ในช่วง 10 ปีมานี้ ผมแทบจะเรียกได้ว่าเดินงานสัปดาห์หนังสือหรืองานมหกรรมหนังสือระดับชาติแทบจะทุกครั้งและทุกปี ที่ศูนย์สิริกิตต์ ชอบบรรยากาศของงานที่ดูคึกคัก ชอบผู้คนที่มาเดินในงาน ส่วนใหญ่จะเป็นคนหนุ่มสาวหน้าตาดี มีรสนิยม ได้เพลิดเพลินกับการแวะชมหนังสือบู้ทนู้นบู้ทนี้ อย่างมีความสุข แต่ช่วงหลังมีเวลาแวะไปชมได้ครั้งละ 1 วัน ครั้งนึงเดินชมได้ไม่เกิน 2 ชั่วโมง ก็จะต้องรีบกลับแล้ว เพราะด้วยเวลา กิจธุระ และการเดินทางที่ไม่ค่อยจะสะดวก ผมชอบที่จะไปเดินงานเพียงคนเดียว ไม่ชอบไปกับเพื่อนหรือคนรู้จัก เพราะจะทำให้ผมมีเวลาที่จะพินิจพิเคราะห์พิจารณา หรือละเลียดดื่มด่ำกับหนังสือน้อยลง และต้องทำเวลาให้เร็ว จึงทำให้ความสุขในการเดินงานของผมมันลดน้อยถอยลง เพราะผมเป็นคนต้องใช้เวลากับการเลือกซื้อของนาน ไม่เว้นแม้แต่หนังสือ หากไม่มีข้อมูลที่มากพอมาก่อน จะไม่ตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มใดโดยง่าย อีกทั้งผมจะตั้งงบประมาณใว้ในแต่ละครั้งเสมอ ยกเว้นบางปีที่มีหนังสือน่าสนใจจำนวนมาก ก็อาจจะซื้อเกินงบประมาณบ้าง แต่ช่วงหลังมานี้ผมซื้อน้อยลง และก็ซื้อหนังสือในร้านหนังสือเพิ่มขึ้น เพราะมีหลายเล่มไม่ได้เปิดตัวในงานสัปดาห์หนังสือ มนต์เสน่ห์ของหนังสือที่น่าสนใจสำหรับผมก็ลดลง บ่อยครั้งที่ไปเดินงานหนังสือแล้วไม่ได้หนังสือกลับบ้าน หรือได้ในปริมาณที่น้อยเล่มมาก ไม่ใช่เพราะเรื่องราคาหรือส่วนลดน้อยไป แต่เป็นทื่เนื้อหาไม่มีอะไรใหม่และวนเวียนซ้ำๆ เพียงแต่เปลี่ยนหน้าปก หรือรูปแบบ แต่เนื้อหาไม่ได้มีอะไรที่ใหม่หรือน่าสนใจ ผมว่างานเขียนดีๆ ในบ้านเรามีน้อยลง โดยเฉพาะงานวรรณกรรมดีๆ ภายหลังผมถึงนิยมอ่านหนังสือแปล หรือวรรณกรรมแปลจากต่างประเทศเสียส่วนใหญ่ ซึ่งมีหลากหลายแนวให้เลือก แล้วแต่ความสนใจของผมในช่วงเวลาไหน อยากอ่านงานวรรณกรรม ช่วงไหนอาจเปลี่ยนไปอ่านงานที่เป็น HOW TO หรือหนังสือแนวบริหารธุรกิจการจัดการดีๆ บางทีก็อยากอ่านงานปรัชญา ศาสนา เป็นต้น
รีวิวหนังสือเด่นๆ ที่น่าสนใจในงานสัปดาห์หนังสือ ครั้งนี้
สำนักพิมพ์แรกที่ผมมักจะโฉบเข้าไปดูก่อนเสมอ ก็คือ สำนักพิมพ์เนชั่นบุ้ค หนังสือที่ผมสนใจจะอยู่ในหมวดบริหารจัดการ การเงินส่วนบุคคล หรือพวกแนวการลงทุน ซึ่งสำนักพิมพ์นี้จะมีงานเขียนดีๆ แนวนี้ออกมามาก อย่างครั้งนี้หนังสือเปิดตัวใหม่ที่น่าสนใจ ก็คือ marketing 3.0 , long tail strategy , มีงานเขียนของคุณ joey yaab ซึ่งแกเป็นหมอดูฮวงจุ้ยชื่อดังของไต้หวัน งานเขียนมีรูปเล่มน่าสนใจ และเนื้อหาที่ดี ส่วนงานแปลพวกวรรณกรรมต่างประเทศก็ยังมีอยู่หลากหลายเรื่อง รวมถึงหนังสือแนวมังงะหรือการ์ตูน ก็ยังมี อีกทั้งแนวสอนภาษาอังกฤษซึ่งเป็นจุดเด่นของค่ายนี้ก็ยังมีเล่มใหม่มาเปิดตัวทุกครั้ง ช่วงหลังจะเป็นงานเขียนของคุณ คริสโตเฟอร์ ไร้ท สมัยก่อนจะเป็นงานเขียนของแอนดรูว์ บิ๊กก และงานของครูเคท พวกแนวตกแต่งบ้าน ตกแต่งร้าน หนังสือเกี่ยวกับอาหาร หรือแนวฮาวทู ค่ายนี้ก็มีออกมาใหม่อยู่เสมอ รวมถึงงานเขียนของ celebrity คนดัง ก็ไม่เคยขาด แต่ปีนี้หรือครั้งนี้ดูไฮไลท์ของบู้ทเนชั่นจะไม่มีอะไรโดดเด่น จึงดูคนน้อยลงไปถนัดตา
สำนักพิมพ์อมรินทร์พริ้นติ้ง หรือร้านนายอินทร์ เป็นอีกบู้ทนึงที่ผมจะพลาดไม่ได้ที่จะโฉบเข้าไปดู และมักจะไม่ผิดหวังกับค่ายนี้เลย
มีงานเขียนของท่าน ว.วชิรเมธี พวกแนวหนังสือตกแต่งบ้านก็เยอะมากมาย และงานวรรณกรรมซีไรท์เก่าๆ ก็ยังคงมีอยู่ให้ซื้อหา รวมถึงงานวรรณกรรมที่ได้รางวัลนายอินทร์อวอร์ด
ส่วนอาเจ้ จิตรา ก่อนันทเกียรติ ก็เป็นอีกคนนึงที่มีแบรนด์เป็นของตนเอง หนังสือของเธอเยอะมาก ในวงการผมถือว่าเธอคือเบอร์ 1 ฝ่ายหญิงมั๊ง ที่มีงานออกมาชุกชุมมาก ที่ไม่นับงานวรรณกรรมหรือแปล เธอเป็นกูรูด้านจีนอีกคนนึงของเมืองไทย น่าสนใจครับมีหลายเล่ม ขอแนะนำ อาปา เพราะเป็นการเขียนเชิงนวนิยายเล่มแรกของเธอ
สำนักพิมพ์ซีเอ็ด มีงานเขียนใหม่ๆ ที่โดดเด่น พวกแนวการบริหารงาน บริหารเงิน ลงทุน เช่น ดร.นิเวศน์ คุณภาววิทย์ กลิ่นประทุม (คลื่นลูกใหม่) งานแปลหนังสือของสตีฟ จ็อบส์ ,วอร์เรน บัฟเฟต ซีเอ็ดจะเด่นแนวหนังสือวิชาการ พวกไอที รวมุถึงแนวบริหาร จัดการต่างๆ ทีเรียกว่า How to ปีนี้ที่เด่นๆ ก็ได้แก่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น