วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554

เดอะสตาร์ไม่ใช่เรียลลิตี้ แต่เป็นละครซีรี่ย์เรตติ้งสูงสุดของเอ็กซ์แซ็กท์

ถูกแล้วครับ คุณฟังไม่ผิดหรอกครับ อยากจะบอกว่า เดอะสตาร์ไม่ใช่รายการเรียลลิตี้โชว์ประกวดร้องเพลงธรรมดาๆ แต่แท้ที่จริงแล้วคือละครชีวิตน้ำเน่าเรื่องนึงที่ทำเป็นซี่รี่ย์ต่อๆ กันมา ปีนี้ก็เป็นปีที่ 7 แล้ว ปรากฏว่าเรตติ้งถล่มทลาย ถึงขนาดมีการทำสำรวจวิจัยโดยบริษัทสำรวจเรตติ้งพบว่า เดอะสตาร์ปี 5 รอบชิงแชมป์ เรตติ้งเดอะสตาร์นำหน้าละครไพร์มไทม์ของช่อง 7 และช่อง 3 ขาดลอย และก็ฮิตติดลมบนมาตลอดตั้งแต่นั้นมา มิพักต้องนำไปเปรียบเทียบกับรายการประกวดร้องเพลงรายการอื่นซึ่งเป็นคู่แข่งอย่างไม่เห็นฝุ่น เหตุเพราะว่า บ.เอ็กซ์แซ็กท์เขาวางตำแหน่งทางการตลาดของรายการเขาเป็นละครเรื่องนึง มิใช่รายการเกมส์โชว์ หรือเรียลลิตี้โชว์ ใดๆ อันนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ และตอบคำถามข้อสงสัยต่างๆ ของคนดูทั้งประเทศได้ว่า เฮ้ยทำไมมันถึงได้เป็นรายการเรียลลิตี้โชว์ที่ดราม่ากันสุดๆ เลย ดูชีวิตของผู้เข้าประกวดแต่ละคนแล้ว มันช่างน่าสงสาร น่าเศร้า ชีวิตรันทด บีบน้ำตากันสุดๆ ราวกับดูรายการฝันที่เป็นจริง วงเวียนชีวิต อย่างไรไม่รู้ บอกไม่ถูก ความเป็นจริงก็คือเป็นแผนการตลาดที่ได้ถูกวางมาไว้อย่างแยบยลแล้ว ชนิดเซียนการตลาดเรียกพี่ทีเดียว สำหรับคุณบอย ถกลเกียรติแห่งเอ็กซ์แซ็กท์ คุณบอยได้นำจุดเด่นข้อดี 2 อย่างของละครกับเรียลลิตี้โชว์มาผนวกกัน ข้อดีของละครไทยที่จะดึงดูดผู้ชมไว้ได้ตัวละครเอกต้องน่าสงสาร มีที่มาที่ไป มีแบ็กกราวด์เบื้องหลังที่ชวนติดตาม ตามแบบฉบับปั้นดินให้เป็นดาว คนดูถึงจะติดตามลุ้นในตอนต่อๆ ไป ส่วนข้อดีของเรียลลิตี้โชว์ ซึ่งต้นฉบับมาจากเมืองนอก อย่าง The American Idol หรือ Britain's Got Talent เป็นการเฟ้นหาความสามารถ เสน่ห์ ของผู้เข้าแข่งขัน ผ่านการคอมเม้นท์จากคอมเม้นต์เตเตอร์ประจำรายการในแต่ละสัปดาห์ เพื่อหาพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้นของผู้เข้าแข่งขัน (เน้นว่าพัฒนาการนะ เขาไม่ได้ดูว่าคุณร้องเพลงได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย สม่ำเสมอจึงจะดี แต่เขาจะหาพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละสัปดาห์ คนไหนมีพัฒนาการดีขึ้นจนถึงจุดพีค จะเป็นผู้ชนะในที่สุด และเสน่ห์ที่น่าสนใจบนเวที) นี่คือที่มาที่ไปว่าทำไมคุณบอยจึงได้วัตถุดิบดีๆ หลายคนมาใช้กับงานละครเวทีของคุณบอยได้ตลอด จากเวทีประกวดเดอะสตาร์ จริงๆ น่าจะเปลี่ยนชื่อรายการใหม่จาก ค้นฟ้าคว้าดาว มาเป็นปั้นดินให้เป็นดาว จึงจะตรงกับคอนเซ็ปต์รายการนะ


วิเคราะห์จุดแข็งของรายการ เดอะสตาร์ ที่เรียลลิตี้อื่นๆ ไม่มี หรือมีไม่เท่า

1.มีความดราม่าสุด ๆ เหมือนดูละคร จะมีการให้ข้อมูลแบ็คกราวด์ ชีวิตส่วนตัว ครอบครัว ของผู้เข้าแข่งขันพอสังเขป เน้นความยากจนของฐานะครอบครัว ภาระครอบครัว จุดมุ่งหมาย ความมุ่งมั่น ความมานะพยายามที่จะผ่านเข้ารอบไปใหได้ เพื่อเปลี่ยนชีวิต กอบกู้สถานะครอบครัว ให้ได้ หากได้กลายไปเป็นเดอะสตาร์ 8 คนสุดท้าย สิ่งเหล่านี้เป็นธีมหลักของรายการเพื่อสร้างจุดร่วมของคนดูให้เอาใจช่วย เหมือนดูละครน้ำเน่าเรืองนึงนั่นแหละ เพียงแต่เปลี่ยนจากตัวละครแห้งๆ ที่เราจับต้องไม่ได้ มาเป็นตัวละคร (ผู้เข้าแข่งขัน) ที่เราจับต้องได้ มีส่วนร่วมชี้ชะตาเขาได้ ผ่านการโหวตให้คะแนน

2.สร้างตัวละครวายร้าย (ตัวอิจฉา) ประจำรายการ ซึ่งนั่นก็คือ คอมเม้นต์เตเตอร์ฝีปากกล้า 3 คน ที่มีคาแรกเตอร์ต่างๆ กัน แต่ปากจัดพอๆ กัน คนนึงคอยอวยผู้เข้าแข่งขัน เปรียบเหมือนตัวประกอบเพื่อนนางเอกหรือพระเอก คนนึงคอยจิกกัดด่า ข่มเหงตัวละคร เปรียบเสมือนตัวอิจฉาของเรื่อง บางครั้งมีแทะโลมตัวละครพระเอก นางเอกด้วย เพื่อเป็นสีสันของละครน้ำเน่าให้ชวนติดตาม หรือคนดูจะได้คอยเอาใจช่วย บางครั้งเหมือนมีการเขียนสคริปต์บท วางบทบาทไว้หมดแล้ว ว่าใครเป็นพระเอก นางเอก สามารถเดาตอนจบได้ด้วย ว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ชนะในรายการ ให้ดูที่บทบาทของกรรมการคอมเม้นท์เตเตอร์ทั้ง 3 คนนั่นแหละ ว่าเอาใจช่วยคนไหนเป็นพิเศษหรือไม่

3. การสร้างฐานแฟนคลับ จากมหาชน(นับจำนวนโหวตในรายการ) ซึ่งจะกลายไปเป็นฐานลูกค้าเป้าหมายที่สามารถนำเอาไปคำนวณได้ว่าหากปล่อยซิงเกิ้ลของศิลปินเดอะสตาร์คนใดออกไปจะได้รับการตอบรับมากน้อยเพียงใด ให้ดูที่ฐานแฟนคลับของคนๆ นั้น ซึ่งแน่นอนกว่าการปั้นศิลปินหน้าใหม่ขึ้นมาซัก 1 คน ซึ่งยังไม่สามารถประเมินกระแสตอบรับจากแฟนเพลงได้แน่ชัด ซึ่งเป็นการเสี่ยงในยุคที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย และเทปซีดีขายยาก

4. สามารถนำเมล็ดพันธุ์จากเดอะสตาร์ไปต่อยอดได้ ภายหลังจากจบรายการไปแล้ว บางคนมีศักยภาพจะเป็นศิลปินร้องเพลง บางคนเหมาะจะเป็นนักแสดงอย่างเดียว หรือบางคนมีความสามารถถึงขั้นเล่นละครเวที บางคนเป็นได้แค่พิธีกร แล้วแต่ความสามารถ ความถนัด ของแต่ละคน ซึ่งคนใดมีศักยภาพจะได้รับการโปรโมต ซัพพอร์ตงานให้อย่างต่อเนื่องภายใต้ศิลปินในสังกัดเอ็กซ์แซ็กท์ และโปรโมตผ่านสื่อทุกสื่อในเครือจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ซึ่งเป็นบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่สุดของไทย ซึ่งจะทำให้ได้รับความนิยมแพร่หลายและมากกว่าจากเวทีประกวดอื่นๆ

5. ทีมงานเบื้องหลังทั้งส่วนของค่ายเพลงและค่ายละครนั้นแข็งแกร่งกว่า เป็นมืออาชีพในด้านนั้นๆ เนื่องจากทำเพลงและละครป้อนสื่อชั้นนำอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเป็นทีมงานชั้นแนวหน้าในวงการ จึงได้เปรียบกว่าศิลปินจากเวทีประกวดอื่นๆ ที่หากไม่ได้สังกัดค่ายเพลงหรือค่ายละครชั้นนำ ย่อมมีผลงานดังสู้ไม่ได้

วิเคราะห์อย่างไรว่าใครจะเป็นผู้ชนะในเวทีเดอะสตาร์

1 รูปร่าง หน้าตา ท่าทาง เสน่ห์ และคาแรกเตอร์ สำคัญลำดับหนึ่ง รองลงไปถึงจะมาเน้นเรื่องของเสียงร้อง ความสามารถในการร้องเพลง เพราะเวทีนี้ไม่ได้เน้นหาผู้ชนะในการประกวดร้องเพลง ถ้าจะเน้นเสียงต้องไป KPN AWARD ซึ่งช่วงหลังๆ ได้เปลี่ยนคอนเซ็ปต์ไปเป็นเรียลลิตี้เหมือนกับเวทีอื่นๆ แล้ว ซึ่งได้ทำให้เอกลักษณ์ จุดแข็งที่ดีด้านเวทีประกวดอันดับ 1 ได้ลดลงไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ซึ่งอยากให้ผู้จัดคงรักษาจุดแข็งของสถาบันเวทีประกวดถ้วยพระราชทานเอาไว้

2.เค้นศํกยภาพทุกด้านออกมา และพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ของผู้แข่งขัน โดยที่ทีมงานครูผู้ฝึกสอนเป็นกูรูในแต่ละด้านคอยให้คำปรึกษาหรือฝึกสอนอยู่แล้ว โดยไม่ได้เน้นเรื่องของการเรียนการสอนมากมายอะไร เพราะเขาเคี่ยวเฉพาะกะทิๆ หัวๆ จริงๆ บอกเคล็ดลับกันไปเลย ไม่มีกั๊ก เพราะรายการนี้ไม่ใช่เรียลลิตี้ เขาไม่ได้เน้นให้คุณผู้ชมคอยตามติดชีวิตผุ้เข้าแข่งขันมากนัก เพราะทักษะในด้านต่างๆ ต้องใช้เวลาในการฝึกฝน และแม้ภายหลังกลายไปเป็นศิลปินแล้วก็ยังต้องศึกษาเรียนรู้อยู่ไม่รู้จบ เพื่อพัฒนาความสามารถให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ใครจะก้าวไปเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้ต้องมีจุดนี้ จะขอยกตัวอย่างให้ดูก็ได้ อย่างบี้ สุกฤษฏ์ วิเศษแก้ว เราแทบไม่ได้เห็นทักษะที่ดีอะไรเลยของเขาในช่วงที่เขาอยู่ในรายการ แต่มาฉายแววความสามารถภายหลังจากจบรายการไปแล้ว แต่ที่เราได้เห็นเขาจริงๆ ตลอดช่วงในรายการก็คือ เสน่ห์และพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ของเขา ซึ่งมันฉายแววความเป็นเดอะสตาร์มาต้งแต่ตอนนั้นเอง

ตั้งข้อสังเกตสำหรับเดอะสตาร์ ทั้ง 6 ปี ที่ผ่านมาเพื่อจะวิเคราะห์ว่าใครจะเป็นเดอะสตาร์คนที่ 7 ในปีนี้

ปีที่ 1 สนเป็นแชมป์ จิ๋วเป็นรองแชมป์ ผู้เข้ารอบ 8 คน แบ่งเป็น ชาย 4 คน หญิง 4 คน เท่ากัน

ปีที่ 2 เอ็มเป็นแชมป์ นิกเป็นรองแชมป์ ผู้เข้ารอบ 8 คน แบ่งเป็น ชาย 3 คน หญิง 5 คน

ปีที่ 3 อาร์เป็นแชมป์ บี้เป็นรองแชมป์ ผู้เข้ารอบ 8 คน แบ่งเป็น ชาย 4 คน หญิง 4 คนเท่ากัน (เหมือนปีแรก)

ปีที่ 4 แก้มเป็นแชมป์ รุจเป็นรองแชมป์ ผู้เข้ารอบ 8 คน แบ่งเป็น ชาย 5 คน หญิง 3 คน (กลับกันกับปี 2)

ปีที่ 5 สิงโตเป็นแขมป์ ดิวเป็นรองแชมป์ ผู้เข้ารอบ 8 คน แบ่งเป็น ชาย 4 คน หญิง 4 คน (เหมือนปี 1, 3)

ปีที่ 6 กันเป็นแชมป์ ริทเป็นรองแชมป์ ผู้เข้ารอบ 8 คน แบ่งเป็น ชาย 6 คน หญิง 2 คน (ปีนี้ผู้ชายเด่น,ผู้หญิงน้อย)

ปีที่ 7 ปีล่าสุด มีผู้เข้ารอบ 8 คน แบ่งเป็น ชาย 4 คน หญิง 4 คน (เหมือนปี 1,3,5)

ปีใดที่แชมป์ เป็นคนที่คณะกรรมการทั้ง 3 คนเชียร์และ popular vote (มหาชนเชียร์) ตรงกัน ปีนั้น แชมป์เดอะสตาร์ถือว่าเป็นเอกฉันท์ ภายหลังมาเป็นเศิลปินมีผลงานเพลง จะได้รับผลตอบรับจากแฟนเพลงท่วมท้น และผลงานจะเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง

หากปีใดที่แชมป์ เป็นคนที่คณะกรรมการทั้ง 3 คนเชียร์ แต่ popular vote(มหาชนเชียร์) ไปเชียร์อีกคนนึง ปีนั้นแชมป์เดอะสตาร์ไม่เป็นเอกฉันท์ ภายหลังมาเป็นศิลปินมีผลงานเพลง จะได้รับผลตอบรับจากแฟนเพลงสู้คนที่ได้รองแชมป์ไม่ได้ และคนที่ได้รองแชมป์จะดังกว่า อีกทั้งผลงานเป็นที่นิยมมากกว่า

ตัวอย่างของปีที่แชมป์ เป็นคนที่ทั้งคณะกรรมการ 3 คนเชียร์ และตรงกับมหาชนเชียร์ ได้แก่ ปี 2,4,6 ก็คือ เอ็ม,แก้ม,และกัน เดอะสตาร์ ทั้ง 3 แชมป์นี้ มีผลงานอย่างต่อเนื่องและเป็นนักร้องคุณภาพที่คนทั้งประเทศให้การยอมรับและมีผลงานคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงในวงการต่อไปได้

ส่วนตัวอย่างของปีที่แชมป์ เป็นคนที่คณะกรรมการ 3 คนเชียร์ แต่ไม่ตรงกับมหาชนเชียร์ ได้แก่ ปี 1,3,5 นั่นก็คือ สน, อาร์ และน้องสิงโต เดอะสตาร์ จะเห็นว่าพอภายหลังมาเป็นศิลปินมีผลงานซิงเกิ้ลแล้วสู้รองแชมป์ของพวกเขาไม่ได้ ได้แก่ จิ๋ว-นิว, บี้ และดิว ไม่บอกว่าใครผิดถูก แต่ทัศนะของคณะกรรมการเมื่อไม่ตรงกับมหาชน ทำให้ผู้นั้นได้เป็นแชมป์ก็จริงแต่เมื่อมามีผลงานออกมาแล้ว การตอบรับย่อมสู้คนที่เป็นขวัญใจมหาชนไม่ได้ และไม่เกี่ยวกับความสามารถเพราะอาจสูสี แต่เกี่ยวกับเสน่ห์เมื่อตอนอยู่ในรายการ กับเสน่ห์ภายหลังจากจบออกจากรายการ มันเปลี๋ยนไป รองแชมป์ฉายแววขึ้นมา และพัฒนาการทางการร้องเขาดีกว่า และก็เหมือนหวยล็อคจริงๆ เลยเกี่ยวกับตัวเลขกับเวทีนี้ที่มันสามารถจับมาสัมพันธ์กันได้ เช่น ผู้เข้ารอบ 8 คน ชาย 4 หญิง 4 ดันตรงกัน ในปี 1,3,5 และก็ปีนี้ปี 7 ด้วย ซึ่งเป็นเลขคี่ทั้งหมด และเป็นปีที่แชมป์ เป็นคนที่คณะกรรมการกับมหาชนเชียร์ ไม่ตรงกันด้วย

ดังนั้น ถ้าจะใช้สมมติฐานดังกล่าวข้างต้นวิเคราะห์หรือสรุปแล้วหล่ะก็ แชมป์ของปี 7 นี้ อาจจะเป็นแชมป์ที่คณะกรรมการอาจเชียร์ แต่จะไม่ตรงกับที่มหาชนเชียร์ก็เป็นได้ นั่นแสดงว่าคนที่เป็นรองแชมป์ปีนี้จะดังกว่าแชมป์และมีผลงานเพลงเป็นที่ยอมรับมากกว่า ซึ่งจะเป็นใครกันนั้น (รายชื่อ 8 คนสุดท้าย อยู่แนบท้ายด้านล่างบทความ) อันนี้เป็นการเดาแบบมีตรรกะรองรับแล้ว ซึ่งผลอาจจะไม่เป็นไปตามนี้ก็ได้ แต่การติดตามละครเรื่องเดอะสตาร์ 7 นี้ มันดูง่าย ไม่ซับซ้อน เหมือนดูละครตบจูบทั่วไปนั่นแหละ คุณสามารถเดาตอนจบได้อย่างง่ายๆ ก็คือถ้าคณะกรรมการทั้ง 3 คน เอาใจช่วยคนไหนเป็นพิเศษหล่ะก็คนนั้นแหละมีแววเป็นแชมป์สูง แต่จะจบแบบแฮ็ปปี้เอ็นดิ้ง เหมือนแชมป์ปี 2,4,6 หรือไม่ ต้องคอยติดตามกันต่อไปจนจบ

หมายเลข 1 ตูมตาม
นายยุธนา เปื้องกลาง (ตูมตาม) Mr.Yuttana Puangklang
(ToomTam)
วันเดือนปีเกิด 16 พฤศจิกายน 2534
อายุ 19 ปี
ส่วนสูง 177 เซนติเมตร
น้ำหนัก 67 กิโลกรัม
การศึกษา จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 โรงเรียนห้วยน้ำหอมวิทยาคาร
กำลังศึกษาที่ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต คณะนิเทศศาสตร์ การประชาสัมพันธ์
ที่อยู่ (ปัจจุบัน) นครสวรรค์
นักแสดงที่ชื่นชอบ พี่เคน ธีรเดช
The Star คนโปรด พี่โตโน่ The Star
เพลงของ The Star ที่ชอบ ยิ่งมืดยิ่งเห็นดาว ของพี่ดิว The Star 5



หมายเลข 2 จูเนียร์

นายกรวิชญ์ สูงกิจบูลย์ (จูเนียร์) Mr. Kornrawich Sungkitbook
(Junior)
วันเดือนปีเกิด 13 มิถุนายน 2534
อายุ 19 ปี
ส่วนสูง 170 เซนติเมตร
น้ำหนัก 56 กิโลกรัม
การศึกษา ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สาขามัลติมีเดีย
ที่อยู่ (ปัจจุบัน) เชียงราย
นักแสดงที่ชื่นชอบ พี่เคน ธีรเดช / แพนเค้ก
The Star คนโปรด พี่ริท The Star
เพลงของ The Star ที่ชอบ เพื่อดาวดวงนั้น


หมายเลข 3 กวาง
นางสาว กรวรรณ สุทธิวงษ์ (กวาง) Gorawon Suttiwon (Kwang)
วันเดือนปีเกิด 1 สิงหาคม 2531
อายุ 22 ปี
ส่วนสูง 160 เซนติเมตร
น้ำหนัก 42 กิโลกรัม
การศึกษา มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ คณะบริหารธุรกิจ สาขา การจัดการ ปี 4
ที่อยู่ (ปัจจุบัน) สมุทรปราการ
นักแสดงที่ชื่นชอบ พี่กบ สุวนันท์
The Star คนโปรด พี่จิ๋ว พี่นิว น้องแก้ม พี่ดิว The Star
เพลงของ The Star ที่ชอบ อดใจรอ, รักคือการให้, ยิ่งมืดยิ่งเห็นดาว


หมายเลข 4 ซิลวี่
นางสาว ภาวิดา มอริจจิ (ซิลวี่) Pavida Moriggi (Silvy)
วันเดือนปีเกิด 3 ตุลาคม 2538
อายุ 15 ปี
ส่วนสูง 167 เซนติเมตร
น้ำหนัก 70 กิโลกรัม
การศึกษา มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนขจรเกียรติศึกษา
ที่อยู่ (ปัจจุบัน) ภูเก็ต
นักแสดงที่ชื่นชอบ แน็ค ชาลี ไตรรัตน์ ดีเจเดย์ (ชอบมากกกกกก!><)
The Star คนโปรด พี่แก้ม The Star
เพลงของ The Star ที่ชอบ Hug ของพี่บี้ The Star / It’s Alright ของบี้เดอะสตาร์
นักร้องที่ชื่นชอบ Lady Gaga, ดา เอ็นโดฟิน, Travis Mccoy


หมายเลข 5 แอมป์
นายสิริพงศ์ ชูศักดิ์สกุลวิบูล (แอมป์) Mr.Siripong Chusaksakulwiboon (Amp)
วันเดือนปีเกิด 2 พฤศจิกายน 2532
อายุ 21 ปี
น้ำหนัก 178 เซนติเมตร
น้ำหนัก 60 กิโลกรัม
การศึกษา ชั้นปีที่ 3 คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ที่อยู่ (ปัจจุบัน) กทม.
นักแสดงที่ชื่นชอบ ตุ๊กกี้
The Star คนโปรด นิว จิ๋ว The Star 1
นักร้องที่ชื่นชอบ อ๊อฟ ปองศักดิ์


หมายเลข 6 นท
นางสาว นท พยายางกูร (นท) Note Panayanggool (Note)
วันเดือนปีเกิด 22 กุมภาพันธ์ 2536
อายุ 17 ปี
ส่วนสูง 160 เซนติเมตร
น้ำหนัก 46 กิโลกรัม
การศึกษา โรงเรียนนานาชาติเกรซ เชียงใหม่
ที่อยู่ (ปัจจุบัน) เชียงใหม่
นักแสดงที่ชื่นชอบ เต้ย จริณพร, เจ มณฑล, โน้ต อุดม, เต๋อ, จิ๊บบี้-ตะวัน
เพลงของ The Star ที่ชอบ พี่เมย์ The Star4 , พี่โตโน่ The Star6
นักร้องที่ชื่นชอบ ยิ่งมืดยิ่งเห็นดาว ดิว The Star5 ชอบความหมา

หมายเลข 7 แอปเปิ้ล
นางสาว อิษฎ์อาณิก อินทรสูต (แอปเปิ้ล) Aitanik Intarasut (Apple)
วันเดือนปีเกิด 1 กันยายน 2537
อายุ 16 ปี
ส่วนสูง 171 เซนติเมตร
น้ำหนัก 45 กิโลกรัม
การศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม
ที่อยู่ (ปัจจุบัน) กำแพงเพชร
นักแสดงที่ชื่นชอบ พี่เชียร์ ทิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์
The Star คนโปรด พี่แกรนด์, พี่สิงโต The Star
เพลงของ The Star ที่ชอบ หมดเวลาแก้ตัว, เสียงของคนเจ็บ
นักร้องที่ชื่นชอบ พี่ดา เอนโดฟิน, Wonder Girls (Kim Yu Bin)


หมายเลข 8 เนส
นาย ยุทธนา กานิล (เนส) Mr. Yuttana Kanil (Nes)
วันเดือนปีเกิด 31 พฤษภาคม 2531
อายุ 22 ปี
ส่วนสูง 180 เซนติเมตร
น้ำหนัก 67 กิโลกรัม
การศึกษา โรงเรียนพาณิชยการลานนาเชียงใหม่
จบระดับชั้น ปวส.2 สาขา การจัดการธุรกิจท่องเที่ยว
ที่อยุ่(ปัจจุบัน) เชียงใหม่
นักแสดงที่ชื่นชอบ พี่สน ยุกต์
The Star พี่บี้ The Star
เพลงของ The Star ที่ชอบ เพลงรัก
นักร้องที่ชื่นชอบ บอย พีชเมคเกอร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น