที่คอซีรี่ย์ทุกคนไม่มีใครไม่รู้จัก และไม่ควรพลาด (ไม่เรียงอันดับ)
1.24 ,CSI
2.Friends , The Big Bang Theory
3.Lost , Prison Break
4.American Horror Story , The Walking Dead
5.Nip/Tuck ,Grey's Anatomy
6.Dexter , Homeland , Criminal Mind
7.The X' File ,Fringe ,Supernatural
8.Breaking Bad , Mad Men , The Sopranos
9.Desperate Housewives ,Sherlock
10.Game of Thrones, Spartacus
24 เป็นซีรีส์แนวตื่นเต้นระทึกขวัญที่ดำเนินเรื่องในลักษณะ "ตามเวลาจริง" โดยแต่ละนาทีในเวลาออกอากาศนั้นตรงกับแต่ละนาทีในชีวิตของตัวละครเช่นกัน ส่วนพักโฆษณาจะถูกจัดให้อยู่ในช่วงที่เนื้อเรื่องที่ไม่สำคัญกำลังดำเนินอยู่ (เช่น พักโฆษณาจะเริ่มขึ้นเมื่อตอนที่ตัวละครกำลังขับรถไปยังจุดหมายหนึ่ง และไปถึงที่หมายเมื่อหมดพักโฆษณาพอดี) ซึ่งทำให้รายการสามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาจริงโดยไม่รบกวนกับฉากสำคัญ เวลาออกอากาศจริงๆ ของซีรีส์โดยไม่มีโฆษณาในหนึ่งตอนมีความยาวประมาณ 45 นาที ซึ่งเป็นความยาวปกติของรายการโทรทัศน์แบบหนึ่งชั่วโมงส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม รายการจะต้องมีโฆษณาคั่นเท่านั้นถึงจะได้ผล (ซึ่งอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นในบางประเทศ หรือบริการเคเบิลทีวีที่มักจะไม่มีโฆษณาคั่นรายการ) อีกทั้งระยะเวลาของพักโฆษณาจะต้องมีความยาวพอดีกับช่องว่างของเนื้อเรื่อง (ซึ่งอาจไม่เป็นเช่นนั้นในบางสถานีที่ออกอากาศเช่นกัน) การดำเนินเรื่องตามเวลาจริงนั้นถูกเน้นโดยเนื้อเรื่องในช่วงก่อนและหลังพักโฆษณาไม่กี่วินาที จะมีตัวละครในสถานที่ต่างกำลังทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในจอแยกกัน โดยมีนาฬิกาดิจิตัลปรากฏขึ้นแสดงเวลา พร้อมกับส่งเสียง "บี๊ป" (ซึ่งเป็นเสียงโดและเรสลับกัน) ในแต่ละวินาทีที่ผ่านไป เวลาดังกล่าวจะตรงกับเวลาที่เกิดขึ้นในเนื้อเรื่อง ส่วนตัวละครก็มักจะวางกรอบเวลาไว้ (อาทิเช่น ภายในหนึ่งชั่วโมง) สำหรับเหตุการณ์สำคัญๆ เช่นในเนื้อเรื่องเช่นภัยคุกคามจากผู้ก่อการร้าย โดยระบุไว้อย่างแน่ชัดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นก่อนจบตอน เหตุการณ์ที่สลับไปมาระหว่างสถานที่ต่างๆ กันนำไปสู่การดำเนินเรื่องที่เป็นเส้นขนานของตัวละครหลายตัวซึ่งจะมาบรรจบกันเป็นพล็อตเรื่องใหญ่พล็อตเดียว ทำให้ในบางครั้งจะมีการบรรยายถึงความเป็นไปของตัวละครบางตัวโดยผู้ชมไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และตัวละครดังกล่าวอาจจะปรากฏตัวขึ้นเป็นช่วงสั้นๆ ของตอนเท่านั้น
จุดเด่นของซีรี่ย์เรื่องนี้ ก็คือการเดินเรื่องในหนังนั้นเดินเรื่องไปตามเข็มนาฬิกาจริงๆ ระยะเวลาในแต่ละตอนจะดำเนินไปในเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง ซึ่งในแต่ละตอนจะเดินเรื่องกระชับฉับไว ตื่นเต้นเร้าใจ ชวนให้ติดตาม ซึ่งนับเป็นความแปลกใหม่ของซีรี่ย์แนวนี้ ได้รับรางวัลซีรี่ย์ยอดเยี่ยมประเภทดราม่า รางวัลลูกโลกทองคำ ในปี 2003 และได้รับการเข้าชิงเกือบทุกปีตั้งแต่ปี 2001
Friends ต้นแบบของซีรี่ย์โสดขี้เหงา เม้าท์นั่งยาง โปรเจ็กท์เรื่อง Friends เกิดขึ้นในปี 1994 เมื่อมือเขียนบทตัวฉกาจ 3 คนมาเจอกัน ได้แก่ Kevin Bright, Marta Kauffman และ David Crane ร่วมกันพัฒนาโครงเรื่องที่ว่าด้วย กลุ่มคนหนุ่มสาววัย 20 เศษ 6 คน(หญิง 3 ชาย 3) ที่อาศัยอยู่ในมหานครนิวยอร์ก ซึ่งอยู่ด้วยกันในอพาร์ตเม้นท์เดียวกัน ทั้ง 6 คนมีไลฟ์สไตล์เหมือนกัน คือเวลาว่างจะมานั่งเม้าท์กันในร้านกาแฟที่ชื่อว่า Central Park แรกเริ่มเดิมทีสถานีโทรทัศน์ NBC ไม่ค่อยมั่นใจกับซีรี่ย์เรื่องนี้นัก เพราะมีส่วนคล้ายคลึงกับซีรี่ย์ต้นแบบเรื่อง Seinfeld ในอดีต และต้องมาฉายต่อจากซีรี่ย์ยอดฮิตอย่าง Mad About You ด้วย แต่พอเริ่มฉายออกอากาศไปฟีดแบ็กค์เรตติ้งก็ขึ้นอันดับ 1 และกลายเป็น Talk of the Town ในเวลาต่อมาจนจบซีซั่นแรก ความฮ็อตของซีซั่นแรก ทำให้ซีซั่นที่ 2 มีข่าวลือว่าดาราส่วนใหญ่ขอปรับค่าตัวขึ้นกันยกทีม และทรงผมของ Jennifer Aniston กลายเป็นแฟชั่นไอด้อลที่ผู้คนลอกเลียนไปตัดตามกันจนกลายเป็นแฟชั่น ซีรี่ย์เรื่องนี้ครองความนิยมอย่างยาวนาน กว่า 10 ปี จนผู้แสดงทั้ง 6 คนในเรื่องสนิทกันจนกลายเป็นเพื่อนซี้ในชีวิตจริงไปด้วย
จุดเด่นของซีรี่ย์เรื่องนี้คือ ประโยคเด็ดขำขัน พฤติกรรมรั่วๆ ของทั้งหญิง ชาย แก๊กอำๆ กันระหว่างเพื่อนซี้ กลายเป็นต้นแบบที่ซีรี่ย์แนวๆ นี้ลอกเลียนกันต่อมา และซีรี่ย์ซิทคอมเป็นต่อ ในบ้านเราก็น่าจะได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
Lost จัดเป็นซีรี่ย์แนวติดเกาะ ผจญภัย ที่ได้รับอิทธิพลมาจากเรียลลิตี้ Survivor หรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ด้วยพล็อตเรื่องที่ชวนติดตาม เมื่อผู้โดยสารเครื่องบินลำหนึ่ง ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกลงบนเกาะร้างกลางทะเลแห่งหนึ่ง มีผู้รอดตายจำนวน 48 คน ในจำนวนนี้มีผู้คนหลากหลายสาขาอาชีพ (ร้อยพ่อพันแม่) มาอยู่รวมตัวกัน แต่ละคนมีภูมิหลังพิเศษที่แตกต่างกัน และแน่นอนว่าทุกคนมีจุดประสงค์ร่วมกันคือ ต้องการเอาชีวิตตัวเองรอด มีการปูพื้นตัวละครเด่นๆ ที่มีบุคลิกแปลกแยก แตกต่างกัน และก็พฤติกรรมของตัวละครที่เข้ากลุ่ม และไม่เข้ากลุ่ม แต่ต้องไปปฏิบัติภารกิจร่วมกันคือ พยายามจะกู้ซากเครื่องบินเพื่อหาทางเดินทางออกจากเกาะนั้นให้ได้ ซึ่งจะมีวิธีการใดบ้าง ในขณะที่บนเกาะนั้นก็มีสัตว์ประหลาดน่ากลัวที่อาจทำอันตรายต่อมนุษย์ร่วมอยู่ด้วย ดังนั้นความระทึกขวัญ พร้อมๆกับการลุ้นภาระกิจเอาตัวรอดของตัวละครทำให้คนดูเอาใจช่วยอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่ซีซั่นแรกก็ถล่มทลายจนเกิดการสร้างซีซั่นถัดๆ มาอีก หลายซีซั่น แค่ฉากแรกเครื่องบินตก ก็ใช้งบประมาณการสร้างสูงสุดเป็นสถิติของหนังซีรี่ย์กว่า 10 ล้านเหรียญ เพียงแค่ตอนแรก ความยาว 2 ชม. (สร้างหนังไทยหรือละครไทยได้เป็นสิบๆ เรื่อง) ตัวซีรี่ย์สร้างสถิติผู้ชมคนดู 18.65 ล้านคนทั่วสหรัฐ ติดอันดับ 1 ของสถานีโทรทัศน์ ABC นับว่าสูงที่สุดในยุคนั้น กำกับโดยผู้กำกับสุดยอดฝีมือ J.J.Abrams
จุดเด่นของซีรี่ย์เรื่องนี้คือ การผูกเรื่อง พล็อตเรื่อง ตัวละครที่มีหลากหลายคาแร็กเตอร์ ซึ่งจะค่อยๆ ผูกโยงความสัมพันธ์กันไปถึงซีซั่นถัดๆ ไปด้วย การเดินเรื่องกระชับฉับไว ชวนติดตามทุกตอน ได้รางวัลซีรี่ย์ยอดเยี่ยมประเภทดราม่า รางวัลลูกโลกทองคำปี 2005
Prision Break จัดเป็นซีรี่ย์ที่ฟอร์มสดมาก อยู่ในข่ายฟอร์มมาดี หรือท่าดีทีเหลว (ซีซั่นหลังๆ เริ่มออกทะเล ตันไอเดียแล้ว) ว่ากันว่าเป็นซีรี่ย์เกี่ยวกับคนคุกที่ดีที่สุด ไม่ค่อยแน่ใจ อาจมีดีกว่าก็ได้ เพราะยังไม่เคยดูเรื่องอืนๆ เป็นซีรี่ย์ที่ว่าด้วยการวางแผนแหกคุกที่ฉลาดแนบเนียน โดยตัวเอกของเรื่องคือ ไมเคิล สกอร์ฟิลด์ เป็นอดีตวิศวกรที่เคยออกแบบคุก “ลินคอล์น” ที่เป็นที่กักขังพี่ชายของตนเอง ซึ่งถูกปรักปรำว่าเป็นฆาตกรสังหารพี่ชายของรองประธานาธิบดี ทำให้สกอร์ฟิลด์ต้องวางแผนปล้นธนาคารเพื่อให้ตนเองต้องถูกจำคุกเดียวกับพี่ชาย และตัวเองก็มีพิมพ์เขียวของแผนที่คุกนี้ทั้งหมดบนร่างกายของตนเอง ที่จ้างคนสักไว้บนตัว เพื่อให้การทำงานและแผนงานที่วางเอาไว้สะดวก ไม่เป็นที่น่าสงสัย แต่แม้ว่าโครงเรื่องหลักจะอยู่ที่แผนการและปฏิบัติการในการช่วยเหลือพี่ชายของเขา (เวนเวิร์ท มิลเลอร์) แต่โครงเรื่องย่อยก็น่าสนใจ เมื่อพัศดีของคุกลินคอล์นก็มีปูมหลังที่เป็นปริศนา รวมถึงทนายที่มาทำคดีให้และครอบครัวของมิลเลอร์ ที่ไปเกี่ยวข้องกับการรู้ความลับเบื้องหลังคดีฆ่ารองประธานาธิบดี ทุกคนล้วนถูกลอบสังหาร หรือตามเก็บจากชายแปลกหน้าที่เป็นคนสนิทของรองประธานาธิบดีอีกด้วย
จุดเด่นของซีรี่ย์เรื่องนี้คือ บทภาพยนตร์ การวางโครงเรื่องหลัก โครงเรื่องย่อย นักแสดงในเรื่องเล่นได้ดีเป็นธรรมชาติ ทำให้เราเชื่อในบุคลิกตัวละครทุกตัว โดยเฉพาะพระเอกของเรื่องนั้นฉลาดล้ำเหลือ คาแร็กเตอร์ตัวละครที่หลากหลาย โดยเฉพาะกลวิธีผูกมิตรและเอาตัวรอดในคุกของพระเอกกับผองเพื่อน ซีรี่ย์เรื่องนี้เป็นขวัญใจของคนดูทั่วโลก และทำสถิติคนดูสูงถึง 10.5 ล้านคนในการออกอากาศ 2ตอนแรก สูงสุดในรอบ 7 ปีของสถานี Fox
Nip/Tuck ซีรี่ย์ที่ว่าด้วยเรื่องราวเหตุเกิดที่คลินิกหมอศัลยกรรม 2 ท่าน ที่มีบุคลิกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแต่ก็เป็นเพื่อนกัน มาเปิดคลินีกร่วมกัน เรื่องราวเริ่มต้นด้วย 2 หมอหนุ่มแห่งเมืองไมอามี่ คนนึงคือหมอ ฌอน แม็คนามาร่า อีกคนชื่อ หมอคริสเตียน ทรอย หมอฌอนดูจะเป็นคนเจ้าหลักการ รักครอบครัว หรือ family man ส่วนอีกคนหมอคริสเตียน ทรอย นั้นดูจะเป็นคนเพลย์บอย หนุ่มเจ้าสำราญ จูเลีย ภรรยาของหมอฌอนจะแลดูมีปมลึกอยู่ภายใน เก็บกด เนื่องจากเธอเคยเป็นพยาบาลที่พลาดท่าเสียทีตั้งท้องจนต้องออกจากงานมาเป็นแม่บ้านให้กับหมอฌอน เลี้ยงดูลูกถึง 2 คนแต่เพียงลำพัง หมอฌอนนั้นมีงานที่คลินิกมาก เนื่องจากจำนวนลูกค้าทีมาทำศัลยกรรมพลาสติกนับวันยิ่งมากขึ้น ในแต่ละตอนก็จะมีตัวละครที่เป็นลูกค้ามาทำศัลยกรรมด้วยจุดประสงค์แปลกๆ แตกต่างกันไป เช่น บาทหลวง ,พ่อค้ายาเสพติด ,ผู้ชายที่ต้องการแปลงเพศเป็นหญิง เป็นต้น เรื่องราวจะเต็มไปด้วยฉากล่อแหลม เซ็กส์ ฉากในห้องผ่าตัด ซึ่งดูส่อไปในทางอนาจารเสียส่วนใหญ่ ทำให้ตัวซีรี่ย์ติดเรต ไม่เหมาะกับเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 15 ปี หรือผู้ปกครองต้องให้คำแนะนำ
จุดเด่นของซีรี่ย์เรื่องนี้คือ ความสมจริง เรียลลิสต์มากๆ ทำให้เห็นมุมมองด้านดี ด้านร้ายของธุรกิจศัลยกรรมความงาม ตกแต่ง รวมถึงจรรยาบรรณแพทย์ ชีวิต จิตใจ ของผู้คนสมัยนี้ อีกทั้งซีรี่ย์เรื่องนี้ยังได้รับรางวัลซีรี่ย์ยอดเยี่ยมประเภทดราม่า รางวัลลูกโลกทองคำในปี 2004 อีกด้วย
Dexter เป็นซีรี่ย์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ Dexter Morgan ชายหนุ่มที่มีชีวิตสองด้าน ด้านหนึ่งเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกระเซ็นของเลือด (blood spatter) ของกรมตำรวจในไมอามี่ แต่อีกด้านของ dexterกลับเป็นฆาตกรโรคจิตที่ออกตามฆ่า(และทรมาน) เหล่าฆาตกรโรคจิตอีกต่อนึงตัวเขามีแรงกระตุ้นในการฆ่า ซึ่งเกิดจาก ปัญหาในวัยเด็ก (ซึ่งเจ้าตัวเองก็นึกไม่ออก) พ่อเลี้ยงผู้เป็นตำรวจเก่า ที่เข้าใจปัญหาของเขา และพยายาม ให้เขาใช้มันไปในทิศทางที่ถูก(?)แทน ซึ่งนั่นก็คือการออกตามล่าผู้กระทำผิด เพื่อการนั้นเขาจึงได้รับการฝึกแยกแยะฆาตกรและการกำจัดร่องรอยมาตั้งแต่เด็กการดำเนินชีวิตอันแสนจะ เรียบง่ายเป็นระเบียบของเด็กซเตอร์ ต้องมาสะดุดกึกเมื่อฆาตกรต่อเนื่องรายหนึ่งโผล่ขึ้นมาในไมอามี่ เด็กซเตอร์ออกจะทึ่งๆ และแอบดีใจ ที่ฆาตกรผู้นี้มีวิธีการทำงานคล้ายกับตัวเขา ถึงอย่างนั้น เขาก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าผู้มาใหม่รายนี้ไม่เพียงเข้ามารุกล้ำถิ่นของเขาเท่า นั้น แต่ยังจะเข้ามารุกล้ำชีวิตของเขาด้วย
จุดเด่นของซีรี่ย์เรื่องนี้ก็คือ ตัวละครเอกเป็นผู้ร้ายในคาบของผู้ดี(ทำงานในกรมตำรวจ) ตีแผ่ด้านมืดในจิตใจของเขา ซึ่งทำให้คนดูจำใจที่จะต้องลุ้นเอาใจช่วยตัวละครตัวนี้ แม้ว่าจะทราบว่าเขาเป็นฆาตกร แต่ความขัดแย้งในตัวเองของทั้งตัวละคร และคนดู ทำให้ซีรี่ย์เรื่องนี้มีพล็อตเรื่องที่สนุก น่าติดตาม จนมีการสร้างตามกันมาหลายซีรี่ย์และประสบความสำเร็จมาก
Desperate Housewives เป็นซี่รี่ย์ที่่ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มแม่บ้านของย่านชานเมืองที่มีชื่อว่า ถนนวิสทีเรีย เลน ในเมืองแฟร์วิว ซึ่งเป็นสถานที่ถูกสมมุติขึ้นเพื่อไห้เป็นสถานที่พักอาศัยของกลุ่มนักแสดงนำในเรื่อง โดยกลุ่มแม่บ้านที่ทำหน้าที่ดำเนินเรื่องประกอบด้วย ซูซาน เมเยอร์, ลินเน็ท สกาโว, บรี แวน ดี แคมป์, กาเบรียล โซลิส, อีดี้ บริทท์และ แคทเธอรีน เมย์แฟร์ ซึ่งเข้ามาสมทบในซีซั่นที่ 5และ รีเน่ เพอร์รี่ ซึ่งก็เข้ามาสมทบในซีซั่นที่ 7 นอกจากนี้ ยังมี แมรี่ อลิซ ยัง อดีตหนึ่งในกลุ่มแม่บ้าน ที่ภายหลังได้ทำอัตวิบากกรรมในตอนแรกของละคร ทำการให้เสียงบรรยายเรื่องราวต่างๆ เป็นเรื่องราวของแม่บ้านของแต่ละบ้านที่มาอยู่รวมกันในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แต่ละครอบครัวก็จะมีเรื่องราวปัญหาของตนคนละแบบกันไป แต่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องราวของบ้านอื่นๆ อันนี้เป็นคุณสมบัติของคุณแม่บ้านโดยทั่วไปรวมถึงสังคมตะวันตกด้วยหรือ นึกว่าเป็นเฉพาะสังคมไทยเสียอีก เรื่องนี้มีความเป็นละครน้ำเน่าอยู่ไม่น้อย ผูกปมเรื่องให้ชวนติดตาม น่าจะถูกคอกับคอละครไทยได้เหมือนกัน สำหรับคนที่ไม่ชอบดูซีรี่ย์ยากๆ แบบสืบสวนสอบสวน หรือไซไฟ เรื่องนี้น่าจะเหมาะสำหรับคุณ เพราะเหมือนเรากำลังแอบดูพฤติกรรมของครอบครัวข้างบ้านเรานั่นแหละ
จุดเด่นของซีรี่ย์เรื่องนี้ก็คือ ความลึกลับซ่อนเงื่อน ตัวละครมีคาแร็กเตอร์ที่หลากหลาย ที่เดาไม่ออกว่าใครเป็นคนดี คนร้าย ลำพังความซับซ้อนของความคิดและจิตใจของผู้หญิงคนนึงก็มากโขอยู่แล้ว แต่นี่มาแบบแท็คทีม คือมาแบบเป็นฝูง ย่อมทำให้ความซับซ้อนเป็นทวีคูณ ความยอดเยี่ยมอยู่ที่บทภาพยนตร์และผู้กำกับ นักแสดง รวมๆ กันจึงเป็นความยอดเยี่ยมแบบสมาคมแม่บ้านยอดเยี่ยมแห่งสหรัฐอเมริกาไปเลย ซีรี่ย์เรื่องนี้ได้รับรางวัลซีรี่ย์ยอดเยี่ยมสาขาตลกและมิวสิคัล รางวัลลูกโลกทองคำ 2 ปีซ้อน คือปี 2004 และ 2005 กลายเป็นตำนานอีกเรื่องนึง
American Horror Story เป็นซีรี่ย์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของบ้านหลังหนึ่งที่เคยเกิดเหตุการณ์การฆาตกรรมมาหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่ในอดีต....
เมื่อครอบครัวของแฮมมอน ที่ประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมดสามคน ย้ายจากบอสตันมายังบ้านเก่าๆหลังหนึ่งในลอส แองเจลิสเพื่อที่จะเยี่ยวยารักษาบาดแผลจากอดีตที่ครอบครัวต้องเผชิญมา โดยที่ทั้งสามคนไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่าบ้านหลังนี้จะมีเรื่องราวประวัติอันน่าสะพรึงกลัวมากมายซ่อนอยู่... แล้วสิ่งที่รอพวกเขาอยู่มันคืออะไร พบกับเรื่องราวปริศนาและเหตุการณ์อันน่าพิศวงได้ใน American Horror Story
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น