วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง กระแสการตลาดด้านกีฬา ที่มาแรงแห่งยุค

ถ้ามองย้อนไปเมื่อซัก 10 ปีที่แล้ว พอพูดถึงสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งนั้น นักการตลาดและเจ้าของสินค้ายังไม่คิดว่าจะผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมให้เห็นเด่นชัดได้อย่างไร จะหาผลประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน นอกเหนือจากการสร้างภาพลักษณ์เกี่ยวกับตัวสินค้า ยังไม่สามารถฉายภาพให้ผู้บริโภคเห็นได้อย่างเด่นชัดมากนัก และจำนวนผู้เล่นที่เข้ามาจับกระแสนี้ยังมีไม่มากนัก ยังคงเป็นผู้ผลิตหรือเจ้าของสินค้ารายใหญ่ๆ เพียงไม่กี่เจ้า เดิมๆ เท่านั้น อาทิ ไทยเบเวอเรจ ,บุญรอด ,เอฟบีที ,แกรนด์สปอร์ต, ปูนซีเมนต์ไทย, ปตท.,โอสถสภา,โตโยต้า เป็นต้น แต่ในช่วง 2-3 ปีมานี้ กระแสของสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งได้กลายเป็นกระแสหลักในแวดวงการตลาด สินค้าและบริการ ตลอดจนการช่วงชิงพื้นที่แอร์ไทม์ การอัดโปรโมชั่นแคมเปญ ตลอดไปจนถึงการทำตลาด อีเว้นท์มาร์เก็ตติ้ง บีโลว์เดอะไลน์ ซึ่งนอกเหนือไปกว่าการสร้างภาพลักษณ์ให้แก่สินค้าแล้ว เพราะว่าสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งนั้นได้ผูกโยงไปกับธุรกิจสื่อทีวี และยิ่งในยุคที่ทีวีดาวเทียมกำลังเติบโต เบ่งบาน ทำให้สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งสามารถแจ้งเกิดได้อย่างเป็นรูปธรรมทันตาเห็น ผู้เขียนคิดว่าสิ่งที่ทำให้สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งกลายเป็นกระแสหลักขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่ไม่ได้เพิ่งมีการนำมาใช้ต่อยอด แต่ได้เข้ามาในตลาดแล้วเป็นสิบๆ ปี แต่สิ่งที่ทำให้เป็นตัวเร่งนั่นก็คือ การปลุกกระแสฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยนั่นเอง


การที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง โดยเฉพาะแวดวงนักการเมืองได้เข้าไปอยุ่เบื้องหลังการผลักดันให้สโมสรฟุตบอล และวงการฟุตบอลลีคของไทยเป็นลีคในระดับอาชีพ (ส่วนหนึ่งเป็นเพราะถูก AFC,FIFA กำหนดเกณฑ์ให้มาตรฐานของฟุตบอลลีคไทยต้องพัฒนาปรับปรุงให้ได้มาตรฐานในระดับสากลหรือเกณฑ์ของ AFC,FIFA ก็มีส่วน) กรณีศึกษาการทำทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ พีอีเอ (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บุรีรัมย์ยูไนเต็ด) ทีมเมืองทอง(หนองจอก)ยุไนเต็ด ,ทีมชลบุรีเอฟซี , ทีมบีอีซีเทโรศาสน เป็นโมเดลต้นแบบของการทำทีมสโมสรฟุตบอลไทยให้ก้าวไปสู่ระดับสากล มีสถาบันฝึกฝนเยาวชนลูกหนังในระดับประเทศ อย่างเช่น ของ สโมสรชลบุรีอคาเดมี่ ,เจเอ็มจี อคาเดมี่ เป็นต้น ได้มีส่วนช่วยผลักดันให้กระแสฟุตบอลไทยตื่นตัวและเป็นที่นิยม จนกระทั่งสร้างเป็นกระแสคลั่งหรือฟีเวอร์ลูกหนังไทยขึ้นมาในช่วง 4-5 ปี มานี้ ก็มีผล ซึ่งสูตรสำเร็จหรือกลยุทธ์ที่ถูกนำมาใช้ก็คือ 1.การดึงเอาผลิตภัณฑ์,สินค้าชั้นนำระดับประเทศมาเป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมแบบถาวร หรือเป็นการผูกโยงไปกับทีมสโมสรนั้นๆ แบบทำเป็นสัญญาระยะยาว เฉกเช่นเดียวกับ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีคของอังกฤษ 2.การลงทุนหรือการใช้สูตรทางลัดเร่งโตให้กับสโมสร โดยอาศัยฐานเงินทุนของสปอนเซอร์หนุน เช่น สร้างสนามกีฬาเหย้าเป็นของตนเอง(Main Stadium) สร้างร้านค้าสโมสร ซื้อตัวนักกีฬาเก่งๆ จากต่างประเทศ ให้ค่าตอบแทนสวัสดิการแก่นักเตะในระดับสูงเพื่อจูงใจ รวมถึงการซื้อตัวจากสโมสรหรือทีมอื่น ทั้งในและต่างประเทศ การสร้างฐานกองเชียร์เป็นของตนเอง สร้างกิจกรรมหรืออีเว้นท์อย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงการมีส่วนร่วมและสร้างฐานแฟนคลับ และขยายฐานอย่างต่อเนื่อง สร้างโปรดักท์หรือสินค้าที่ระลึกเป็นของทีมเอง ยังไม่นับว่าสินค้าที่เป็นสปอนเซอร์หลักจะถูกนำมาโฆษณาไว้บนเสื้อนักฟุตบอล ป้ายโฆษณารอบสนามกีฬา รวมถึงออกสื่อหน้าจอทีวีเวลาถ่ายทอดการแข่งขันของทีมด้วย มีส่วนอย่างมากที่ทำให้เจ้าของสินค้า นักการตลาด เล็งเห็นผลสัมฤทธิ์ทางการตลาดจากการเข้าไปสนับสนุนทีมสโมสรฟุตบอลเหล่านั้น ทำให้สินค้าระดับนำต่างๆ ตลอดจนองค์กรทางธุรกิจทั้งที่เป็นรัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ได้พากันกระโจนเข้าไปสู่กระแสของสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งกันอย่างคึกคัก ไม่เพียงแต่เฉพาะในกีฬาสุดฮิตอย่างฟุตบอลเท่านั้น ยังมีกีฬาชนิดอื่นๆ ด้วยที่เป็นที่นิยมของคนไทย อาทิ กอล์ฟ เทนนิส แบดมินตัน กีฬาความเร็วต่างๆ ฯลฯ นอกจากนี้เจ้าของสื่อ หรือในแวดวงบันเทิงก็หันมาโหนกระแสสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งด้วยเช่นกัน อาทิ ช่อง 3,ช่อง 7 ,แกรมมี่ ,อาร์เอส ,สยามกีฬา (เป็นสื่อกีฬาโดยตรง) อย่างกรณีล่าสุดที่บริษัทบันเทิงหันมารุกธุรกิจถ่ายทอดกีฬาฟุตบอลจากต่างประเทศ มีการแข่งขันกันแย่งซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาฟุตบอลโลก ฟุตบอลยูโร ฟุตบอลลีคสำคัญๆจากต่างประเทศ ซึ่งแต่เดิมมีเพียงทรูวิชั่น กับทีวีพูล ผูกขาดการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดกีฬาสำคัญเท่านั้น แต่ในเมื่อกระแสสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งมาแรงและผลประโยชน์จากการทำตลาดด้านนี้มีเม็ดเงินมูลค่ามหาศาล จึงทำให้มีผู้เล่นเข้ามาจำนวนมากเพื่อแย่งซื้อลิขสิทธิ์แข่งกัน


ผลประโยชน์ที่จะตามมาจากการทำสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง มีมากมายนอกเหนือจากเม็ดเงินค่าโฆษณาแล้ว สิ่งที่จะต่อยอดตามมาอีกมาก อาทิ แกรมมี่นั้นพยายามแย่งซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีคจากทรูวิชั่น (ที่ได้ลิขสิทธิ์มาแล้วคือ ฟุตบอลบุนเดสลีก้า,ฟุตบอลยูโร 2012) เพื่อขยายฐานเพย์ทีวี ซึ่งเป็นสับเซ็ตนึงของแพล็ตฟอร์มทีวีดาวเทียม เพื่อต่อยอดไปในอนาคตเมื่อสนามแข่งขันเข้าสู่ยุคทีวีดิจิตอลนั่นเอง หรืออย่างกรณีของสโมสรฟุตบอลใหญ่ๆ ดังๆ อาทิ บุรีรัมย์ เมืองทอง ชลบุรี นั้น นอกเหนือจากโค้ช ผู้เล่น (นักเตะ) ดาวดังๆ ที่ซื้อตัวมาจากต่างประเทศ แล้ว การสร้างดาวรุ่งของทีมขึ้นมาเป็นซุปเปอร์สตาร์ประจำทีมก็มีส่วนในการเป็นแม่เหล็กดึงดูดฐานแฟนคลับให้ขยายเพิ่มขึ้น การอัพเกรดพวกเชียร์ลีดเดอร์ประจำทีมไปเป็นพริตตี้ หรือโคโยตี้สาวสวย ที่มาพร้อมทั้งหน้าตา หุ่น บางทีอาจใช้นางแบบมืออาชีพ ก็สามารถเป็นแรงดึงดูด รวมถึงหน้าตาของทีมได้อีกทางนึง ซึ่งนั่นย่อมหมายถึงการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับเยาวชนกลุ่มนี้ได้อีกมาก ยังไม่นับรวมมูลค่ามหาศาลของสินค้าที่ระลึกประจำทีม ที่พร้อมจะโตไปกับฐานแฟนคลับได้อีกมาก และกลยุทธ์ล่าสุดที่สร้างความฮืออาเป็นอย่างมากก็คือ การที่คุณเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดจัดงานอีเว้นท์ทางการตลาด โดยการดึงเอานางแบบ AV จากญี่ปุ่น จำนวน 25 ชีวิต อิมพอร์ตเข้ามาในการจัดงานฉลองให้กับทีมฟุตบอลบุรีรัมย์นั้น สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนในแวดวงการตลาดได้อย่างมาก ทั้งในแง่ภาพลักษณ์การเป็นสโมสรอันดับ 1 ของประเทศ ยังสามารถมองเป็นผลลัพธ์ทางอ้อมในการโปรโมตการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้อีกด้วย เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกไม่รู้ตั้งกี่ตัว นี่คือตัวอย่างของการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดในแบบสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ที่ถูกนำมาใช้กับการกีฬาของไทย ซึ่งนับวันสมรภูมินี้จะมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดและรุนแรง ซึ่งนั่นก็คือจำนวนหรือมูลค่าเม็ดเงินที่จะถูกหว่านลงมาในตลาด ยังไงเสียคนที่จะได้ผลประโยชน์ร่วมกันก็คือฟันเฟืองทุกตัว หรือองคาพยพทั้งระบบของอุตสาหกรรมกีฬาในเมืองไทยนั่นเอง


เศรษฐศาสตร์กับการกีฬาฟุตบอล

ABN Amro สถาบันการเงินชั้นนำของยุโรป เคยทำการสำรวจผลงานวิจัยที่ชื่อว่า Soccernomics 2006 เกี่ยวกับฟุตบอลมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศที่ได้แชมป์โลกอย่างไร รายงานของเอบีเอ็นแอมโร ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศที่เป็น “แชมป์เวิลด์คัพ” ไว้ว่าจะได้โบนัสเป็น GDP ที่โตขึ้นอีกราว 0.7 % ขณะที่ประเทศที่พ่ายเกมนัดชิง จะพ่ายในเชิงเศรษฐกิจด้วย เพราะการโตของเศรษฐกิจจะหดตัวลงประมาณ 0.3 % ข้อมูลนี้นักวิจัยลูกหนังโชว์ให้เห็นกันจะจะ จากตัวอย่างของเศรษฐกิจเยอรมัน และอาร์เจนติน่า ในปี 1974 และ 1978 ซึ่งฟื้นตัวอย่างฉับพลันหลังจากที่ได้เป็นแชมป์เวิลด์คัพ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะตกต่ำ โดยเฉพาะอาร์เจนติน่า ซึ่งพบกับความถดถอยทางเศรษฐกิจมานาน ดังนั้น ถ้าประเทศไหนชวดแชมป์เวิลด์คัพหล่ะก็ เท่ากับเตือนรัฐมนตรีคลัง เป็นนัยๆ ว่า ระวังเศรษฐกิจบ้านยูเอาไว้ด้วย ในรายงานชิ้นนี้ระบุว่า เหตุผลที่เศรษฐกิจของประเทศที่ได้แชมป์เวิลด์คัพมีเศรษฐกิจที่โตขึ้น เป็นผลจากอารมณ์ของผู้บริโภคที่อยู่ใน mood “พร้อมจะจ่ายหรือบริโภค” พร้อมจะเฉลิมฉลองชัยชนะ ทำให้ปาร์ตี้ดำเนินไปอย่างยืดเยื้อ เช่น ในบางเมืองอาจฉลองกันร่วมเดือน อารมณ์ร่วม การแสดงความดีใจ มีผลให้ร้านอาหาร บาร์เบียร์ สถานบันเทิง ซุปเปอร์มาร์เก็ต พลอยขายดิบขายดีไปด้วย ยอดขายโต นอกจากนี้ยังส่งผลต่อเนื่องไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ด้วย อาทิ วีซีดี การแข่งขัน เสื้อทีม ของที่ระลึกเกี่ยวกับทีม หรือนักฟุตบอล ต่างๆ และเศรษฐกิจของประเทศคึกคักอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่ง

คุณเทพพิทักษ์ จันทร์สุเทพ เกจิลูกหนัง ซึ่งหันมาจับธุรกิจสนามฟุตบอลให้เช่า ได้กล่าวว่า ธุรกิจสนามฟุตบอลให้เช่า เริ่มผุดขึ้นมากมาย แทบทุกมุมเมือง มีทั้งสนามใหญ่ แบบ 11 คนเล่น 7 คนเล่น หรือสนามเล็กในร่มแบบฟุตซอล รวมๆ กันแล้วนับร้อยๆ สนาม ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด นับไม่ถ้วน แม้กระทั่ง จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยชั้นนำของรัฐ ก็มีสนามหญ้าเทียมให้เช่าเช่นกัน ทำเลที่มีสนามฟุตบอลให้เช่าอยู่จำนวนมาก เช่น ย่านรามอินทรา มีเกิน 10 สนาม เพราะเป็นทำเลที่สะดวกใกล้ทางด่วน มีร้านอาหารจำนวนมากในระแวกนั้น ธุรกิจสนามฟุตบอลให้เช่าลงทุนไม่สูงนัก หากเป็นที่ดินของตัวเอง สิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น อาทิ ตัวสนามหญ้า ลานจอดรถ ห้องน้ำ มีบริการสิ่งที่จำเป็น เช่น รองเท้าสตั๊ด, เสื้อกีฬา, ลูกฟุตบอล ผู้ตัดสิน ห้องอาหาร บางแห่งอาจมี คลับเฮ้าส์ ฟิตเนส อินเตอร์เน็ตให้บริการ รวมถึงระบบสมาชิก สำหรับสนนราคาค่าเช่าสนาม มีตั้งแต่ระดับ 1,000-5,000 บาท ต่อ 1-2 ชั่วโมง หากเป็นสนามเล็กลงมาขนาด 5 คน อัตราค่าเช่าต่อชั่วโมงจะประมาณ 400-500 บาท โดยอัตราค่าเช่าสนามช่วงกลางวันจะต่ำกว่าตอนเย็นและกลางคืน ซึ่งเป็นช่วงพีค ที่สนามส่วนใหญ่จะคิดขั้นต่ำตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไปต่อชั่วโมง

ข่าวการเปิดตัวสปอนเซอร์สนับสนุนทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ พีอีเอ ฤดูกาลที่แล้ว

บุรีรัมย์ - “เนวิน” ทุ่มสร้างสนามยักษ์จุ 24,000 ที่นั่ง กว่า 100 ล้าน และเปิดตัวหนังสือ “win win style เนวิน ชิดชอบ” พร้อมแถลงเซ็นสัญญาสปอนเซอร์ 10 รายใหญ่ 100 ล้าน คุยโวนำ “พีอีเอ” ยึดแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก วาดฝันก้าวสู่ทีมระดับท็อปเทนของเอเชียใน 5 ปี เผยเสนอเป็นเจ้าภาพจัดแข่งฟุตบอลคิงส์คัพ

วันนี้ (4 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.09 น.นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ พีอีเอ พร้อมด้วย นางกรุณา ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ เอฟซี ได้ร่วมกันประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างสนามฟุตบอลของบุรีรัมย์ พีอีเอ แห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ “ธันเดอร์ คาสเซิล สเตเดี้ยม” (THUNDER CASTLE STADIUM) มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ขนาดความจุด 2.4 หมื่นคน ได้มาตรฐานสนามบอลฟีฟ่า บนพื้นที่ส่วนตัว 500 ไร่ ใช้เวลาสร้าง 2 ปี เพื่อทดแทนสนามเก่า “ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม” ที่มีความจุเพียงความจุ 1.4 หมื่นคน เท่านั้น พร้อมกันนี้ นายเนวิน ยังได้ถือเปิดตัวหนังสือ “win win style เนวิน ชิดชอบ” อีกด้วย

ต่อมาเวลา 10.30 น.ที่บริเวณสนาม ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม เขากระโดง ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ พีอีเอ แถลงเปิดตัวผู้สนับสนุนการทำทีม สำหรับสู้ศึก ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก และ ฟุตบอลถ้วยทุกรายการ ในฤดูกาลหน้า ปี 2011 จำนวน 10 ราย เป็นเงิน 100 ล้านบาท
โดยมีผู้บริหาร และตัวแทน 10 บริษัทยักษ์ใหญ่ ร่วมเซ็นสัญญาเป็นสปอนเซอร์สนับสนุน ทีมสโมสรบุรีรัมย์ พีอีเอ ประกอบด้วย บริษัท ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, เครือเจริญโภคภัณฑ์, บริษัท ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, บริษัท เวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยแอร์ เอเชีย จำกัด และบริษัท เฮลโล แบงค็อก ไตรวิชั่น จำกัด  นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ พีอีเอ กล่าวว่า จะพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลหน้า 2011 เพื่อแฟนบอลชาวบุรีรัมย์ และจะพาทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ สโมสรของคนไทย ก้าวไปสู่การเป็นทีมระดับท็อปเทนของเอเชีย ภายใน 5 ปี พร้อมทั้งขอสัญญาว่า จะไม่ทำให้ผู้สนับสนุนทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ ทุกท่านผิดหวัง และได้รับผลตอบแทนจากการสนับสนุนอย่างคุ้มค่าที่สุด
นายเนวิน กล่าวต่อว่า ทุกนัดที่ทีมลงแข่งในบ้าน จะมีแฟนบอลเข้าชมไม่ต่ำกว่า 10,000 คน และคาดว่า จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกในฤดูกาลหน้าปี 2011 จึงตัดสินใจสร้างสนามใหม่ จุผู้ชมได้ 24,000 ที่นั่ง ขณะนี้กำลังก่อสร้าง คาดว่า จะแล้วเสร็จประมาณเดือน ก.ย.2554 นี้ ซึ่งเป็นสนามระดับสโมสรที่ใหญ่ที่สุด และได้มาตรฐานฟีฟ่าแห่งเดียวในประเทศไทย  ส่วนในฤดูกาลหน้า จะมีการเปลี่ยนผู้จัดการทีม เนื่องจาก นายพงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ ได้ยื่นใบลาออก และมีผลสิ้นเดือน ต.ค.2553 จึงได้แต่งตั้ง นายวรวรรณ ชิตะวณิช หรือ “โค้ชป้ำ” เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของบุรีรัมย์ พีอีเอ และเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีม บุรีรัมย์ เอฟซี ด้วย ส่วนนายอรรถพล ปุษปาคม หรือ “โค้ชแต็ก” ก็ยังคงเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ ต่อไป เพราะผลงานในปีนี้ดีมาก คาดว่าจะได้รองแชมป์
“การทำทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ ในฤดูกาลหน้า จะมีการเสริมตัวนักฟุตบอลทั้งไทย และต่างชาติที่มีฝีเท้าดีเยี่ยม เพิ่มอีก เพื่อให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น วางเป้าหมายอย่างเดียว คือ เป็นแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก และจะขอเป็นแชมป์ตลอดไป จนจำไม่ได้ ชนิดไม่มีทีมต่อกรในวงการฟุตบอลไทย และตั้งเป้าไว้ภายใน 5 ปี จะมีนักฟุตบอลไทยก้าวไปเล่นในไทยพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ กัลป์โซ่ซีรี่ เอ ของอิตาลี” นายเนวิน กล่าว
นายเนวิน กล่าวต่อว่า พร้อมกันนี้ ในปี 2554 สโมสร พีอีเอ เตรียมขอสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนำเงินรายได้ทั้งหมดทูลเกล้าถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วย

ด้าน นายสุพัฒน์ ศรีธนากร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ระบุว่า โดยปกติทาง ซีพีเอฟ ให้ความสำคัญในการสนับสนุนด้านการกีฬาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นมวยไทย กอล์ฟ เทนนิส หรือแม้แต้ฟุตบอล ดังนั้น การให้การสนับสนุนสโมสรบอล บุรีรัมย์ พีอีเอ ซึ่งเป็นทีมที่มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว และได้รับความนิยมจากแฟนบอลจำนวนมาก จึงเป็นแนวทางในการขยายฐานสินค้าให้เป็นที่รู้จักได้ในอีกทางหนึ่งด้วย


คิมูจิ… บิ๊กเน ทำฮือฮาเชิญ นางแบบ AV ปาร์ตี้โฟม วันสงกรานต์

หลังจากที่ “บิ๊กเน” เนวิน ชิดชอบ นายใหญ่ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประกาศก้องกลางงานฉลองแชมป์ เมื่อคืน วัน อาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาว่า วันสงกรานต์ที่จะถึงนี้จะจัดงานวันสงกรานต์ขึ้นที่ ไอโมบาย สเตเดี้ยม ให้ยิ่งใหญ่ชนิดที่สีลมต้องชิดซ้าย และถนนข้าวสารต้องอาย

โดยในงานวันที่ 13 เมษายน จะเชิญ “แก๊ง 3 ช่า” หม่ำ เท่ง โหน่ง และตุ๊กกี้ มาร่วมสร้างความบันเทิงตลอดทั้งงานตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงเที่ยงคืน จากนั้นวันที่ 14 เมษายน จะมีวงดนตรี “อิบิซึ มัสแคทส์” จากประเทศญี่ปุ่นมาร่วมสร้างสีสันตลอดงาน

นายใหญ่ปราสาทสายฟ้า เฉลยว่า เป็นวงดนตรีที่เป็นการรวมตัวของนางเอก “AV” ชื่อดังของญี่ปุ่น โดยงานในวันนั้นจะ “อิบิซึ” จะมาร่วมสร้างสีสันแนวปาร์ตี้โฟม ด้วยชุดทูพีช รับรองว่าไม่เคยมีใครที่ไหนทำแบบนี้แน่นอน

หากใครยังไม่รู้จัก “อิบิซึ มัสแคทส์” ขอแนะนำอย่างสั้น ๆ ว่า คือบรรดานางเอกหนัง AV จากประเทศญี่ปุ่น ที่รวมตัวกันเป็น วงเกิร์ลกรุ๊ป มีสมาชิกประมาณ 25 ชีวิต แต่หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันเข้า ๆ ออก ๆ ไม่แน่ไม่นอน แต่สำหรับสาว ๆ ที่ชาวไทยเราคุ้นเคยก็มี โซระ อาโออิ, ริสะ คาซูมิ, ริน ซากูรากิ, ทีน่า ยูซูกิ (ริโอะ) ฯลฯ

ที่มา : www.matichon.co.th



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น