วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ทีมประสิทธิภาพแห่งปี 2019


มาเข้าสู่โหมดของการเชิดชูทีมประสิทธิภาพแห่งปี 2019 ตามธรรมเนียมของบล็อกเรา ก็จะจัดหมวดและประกาศ โดยจำแนกออกเป็น 5 หมวดใหญ่ๆ คือ 1.ทีมประสิทธิภาพสาขากีฬา ,2.ทีมประสิทธิภาพสาขาสื่อสารมวลชน 3.ทีมประสิทธิภาพสาขาหน่วยงานภาครัฐหรือหน่วยงานสาธารณะบริการประชาชน และ 4.ทีมประสิทธิภาพสาขาหน่วยงานภาคเอกชนหรือหน่วยธุรกิจให้บริการประชาชน รวมสายบันเทิงไว้ในหมวดนี้ด้วย  5.ทีมด้อยประสิทธิภาพแห่งปี  เพื่อประกาศเกียรติคุณให้กับหน่วยงานเหล่านั้น ที่ได้สร้างผลงานอันน่าประทับใจเอาไว้ในปีนี้ ซึ่งเราได้รวบรวมไว้แล้ว

1.ทีมประสิทธิภาพแห่งปี สาขาด้านกีฬา ได้แก่

ทีมฟุตบอลสโมสรเชียงรายยูไนเต็ด (กว่างโซ้ว) ,ทีมฟตบอลสโมสรการท่าเรือ ,ทีมฟุตบอลสโมสรบีจีปทุมยูไนเต็ด, ,ทีมฟุตบอลสโมสรลิเวอร์พูล ,ทีมฟุตบอลสโมสรเลสเตอร์, ทีมฟุตบอลสโมสรไลป์ซิก ,ทีมฟุตบอลสโมสรอินเตอร์มิลาน, ทีมฟุตบอลสโมสรมีนเซ่นกลัคบัค



สมาคมกีฬายิงธนูแห่งประเทศไทย,สมาคมกีฬาฮ็อกกี้แห่งประเทศไทย,สมาคมกีฬาโต้คลื่นแห่งประเทศไทย,สมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ,สมาคมกีฬาวอลเล่ย์บอลแห่งประเทศไทยสมาคมกีฬามวยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬามวยไทยแห่งประเทศไทย, สมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทย ,สมาคมกีฬาสนุกเกอร์แห่งประเทศไทย ,สมาคมกีฬาตระกร้อแห่งประเทศไทย ,สมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย,สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ,สมาคมอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย ,สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ,สมาคมเรือพายแห่งประเทศไทย ,สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย ,สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย ,สมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย ,สมาคมกีฬายูโดแห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬาคาราเต้แห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬาฟันดาบแห่งประเทศไทย ,สมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ,สมาคมกีฬาหมากรุกสากลแห่งประเทศไทย ,สมาคมกีฬาปันจักสีลัตแห่งประเทศไทย , สมาคมกีฬาบิลเลียตแห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย ,สมาคมกีฬาคูราซแห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตแห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬาจูยิตสึแห่งประเทศไทย

  
2.ทีมประสิทธิภาพแห่งปี สาขาสื่อสารมวลชน จำแนกเป็นสื่อกระแสหลัก (ฟรีทีวี,นสพ.วิทยุ,เว็บไซต์) กับสื่อกระแสรอง (ทีวีดาวเทียม,สำนักข่าวเอกชน,สื่ออิสระ,เอ็นจีโอ,โซเชียลมีเดีย)

สื่อกระแสหลัก (เน้นการแพร่ข่าวสาร,บทวิเคราะห์เจาะลึกที่น่าเชื่อถือ,ทันสถานการณ์,นำเสนอตรงไปตรงมาไม่บิดประเด็น,ไม่จำเป็นต้องเป็นกลาง,ไม่จำเป็นต้องเร็วมาก,มีแหล่งข่าวที่ดี,ไม่ชี้นำสังคม,แยกแยะผิดถูกชั่วดี,กล้านำเสนอความจริง) ได้แก่ 7HD สนามข่าวเจ็ดสี, TPBS ที่นี่ไทยพีบีเอส, ช่อง 9 MCOT คุยรอบทิศ, ไทยรัฐทีวีนิว์สโชว์,Nation ทีวีคนข่าวเข้ม, One HD ข่าววันศุกร์, Amarin TVทุบโต๊ะข่าว  ,3HD ข่าว 3 มิติ ,Mono 29 กู๊ดมอร์นิ่งนิวส์, PPTV36HD เข้มข่าวค่ำ , TNN ประเด็นใหญ่ ,นสพ.ไทยโพสต์นสพ.โพสต์ทูเดย์-บางกอกโพสต์ ,นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ,นสพ.ผู้จัดการ360องศา ,นสพ.กรุงเทพธุรกิจ-เนชั่น-คมชัดลึก นสพ.มติชน-ข่าวสด-ประชาชาติธุรกิจวิทยุคลื่น 90.5 คลื่นเนชั่น, 96.5 modernradio 105 LiveTalk ,101-RR1 ,สนข.BBC Thai



สื่อกระแสรอง (เน้นการแพร่ข่าวสาร,บทวิเคราะห์เจาะลึกที่น่าเชื่อถือ,ทันสถานการณ์,นำเสนอตรงไปตรงมาไม่บิดประเด็น,ไม่จำเป็นต้องเป็นกลาง,ไม่จำเป็นต้องเร็วมาก,มีแหล่งข่าวที่ดี,ไม่ชี้นำสังคม,แยกแยะผิดถูกชั่วดี,กล้านำเสนอความจริง) ได้แก่ เคเบิ้ลทีวี News 1,วิทยุ สวพ. 91 ,จส.100,เฟซบุ้คคุณทนง ขันทองเว็บไซต์แบงคอคบิสนิวส์เว็บไซต์ไทยพับลิก้า,เว็บไซต์ เดอะโมเม็นตัมเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์สำนักข่าวอิศรา ,เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์, เว็บไซต์ The Standard co, เว็บไซต์ Sanook , เว็บไซต์ทีนิวส์, เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์ ,เว็บไซต์เอ็มไทย ,เว็บไซต์ MGR online ,เพจอีจันเพจบิ๊กเกรียน, เพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ของคุณอัจฉริยะ, เพจ Drama-Addict ,ช่อง You Like Clip เด็ด V.4  ,เพจ CSI LA ,หมอแล็ปแพนด้า ,เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ v.4  ,เพจ FuckGhost , เพจอีเจี๊ยบเลียบด่วน , เพจใต้เตียงดารา




3.ทีมประสิทธิภาพแห่งปี สาขาหน่วยงานภาครัฐ,หน่วยงานบริการสาธารณะชน,องค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อสาธารณประโยชน์ ได้แก่

หน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วนและหน่วยบรรเทาสาธารณภัย บริษัทเอกชน จิตอาสาต่างๆ ที่มาช่วยเหลือในเหตุการณ์น้ำท่วมภาคอีสานและภาคกลาง โดยเฉพาะ จว.อุบลราชธานี สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ,สำนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน,กระทรวงวัฒนธรรม , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทกรุงเทพมหานคร , มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคมูลนิธิทูบีนัมเบอร์วันศูนย์ประชาบดี 1300 ,ศูนย์เอราวัณ 1646 ,สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ,มูลนิธิชัยพัฒนา ,มูลนิธิพระดาบส ,มูลนิธิสายใจไทย ,มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ,คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล  ,รพ.รามาธิบดี ,เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทยกลุ่มผีเสื้อกระพือปีก ,สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ,เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์  ,มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม ,สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย , มูลนิธิเด็ก ,มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง , มูลนิธิร่วมกตัญญู ,มูลนิธิร่มไทร ,มูลนิธิกู้ภัยสระบรี , เครือข่ายอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ,กองบังคับการตำรวจทางหลวง , สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ,กระทรวงสาธารณสุข และ สสส.




4.ทีมประสิทธิภาพแห่งปี  สาขาหน่วยงานภาคเอกชน หรือหน่วยธุรกิจให้บริการประชาชน และสาขาบันเทิง  ได้แก่

หมวดผู้ผลิตรายการ  ได้แก่ บริษัทอินเด็กซ์ครีเอทีฟวิลเลจ ,บริษัทเซ้นส์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ,บริษัทมีมิติ , บริษัทกันตนากรุ๊ป , บริษัททีวีบูรพา ,บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย ,บริษัทเฮลิโคเนีย (H Group) ผู้ผลิตรายการค้นหาเชฟกระทะเหล็กคนไทย,มาสเตอร์เชฟไทยแลนด์,มาสเตอร์เชฟจูเนียร์ไทยแลนด์ ,บริษัท TPN และคณะทำงานและทีมเจ้าภาพจัดการประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2019 , ทีมผู้ผลิต (คุณเต้ ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก) รายการ The Face,The Face Men Thailand  ,บริษัท เจมีดี (ผู้จัดรายการ 10 Fight 10) , บริษัทเจเอสแอลโกลบ้อลมีเดีย-ทริปเปิ้ลทู ค่ายละครเวที ดรีมบ็อกซ์ ,ค่ายละครเวที เมืองไทยรัชดาลัย (ซีนาริโอ้)  







หมวดผู้จัดละคร ได้แก่ บริษัทนาดาวบางกอก , บริษัทโฟโนล็อก , บริษัทจีเอ็มเอ็มทีวี , บริษัทภาพดีทวีสุข  , บริษัทแอค-อาร์ต เจเนอเรชั่น , บริษัทอาหลองกรุ๊ป , บริษัทเมกเกอร์วาย , บริษัทซีนาริโอ  ,บริษัทกันตนากรุ๊ป  บริษัทพอดีคำเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ , บริษัทดีด้าวีดีโอโปรดักชั่น , บริษัทโคลีเซียมอินเตอร์กรุ๊ป  , บริษัทสามเศียร ,บริษัทปรากฏการณ์ดี  , บริษัทตราเมจิก-ป้าสั่งย่าสอน , บริษัท ฟิลกู๊ด เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ,บริษัท 9 บีเวอร์ฟิล์ม  ,บริษัทเดอะวันเอ็นเตอร์ไพร์ซ , บริษัทเอพลัสโปรดักชั่น , บริษัทมงคลดี โปรดักชั่น , บริษัทมากกว่าฝัน , บริษัทโซนิกซ์บูม 2013 , บริษัท แบร์อินมายด์ สตูดิโอส์ , บริษัท เซ้นจ์ 2561 , บริษัททีฟาสตูดิโอ-อู่ข้าวอู่น้ำ , บริษัทแทรชเชอร์บางกอก , บริษัททรูซีเจ ครีเอชั่นส์ , บริษัทประกายฟ้าโปรดักชั่น , บริษัทจีเอ็มเอ็มบราโว , บริษัทอาร์ท็อปมีเดีย , บริษัทเลเซอร์แคท  ,คณะทำงานและผู้แสดงโขนพระราชทาน ชุด “สืบมรรคา”  ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษฯ






หมวดผู้สร้างภาพยนตร์ ได้แก่ บริษัทจีดีเอช-จอกว้างฟิล์ม จำกัด , บริษัทไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น , บริษัททรานฟอร์เมชั่น , บริษัทมิทเอ้าท์ซาวด์ฟิล์ม บริษัท เอ็มพิกเจอร์ , บริษัท ซีเจ เมเจอร์ , บริษัท BNK48 Films , บริษัทสหมงคลฟิล์ม, บริษัทโมโนพิกเจอร์สบริษัทฮึดฮอย ฟิล์ม , บริษัทบั้งไฟฟิล์ม  

หมวดค่าย/ผู้ผลิตผลงานเพลง วอทเดอะดักส์, ค่ายแกรมมี่โกดล์ , ค่ายจีนี่เรคคอร์ด , ค่ายไวท์มิวสิค ,ค่ายสไปซี่ดิสก์ ,ค่ายสมอลล์รูม ,ค่ายอาร์สยาม ,ค่ายโซนี่ (บีอีซี) มิวสิก , ค่าย จีเอ็มเอ็ม แกรนด์ มิวสิก, ค่ายมิวสิกครีม , ค่ายมีเรคคอร์ด , ค่ายเลิฟอีส , ค่ายเพลงไหทองคำเรคคอร์ด , ค่ายนาดาวมิวสิก ,ไทยสแตนด์อัพคอเมดี้ , ค่ายเซิ้งมิวสิก , ข้าวสารเอ็นเตอร์เทนเม้นต์  , ค่ายไอแอม , ค่ายไทเทเนียมเอนเตอร์เทนเม้นต์ , ค่ายเพลงก้านคอคลับ

5.ทีมด้อยประสิทธิภาพแห่งปี รางวัลนี้ต้องถวายพาน ปูพรมแดงยกให้กับ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และองค์กรอิสระที่เป็นผลผลิตจากรัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ.2560 ด้วยผลงานชิ้นโบแดง การจัดการเลือกตั้งห่วยแตก เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2562 เราจะสาธยายไปทีละข้อ ทีละประเด็นดังนี้

1.ผลวิจัยชี้ชัดว่า สูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่ยอมให้คะแนนที่ตกน้ำนำมาคิดคำนวณเป็นจำนวน ส.ส.ไม่เคลียร์ และมีปัญหา หรือเรียกว่า “จัดสรรปันส่วนผสม” ทำให้เกิดความไม่ยุติธรรม และมีผลไปถึงการคำนวณคะแนนเสียงปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคใหญ่ที่ต้องหายไปจำนวนมา เพื่อไปเกลี่ยให้กับพรรคเล็กๆ ที่คะแนนได้ไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ ซึ่งใครกันเป็นคนออกแบบกฏเกณฑ์ที่ว่านี้ (ลามไปด่าถึง ผู้ร่างหรือเขียน รธน.ฉบับปี 60 ได้วางยาเอาไว้หรือไม่???),จากผลพวงของการจัดสรรปันส่วนผสมนี้เองทำให้เกิดพรรคเล็กพรรคน้อย ที่ได้ที่นั่งเพียง 1 ส.ส. เข้าสภาจำนวนมาก (เป็นการเมืองที่ถอยหลังเข้าคลอง ไม่พัฒนาไปไหน กลายเป็นประเทศหรือรัฐบาลที่ประกอบด้วยรัฐบาลผสมที่ประกอบด้วยจำนวนพรรคมากที่สุดในโลก) ก่อให้เกิดการซื้อตัว ส.ส.จำนวนมากแบบเหมาคอกเหมาเข่ง เพื่อให้ได้จำนวน ส.ส.ตามที่ต้องการเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่สนใจกระแสสังคมหรือความชอบธรรมใดๆ ทั้งสิ้น นักวิชการแนะควรแก้ ก.ม. เลือกตั้งใหม่ทั้งกระบิ หาไม่แล้ว ก็จะมีปัญหาในการเลือกตั้งครั้งต่อไปอีก

2.บทสรุปการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. มีปัญหาอะไรบ้าง คือ คูหาเลือกตั้งใช้ลังกระดาษในเลือกตั้งนอกเขตที่มาเลเซีย ทำให้ไม่โปร่งใส มองเห็นการกาบัตรโดยง่าย ,เอกสารแนะนำชื่อ ส.ส.ผิดพลาดคลาดเคลื่อน  ,ปัญหาการลงทะเบียนล่วงหน้า ระบบล่มและล่าช้า , รวมถึงการรวบรวมหีบคะแนนเสียงของผู้ใช้สิทธนอกราชอาณาจักร ในประเทศนิวซีแลนด์ตกหล่น มาทัน แต่หาว่ามาล่าช้า เพราะไม่มี จนท.ไปเอาคะแนนมานับรวม กกต.จึงถือให้เป็นบัตรเสียทั้งหีบ (ซึ่งเป็นข่าวดังลงทุกสื่อมาแล้ว) ,การประชาสัมพันธ์ ระบบการเลือกตั้งครั้งนี้ ถือว่าสอบตก ผู้มาใช้สิทธิ์จำนวนมากไม่เข้าใจในหลายๆ ประเด็น ทั้งๆ ที่การเลือกตั้งครั้งนี้ มีการเปลี่ยนแปลงบริบทไปมากๆ จากครั้งก่อนๆ

3.ปัญหาใหญ่ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ปี พ.ศ.2560 มีอะไรบ้าง

ประเด็นที่หนึ่ง กระบวนการเข้าสู่อำนาจของผู้ปกครอง ดังที่ทราบกันแล้วว่า นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้นำของฝ่ายบริหารนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. หรือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงไม่มีจุดเชื่อมโยงกับประชาชนโดยตรง เพียงแต่อาศัยเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดก็สามารถดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งในจำนวนนั้นมีเสียง ส.ว. 250 คน สนับสนุนอยู่แล้ว  ส.ว. เหล่านี้มาจากการแต่งตั้งโดย คสช. ส.ว. แต่งตั้งเป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน คือ คนเดียวกันกับหัวหน้า คสช. ที่เข้าสู่อำนาจด้วยการยึดอำนาจรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ส.ว. แต่งตั้ง ได้ยึดครองพื้นที่ทางการเมืองของประชาชนในรัฐสภา ถ้ากล่าวในเชิงปริมาณอย่างน้อยก็ครองพื้นที่ 1 ใน 3 แต่ความจริงในทางการเมืองนี้ คือ ผนังทองแดงกำแพงเหล็กที่พิทักษ์ปกป้องรัฐบาลนี้  ในส่วนขององค์กรอิสระทั้ง 5 องค์กร ไม่ว่าจะเป็น กกต. ซึ่งคัดเลือกโดยคนของ คสช. ผู้ตรวจการแผ่นดินที่ 3 คนก็เลือกจากที่ประชุมวุฒิสภา ป.ป.ช. 9 คน คตง. 7 คน กสม. 7 คนล้วนแต่ผ่านการเลือกสรรจากที่ประชุมวุฒิสภา ก่อนที่จะเสนอให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไทยแต่งตั้ง สรุปว่า การเข้าสู่อำนาจของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เข้ามาใช้อำนาจรัฐทั้งทางบริหารและการปกครองมีจุดยึดโยงกับประชาชนน้อยมากจนกระทั่งไม่มีเลย รูปธรรมที่เป็นปัญหาทางด้านจริยธรรมของนักการเมืองด้วย ก็คือ กรณีที่นายกรัฐมนตรีถวายสัตย์ไม่ครบ ไม่ยอมพูดว่า จะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยรัฐบาลนี้จึงผูกผันและรับผิดชอบต่อประชาชนน้อยมาก ประชาชนไม่อาจคาดหวังความอยู่ดีกินดีภายใต้รัฐบาลนี้ เพราะว่า พยายามไม่ผูกผันใดๆ แม้แต่ภายใต้รัฐธรรมนูญซึ่งถือเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ

ประเด็นที่สอง กระบวนควบคุมและตรวจสอบทางตรงและทางอ้อม รวมถึงการถอดถอนผู้มีอำนาจออกจากตำแหน่ง จริงอยู่ประชาชนเข้าชื่อ 20,000 คน ถอดถอน ป.ป.ช. ได้ แต่การเข้าชื่อถอดถอนนักการเมือง ส.ส. ส.ว. ประชาชนทำไม่ได้ อำนาจตรงนี้อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมิได้มีที่มาจากประชาชนแต่อย่างใด หากแต่มีที่มาจาก คสช. ดังนั้น การใช้สิทธิทางตรงหรือประชาธิปไตยทางตรงก็เป็นอันงดเว้นสำหรับพี่น้องประชาชนทั้งหลาย สรุปว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 ไม่รับรองสิทธิการตรวจสอบและถอดถอนนักการเมือง ผู้มีอำนาจออกจากตำแหน่ง

ประเด็นที่สาม การสืบทอดอำนาจของ คสช. คสช. แต่งตั้งศาลรัฐธรรมนูญ แต่งตั้ง ป.ป.ช. แต่งตั้ง ส.ว. แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี  29 คน ซึ่งมีองค์ประกอบนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีรองนายกรัฐมนตรี มีรองประธานสภา มีทหาร ตำรวจ มี ผบ.เหล่าทัพ รวม 6 คน ประธานสภาหอการค้า ประธานสภาอุตสาหกรรม ประธานการท่องเที่ยว ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งล้วนแล้วมาจากภาคธุรกิจ และนายธนาคาร  องค์กรอิสระที่ คสช. แต่งตั้งขึ้นมามีบทบาทสำคัญคอยกำกับควบคุมรัฐบาล โดยเฉพาะคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติซึ่งไม่มีความเชื่อมโยงใดๆ จากประชาชน ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มีบทบาทกำกับควบคุมให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้องกระทำการต่างๆ ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติที่ร่างไว้แล้ว

ประเด็นที่สี่ ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งอยู่ภายใต้บทบัญญัติมาตรา 255-256 ทำได้ยาก กระทั่งทำไม่ได้เลย และการสืบทอดอำนาจของ คสช. ภายใต้มาตรา 279 อำนาจ คสช. ยังแฝงเร้นดำรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 และรัฐบาลที่มาจาการเลือกตั้ง ซึ่งเสมือน เสื้อคลุมประชาธิปไตยที่ปิดบังลักษณะเผด็จการที่เป็นเนื้อแท้ เพราะว่าคำสั่งคสช. ประกาศ คสช. คำสั่งหัวหน้า คสช. ได้ถูกรับรองให้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ดังนั้น คำสั่งและประกาศทั้งหลายที่มีแนวโน้มละเมิดสิทธิ ซึ่งมีปฏิบัติการละเมิดสิทธิประชาชนมาโดยตลอดก็ยังดำเนินต่อไปภายใต้รัฐธรรมนูญปัจจุบัน (เครดิตข้อมูลบทความจากเพจ ilaw.or.th : ชื่อบทความ ปัญหารัฐธรรมนูญ 2560 ที่ไม่เป็นกฎหมายสูงสุดอีกต่อไป ไร้ฉันทามติ และลดอำนาจประชาชน




จริงๆ ยังมีอีก 2 หน่วยงาน ที่ควรจะได้รับรางวัล “ทีมด้อยประสิทธิภาพแห่งปี 2019” นี้ไปด้วยเลยในปี้นี้ ก็คือ กรมวิชาการเกษตร ในกรณีไม่พัฒนาหรือค้นหาวิธีการที่จะใช้วิธีการอื่นในการทำเกษตร โดยไม่ใช้ 3 สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อเกษตรกร และไม่มีการให้ความรู้หรือประชาสัมพันธ์อย่างจริงจังและจริงใจต่อเกษตรกร ในอันที่จะให้ล้มเลิกการใช้ 3 สารเคมี ทั้งๆ ที่มีผลงานวิจัยจากต่างประเทศหลายสถาบันชี้ชัดแล้วว่า 3 สารเคมีนั้นมีอันตรายต่อพืชไร่และเกษตรกร ถึงชีวิต เป็นสารก่อมะเร็งในระยะยาว แต่หน่วยงาน กรมวิชาการเกษตร กลับยืนอยู่ข้างเดียวกับกลุ่มทุนหรือบริษัทผู้นำเข้า 3 สารเคมีนี้เข้ามาในประเทศ และเพิกเฉยต่อการทำหน้าที่ของตัวเอง ในฐานะที่ควรเป็นที่ปรึกษาที่ดีของเกษตรกรชาวไทย อีกหน่วยงานหนึ่งก็คือ “สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย”  ในยุคที่นายกสมาคมชื่อว่า “สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง” ไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน มีแต่เข้ามาตรวจสอบความเสียหายการใช้งบของนายกสมาคมคนก่อนหน้าของตัวเอง อีกทั้งเปลี่ยนเฮดโค้ชไป 3 คน แล้ว (จากซิโก้ มาเป็นราเยวัช มาเป็นโค้ชโต่ย และล่าสุด นิชิโนะ)  บอลชายในทุกชุด ตั้งแต่ชุด U16,U19,U23 ล้วนทำทีมตกรอบการแข่งขันทัวร์นาเม้นต์ที่สำคัญแทบทุกรายการ ยังไม่นับผลงานทีมชาติชุดใหญ่ที่ก็ไม่เข้าตาล่าสุด คือตกรอบซีเกมส์ หนล่าสุด ในรอบ 8 ปี และกำลังลุ่มๆ ดอนๆ กับการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ซึ่งก็มีทีท่าว่าจะไม่น่าผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายของทวีปเอเชียไปได้ เนื่องจากไม่สามารถเก็บ 3 แต้มเต็มในนัดแรกได้ และยังต้องเหลือแมตช์ไปวัดกับมาเลเซียและเวียดนามถึงในบ้านเขา และแมตช์ไปเยือน UAE ในบ้านเขาเช่นกัน  เรียกว่า หนทางผ่านเข้ารอบไปนี้หินสุดๆ ส่วนบอลหญิงแม้จะผ่านเข้ารอบได้ไปบอลโลกมาเป็นสมัยที่ 2 แล้ว แต่โดยภาพรวมก็ยังไม่เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นของทีมฟุตบอลหญิงไทยที่จะสามารถก้าวเข้าไปเป็นทีมชั้นนำของทวีปเอเซียได้ ยังพอมีหวังอยู่บ้างก็คือทีมฟุตซอลชายของไทย ที่ยังมีผลงานและแร้งค์กิ้งอยู่ในระดับต้นๆ ของเอเชีย แต่โดยภาพรวมของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ได้นายสมยศ พุ่มพันธ์ม่วงเข้ามาบริหารงานในยุคปัจจุบัน ขนาดมีสปอนเซอร์รายใหญ่ให้การสนับสนุน ด้วยงบประมาณอย่างเต็มที่มากที่สุดที่เคยมีมา แต่หากดูไปที่ผลงาน และการวางระบบ ยังถือว่าสอบไม่ผ่าน และปัญหาสำคัญที่สุดอีกประการก็คือ ไม่มีการวางรากฐานไปที่ลีกยุวชน หรือมีลีกสำหรับเยาวชนในบ้านเรา รวมถึงสนามแข่งขัน ศูนย์กีฬาที่ได้มาตรฐาน ในขณะที่มาเลเซีย และเวียดนาม ประเทศเพื่อนบ้านของเรา ได้พัฒนาไปไกลมากแล้ว นี่เป็นอีกข้อแตกต่างที่ทำให้ส่งดอกผล ไปถึงผลงานของทีมชาติชุดใหญ่ของไทยเรา ตกต่ำที่สุดในรอบ 8 ปี ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเราในอาเซียน พัฒนาขึ้นมาก ในเกือบทุกประเทศ

นี่จึงเป็นบทสรุปว่า “ทีมด้อยประสิทธิภาพแห่งปี 2019” ในปีนี้ เพจหยิกแกมหยอก ขอยกให้กับ 3 หน่วยงานสำคัญนี้ รับเอาไป ก็คือ  สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  กรมวิชาการเกษตร สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  และ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย


หยิกแกมหยอก บทวิเคราะห์และเรียบเรียง 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น