วันพุธที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2561

บันทึกการเดินทางของชีวิต (3) และอิสรภาพ ชุดที่ 3 เวลาและนาฬิกาทราย (Time and Hourglass)








ณ ขณะที่ผู้เขียนกำลังเขียนบทความชิ้นนี้อยู่นึกถึงอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรก เวลากับคนสองคน (กรณีข่าวกอล์ฟเลิกกับขวัญ หรือข่าวเจ ธนาธิปเลิกกับเมย์ พิชญ์นาฏ)  หรือเพลงก้อนหินกับนาฬิกา ซึ่งเป็นเพลงโปรดทั้ง 2 เพลงของผู้เขียน กับเรื่องที่ 2 นิติกรรมอำพรางกรณีนาฬิกาหรู 25 เรือนของบิ๊กป้อม ที่เอามือปิดฟ้าไม่มิด ผู้เขียนได้สัจธรรมอยู่ข้อนึงว่า เวลาเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถไปควบคุม กำหนดมันได้ เวลาเป็นสิ่งที่เที่ยงตรงที่สุด ยิ่งกว่าศาลไหนๆ เวลาไม่เคยปลิ้นปล้อนหลอกลวงสรรพสิ่งใดๆ ได้  ทุกคนสามารพูดโกหก หรือจะก่อพฤติกรรมอำพรางใดๆ ก็ได้ แต่ไม่สามารถโกหกหรือหลอกลวง ตัดต่อเวลาได้ เพราะเวลามันเดินของมันอย่างเที่ยงตรงไปทุกก้าว ไม่มีใครจะสามารถไปเหนี่ยวรั้ง ดึงเวลา สั่งกดปุ่ม ให้เวลาหยุดได้

จึงมีสัจธรรมที่บอกว่า เราสามารถแก้ไขนิสัย ใจคอ พฤติกรรมของเราในปัจจุบันได้ แต่ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอดีต หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านไปแล้วได้ เช่น ประวัติ ภูมิหลัง พฤติกรรม ผลงาน เรื่องราวไม่ดี ในอดีตของตน แต่เราสามารถสร้างคุณงามความดี หรือทำสิ่งดีๆ ในปัจจุบันให้ดีได้ 

เรื่องราวที่อยู่เบื้องหน้า ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน บางครั้งไม่สามารถบอกได้ว่า คนๆ นั้นเป็นคนดีหรือคนชั่ว เพราะเขาสามารถปกปิด อำพราง สร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดีได้ แต่หากสืบย้อนไปในอดีต ถึงปูมหลัง พฤติกรรมในอดีต จะสามารถนำมาพินิจพิเคราะห์ถึงพฤติกรรมในปัจจุบันของเขาได้ อันนี้เป็นศาสตร์ของคนที่เรียนมาทาง พฤติกรรมศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์ จิตวิทยา  เรื่องราวของมนุษย์จึงเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน เข้าใจยาก แต่เรื่องราวของเวลานั้น มีนักวิทยาศาสตร์ นักฟิสิกส์ระดับรางวัลโนเบลของโลก ได้ศึกษาเอาไว้ ค้นคว้าเอาไว้เรียบร้อยแล้ว มันไม่ได้ลึกลับซับซ้อนจนเข้าใจยากเท่ากับเรื่องของจิตใจมนุษย์เลย

เอาง่ายๆ เรื่องความรัก เป็นเรื่องของเวลา หรือจิตใจมนุษย์ ตอบว่าจิตใจมนุษย์ นี่จึงเป็นคำตอบว่า เหตุใดมีข่าวเรื่องคนดัง รักๆ เลิกๆ กันอยู่ให้เห็นบ่อยๆ ไม่เที่ยงแท้แน่นอน เพราะว่าจิตใจมนุษย์เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเป็นรายวินาที เปรียบเสมือนที่พระพุทธเจ้าเคยเทศนาสั่งสอนบรรดาสาวกเอาไว้ว่า จิตมนุษย์เกิดๆ ดับๆ เป็นรายวินาที เป็นที่มาของการสอน เรื่อง การเจริญสติ กำหนดจิตให้เป็นปัจจุบันขณะ เป็นหลักการเจริญสติ ทำสมาธิ และวิปัสสนาเบื้องต้น ที่ชาวพุทธทราบกันดี หากว่าความรัก ไม่มีอะไรไปเกี่ยวเนื่องกับจิตใจมนุษย์ แต่ไปผูกโยงกับเวลาเพียงอย่างเดียว จะพบว่า ความรักนั้นจะยั่งยืนอยู่ยั้งเป็นอนันตกาลอย่างถาวรตลอดไป  (ผู้อ่านอาจจะเถียงและด่าผู้เขียนว่า จะบ้าเหรอ ความรักมันจะไปเกี่ยวกับเวลาได้อย่างไรกัน ถ้ามันเกี่ยวกันได้ ก็ไม่เรียกว่าความรักแล้วสิ) ผู้เขียนเพียงตั้งสมมติฐานหรือยกตัวอย่าง เปรียบเทียบดูเล่นๆ

ในความรู้สึกของผู้เขียนและคนโดยทั่วไปจะมอง “เวลา” เป็นเส้นตรง คือเวลาจะเดินหน้าอย่างเดียว คงไม่เดินถอยหลัง หรือเดินๆ-ถอยๆ อยู่อย่างนั้น จนงง ก็ตั้งแต่คนเราเกิดมา ก็นับอายุขัยแบบเดินไปข้างหน้า ที่เรียกว่าอายุ นั่นแหละ ก็เพราะมนุษย์โดยทั่วไป มองมิติของเวลาเป็นแบบเส้นตรงและแนวตั้งด้วย
แต่เมื่อซัก 100 กว่าปีที่ผ่านมานี้เอง โลกมีนักฟิสิกส์ โดยเฉพาะนักฟิสิกส์ผู้บุกเบิกแนวคิดเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลกและเวลา อย่าง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (เจ้าของทฤษฏีสัมพัทธภาพ) และอีกหลายๆ คน 

พัฒนาต่อยอดแนวคิดของไอน์สไตน์ จนเป็นที่มาของทฤษฏีควอนตัม ไอน์สไตน์ค้นพบว่าแสงเดินทางเป็นเส้นโค้ง จึงเป็นที่มาที่ทำให้ค้นพบว่า เวลากลายเป็นมิติที่ 4 (3มิติคือกว้างยาวลึก) และเวลาไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรงเฉกเช่นแสงที่เดินทางเป็นเส้นโค้ง เวลาอาจเดินทางเป็นเส้นคดเคี้ยว 

เรื่องของเวลาเดินทางเป็นเส้นคดเคี้ยว เคยทำให้ผู้อ่านงงมาก ถ้าเอาแบบอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจง่ายๆ ก็คือ เวลามันไม่ได้เดินทางเป็นเส้นตรงแนวตั้ง แต่อาจเป็นเส้นคดโค้งและอาจเดินทางมาในลักษณะแนวนอน กล่าวคือเวลาไม่สามารถบ่งบอกได้ว่า เรากำลังอยู่ในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต แต่เรามักจะรู้สึกไปเองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา ณ ปัจจุบันขณะ คือปัจจุบัน  ซึ่งจริงๆ เหตุการณ์ที่กำลังเกิดกับเรา ณ ตอนนี้อาจเป็นอนาคตของอดีตของเรา หรืออาจเป็นอดีตของอนาคตก็เป็นได้ ยิ่งอธิบายยิ่งงงไปกันใหญ่ แต่ลองนำเอาตัวอย่างของภาพยนตร์มาวิเคราะห์ดู

ผู้เขียนเคยมีความรู้สึกแปลกๆ กับเหตุการณ์ สถานที่ และผู้คน มาก่อน เช่น เคยไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวนึงเป็นครั้งแรก แต่ก็รู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่นั้นมากๆ ราวกับว่าเคยอยู่หรือเคยมาเที่ยวที่นี่มาแล้ว ความรู้สึกมันคุ้นชินจริงๆ หรือเคยมั๊ยที่พบเห็นคนแปลกหน้าเป็นครั้งแรก ที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่มีความรู้สึกเหมือนว่าเรารู้จักเขาเป็นอย่างดี หรือเคยรู้จักกันมาก่อนเป็นเวลานานแล้ว แต่คิดเท่าไรก็นึกไม่ออกซักทีว่า ทำไมเราถึงคุ้นเคยกับคนๆ นี้จัง หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์บางอย่างที่เราไปประสบพบเห็นมา เราก็คุ้นๆ ว่า เราเคยประสบเหตุการณ์นี้มาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าเมื่อไหร่ ตอนไหน แต่มันคุ้นว่าเคยเกิดกับเรามาแล้ว เป็นต้น ใช่แล้วครับ ลักษณะแบบนี้ คล้าย เดจาวู หรือเป็นเหตุการณ์ระลึกชาติ อะไรเทือกนั้น

ผู้อ่านเคยดูหนังเรื่อง Edge of Tomorrow (ที่นำแสดงโดยทอม ครู๊ซ) ตัวเอกพบว่าเขาเผชิญสถานการณ์การสู้รบในเหตุการณ์เดิมๆ ซ้ำๆ ตายแล้วเกิดใหม่ วนเวียนอยู่อย่างนี้นับสิบครั้ง แต่เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะไม่ทำสิ่งเดิมๆ ลองเปลี่ยนการกระทำ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเขายังคงตายเหมือนเดิม แต่เหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป เขาสามารถช่วยชีวิตคนอื่นไม่ให้ตายได้ หรืออย่าง Interstella (ที่นำแสดงโดยแม็ทธิว แม็คคอนนาเฮย์) ตัวพระเอกกับครอบครัวพยายามเดินทางไปค้นหาดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่จะทำให้รอดชีวิตจากภาวะวิกฤตพืชไร่บนโลก โดยค้นพบยานอวกาศที่จะสามารถเดินทางข้ามมิติได้ โดยผ่านรูหนอน โดยได้รับคำชี้แนะจากนักวิทยาศาสตร์นาซ่า โดยอาศัยทฤษฏีแรงโน้มถ่วง , Back to The Future (ที่นำแสดงโดยไมเคิล เจ.ฟ็อกซ์) เป็นเรื่องราวของศาสตราจารย์สติเฟื่องคิดค้นยานไทม์แมชชีน ที่สามารถเดินทางย้อนกลับไปในอดีตได้ โดยการตั้งเวลาให้ย้อนกลับไปยังปี ค.ศ.และสถานที่ที่ต้องการ แต่จะต้องกลับมาให้ทันเวลาก่อนที่เวลาจะเดินทางกลับมาสู่เวลาปกติ ฯลฯ 

นี่เป็นตัวอย่างของหนังที่พูดถึงการเดินทางย้อนเวลา เราแทบไม่เชื่อว่าคนในสมัยปัจจุบันสามารถเดินทางย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีตได้ แต่ในอนาคตกำลังจะกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เมื่อวิวัฒนาการความก้าวหน้าของวิทยาการ เดินทางมาถึงจุดที่สามารถไขความลับเรื่องของมิติที่ 5 หรือมิติด้านเวลาได้อย่างสมบูรณ์ และเทคโนโลยีทุกอย่างได้วิวัฒนามาไกลจนสามารถมีเครื่องไม้เครื่องมือที่จะสามารถเดินทางไปพิสูจน์ได้

นักวิทยาศาสตร์ควอนตัม ยังได้พูดไปถึงการหายตัวได้ ของคนหรือสสารต่างๆ ซึ่งได้ถูกคิดค้นขึ้นในทฤษฏีที่ว่าด้วย Quantum Teleportation หรือเรียกทางศัพท์วิชาการว่า การเคลื่อนย้ายสถานะทางควอนตัม

ที่คนเราพูดถึงเวลากันนั้น มักพูดกันในมิติของเวลาที่เป็นเส้นตรงเสียเป็นส่วนใหญ่ คือเวลามักเดินหมุนไป เวลาไม่คอยใคร คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน พระเจ้าได้มอบทรัพยากรทางธรรมชาติให้แก่มนุษย์ที่เท่าเทียมและยุติธรรมกัน เฉพาะในเรื่องของเวลา ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นคนชนชาติใด ศาสนาใด เพศใด สถานะทางสังคม สถานะทางเศรษฐกิจเป็นเช่นใด อยู่ในวรรณะอะไร อยู่ในภูมิศาสตร์ หรือภูมิอากาศแบบไหนก็ตาม คุณได้เวลาเท่ากันทั้งหมดคือวันละ 24 ชั่วโมง ที่จะนำไปบริหารจัดการชีวิต โดยที่มนุษย์ไม่สามารถอ้างได้ว่า ฉันได้เปรียบ เสียเปรียบใคร ดังนั้นข้ออ้างที่ว่าของมนุษย์เรื่องเวลา จึงฟังไม่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ฉันไม่มีเวลาให้ครอบครัว ฉันไม่มีเวลาที่จะออกกำลังกาย ฉันไม่มีเวลาที่จะมาถกเถียงหรือรับฟังปัญหาของคุณ บลาๆๆ

มนุษย์เริ่มตระหนักถึงภัยธรรมชาติ หรือความวิกฤติแปรปรวนทางภูมิอากาศ หรือ climate change ซึ่งเพิ่งจะมาตระหนักกันไม่กี่สิบปีมานี้เอง เรื่องโลกร้อน และภาวะอากาศวิกฤติแปรปรวนรุนแรง

นาฬิกาทรายเป็นสัญลักษณ์ของการนับเวลาถอยหลังของเวลา หรือเวลากำลังสิ้นสุดลง ของเหตุการณ์ หรือสถานการณ์อะไรก็ตามแต่ เช่น นับถอยหลังวิกฤติโลกร้อน ที่น้ำแข็งขั้วโลก บริเวณแอนตาร์กติก จะละลายกลายเป็นมวลน้ำในมหาสมุทร ,นับถอยหลังการก้าวเข้าสู่สังคมของมนุษย์แอนดรอยด์ หรือสังคมหุ่นยนต์ เป็นต้น

ผู้เขียนเอาเรื่องเวลามาพูดถึง ฟังดูเป็นนามธรรมเอามากๆ แต่ไม่ใช่เพราะเวลาหรอกเหรอ ที่ทำให้มนุษย์ต้องมาแข่งขัน แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน และเวลากำลังเป็นตัวกำหนด ตัดสิน ความเป็น ความตาย ตลอดจนการอยู่รอดของมนุษย์ในโลกยุคปัจจุบัน จนกว่ามนุษย์จะมีเครื่องมือเครื่องไม้ที่สามารถคลี่คลายปริศนาตัวที่ 5 มิติด้านเวลาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เมื่อนั้นผู้เขียนจะขอหายตัวไปปลีกวิเวกชั่วคราวที่ดาวนพเคราะห์ซักดวง อันไกลโพ้น หลบหนีความวุ่นวายบนโลกนี้ชั่วคราว ซัก 500 ปีแสง แล้วค่อยกลับมา (อันนี้ต้องตายแล้วเกิดใหม่อีกไม่รู้กี่ร้อยกี่พันชาติ จึงจะเป็นเช่นนั้นได้)

แต่ความก้าวหน้าของจิตมนุษย์สามารถทำได้ตั้งนานแล้ว นับแต่สมัยพุทธกาล เพราะจิตสามารถเดินทางได้เหนือกาล อันนี้เป็นความเยี่ยมยอดที่แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ยังทึ่งต่อหลักพุทธ ที่สามารถทำได้ และอธิบายให้คนเข้าใจได้ยากยิ่ง

https://www.ted.com/talks/jim_al_khalili_how_quantum_biology_might_explain_life_s_biggest_questions/transcript?share=19f3f967df&language=th

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง ได้ตามลิ้งค์นี้

-113 ปี ฟิสิกส์ควอนตัมที่ทำให้โลกเป็นอย่างทุกวันนี้ http://www.manager.co.th/science/viewnews.aspx?NewsID=9560000130370

-ทฤษฏีสัมพัทธภาพ                                                        
http://www.scimath.org/lesson-physics/item/7220-2017-06-11-05-36-38


-การทดลองข้ามทศวรรษยืนยันอีกครั้ง ไอน์สไตน์ถูกต้องhttps://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000062665






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น