วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

DVD น่าสะสม (วิเคราะห์วิจารณ์ภาพยนตร์)








10 หนังเยี่ยมในดวงใจของ บก.หยิกแกมหยอก เว็บบล็อก

1.Pirates of Silicon Valley
เนื้อเรื่อง สร้างจากอัตชีวประวัติของ 2 อัจฉริยะวงการคอมฯ1 คือ สตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้ง Apple เจ้าของผลงาน Macintosh อันลือชื่อ และ 2 คือ บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้ง Microsoft เจ้าของผลงาน MS-Dos,และระบบปฏิบัติการWindows นั่นเอง หนังเล่าเรื่องในแบบสารคดี หนังนำเสนอประเด็นเนื้อหาความผูกพันระหว่างเพื่อนที่เรียนด้วยกันมา สมัยอยู่ ม.ฮาร์วาร์ด การแก่งแย่ง หักหลัง แย่งชิงผลประโยชน์ทางธุรกิจจนนำไปสู่การเป็นคู่แข่งและศัตรูทางธุรกิจในที่สุด ทำให้ทราบประวัติความเป็นมาของวิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ดูแล้วทำให้เข้าใจว่าบิลเกตต์คือบุคคลที่ประสบความสำเร็จได้เพราะการมองหาโอกาสอยู่เสมอ และพยายามจะหยิบช่องว่างมาสร้างเป็นจุดขาย และทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกได้ในที่สุด


2.In the line of fire - แผนสังหารนรกทีละขั้น

หนังแอ็คชั่นสืบสวน งานกำกับของ Wolfgang Petersen แฟรงค์ ฮอร์ริแกน (Clint Eastwood) ตำรวจลับมือเก๋าที่ดำรงตำแหน่งนี้มานานมากครับ เขาอยู่ในเหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ด้วย จากเหตุครั้งนั้นทำให้แฟรงค์รู้สึกเหมือนมีตราบาปฝังอยู่ในใจเสมอมา เขาจึงพยายามทำหน้าที่ตำรวจลับอย่างดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องร้ายขึ้นอีก
แต่แล้ว... การลอบสังหารกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยชายที่เรียกตัวเองว่า บู๊ท (John Malkovich) ตามชื่อของฆาตกรที่สังหารประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น หมอนี่คือฆาตกรอัจฉริยะที่วางแผนลอบสังหารประธานาธิบดีคนปัจจุบัน และที่ไม่เหมือนใครคือ มิตช์โทรไปหาแฟรงค์เพื่อแจ้งกับเขาโดยตรงว่า เขากำลังจะลอบสังหารปธน. ในไม่ช้า ขอให้แฟรงค์เตรียมรับมือไว้ให้ดี
ในขณะที่หัวหน้างานและคนอื่นๆ ในหน่วยตำรวจลับไม่ใคร่จะเชื่อเท่าไรว่านายคนนี้จะลอบสังหาร ปธน. แต่ลางสังหรณ์บางอย่างบอกกับแฟรงค์ว่าหมอนี่เอาจริง และเขาต้องหาทางสืบ ล่าความจริง ลากคอมันออกมาก่อนที่มันจะทำสำเร็จ... เขาจะไม่ให้ใครมาลอบสังหารประธานาธิบดีต่อหน้าเขาอีกเป็นครั้งที่ 2!
ถ้าคุณอยากดูหนังแนวสืบสวน ชิงไหวชิงพริบ ตามล่ากันแบบที่ตัวร้ายฉลาดเป็นกรด กับนักแสดงระดับพระกาฬ พร้อมความตื่นเต้นอีกหลายกิโลขีดล่ะก็ ผมแนะนำเรื่องนี้เลยครับ ของเขาดีจริงๆ ยอมรับครับว่าตัวหนังอาจช้าไปบ้างในบางช่วง แต่ก็ได้การแสดงเยี่ยมๆ ของเหล่าดารานำมาช่วยดึงความสนใจตลอด ไฮไลท์ขนานแท้ของหนังคือ Malkovich ครับ ไม่แปลกใจเลยที่บทนี้จะส่งพี่ท่านไปชิงออสการ์ และยังแจ้งเกิดพี่ท่านในฐานะดาราดาวร้ายติดอันดับต้นๆ ของโลกภาพยนตร์ เพราะหน้าพี่แกก็ให้นะครับ โรคจิตปนอำมหิต สมเป็นนักฆ่าชั้นยอดจริงๆ ทุกฉากครับที่พี่ท่านทำหน้านิ่งๆ กับใครก็ตาม เราเดาไม่ออกเลยว่าเขาจะทำอะไร จะฆ่า จะเล่นงาน หรือมีแผนอะไรในหัว เรียกว่าหนังทั้งเรื่องดู Malkovich คนเดียวก็คุ้มแล้วครับ
แผนการของบู๊ท หรือชื่อจริงว่า มิตช์ เลียรี่ในเรื่องก็เหนือชั้นมากครับ การปลอมตัวปลอมหน้าก็เนียนสุดๆ ไฮไลท์ของหนังนอกจากการปรากฏตัวของ Malkovich แล้วยังต้องยกให้ฉากที่เขากับปู่ Clint ต้องเผชิญหน้ากันผ่านโทรศัพท์ โทรหากันเมื่อใดก็เข้มมันทุกฉากอ้ะครับ ส่งอารมณ์กันเยี่ยมมาก แล้วคิดดู ส่งผ่านโทรศัพท์ด้วยนะครับ แน่ทั้งคู่จริงๆ ดูๆ ไปก็รู้สึกครับว่าทั้งพระเอกและผู้ร้าย มีทั้งความนับถือและเกลียดชังให้กัน ถือเป็นความสัมพันธ์ที่ช่วยให้หนังออกรสดีไม่ใช่น้อย
อ้อ เห็นชมแต่ Malkovich ใช่ว่าปู่ Clint เราจะธรรมดาครับ แกก็เล่นได้เก๋าตัวพ่อเช่นกัน แม้ดูๆ ไปจะรู้สึกเหมือนดูบทแฮร์รี่ คัลลาแฮน เวอร์ชั่นใกล้เกษียณก็เถอะ แต่ที่ผมชอบในเรื่องอย่างหนึ่งคือพระเอกแก่แล้ว แก่จริงครับ ไม่ได้เหมือนหนังอีกหลายเรื่องที่แม้พระเอกจะชรา แต่กำลังวังชาดันเหมือนหนุ่มๆ อันนั้นก็เน้นความเว่อร์นะ ส่วนเรื่องนี้เน้นความสมจริงครับ แค่วิ่งไล่ล่าข้ามถนนข้ามตึกก็หอบซี่โครงบานแล้ว ซึ่งจุดนี้ก็ช่วยเพิ่มความลุ้นให้หนังได้อีกเยอะครับ เพราะพระเอกแพ้ผู้ร้ายเรื่องสุขภาพกำลังวังชาอย่างหนึ่งล่ะ แต่ดีที่พี่ท่านฉลาดครับ มีสมองเลยพอจะสู้รบปรบมือกับผู้ร้ายได้
นักแสดงเจ้าอื่นๆ ที่มาช่วยเสริมความเยี่ยมให้หนังก็มี Rene Russo ในบทตำรวจลับลิลลี่ เรนส์ ที่มาประกบกับแฟรงค์และทำท่าจะมีใจให้กันด้วย แม้จะขวางหูขวางตาไปบ้างในเรื่องอายุ แต่ก็พอกล้อมแกล้มน่ะ กับ Dylan McDermott พระเอกหน้าหล่อที่ตอนนั้นกำลังทำท่าจะดัง (แต่ตอนนี้เงียบไปซะแล้ว) มาเป็นตำรวจลับ อัล อังเดรีย คู่หูของแฟรงค์ สองรายหลังถือเป็นบทสมทบมากกว่าครับ เพราะโดนคู่พระเอกผู้ร้ายเบียดรัศมีไปตั้งเยอะ แล้วก็ยังมี Gary Cole ดาราที่นักดูหนังสมัยนั้นน่าคุ้นตาเพราะงานแกชุก แล้วก็ชอบรับบทประเภทหัวหน้าหรือไม่ก็พ่อคน เรื่องนี้ก็มีแสดงเป็นหัวหน้าของตำรวจลับที่ไม่ค่อยจะเชื่อแฟรงค์เท่าไร เพราะเห็นพี่แกเหลาเหย่แล้ว และอีกคนที่ยังไม่ดังตอนนั้น แต่ตอนนี้นักดูหนังจำหน้าได้เกือบหมดคือ Tobin Bell หรือพี่จิ๊กซอว์แห่ง Saw มาแสดงเป็นเมนโดซ่า วายร้ายที่แฟรงค์กับอัลต้องไปตามล่าตอนต้นเรื่อง

3. 2001 a space odyssey

แนวหนัง ไซไฟ - โคตรปรัชญาแบบสุดๆ

งานการกำกับโดย Stanley Kubrick ซึ่งดัดแปลงจากนิยายของ Arthur C. Clarke นักเขียนจอมปรัชญาอีกคน เมื่อจอมปรัชญาแห่งภาพยนตร์มาเจอกับจอมปรัชญาอีกคนแห่งนิยาย ผลที่ได้ออกมาก็คือภาพยนตร์มหากาพย์แห่งหนังอวกาศไซไฟ ที่ทั่วโลกและคนดูหนังยกย่องว่าเป็นภาพยนตร์ไซไฟที่ดีที่สุดเรื่องนึงของโลกเท่าที่เคยสร้างมา
เนื้อเรื่องนั้น ... จะเกี่ยวข้องกับ โมโนลิธ แท่งหินสีดำ ซึ่งมาปรากฏบนโลกอย่างลึกลับนะครับ ตั้งแต่โลกเรายังมีแต่พวกลิงน่ะ (คนละเรื่องกับ Planet of The Apes แล้วนะครับ) ซึ่งเจ้าแท่งหินโมโนลิธนี้มีความลึกลับบางอย่าง แล้วจากนั้นหนังก็จะตัดมาที่โลกในปี 2001 ซึ่งก็ได้มีการค้นพบแท่งหินสีดำอีกแท่งบนดวงจันทร์ครับ ซึ่งเจ้าแท่งหินนี้ก็ส่งสัญญาณบางอย่างออกมา ไปสิ้นสุดตรงแถวๆ ดาวพฤหัสซึ่งก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีแท่งหินอีกอันก็ได้ ทำให้โลกของเราส่งคนไปสำรวจครับ เดินทางไปยังดาวพฤหัส โดยมีผู้โดยสารในยานนำโดย ดร.เดฟ โบว์แมน (Keir Dullea) และยังมีปัญญาประดิษฐ์หรือคอมพิวเตอร์รุ่นล่าสุดที่ชื่อว่า HAL เป็นผู้จัดการทุกสิ่งในยานลำนั้นด้วย แต่ที่นี้เจ้า HAL เกิดมีปัญหาครับ มันเลยนำมาสู่เรื่องราวเลวร้ายตามมา จริงๆ เนื้อเรื่องที่ผมเล่านี่โดยสรุปนะครับ เพราะในนั้นมันยังมีอะไรอีกเพียบ หนังเรื่องนี้ยาวราวๆ 2 ชั่วโมง 20 นาที แต่มีบทสนทนาเพียง 40 นาทีเองล่ะมั้ง นอกนั้นจะเป็นการแสดงภาพต่างๆ ไม่ว่าจะคนเดินไปมา (บางฉากมีแค่นั้นจริงๆนะครับ แต่ล่อไปตั้ง 10 นาทีอ้ะ) ฉากแสดงให้เห็นถึงภาพยานต่างๆ หรือแสดงถึงความเวิ้งว้างของอวกาศ (บางคนบนนี่ท้องฟ้าจำลองทำสื่อการสอนออกมารึไงวะ) แล้วทุกฉากก็จะมีดนตรีคลาสสิคประกอบตลอด ซึ่งผมว่าแค่นี้คนมากหลายก็มึนกับหนังแล้วครับ เพราะมันไม่มีอะไรในแบบที่คุณๆ คุ้นเคยเลย เอาแค่ประเด็นเรื่องเจ้า HAL เกิดขัดข้องนั่น ถ้าเป็นในหนังทั่วๆ ไปก็คงจะต้องกลายเป็นแอ๊คชั่นแน่นอนใช่มั้ยครับ แต่กับเรื่องนี้เลือกที่จะเดินเรื่องไปอีกทางหนึ่งซึ่งน่าทึ่งมาก และที่ต้องปรบมือคือการถ่ายภาพออกมานั้น ทำได้ดี สวยและให้อารมณ์ล้ำยุค แม้จะดูในยุคนี้ก็ตามแต่ Effect ยังจัดได้ว่าเนี๊ยบไม่แพ้หนังยุคปัจจุบันเลยครับ หนังทำออกมาได้ดีเหลือเกินครับ มีพลังตลอดทั้งเรื่อง มีอะไรแฝงอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ภาพสวย Effect ดี งานเมคอัพก็สุดยอดจริงๆ สุดยอดขนาดไหนรู้มั้ยครับ คืองี้ครับ ปีที่หนังออกฉายนั้น หนังได้เข้าชิงออสการ์ในสาขาแต่งหน้ายอดเยี่ยมด้วย (ซึ่งได้ชิงปีเดียวกับ Planet of the Apes สาขาเดียวกันด้วย) ซึ่งจะมีอยู่ฉากหนึ่งตอนต้นเรื่องจะเป็นลิงเดินไปเดินมา ทำท่าทำทางต่างๆ อยู่ ซึ่งลิงในเรื่องนั้นก็เป็นคนนั่นแหละครับ แต่เมคอัพจนมีสภาพเหมือนลิงจริงๆ ปรากฎว่า รางวัลสาขานี้ตกเป็นของ Planet of the Apes ไป สาเหตุก็เพราะว่า ทางคณะกรรมการ เข้าใจว่า ใน 2001 นั้น ใช้ลิงจริงๆ ในการแสดง..... เหมือนขนาดไหนคิดดูแล้วกันครับ ก็เป็นเรื่องให้ฮากันไปได้พักนึงเลยล่ะ

ส่วนไอ้ฉากลิงที่ว่านี่ก็เป็นหนึ่งในฉากที่ไ่ด้รับการกล่าวขวัญครับ ประมาณว่าลิงเหล่านั้นก็อยู่แบบธรรมดา จากนั้นก็มีลิงตัวหนึ่งลองไปลูบคลำกระดูกท่อนหนึ่ง จากนั้นมันก็ยกกระดูกท่อนนั้นขึ้น แล้วก็ลองฟาดลงบนกองกระดูกอื่นๆ ปรากฏว่ากองกระดูกที่โดนฟาดก็แตกสลาย แล้วเจ้าลิงนั่นมันก็ยังฟาดๆๆๆ ต่อไป ฉากนี้ผมว่ามันแล้วแต่คนจะตีความครับ บ้างก็ว่าเป็นการบอกว่าพวกมันมีสัญชาตญาณความรุนแรงในตัว บ้างก็บอกว่าความรุนแรงมันเกิดจากการลองผิดลองถูกแล้วติดเป็นนิสัยมา เอาแค่เรื่องนี้ก็มีประเด็นแล้วล่ะคับ (แต่บางคนก็คงคิดในใจ ไอ้ฉากแค่นี้มันมีอะไรนักหนาเหรอ ... เรื่องนี้แล้วแต่จริงๆ ครับผม) นอกจากนี้ ยังมีอะไรอีกเยอะครับ โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่ผมดูแล้วอดขนลุกไม่ได้ มันเป็นปริศนาจริงๆ ฮะ แต่เป็นฉากอะไรต้องไปดูเองครับถ้ามีโอกาส บอกเลยนะครับ นี่ไม่ใช่หนังแอ๊คชั่น ไม่มีฉากบู๊ทั้งสิ้น และนี่ไม่ใช่หนังชีวิต ก็บทพูดมันแค่ 40 นาทีจะเอาอะไรนักหนาครับ แค่รู้ชื่อคนก็บุญแล้ว ปูมหลังอะไรไม่รู้เลย

ดังนั้นคนที่ไม่ชอบหนังอืดๆ หรือต้องดูแล้วคิดเองอย่างแรงนี่ผมไม่แนะนำล่ะนะครับ แต่ถ้าคุณสนใจหนังแนวไซไฟ ชอบลองหนังเกี่ยวกับจินตนาการ แล้วแทรกปรัชญา-วิทยาศาสตร์ หรืออะไรที่มีการสื่อความหมายด้วยภาพเยอะๆ ล่ะก็ เรื่องนี้พลาดไม่ไ่ด้โดยเด็ดขาดครับ ชาตินี้ต้องดูให้ได้เลยล่ะ

Arthur C. Clarke เจ้าของบทประพันธ์ เคยบอกไว้ว่า "ถ้าพวกคุณสามารถเข้าใจหนัง 2001 นี้ได้ในทันทีที่ดูจบ นั่นแปลว่า พวกเราล้มเหลวเสียแล้ว" ... ในความคิดผม พวกท่านทำสำเร็จอย่างงดงามครับ
สิ่งที่ผมได้รับจากหนังเรื่องนี้ นอกจากความมึนแล้ว ก็ยังมีมุมมองง่ายๆ ว่า เรานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของจักรวาลครับ ยังมีอีกหลายอย่างรอให้เราค้นพบ เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายความแค่นอกโลกของเราเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงภายในโลกของเรา และภายในจิตใจของมนุษย์ทั้งหลายด้วย บุคคลผู้ฉลาดที่สุด คือ คนที่ตระหนักรู้ว่า "ตนเองไม่รู้อะไรเลย"

นี่คือหนังไซไฟ แบบที่ร้อยปีจะหาได้ซักเรื่องครับ !!!!!!!!!!!!!!
ข้อมูลจาก IMDB ครับ

4.The Last Emperor จักรพรรดิที่โลกไม่ลืม

จากสูงสุดคืนสู่สามัญ คงเป็นคำจำกัดความที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ ภ.เรื่องนี้ เรื่องราวเกี่ยวกับจักรพรรดิปูยี ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ชิงหรือแมนจูเรียของจีนซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายปลายสมัยของจักรพรรดิซุสีไทเฮา ก่อนที่จีนจะเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ หนังเล่าเรื่องในช่วงที่ประเทศจีนถูกอังกฤษรุกรานเข้ามาปกครองประเทศจีน ราชสำนักอ่อนแอ แตกความสามัคคี ประชาชนติดฝิ่นอย่างรุนแรง นำมาซึ่งการยึดอำนาจโดยต่างประเทศ จักรพรรดิปูยีต้องถูกให้สละราชบังลังก์ เปลี่ยนสถานภาพมาเป็นสามัญชนคนธรรมดา และต้องถูกเนรเทศออกจากกรุงปักกิ่ง ดูกี่ครั้งก็อดน้ำตาคลอไม่ได้ งานกำกับศิลป์สุดอลังการและคลาสสิคของผู้กำกับชาวฝรั่งเศส เบอร์โตลุคชี่ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์ไปแบบถล่มทลายถึง 8 รางวัล รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วยในปี 1988

5.Schindler’s list ชะตากรรมที่โลกไม่ลืม

ชะตากรรมที่โลกไม่ลืม เป็นสุดยอดภาพยนตร์ของ สตีเว่น สปิลเบิร์ก ที่เป็นภาพยนตร์ที่ควรค่าแก่การถูกยกย่องตลอดกาล โดยได้รับ7รางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม รวมถึงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากสถาบันอื่นๆเอีกมากมาย และรางวัลที่ทรงคุณค่า อีกหลายสาขาอาทิ เช่น รางวัลตุ๊กตาทองของอังกฤษ รางวัลภาพยนตร์ดีเด่น จากสถาบันนักวิจารณ์จากนิวยอร์ค รางวัลจากสมาคมนักวิจารณ์ ชมรมคนวิจารณ์หนัง ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ นักวิจารณ์ภาพยนตร์จากลอสแองเจลิส ชิคาโก้ บอสตัน และ.ดัลลัส รางวัลคริสโตเฟอร์ รางวัลลูกโลกทองคำ สตีเว่น สปิลเบิร์ก ยังได้รับรางวัลทรงเกียรติจากสมาคม
ผู้กำกับแห่งอเมริกา
ภาพยนตร์เรื่องนี้ตีแผ่เรื่องราวที่โลกไม่ลืมจากชีวิตของ ออสการ์ ชินเดลอร์ ผู้ไม่เคยหยุดนิ่ง เขาเป็นสมาชิกของพรรคนาซี เป็นนักรัก และเป็นผู้แสวงหาผลประโยชน์จากสงครามที่ช่วยชีวิตชาวยิว กว่า 1,100 คน ในช่วงที่มีการทำลายล้างเผ่าพันธุ์กัน มันคือชัยชนะของชายคนหนึ่ง ที่พยายามสร้างความแตกต่างและช่วงชีวิตที่โหดร้ายที่สุด ของบุคคลที่รอดตายมาได้เพราะชายคนนี้
กำกับโดย สตีเว่น สปิลเบิร์ก ภาพยนตร์ที่ยังได้รางวัลออสการ์สาขา บทภาพยนตร์ ถ่ายภาพ ดนตรีประกอบ และ.กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม ร่วมด้วยนักแสดงคุณภาพ อาทิเช่น เลียม นีสัน, เบน คิงสลี่ย์, เรฟ ฟายส์, แคโรลีน กูดาล, โจนาธาน ซาแกล และ.เอมเบธ เดวิดส์ ด้วยภาพที่ถูกนำมาปรับปรุงด้วยระบบดิจิตอล ระบบเสียงดิจิตอล 5.1 และ.โบนัสพิเศษใหม่ๆ อีกมากมาย

6.Memento ภาพหลอนซ่อนรอยมรณะ (2000)

ลีโอนาร์ด เชอร์บี้ ชายผู้ที่สูญเสียภรรยาในการฆาตกรรม (ซึ่งเขาก็อยู่ในเหตุการณ์ แต่โดนทำร้ายจนสลบไปและกลายเป็นโรคความจำสั้น) ต้องการที่จะแก้แค้นให้กับภรรยา แต่จะทำยังล่ะ เพราะลีโอนาร์ดสามารถจำสิ่งต่างๆ ได้เพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น วิธีของเขาคือการสักสิ่งที่เป็นหลักฐานสำคัญต่างๆ ตามตัว การจดบันทึก การถ่ายรูปผู้ที่เข้ามาในชีวิตของเขา การเลือกที่จะไม่ไว้ใจใคร เพื่อที่จะบรรลุจุดหมายหลักคือการแก้แค้นถึงแม้ว่าจะต้องตกเป็นเครื่องมือของคนที่หาประโยชน์จากเขาก็ตาม
ด้วยฉากฆาตกรรมอันน่าสยดสยองที่ถูกกรอกลับหลังรูปถ่ายใบหนึ่งที่ยังไม่ได้ล้างถูกดูดกลับเข้าไปในกล้องโพลารอยด์เลือดและคราบเลือดวิ่งมารวมกันเพื่อย้อนกลับไปในร่างของใครคนหนึ่งแล้วปากกระบอกปืนก็ถูกดึงออกมาจากปากบิดเบี้ยวของใครคนนั้น..เป็นฉากเปิดเรื่องของภาพยนตร์ทริลเลอร์แนวใหม่ของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์โนแลน เพื่อคลี่คลายปมปริศนาเสมือนกับการดึงเวลาเอาไว้บนแผ่นฟิล์มเพื่อให้เวลาไหลย้อนไป พร้อมกับการเดินทางของชายหนุ่มผู้หนึ่งในภาวะที่ความทรงจำของเขาสาปสูญ

นี่คือภาพยนตร์ที่สร้างจากบทของผู้กำกับโนแลนเอง โดยมีที่มาจากเรื่องเล่าสั้นๆ ของน้องชายโจนาธานซึ่งเล่าในขณะนั่งรถไปด้วยกัน Memento จะเล่าเรื่องโดยใช้รูปถ่ายแผนผัง การจดบันทึก และรอยสักเพื่อนำคุณไปสู่จุดที่คลี่คลายเงื่อนปมทั้งหมด โดยทีมดาราชั้นนำอย่างแคร์รี่ แอนน์ มอสส์ ซึ่งโด่งดังสุดขีดจาก The Matrix โจ แพนโตเลียโน จากThe Matrix เช่นเดียวกัน และดาราหนุ่มผู้แจ้งเกิดจาก L.A. Confidentialกาย เพียร์ซ มารับบท เลนเนิร์ดชายหนุ่มผู้ดิ้นรนค้นหาความจริงด้วยความทรงจำที่หลงเหลือเพียงแค่เศษเสี้ยวเพื่อให้ Memento เป็นภาพยนตร์ทริลเลอร์ที่ล้ำลึกและน่าติดตามอย่างยิ่ง


7.Crimson Tide ลึกทมิฬ

2 นักแสดงรางวัลออสการ์ ยีน แฮ็คแมนและเดนเซล วอชิงตัน ประชันบทบาทครั้งสำคัญในภาพยนตร์ตื่นเต้นเร้าใจที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดหนังแอ็คชั่นแห่งปี 1995 ณ เรือดำน้ำปรมาณู "อลาบาม่า" ขณะมุ่งหน้าสู่รัสเซียเพื่อยับยั้งการก่อสงครามโลกครั้งที่สามของกลุ่มชาตินิยมหัวรุนแรง คำสั่งยิงอาวุธนิวเคลียร์ก็ไม่ชัดแจ้ง ได้จุดชนวนข้อพิพาทระหว่างกัปตันแฟรงค์ แรมซีย์.(แฮ็คแมน).ผู้เจนศึก กับนาวาตรีรอน ฮันเตอร์.(วอชิงตัน).รองผู้บังคับการเรือคนใหม่ เมื่อแรมซีย์ยืนกรานจะปฏิบัติ แต่ฮันเตอร์คัดค้าน ขณะที่สงครามนิวเคลียร์อยู่เพียงเอื้อมมือ ฮันเตอร์จึงมีทางเลือกเพียงทางเดียวคือยึดอำนาจและเรือลำนี้

8.Matrix เดอะ เมทรคซ์ เพาะพันธุ์มนุษย์ เหนือโลก 2199

สิ่งที่เห็น: โลกที่เราเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คือโลกที่แท้จริง ความจริงแท้: ทุกอณูที่เราสัมผัสบนโลกนี้ ล้วนเกิดจากการสร้างภาพเทียมโดยเครื่องจักรกล อัจฉริยะ ที่ครอบงำจิตมนุษย์ทุกชีวิต …โว้ว ปลุกจินตนาการ ตะลึงตาภาพ ด้วยเทคนิคล้ำ และแอ๊คชั่นวรยุทธใหม่ คีอานู รีฟส์ และลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น ทำทีมต่อสู้เพื่อปลดแอกมนุษย์พันธุ์ใน "เดอะ เมทรคซ์ เพาะพันธุ์มนุษย์ เหนือโลก 2199" ภาพยนตร์ไซเบอร์สุดระทึก ผลงานเขียนบทและกำกับ โดยสองพี่น้องวาชอว์สกี้ (Bound) ที่นำเสนอเรื่องราวสุดเฉียบ ผนวก สเปเชี่ยลเอฟเฟ็กซ์พันธุ์ใหม่แห่ง โลกภาพยนตร์ สู่ประสบการณ์ที่คุณจะ ตื่นตะลึงทุกสัมผัส สิ่งที่เห็น: "เดอะ เมทริคซ์" คือภาพยนตร์ที่จะพาคุณ ทะลุโลกไซเบอร์เผชิญความมันส์เหนือยุค ความจริงแท้: มันเป็นเช่นนั้น เป็นหนังที่ต้องซื้อเก็บ เพราะคุณภาพของภาพ และเสียงอยู่ในระดับสุดยอด รวมทั้งเนื้อเรื่องที่สามารถเอาปรัชญาของศาสนาพุทธในการละทิ้งตัวตน หรือ การยึดติดใน ตัวกู ของกู มาถ่ายทอดออกมาในแบบแอ๊กชั่นได้อย่างยอดเยี่ยม
ฉากที่ผมคิดว่าเยี่ยมยอดที่สุด ฉากแรกเป็นฉากหลบลูกกระสุน ที่จับภาพแบบสโลว์โมชั่น ภาพกระสุนค่อยๆพุ่งมา ในขณะที่ กล้องแพนซุมออกและหมุนในวงกว้างรอบตัวคีอานู รีฟ สวยงามมากและมีเสียงแพนตามอย่างยอดเยี่ยม สุดยอดจริงๆ ไม่ต้องหาคำอื่นไปอธิบาย ต้องดูเอง จบไปหนึ่งฉาก อีกฉากนึงเป็นฉากที่ เฮลิคอปเตอร์ที่ทรีนิตี้ขับชน กับตึกกระจกแบบซ่อนเฟรม คนที่ออกแบบซีนนี้น่ากลัวศึกษามาอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม หมอนี่เป็นยอดฝีมือ! ...ภาพกระจกดันตัวกระจายออกไปทุกทิศทาง แล้วแตกกระจายหลุดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เป็นสุดยอดของฉากที่ไม่เคยมีมาในหนังเรื่องไหนมาก่อนเลย นี่คือหนังที่เป็นหนึ่งในความคิดสร้างสรรค์จริงๆ แต่ถึงจะประทับใจกับสองฉากนี้ แต่ก็ยังมีฉากที่ดูแย่ในความรู้สึกอยู่เหมือนกัน เป็นฉากที่คีอานู รีฟ ซ้อมยูโด กับลอเร็น ฟิชเบอร์น ตอนที่กระเด็นไปโดนเสาต้นกลางหัก ซึ่งเสาหักไปขนาดนั้นมันน่าจะมีอะไรพังลงมาบ้าง ปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เหมือนกับเสาต้นนั้นมีงอกมาอย่างไร้ประโยชน์จริงๆ ดูแล้วขัดๆ ชอบกลเหมือนกัน แต่ภาพรวมก็สมแล้วที่ได้รางวัล เรื่องเอ็ฟเฟคที่สมจริงสมัยนี้สตูดิโอใหญ่ๆ ทำได้ทั้งนั้น แต่จะออกแบบให้ดูตื่นเต้น และสวยงาม ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการอย่างเดียว MATRIX คือหนังที่ถ่ายทอดได้ถึงระดับนั้น
……. โลกของ Matrix ต่างจากความฝันตรงที่ ความฝันเป็นเรื่องของเราคนเดียวจึงไม่มีอันตราย แต่ใน Matrix เป็นสภาวะการเชื่อมต่อจิตของคนทั้งหมดเข้าด้วยกัน ไอ้ต้วที่มีอำนาจสูงมันจึงสามารถเข้ามาแทรกแซงคุณได้ (คล้ายระบบคอมพิวเตอร์ถ้าใช้ตัวเดียวโดดๆไม่เป็นไร แต่พอเชื่อมอินเทอร์เน็ทอาจมีใครส่งไวรัสมาป่วนคุณได้ ) ….. และ Matrix ร้ายแรงกว่าระบบเครือข่ายทั้งหมดตรงที่อาจทำให้คุณเสียชีวิตได้จริง เนื่องจากมันสามารถโจมตีสมองของคุณได้โดยตรง จึงเป็นโลกที่อันตรายมาก ดังนั้นการได้ตัวพระเอกมา จึงเป็นเหมือนการค้นพบผู้ที่จะมาปลดปล่อยมนุษย์จากการควบคุมนั้น (แต่ Matrix ก็ไม่ได้บอกเราหลายๆอย่าง เช่น คนมาเชื่อมต่อกันในระบบ Matrix ได้ยังไง อาจจะเพราะไม่ต้องการให้หนังซับซ้อนหรือดูยากเกินไป หรือไม่ก็อาจจะมีรายละเอียดมากขึ้นใน ภาค 2-3 )

หนังไซไฟมีจุดเด่นตรงที่กระตุ้นให้เราเกิดจินตนาการครับ มันมักจะไม่บอกอะไรเราตรงๆ แต่ละคนสามารถตีความไปได้ต่างๆนาๆ และอาจต่างกันได้ครับ ดังเช่น ถ้าเรากลับมาคิดว่าโลกที่เราอยู่ทุกวันนี้เหมือนกับ Matrix ตัวเราๆท่านๆนี้ก็จะไม่มีอยู่จริง ความตายจะทำให้เราออกจากระบบ แต่สภาวะหลังความตาย หรือสภาวะนอกระบบของเราจะเป็นยังไงก็แล้วแต่จะคิดครับ ดังนั้นจะเห็นว่านักวิจารณ์บางท่านตีความเรื่องนี้ไปในทางศาสนาและปรัชญา หนังไซไฟบางเรื่องดูยาก เพราะบางเรื่องเน้นทฤษฎีเยอะ แต่ Matrix อาจจะต่างจากหนัง scifi เรื่องอื่นตรงที่ผสมผสานฉาก action เข้ากับเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างแนบเนียน และสร้างสรรค์ ทำให้หลายคนดูมันได้สนุกทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องเข้าใจมันนัก
เป็นภาพยนตร์แอ็กชั่นไซไฟที่ปฏิวัติโฉมหน้าวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ยุคใหม่ ด้วยเทคนิคภาพและเสียงยอดเยี่ยม ซึ่งสมัยนั้นต้องถือว่าทันสมัยและเป็นที่กล่าวขวัญมากที่สุด

9.Infernal Affair 2 คน 2 คม

เรื่องย่อ......Ming(หลิวเต๋อหัว) สายลับแก๊งค์มาเฟียในกรมตำรวจได้รับคำสั่งจาก Sam( Eric Tsang) เจ้านายมาเฟียให้เป็นตำรวจตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 18 หลังจากทำงานอย่างหนักเป็นเวลา10ปี เขาได้รับตำแหน่งสิบตำรวจเอกในสำนักงานข้อมูลอาชญกรรม ด้วยความช่วยเหลือของ Sam ที่ไห้คำแนะนำ ทำให้ Ming ได้รับคำชมขากผู้บังคับบัญชา หลังจากผ่านการทดสอบต่างๆ มีความเป็นไปได้มากที่เขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นสารวัตรในกรมตำรวจ
Yan(เหลียงเฉาเหว่ย) เป็นสายลับตำรวจที่ปลอมตัวในแก๊งค์มาเฟีย ได้รับการคัดเลือกก่อนจบการศึกษาโรงเรียนตำรวจให้เป็นลิ่วล้อในกลุ่มมาเฟีย ระหว่างปกปิดตัวเป็นเวลานับสิบปี เขาเคยรับโทษทำร้ายร่างกายผู้อื่น ติดคุก 2 ครั้ง โดยมี Sam เป็นเจ้านายโดยตรง
Ming และ Yan ถูกชักจูงให้ใช้ชีวิตขนานกัน ด้วยความที่สิ่งแวดล้อมรอบกายเป็นสิ่งจอมปลอม ทำให้ทั้งสองพยามหาทางออกให้กับตัวเองอย่างไม่คิดชีวิต Ming ต้องการตัดขาดจากอดีตและอยากเป็นตำรวจ จริงๆ ส่วน Yan เบื่อหน่ายการเป็นสายและพยายามต่อสู้เพื่อให้ได้สถานะที่แท้จริงกลับคืนมาและมีคนเดียวที่จะช่วยเขาได้นั่นคือ ผู้การ(หวงซิวเซิน)ผู้ที่คัดเลือกเขาให้มาเป็นสายลับ

10. Shawshank Redemtion มิตรภาพ ความหวัง ความรุนแรง

"ความกลัวทำให้เธอถูกขัง ความหวังปล่อยเธอเป็นอิสระ"
ทิม ร็อบบินส์ รับบท แอนดี้ ดูเฟรนส์ นายธนาคารหนุ่มชาวอังกฤษ เขาคือผู้ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานเป็นอย่างสูง
แต่แล้วชีวิตก็ต้องพลิกผัน เมื่อกลายเป็นผู้ที่ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตข้อหาฆาตกรรมภรรยาและชู้รักของเธอในปี 1947
แอนดี้ทำจริงหรือไม่? เขาอ้างว่าตัวเองบริสุทธิ์ ! แต่หลักฐานและพยานที่มีทำให้ศาลเชื่อว่าเขาผิด ผลของคำตัดสินส่งเขาเข้าไปอยู่ใน Shawshank State คุกที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดที่สุด ใน Shawshank แอนดี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักโทษคนอื่นนัก เขาเป็นคนเงียบๆ เป็นนักอ่าน และชอบเก็บตัว แอนดี้ไม่ต้องการที่จะทำความคุ้นเคยกับเพื่อนนักโทษคนอื่นๆ จนกระทั่งเขา
ได้ยินชื่อเสียงของ เรด นักโทษรุ่นใหญ่ ผู้ที่อยู่มานานจนเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของคนรับจัดหาของหายากให้กับเหล่านักโทษ
ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นของที่ห้ามมีไว้ครอบครองใน Shawshank แอนดี้บอกกับเรดว่าเขาต้องการค้อนเล็กๆสำหรับแกะสลักหินในยามว่าง และเรดได้จัดหาให้กับเขา หลังจากนั้นแอนดี้ได้ใช้ความเชี่ยวชาญในทางบัญชีให้เกิดประโยชน์กับเหล่าผู้คุมไปจนถึงพัสดีด้วย
การช่วยหลีกเลี่ยงภาษี ทำให้เขาได้รับสิทธิพิเศษใน Shawshank แต่แอนดี้ไม่ได้ใช้สิทธินั้นทำเพื่อตัวเอง เขากลับใช้มันทำประโยชน์ ให้กับเพื่อนนักโทษคนอื่น ด้วยการพัฒนาความเป็นอยู่ภายใน Shawshank ให้ดีขึ้น แอนดี้ดูเหมือนคนที่ไม่เห็นแก่ตัว
การกระทำที่ตามมาในตอนหลังๆ แสดงให้ทุกคนเห็นถึงการอุทิศตนเพื่อเพื่อนที่อยู่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน ...แต่ที่สุดแล้วเราก็ได้พบว่า แอนดี้เป็นมากกว่าที่เขาแสดงให้เห็น ....เขาใช้เวลาที่ไม่มีใครคาดคิด ไม่มีใครฝันถึง ในการทำงานบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ และต้องอดทน เกินกว่าที่ใครๆจะรู้ เพื่อสร้างปรากฏการณ์ครั้งเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอดกาล ...ความสัมพันธ์ระหว่าง
แอนดี้กับเรด คือศูนย์กลางของเรื่อง และทั้งทิมกับมอร์แกนแสดงความสามารถได้อย่างท็อปฟอร์ม ทำให้หนังดูจริงจัง และน่าเชื่อถือ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ติดอันดับ 1 จากการโหวตของผู้เข้าชมในเว็บไซต์ IMDB ให้เป็นภาพยนตร์ดราม่าที่ดีที่สุดตลอดกาลด้วย


ความรักในหนัง


ตอน 1 ภาพยนตร์รักของ GTH ขอพูดถึงภาพประทับใจในภาพยนตร์รักของ gth ซึ่งมีอยู่หลายเรื่อง นับจาก แฟนฉัน ซึ่งเป็นเรื่องราวความรักในวัยเด็ก บ้างก็ว่าเป็น puppy love บ้างก็ว่าเป็น comming of age ต่อมาเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น วัยแห่งการค้นหา วัยอลวน ผ่านภาพยนตร์เรื่อง เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย มันคืออาการของวัยรุ่นไทยจริงๆ คือไม่รู้จะเอาอย่างไรกับชีวิต จะรัก หรือเรียน หรือมองไปที่เป้าหมายในอนาคตของตนเองอย่างไร แม้ในช่วงปิดเทอมใหญ่ หัวใจยังว้าวุ่นอยู่เลย ผ่านเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ก็มาเจอะสภาพ อาการแบบ เพื่อนสนิท คิดไม่ซื่อ เพื่อนกูรักมึงหว่ะ ในเวอร์ชั่น ช กะ ญ นะ (ไม่ใช่ ช กะ ช นะ ซึ่งอันนั้นเป็นสิ่งชำรุดทางด้านมนุษยชาติ) ซึ่งหากในช่วงความสับสนนี้ยังไม่สามารถลงเอยในเรื่องความรักได้ อาจแถไถไปเป็น ช กะ ช หรือ ญ กะ ญ จนเกิดแก๊งค์ชะนีกับอีแอบ หรือกลายไปเป็นสตรีเหล็ก บ้างก็หนีเตลิดเปิดเปิงไปเป็น หนีตามกาลิเลโอ จนออกทะเลไป จนเกือบจะกู่ไม่กลับ หรืออาการแบบ กอด แต่ด้วยอานุภาพแห่งความ รักที่ออกแบบไม่ได้ นี้ ทำให้หลายคนเจอความรักแท้ และไคว่คว้ามันไว้ทัน ในแบบ รถไฟฟ้ามาหานะเธอ จนเจอ แต่บางคนไปเจอหนทางเลือกมากมายหลายกิ๊กในแบบรัก 3 เส้า หรือรักแบบ 4 แพร่ง 5 แพร่ง จนเกือบจะเลือกไม่ถูก หากผ่านช่วงหินแห่งมหาวิทยาลัยเหมืองแร่ นี้ไปได้แล้ว ก็จะค้นพบรักแท้เสียที ผ่านมาจนเกือบ 30 ปี กลายเป็นความจำสั้นแต่รักฉันยาวไปได้ยังไงไม่รู้ ความรักในหนังในแบบฉบับของ gth บางครั้งอาจมองว่ามันเป็น feel good จนบางครั้งดูเลี่ยน ดูโรแมนติกจนเกินจริง เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว มันช่างโหดร้ายกว่าในหนังมาก บางครั้งเรามีคู่ชีวิตเป็นแบบไอ้ฟัก หรือนางสมทรง บางครั้งเจอความผิดหวังแบบแฝด คือกลับมาหลอนซ้ำซาก เหมือนรูปที่เคยถ่ายเก็บไว้ในชัตเตอร์มือถือ หรือในกล้องดิจิตอล จนอยากจะลบมันออกไปจากใจ บางครั้งชีวิตมันเพี้ยนไปแบบตั๊ดสู้ฟุด จนเกือบจะโกยเถอะโยมไปแล้ว แต่หวนคิดได้ว่าอย่างน้อยเราก็มี บ้านฉัน ตลกไว้ก่อน พ่อสอนไว้ มันเป็นความรักแบบเก๋าๆ และแจ๋ว อย่าซีเรียสไปเลยหากคู่ชีวิตของคุณนอกใจไปมีกิ๊ก จนคุณต้องหาสายลับไปจับบ้านเล็ก เพราะโลกแห่งความจริงนั้นมันไม่ได้ feel good เหมือนในโลกความฝันหรอก ขอให้ทำใจเสียว่ามัน feel sad bad couple(lover)มากกว่านะฮะ ฟังดูแล้วมันช่าง กวน มึน โฮ จังเลย แหว่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น