วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ทีวีดิจิตอลบักโกรกกันถ้วนหน้า เปลี่ยนผ่านจากน่านน้ำสีน้ำเงินสู่น่านน้ำสีแดง ผู้เหลือรอดคือทุนใหญ่เท่านั้น

 
 
สถานการณ์ของธุรกิจทีวีดิจิตอล ภายหลังผ่านพ้นเหตุการณ์ช่วงไว้อาลัย (30 วัน) จากการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9

ดูเหมือนรายการปกติได้ทยอยกลับมาออกอากาศได้ตามปกติ และจะกลับมาเป็นปกติทั้งหมดน่าจะช่วงธันวาคมไปแล้ว แต่ช่องต่างๆ มีความเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง ล้มหายตายจากกันไป โดยมีเค้าลางมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว (2558) เริ่มจากช่อง 15 Loga และช่อง 17 ทีวีไทย ของเจ๊ติ๋ม ได้ขอไม่จ่ายค่าสัมปทาน และขอยกเลิกสัมปทานการทำทีวีดิจิตอล  และได้มีการฟ้องร้อง เรียกค่าเสียหายจาก กสทช. โดยอ้างเหตุผลเรื่อง กสทช.ไม่ปฏิบัติตามพันธะสัญญาที่ให้ไว้กับผู้ประกอบการเกี่ยวกับการดำเนินงานก่อนและหลังเปลี่ยนผ่านยุคทีวีอนาล็อคไปสู่ทีวีดิจิตอล ทำให้เกิดผลเสียหายต่อธุรกิจ และผลประกอบการตามมา ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้เคยวางเอาไว้ ทำให้ธุรกิจประสบกับการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง และระหว่างที่ไปร้องต่อศาลปกครองเพี่อขอประวิงเวลาชำระค่าสัมปทาน และขอให้ กสทช.มีมาตรการเยียวยาความเสียหาย แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนอง อีกทั้งยังโดน กสทช.ฟ้องกลับ บังคับให้ต้องจ่าย ค่าสัมปทานงวดที่ 2 ที่ช่องของเจ๊ติ๋มผิดนัดไม่ชำระค่าสัมปทานและค่าเช่าโครงข่ายสัญญาตามกำหนดเวลา ทุกวันนี้ยังเป็นคดีความอยู่ในศาล ซึ่งคงต้องต่อสู้กันต่อไป

ในขณะที่ช่องทีวีดิจิตอลอื่นๆ นั้น โดยส่วนใหญ่ อาการร่อแร่ไม่แพ้กัน มีเพียงช่อง 7 สี,ช่อง 3,ช่อง workpoint เท่านั้นที่มีกำไร นอกนั้นอยู่ในภาวะขาดทุนทั้งสิ้น มากน้อย ตามผลประกอบการของแต่ละสถานี สถานการณ์ตอนนี้ ผู้เขียนคิดว่า มีเพียงช่อง 7 ช่องเดียว ที่ยังลอยลำอยู่ในสมรภูมิทีวีดิจิตอลได้แบบไม่เจ็บตัว และสามารถยืนระยะได้ยาวนาน โดยแทบไม่ได้รับผลกระทบกระเทือนใดๆ มากนัก ทั้งในแง่รายได้ ผลประกอบการ กระแส และเรตติ้ง เนื่องจากครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ในทุกสมรภูมิ และยังมีฐานคนดูสูงที่สุดของระบบโทรทัศน์ไทย เพียงแต่ช่อง 7 อาจต้องปรับปรุงเรื่องคอนเท้นต์บ้างเป็นระยะๆ  เพิ่มคอนเท้นต์รายการใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้ามา  ปรับปรุงรูปแบบการนำเสนอรายการข่าว และละคร ซึ่งทั้งหมดนี้ช่อง 7 ทำอยู่แล้ว จึงทำให้เรตติ้ง ความนิยมยังคงอยู่อันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง และแม้ว่าบางช่วง บางเวลา เรตติ้งอาจลดลงบ้าง ในบางตลาด เช่น ใน กทม. แต่ก็เป็นช่วงเวลาสันๆ เนื่องจากคอนเท้นต์ของคู่แข่งดีกว่า ทำให้เรตติ้งอาจกระทบบ้าง แต่โดยรวมยังคงเป็นที่ 1

ในขณะที่ช่อง 3 (HD,SD,Family) เรตติ้งโดยรวมถือว่าลดลงมากจากยุคก่อนหน้าที่จะเป็นดิจิตอล เนื่องจากสูญเสียมาร์เก็ตแชร์ไปยังช่องเกิดใหม่ ทั้ง workpoint,mono 29,one,gmm25, 8 ฯลฯ เนื่องจากฐานของช่อง 3 เป็นคนเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ทับซ้อนกับช่องเกิดใหม่หลายๆ ช่อง เช่น ช่อง ONE,GMM25,Amarin,PPTV, Mono29 อีกทั้งผู้จัดรายการที่เคยผลิตคอนเท้นต์ให้ช่อง 3 ถอนตัวไปผลิตรายการให้ช่องตนเอง ก็ทำให้สูญเสียฐานรายการ และฐานคนดูตามไปด้วย อีกทั้งช่องเกิดใหม่ทำคอนเท้นต์ได้ดี ได้น่าสนใจไม่แพ้ช่อง 3 อาทิ

-ด้านละคร ถูกแชร์คนดูไปที่ช่อง ONE,GMM25,ช่อง 8,PPTV,Mono29,True4U,9mcot เป็นหลักไม่น้อย ถามว่าแล้วฐานคนดูละครช่อง 3 ย้ายไปช่อง 7 บ้างมั๊ย มีบ้าง เป็นบางเรื่อง ที่เจ๋งกว่าจริงๆ เช่น ละครที่มีอั้มเล่น หรือละครฟอร์มใหญ่ แต่น้อย เพราะฐานคนดูช่อง 3 จะเป็นคนละกลุ่มกับช่อง 7 คนเมืองกับคน ตจว. และรสนิยมของละครช่อง 3 กับช่อง 7 มันมีคาแรกเตอร์ที่ต่างกันชัดเจน เช่นเดียวกับฐานคนดูช่อง 7 จะมีข้ามมาดูช่อง 3 ก็เฉพาะที่มันดัง กระแสดีจริงๆ เช่น สุดแค้นแสนรัก,ข้าบดินทร์,นาคี อะไรทำนองนี้ แต่ปีนึงจะมีไม่กี่เรื่อง เพราะแฟนคลับใคร แฟนคลับมัน คอยบลั๊ฟกัน และไม่ดูของคู่แข่ง อาจตามดูย้อนหลังในยูทูป หากเรื่องของคู่แข่งมีกระแส เรตติ้งดี แต่เป็นการดูเพื่อนำมาเปรียบเทียบ หรือแค่ให้พอคุยกับคนอื่นรู้เรื่อง

-ด้านข่าวถูกแชร์ไปยังไทยรัฐทีวี,Nation-NOW,ช่อง 8,Amarin,WorkPoint,BrighTV,TNN24,Springnews ผลกระทบของสรยุทธ์กับรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทำให้เรตติ้งลดลง ทำให้คู่แข่งเบียดขึ้นมาหลายช่อง ช่อง 3 แก้กลยุทธ์ด้วยการลดเวลาของราการเรื่องเล่าเช้านี้ และไปดึงเอารายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง กับแจ๋ว มาดึงเรตติ้ง แต่ก็รู้สึกว่าจะไม่ช่วยได้มากนัก เพราะรายการที่มาเสียบแทนเป็นรายการเฉพาะกลุ่ม เหมาะกับแม่บ้านมากกว่า คงต้องดูกันยาวๆ ว่าจะฟื้นกลับมาได้มั๊ย

-ด้านเกมโชว์กับเรียลลิตี้โชว์,วาไรตี้โชว์ ถูกแชร์ไปยัง WorkPoint,ช่อง 8,ONE,GMM25,ไทยรัฐทีวี,True4U,9Mcot  เป็นหลัก

-ส่วนกีฬาก็ถูกแชร์ไปยัง True4U,ไทยรัฐทีวี ,PPTV,8 เป็นหลัก

-ด้านซีรีส์หรือภาพยนตร์ต่างประเทศ ถูกแชร์ไปยัง ช่อง Mono29, PPTV,NOW-Nation,NEW เป็นหลัก นี่คือสาเหตุที่เรตติ้งช่อง 3 ลดลง แต่โดยรวมยังมาอันดับ 2 แต่คอนเท้นต์จากที่เคยโดดเด่น ก็มาถูกแชร์ไปจากช่องใหม่ๆ ที่กล่าวมา

ทีนี้ เราจะลองไล่เรียงกันไปทีละช่อง (ที่ผู้เขียนติดตามดูจริงๆ )

ช่อง 13 Family  ควรเปลี่ยนชื่อเป็น ช่อง 13 Series จะดีกว่ามั๊ย เพราะอุดมไปด้วยหนังซีรีย์ฮ่องกง,เกาหลี,ญี่ปุ่น,ไต้หวัน,จีน อีกทั้งมีละครไทยเข้าไปอีก มีการ์ตูนด้วย ที่เยอะมากเป็นพิเศษคือซีรีส์ฮ่องกงเก่าๆ นี่ยังขาดซีรีส์อเมริกาด้วยนะ น่าจะมีจะได้ครบ แทบไม่มีละครเกี่ยวกับครอบครัว สมกับชื่อช่องที่ประมูลมาเท่าไหร่ แต่ถามว่าดูมั๊ย ก็บอกได้เลยว่าดูมากที่สุด ในบรรดา 3 ช่อง ของเครือช่อง 3

ช่อง 14 Mcot Family ต้องขอประทานโทษ ที่ช่องนี้ ไม่เคยได้มีโอกาสได้ดูจริงๆ จังๆ เลย และไม่รู้ว่ามีคอนเท้นต์อะไรบ้าง
 
ช่อง 15 Loca  ช่องนี้แอบเสียดายมาก เพราะว่าก่อนที่จะถูกสั่งปิดไป รู้สึกจะให้พันธมิตรอยาง MVTV (เคเบิ้ลท้องถิ่นที่มีซีรีส์จีนดีๆ เยอะ) มาเช่าช่วงออกอากาศแทน และอุดมไปด้วยหนังจีนเก่าๆ ดีๆ เยอะ กำลังดูติดซีรีส์จีนหลายเรื่อง ก็มีอันต้องถูกสั่งปิดช่องไป ทุกวันนี้ยังแอบเซ็ง กสทช.ไม่หายเลย ก็ทีอัมรินทร์ทีวียังให้กลุ่มเสี่ยเจริญมาซื้อช่วยชีวิตเอาไว้ได้ เหตุใดพอช่องเจ๊ติ๋มจะเสนอขายให้กลุ่มคุณกึ้ง เฉลิมชัย กลับมีปัญหา หรืออย่างน้อยให้ MVTV เข้ามาถือหุ้นก็ไม่ยอม งี่เง่าที่สุด เราต้องสูญเสียช่องฟรีทีวีดิจิตอลไปฟรีๆ 2 ช่อง ทั้งๆ ที่เพิ่งออกอากาศมาได้ยังไม่ถึงปี อันนี้แอบด่าแทนเจ๊ติ๋มนะ

ช่อง 16 TNN24  ช่องนี้ตอนที่ไม่เข้ามาอยู่ในกล่องทีวีดิจิตอล ไม่เคยดู เพราะมันอยู่ในกล่องทรูอย่างเดียว บังเอิญที่บ้านไม่ได้ติดจานของทรู จึงไม่ใส่ใจ ไม่สนใจช่องนี้เป็นทุนเดิมมาแต่ไหนแต่ไร แต่พอมาอยู่ในกล่องทีวีดิจิตอล ก็ได้มีโอกาสดูอยู่บ้าง ช่วงรายงานภาวะตลาดหุ้น วิเคราะห์เศรษฐกิจ ยอมรับว่าเขาทำได้ดี หรือวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ ระหว่างคุณ วารินทร์ สัจเดว กับคุณทิน โชคกมลกิจ สนุกมาก เป็นคนภาษาอังกฤษดีทั้งคู่ จัดเป็นผู้ประกาศข่าวชายอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ดูเพราะ 2 คนนี้จริงๆ นอกนั้นเพลนๆ ไม่น่าสนใจอะไรเลย ดูๆ ไป นึกว่า CNN เมืองไทย

ช่อง 17 ไทยทีวี (ช่องเจ๊ติ๋ม)  ถูกระงับหรือสั่งปิดไป ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น นึกถึงช่องทีวีพูล กลับไปทำทีวีพูลก็ยังจะดีกว่า

ช่อง 18  New) tv  หรือเดลินิวส์ทีวี แอบเสียดายอัตลักษณ์ของช่องในช่วงปีแรกๆ ที่เป็นช่อง Documentary Channel ฉายแต่สารคดีดีๆ เกือบทั้งวัน เรียกว่าผู้เขียนติดช่องนี้มากที่สุด หลังๆ นี่เปลี่ยนไปมาก เอาทีมข่าวเจ๊ปอง อัญชลี ไพรีรักเข้ามา เอาซีรีส์มาฉาย และมีรายการวาไรตี้เข้ามา ดูแล้วไม่มีคาแร็กเตอร์ของช่องเลย ทำให้ไม่ค่อยได้ดูแล้วพักหลัง เพราะสารคดีน้อยลงไปมาก

ช่อง 19 Springnews  ล่าสุด เพื่อความอยู่รอด หันไปจับมือกับ CNN  เคเบิ้ลช่องข่าวรายใหญ่ของอเมริกา จะกลายเป็นสาขาของ CNN ในประเทศไทย หรือแฟรนไชส์ข่าวจากอเมริกา แปลกมาก ทั้งๆ ที่เป็นช่องข่าว ที่ทำโปรดักชั่นดีมากช่องนึง แต่ผู้เขียนแทบไม่ได้ดู Springnews เท่าไหร่ ไม่รู้ทำไม ไม่มีรายการแม่เหล็กที่ดึงดูดให้อยากดู  แต่พอไปจับมือกับ CNN เลยเพิ่มความน่าสนใจขึ้นมาว่า จะออกมาในรูปแบบไหน อยากดูว่า จะยกรายการของทางนู้นมาทั้งดุ้นเลยมั๊ยแล้วแปลซับไทยให้อ่าน ก็ดีเหมือนกัน คนไทยโชคดีที่จะได้ดูข่าว CNN ฉบับที่ไม่ต้องมานั่งแปลเอง

ช่อง 20 Bright TV  ช่องนี้มีความพยายามเปลี่ยนแปลงคอนเท้นต์ รูปแบบรายการอยู่ตลอดเวลา ล่าสุดได้ทีมข่าวจาก T-News ของคุณสนธิญาณ มาทำข่าวให้ บวกกับทีมข่าวเดิมที่มีอยู่ สร้างจุดแข็งของความเป็นช่องข่าวที่เด่นชัดขึ้น แปลกดี ข่องนี้ไม่รู้กลุ่มทุนเป็นใคร สามารถดึงเอาขั้วการเมืองฝั่งแดงมาผสมกับฝั่งน้ำเงินได้ ช่างเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ดูดีจริงๆ  เคยเปลียนไปเจอ เห็นคุณอัญชลีพร กุสุมภ์ นั่งอ่านข่าวคู่กับคุณ ศุภรัตน์ นาคบุญนำ ยังงงและเซอร์ไพรซ์มาก เพราะเขาสองคนเป็นสาวกของ 2 พรรคใหญ่ อุดมการณ์ทางการเมืองก็ต่างกัน ไม่ใช่จะมายุให้เขาตีกัน แต่รู้สึกชื่นชมว่า คงจะทำงานร่วมกันได้ ไม่มีปัญหา และน่าจะเป็นความสวยงามของวงการสื่อของไทย และบางทีเราอาจเห็น คุุณวรวีร์ วูวนิช นั่งวิเคราะห์ข่าวคู่กับพี่ต้อย สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ก็คงจะมีมุมมอง 2 ขั้ว น่าสนใจดี  รายการประเภททอล์คโชว์ ของช่องนี้ก็น่าสนใจ

ช่อง 21 Voice TV ถ้าไม่นับว่าอุดมการณ์ทางการเมืองของเจ้าของช่อง ผุู้บริหาร และผู้ประกาศข่าวของช่องนี้ เอียงกระเท่เร่ไปทางซ้ายจัด ถือว่าช่องนี้เป็นช่องที่ผลิตคอนเท้นต์ได้น่าสนใจ มุมมอง การนำเสนอ และโปรดักชั่นดี มีกิมมิคน่าสนใจ ยิ่งเป็นช่องข่าว เลยทำให้รูปแบบการนำเสนอไม่เหมือนใคร แตกต่าง และดูมีสไตล์ เสียดาย อย่างที่บอก ผู้เขียนไม่ค่อยโอเคกับทัศนคติ หรือมุมมองความคิด ของทั้งพิธีกร วิทยากรตัวหลักของช่อง ยิ่งรายการประเภทวิเคราะห์ข่าวการเมืองภายในประเทศ นี่รับไม่ได้เลย เพราะเจ้าของช่องมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับนักการเมือง พรรคการเมืองของตัวเอง จุดยืนจึงยืนอยู่ข้างฝ่ายตน การวิเคราะห์วิจารณ์มันจึงออกมาในลักษณะแก้ต่าง และตอบโต้อีกฝ่ายซะเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่ค่อยได้ดู ยกเว้นพวกข่าวธุรกิจ ข่าวบันเทิง รายการเพลงทำได้ดี เรียกว่าทำได้ดีกว่าช่องบันเทิงหลักบางช่องเสียอีก

ช่อง 22  Nation TV จัดเป็นช่องข่าว สามัญประจำบ้านของผู้เขียนที่ต้องติดตามดูทุกวัน อาจเป็นเพราะ เป็นแฟนคลับคุณกนก,คุณทนง คุณเกี๊ยง คุณแอ้ม คุณวีณารัตน์ คุณโมไนย ก็เลยต้องตามดู เรียกว่าตามดูตั้งแต่เช้ายันดึก ดูได้ตลอดทุกช่วง ได้ทั้งวัน ยิ่งตอนช่วงเกาะติดการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐ หรือช่วงประกาศผลรางวัลออสการ์ จะติดตามช่อง Nation เป็นหลัก เพราะนักวิเคราะห์ของช่อง และที่เขาไปสัมภาษณ์จะน่าสนใจ การทำสกู๊ปก็ดี ไม่ขอบอกว่าดีกว่าช่องอื่น หรือช่องอื่นทำสู้ไม่ได้ เพียงแต่ชอบในตัวบุคคลของช่องนี้ แต่ด้านโปรดักชั่น ช่องนี้ต้องถือว่าเชยมาก เทียบกับ Springnews,TNN24,Voice tv ไม่ได้เลย คือถ้าช่องนี้ ไม่มีบุคลากรอย่างพวกคนเหล่าน้ั้นที่ว่ามา ก็คงไม่ติดตามดูแล้ว  Nation TV  ดูแล้ว Graffic เชยมาก เพิ่งมาพัฒนาตอนย้ายสตูดิโอมาอยู่สยามดิสคัฟเวอรี่นี่แหละ ก่อนหน้านี้เชยมากๆ

ช่อง 23  WorkPoint  เป็นช่องที่รวมเอาเกมส์โชว์ เรียลลิตี้โชว วาไรตี้โชว์ไว้มากที่สุด คือเป็นจุดแข็งของช่องเขานั่นแหละ พักหลังพยายามมาเน้นสร้างทีมข่าว, สร้างทีมละคร ผลิตซีรีส์ไทย, หรือซื้อซีรีส์ดีๆ ของ ตปท.มาฉาย ,ผลิตรายการมวย ถ่ายทอดกีฬาต่างๆ  แต่ก็ไม่ค่อยมีภาพจำได้เด่นชัดเท่า พวกเกมส์โชว์ รายการตลก ต่างๆ ที่เป็นจุดขาย  ด้วยรูปแบบรายการที่หลากหลาย และเข้าถึงกลุ่มคนดูในวงกว้าง หรือแมส ทำให้ช่องนี้มีเรตติ้งดีในอันดับ 3  เป็นรองแค่ช่อง 3,ช่อง 7 อีกทั้งยังมีฐานของโฆษณาสูงที่สุดในกลุ่มช่องเกิดใหม่ด้วย ยิ่งทำให้ผลประกอบการเป็นบวก คือมีกำไรในบรรดาช่องเกิดใหม่ ถือว่ากำไรเยอะสุด แต่ถามว่าผู้เขียนชอบช่องนี้ หรือดูรายการอะไรในช่องนี้มั๊ย บอกเลยไม่ได้ดู ไม่รู้ทำไม ไม่มีรายการใดที่ดึงดูดให้อยากดูเลย เคยดูซีรีส์ พระพุทธเจ้า ที่ฉายทางช่องนี้ นั่นแหละที่เคยเปลี่ยนไปดู นอกนั้นบาย สมัยที่ workpoint มีรายการอยู่ช่องฟรีทีวี ยังดูบ้าง เช่น ชิงร้อยชิงล้าน,อัจฉริยะข้ามคืน,กล่องดำ,เกมทศกัณฑ์,แฟนพันธุ์แท้,sme ตีแตก แต่พอมาทำช่องของตัวเอง เหตุใด ผู้เขียนจึงไม่ได้สนใจอะไรของช่องนี้เลย แปลกเหมือนกัน ก็รออยู่ว่าช่องนี้จะมีอะไรดึงดูดให้เราเปลี่ยนไปดูบ้าง

ช่อง 24 True4U  เป็นช่องที่เด่นเรื่องกีฬา เนื่องจากคอนเท้นต์ที่ดึงมาจากเคเบิ้ลของทรูวิชั่น บริษัทแม่ของตนเอง ไม่ว่าการถ่ายทอดสดกีฬาในประเทศ ทั้งฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก (ทรูได้ลิขสิทธิ์อยู่) ,แบดมินตันบางรายการ ฯลฯ นอกนั้นช่องนี้ก็มีรายการในลักษณะที่คล้ายช่องฟรีทีวีอื่นๆ เช่น เกมส์โชว์ ทอล์คโชว์ ข่าว ละคร โดยเฉพาะละครหลังข่าว ที่พยายามดึงผู้จัด และนักแสดงชื่อดังจากช่องใหญ่ ซื้อตัวไปอยู่ช่องของตนเอง โปรเจคท์ละครชุด จ้าวเวหา สร้างความฮือฮาได้พักใหญ่ เนื่องจากดึงเอาผู้จัดและนักแสดงจากช่องใหญ่ ไปรวมตัวกันอยู่ที่ช่องทรู แต่สุดท้ายก็สะดุด เนื่องจากมีปัญหาเรื่องบริหารจัดการ การไม่จ่ายค่าตัวนักแสดง มีการกล่าวโทษกันไปมา ระหว่างผู้จัด กับผู้รับช่วงผลิตคอนเท้นต์ จนผู้บริหารทรูต้องสั่งสังคายนา เปลี่ยนแปลงผู้ดูแลโปรเจ็คท์ละครใหม่หมด รวมถึงคิวนักแสดง ผู้จัดถอนตัว หรือปรับแก้บท ลดงบประมาณในการผลิตลง เนื่องจากลงทุนกับโปรเจ็คท์ละครจ้าวเวหาไปเป็นหลักร้อยล้าน แต่ผลตอบรับด้านเรตติ้งไม่สู้ดี หรือไม่เข้าเป้า กลายเป็นบทเรียนที่ทางช่องต้องกลับไปทบทวนกระบวนการทำงานใหม่ คาดหวังว่าปีหน้า โปรเจ็คท์ละครที่เตรียมสร้าง และได้ทีมผู้จัดเก่งๆ และนักแสดงชื่อดังมาร่วมงาน จะสามารถสร้างเรตติ้งให้ช่องขึ้นไปอยู่ในระดับ Top Five  ช่องนี้เคยขยับเรตติ้งเข้าไปติด Top Ten มาได้แล้ว และก็ร่วงลงไปอีก อันเนื่องมาจากปัญหาละครสะดุดนั่นแหละ

ช่อง 25 GMM25 ช่องนี้จัดเป็นขวัญใจของคนรุ่นใหม่โดยแท้ และโลกโซเชียลด้วย เนื่องจากอุดมไปด้วยบุคลากรที่เป็นคนรุ่นใหม่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังอย่างคับคั่ง เน้นผลิตละคร ซีรีส์วัยรุ่น รายการวาไรตี้โชว์หลากหลาย เนื่องจากบริษัทแม่คือแกรมมี่ ทำให้มีทรัพยากรทางด้านเพลงอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ จึงนำเอาชื่อเพลงมาต่อยอดทำเป็นซีรีส์ได้มากมาย เราจึงเห็นชื่อละคร ชื่อซีรีส์มาจากชื่อเพลง มากมาย อีกทั้งมีบริษัทลูกที่เก่งในด้านการผลิตซีรีส์ อาทิ GMMTV และ นาดาวบางกอก ในเครือ GDH559  บอกเลยชอบดูรายการ และซีรีส์จากช่องนี้ เยอะเหมือนกัน แต่เป็นการดูย้อนหลัง ส่วนดูสด จะดูช่อง ONE เป็นหลัก ซึ่งก็อยู่ในเครือเดียวกัน

ช่อง 26 NOW  ผู้เขียนจะชอบดูสารคดีของช่องนี้,ซีรีส์อเมริกาของช่องนี้, ช่วงรายงานข่าววิเคราะห์ข่าวเศรษฐกิจประจำวัน สมัยตอนที่ยังใช้ชื่อช่อง กรุงเทพธุรกิจทีวี ดูเป็นประจำมากว่าช่อง Money Channel เสียอีก  แต่หลังๆ นี่มีซีรีส์จีน,เกมส์โชว์,รายการทำอาหาร,มวย ก็เลยแปลกใจ ว่า อะไรมันจะวาไรตี้ได้ขนาดนี้ แต่คงเลือกที่จะดูเฉพาะสารคดีและซีรีส์อเมริกาเท่านั้น

ช่อง 27 ก็คือช่อง 8 จะเรียกว่าช่องนี้ถอดแบบโมเดลมาจากช่อง 7 ก็ว่าได้ อีกทั้งพยายามทำคอนเท้นต์ให้ใกล้เคียงช่อง 7 และดึงฐานคนดูมาจากช่อง 7 เป็นหลัก รูปแบบละครก็จับกลุ่มฐานละครของช่อง 7 คือแนวละครแบบร้ายๆ แรงๆ ตบตี แย่งสามีชาวบ้าน ผู้หญิงนอกใจหลายผัว เหมือนๆ กัน,เจ้าคุณพ่อ มีมรดก หลานสาวถูกทิ้ง ชีวิตรันทด แม่ผัว ลูกสะใภ้ คนใช้ ตัวอิจฉา ตัวตลกลูกไล่ วี๊ดว๊ายกระตู้ฮู้ มีละครบู๊ ละครผี คล้ายๆ กัน หลังๆ พยายามดึงผู้จัด นักแสดงอิสระ ที่เคยทำงานอยู่ช่อง 7 มาร่วมงานมากมาย หรือมาจากช่อง  3, ช่อง ONE บ้าง  จุดเด่นของช่อง 8 คือรายการข่าว,รายการมวย และซีรีส์เกาหลี ในช่วงไพร์มไทม์ ที่เอามาชิมลาง ไว้สู้กับละครค่ำของช่องใหญ่ ช่องหลัก  ส่วนละครภาคค่ำของช่อง เลื่อนเวลาให้มาเร็วขึ้น เพื่อเลี่ยงการชนกับละครช่องใหญ่ แต่ซ๊รีส์เกาหลี มีฐานแฟนคลับกลุ่มเฉพาะ และบางส่วนทับซ้อนกับคนดูละครไทยช่องใหญ่ด้วยเหมือนกัน การแย่งชิงเรตติ้งจากชองใหญ่จึงไม่ง่ายนัก

ช่อง 28  ช่อง 3 SD  ถูกวางตัวให้เป็นช่อง 3 แบบเหมือนยุคอนาล็อก ก็คือ พยายามเอาละครเก่ามาฉายรีรันใหม่ เป็นแหล่งปล่อยของ หรือละครดองทั้งหลาย ที่ไม่สามารถฉายในช่องใหญ่สุด 3HD  ได้ อันเนื่องมาจากชื่อชั้นของนักแสดง ไม่ได้อยู่ในกระแส หรือไม่สามารถเรียกเรตติ้งได้ดี จึงเอามาลงช่องนี้แทน หรือดิวิชั่นรอง แชมเปี้ยนชิฟลีกนั่นแหละ บางทีก็เป็นช่องชิมลางของนักแสดงหน้าใหม่ ที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก นักแสดงที่ทางช่องต้องการจะปั้น เอามาจับเล่นละครที่ฟอร์มเล็กลงมาหน่อย โดยล่าสุด ให้คุณไก่ วรายุทธ มิลินทจินดากับป้าแจ๋ว ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ มาชวยกันดูแลช่องนี้ ในการเข็นละคร และนักแสดงที่เป็นดาวรุ่ง เป็นเพชรที่รอการเจียระไน ให้มามีผลงานทางช่องนี้แทนก่อน หากดังและมีฝีมือแล้ว จึงจะไปโผล่ยังช่องหลัก 3HD หรือพรีเมียร์ลีกได้ เป็นสนามประลองของมือใหม่หัดขับนั่นแหละ รวมถึงรายการและคอนเท้นต์เกรดรองจากช่อง 3HD

ช่อง 29 Mono 29  เป็นฟรีทีวีที่มีหนังดี ซีรีส์ดังมากที่สุด เหมือนกับสโลแกนของช่องเขานั่นแหละ แต่หลังๆ นี่เรียกว่า หนังเก่าและฉายวนซ้ำบ่อยมาก เข้าใจว่า คอนเท้นต์มันก็ต้องมีสลับใหม่เก่า ดีไม่ดีบ้าง หลักๆ ถ้าต้องการดูหนังฮอลลีวู้ด หรือซีรีส์อเมริกาดีๆ ผู้เขียนก็จะเปลี่ยนมาดูช่อง Mono 29 บ่อยๆ เว้นว่าบางเรื่องไม่ชอบ หรือเคยดูแล้ว ก็จะเปลี่ยนกลับไปดูช่องหลักที่ดูประจำ อ้อช่องนี้มีพิเศษตรงมีการแข่งขันลีกบาสเก็ตบอลของไทยให้ดูด้วย และมีทีมสโมสร สนามแข่งที่ทันสมัยมากในนามของ Mono ด้วย อีกทั้งช่องนี้ยังมีช่องลูก ที่เอาคอนเท้นต์ที่เคยฉายช่องนี้ หรือเป็นคอนเท้นต์ที่ไม่ซ้ำกับช่องนี้ ในนาม Mono Plus อีกช่องในเครือข่ายทีวีดาวเทียม หรือเคเบิ้ลท้องถิ่น ให้ดูอีกด้วย บางทีก็ดูช่อง Mono Plus มากกว่าเสียอีก

ช่อง 30 9Mcot  หรือ โมเดิร์นไนน์ทีวีนั่นแหละ ตั้งแต่เข้าสู่สมรภูมิทีวีดิจิตอลแล้ว ช่อง 9 หมดเสน่ห์  ขาดความน่าสนใจไปเลย  รายการที่เคยดูหายไปเยอะ มีรายการใหม่ ที่ผลิตโดยผู้ผลิตรายใหม่ แต่ก็ไม่น่าสนใจเท่า หาจุดโฟกัสหรือคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนไม่มี คือรายการของช่อง 9 จำนวนมาก คล้ายกับช่องอื่นๆ แต่ไม่สามารถสร้างความแตกต่างให้น่าสนใจเท่าช่องอื่นๆ อีกทั้งไม่รู้ว่าจะเป็นช่องแบบไหน ช่องข่าว หรือช่องวาไรตี้บันเทิง หรือช่องละคร ช่องหนังเพลงก็ไม่ใช่ เลยไม่มีจุดเด่นอะไรเลย อีกทั้งคอนเท้นต์ก็ไม่น่าสนใจเหมือนในอดีต แม้ว่าจะมีผู้ผลิตเจ้าประจำอย่าง ทีวีบูรพา แฮ็ปอะกู๊ดดรีม เซิร์ชเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ แต่รูปแบบรายการที่ผลิตฉายอยู่ทุกวันนี้ ให้กับช่อง 9 มันไม่เด่นพอที่จะไปแชร์ความสนใจจากช่องอื่นๆ ได้  ไม่เชื่อลองนึกรายการดังที่สุดของช่องนี้ ที่เป็นที่นิยมของคนดูในวงกว้าง มาซัก 1 รายการ ยังคิดไม่ออกเลย

ช่อง 31  ช่อง ONE  โดดเด่นที่สุดก็คือละคร ทั้งละครภาคค่ำ,ละครซิทคอม,ละครซีรีส์ เป็นช่องทีจัดว่าครบวงจรที่สุดในกระบวนการผลิตละคร ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เนื่องจากมีทีมผลิตละครที่แข็งที่สุดของวงการละครเมืองไทยก็ว่าได้ คือ ทีมผุ้กำกับ ทีมเขียนบท ทีมโปรดักชั่น (แผนกทำเอฟเฟคท์ แต่งหน้า จัดหาเสื้อผ้า) ทีมทำซีจี ทีมแต่งเพลงประกอบละคร ทีมหาโฆษณา ทีมทำตลาด ยังไม่รวมทีมทำรายการเรียลลิตี้โชว์ รายการทีวี และทีมทำละครเวทีอีกต่างหาก จัดว่าครบเครื่องที่สุดในวงการละครบ้านเราแล้ว คล้ายๆ บริษัทกันตนา แต่กันตนา ต่างกันตรงเขามีทีมผลิตภาพยนตร์ แต่ไม่มีทีมผลิตละครเวที หรือไม่ทำ มีโรงถ่ายภาพยนตร์หรือละครเป็นของตนเองเหมือนกัน แต่กันตนาไม่ม่ช่องเป็นของตนเอง จึงนับว่าช่อง ONE เป็นช่องที่ครบเครื่องที่สุดในด้านการผลิตละครของเมืองไทย ถ้าเทียบกับวงการบันเทิงเกาหลี ก็นับว่าช่อง ONE คล้าย tVN  ที่มีแบ็คอัพ เป็นเครือข่ายบันเทิงยักษ์ใหญ่ อย่าง CJ E&M  , ช่อง ONE มีแบ็คอัพเป็น GMM GRAMMY  ,tVN พยายามผลักดัน Dragon Studio เป็นสตูดิโอยักษ์ใหญ่แห่งเอเซีย ผลิตซีรีส์เจาะตลาดเอเซีย เพื่อความเป็น 1 ในเอเซียให้ได้ ในขณะที่ ช่อง ONE มี ACTs Studio เป็นหัวหอกตีตลาดทั่วอาเซียน และพยายามรุกหนักเข้าสู่จีนให้ได้  ถ้าจะว่าไป ช่อง ONE อาจถอดแบบโมเดลของ tVN พยายามผลิตซีรีส์ หรือละครดีๆ ที่ฉีกรูปแบบ และแนวทางจากช่องหลัก เหมือนที่ tVN ผลิตซีรีส์ที่ยึดบทและโปรดักชั่นในการสร้างการยอมรับ ไม่ยึดติดนักแสดงซุปตาร์ที่มีชือเสียงเหมือนช่องหลักอย่าง KBS,MBC,SBS  ส่วนช่อง ONE ก็เช่นกัน เน้นผลิตละคร,ซีรีส์ที่อิงบทและโปรดักชั่นดี นักแสดงเป็นเกรดรองจากช่อง 3,7 แต่ก็สามารถสร้างกระแส และเรตติ้งในระดับที่น่าพอใจได้  ปีหน้าช่อง ONE อุบไต๋ มีโปรเจ็คท์ละครเด็ด ซีรีส์ดี รอเสิร์ฟ มากมาย และคาดว่า จะสร้างกระแส talk of the town ได้แบบ เรือนร้อยรัก สงครามนางงาม พิษสวาท โสดสตอรี่  เสือชะนีเก้ง  Sotus the Series  เราเกิดในรัชกาลที่ 9 ได้อีกเป็นแน่  อันนี้เชียร์ ๆ เลย อยากให้เมืองไทยมีช่องที่เป็นทางเลือกที่เสิร์ฟคอนเท้นต์ดีๆ  เบื่อละครน้ำเน่าจากช่องหลักมากๆ  (ล่าสุด บริษัทลูกในเครือกลุ่ม ประสาททองโอสถ ซึ่งเป็นเจ้าของช่อง PPTV ได้เข้ามาร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ถือหุ้นในช่อง ONE กว่่า 50 % กลายเป็นเจ้าของใหญ่ในช่อง ONE ไม่รู้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดตามมา ภาวนาว่าการดำเนินการของช่อง ONE ทั้งทิศทางของละคร,รายการอื่นๆ ยังเป็นปกติด้วยเถิด)

ช่อง 32 ไทยรัฐทีวี  การเสริมทีมข่าว ด้วยบุคลากรเพิ่มเข้ามามากมาย ถ้าไม่ทำให้เรตติ้งช่องไทยรัฐขยับ นี่ก็น่าคิดเหมือนกัน เพราะลงทุนลงแรง ไปมากขนาดนี้แล้ว ปีที่ผ่านมา มีทั้งคุณ จอมขวัญที่ย้ายมาจาก Nation, ชัยรัตน์ ถมยา ย้ายมาจากช่อง 3 แล้วปีหน้าใครจะมาอีก เรียกว่าวงการข่าว และผู้ประกาศข่าว ยังมีการโรเทชั่นกันอีกหลายระลอก กว่าจะอยู่ตัว เพราะว่าทิศทางข่าว และนโยบาย แต่ละช่องจะปรับเปลี่ยนไปตามผลประกอบการ และเรตติ้งทีวี หากต้นทุนเพิ่ม แต่รายได้ไม่เข้าเป้าก็คงต้องมีรายการปรับลดพนักงาน บุคลากร ปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการตามไปด้วย จริงๆ ช่องไทยรัฐทีวี ดีด้านข่าวและกีฬาแล้ว อยากให้เพิ่มเติมเรื่องสารคดี ภาพยนตร์ต่างประเทศด้วย เพราะเป็นอีกช่องนึงที่ผุ้เขียนก็ชอบ และดูบ่อย

ช่อง 33 หรือ 3HD  ได้เขียนถึงช่องนี้ไปตอนช่วงต้นของบทความแล้ว ขอผ่าน

ช่อง 34  หรือ Amarin TV  ช่องนี้ดูแบบผ่านๆ จะคล้าย Voice TV คือโดดเด่นด้านรูปแบบ การนำเสนอ  กราฟฟิกสวย โปรดักชั่นดี  รายการทุบโต๊ะข่าว เป็นแม่เหล็กของช่องที่ดึงคนให้มาดูช่องนี้ได้ ,ซีรีส์จีนไต้หวันดีมาก, รายการวาไรตี้ทอล์คโชว์ก็ดี  ที่ขาดก็คือละคร กับสารคดีดีๆ  สุดท้ายช่องนี้ก็อยู่ในชะตากรรมเดียวกับช่องเจ๊ติ๋ม คือขาดทุนบักโกรก จากการที่ผลประกอบการไม่เข้าเป้า เรตติ้งไม่ดี ในขณะที่ลงทุนสูง โดยเฉพาะเป็นช่องคมชัดสูง HD  สุดท้ายต้องเพิ่มทุนและขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กลุ่มทุนเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี เข้ามาถือหุ้นใหญ่ ในบริษัทแทนกลุ่มอุทกะพันธุ์ ที่เป็นผู้ก่อตั้งสื่อเครืออัมรินทร์  แม้จะไม่ชอบกลุ่มทุนใหม่ที่เข้ามาถือหุ้น แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ล้มหายตายจากกันไปอีกช่อง เหมือนช่องเจ๊ติ๋ม เอาใจช่วย ให้เรตติ้งดีวันดีคืน และมีรายการดีๆ ที่สามารถดึงดูดคนดูมาดูกันเยอะๆ มากขึ้น

ช่อง 35  ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ  ได้เขียนถึงช่องนี้ไปแล้วตอนช่วงต้นบทความ

ช่อง 36  PPTV  ช่องนี้ แต่เดิมพยายามจะเน้นเป็นช่องแห่งซีรีส์เกาหลี และเป็นช่องข่าว แต่พอเรตติ้งไม่เข้าเป้า จึงเบนเข็มเป็นช่องกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอล โดยจับมือกับ BeIN เครือข่ายเคเบิ้ลกีฬาระดับโลก ที่ได้สิทธิ์ถ่ายทอดกีฬาฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ทำให้ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดกีฬาฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษหลายคู่ หลายแม็ทช์  รวมถึงถ่ายทอดกีฬามวย และอื่นๆ อีกทั้งผลิตละครคุณภาพ โดยไม่อิงกระแส  ปีที่ผ่านมาก็มีละครน้ำดีหลายเรื่อง จากผุ้จัดชื่อดัง ตบเท้ามาผลิตละครให้กับ PPTV มากมาย ละครมีความละเมียดละไม โปรชั่นดี ไม่แพ้ภาพยนตร์ จัดเป็นช่องที่ผลิตผลงานละครได้ดีในระดับต้นๆ ของเมืองไทยเหมือนกัน  ไม่แพ้ช่อง 3 ,ONE 


หยิกแกมหยอก วิเคราะห์และเรียบเรียง


บทวิเคราะห์,ข่าวเกี่ยวกับผลประกอบการของทีวีดิจิตอลบางตัว ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

MONO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 10.12 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.003 บาทต่อหุ้น เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 111.82 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.036 บาทต่อหุ้น  ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีผลขาดทุนสุทธิ 56.99 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.018 บาทต่อหุ้น ขาดทุนลดลง 86.13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 410.82 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.133 บาทต่อหุ้น โดยกำไรในไตรมาส 3/59 ที่พลิกเป็นกำไรเนื่องจาก บริษัทมีรายได้จากการให้บริการสื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้จากธุรกิจทีวีดิจิตอลเติบโตขึ้นตามเรตติ้งช่อง Mono29

WORK หุ้น Top pick ของกลุ่ม Media ฟันธงกำไรไตรมาส 3/59  โตแข็งแกร่ง จากรายได้โฆษณาเติบโตโดดเด่น ตามเรตติ้งที่เพิ่มขึ้น P/E ต่ำกว่ากลุ่มที่ 75.68 เท่าจาก 91.20 เท่า ของกลุ่มบริการ/สื่อและสิ่งพิมพ์ อัพไซด์กว่า 22.78% จากราคาเป้าหมาย 55.25 บาท

ถ้าพูดถึงช่องทีวีดิจิตอลที่มาแรงเทียบชั้นรุ่นเก๋าอย่างฟรีทีวี ที่ทำเรตติ้งถล่มทลายและครองใจผู้ชมได้ในเวลาอันรวดเร็ว ก็คงจะมองข้ามช่องรายการวาไรตีอย่าง WORK POINT ไปไม่ได้ เพราะปัจจุบันได้เร่งเครื่องอัพเรตติ้งจนขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ของตาราง ถือว่าเป็นตัวพ่อในสื่อดิจิตอลทีวี ที่สร้างความสำเร็จได้อย่างล้นหลาม

นอกจากนี้ ยังเป็นช่องทีวีดิจิตอลเพียงช่องเดียวที่สร้างกำไรให้กับบริษัท โดยไตรมาส 2/59 ก็ไม่ทำให้ผิดหวังกำไรโตแข็งแกร่งถึง 31% อยู่ที่ 133.89 ล้านบาท จากปีก่อน 102.18 ล้านบาท มากกว่าที่นักวิเคราะห์

BEC ภายใต้การคาดการณ์ว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมจะยังมีแนวโน้มอ่อนตัวลงและซบเซาในไตรมาส 4/59 (ซึ่งอยู่ในช่วงของการไว้อาลัย) และต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 1/60 (ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น) รวมถึงกำไรสุทธิที่มีแนวโน้มลดลงในช่วงเวลาดังกล่าว เราเชื่อว่ามันยังคงไม่ใช่โอกาสที่ดีสำหรับการเข้าซื้อหุ้น BEC อีกครั้ง ณ ตอนนี้ ราคาหุ้น BEC ได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมาจนถึงจุดต่ำสุด ณ ปัจจุบันเนื่องจากกำไรสุทธิที่ออกมาน่าผิดหวังและการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาวะการแข่งขันแย่งชิงเม็ดเงินโฆษณาดิจิตอลที่ยังคงรุนแรง และเนื่องจากยังคงมีความเสี่ยงที่ตลาดอาจจะทำการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิของฺBEC ลงจากเดิมอีก เราจึงคิดว่าราคาหุ้น BEC ณ ปัจจุบันอาจจะไม่ใช่ราคาที่ถูกมากแล้ว (โดยปัจจุบันซื้อขายกันใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย PER ระยะยาวของหุ้น BEC ซึ่งอยู่ที่ 22.4 เท่า) ในครั้งนี้เราไม่คิดว่ากำไรสุทธิของ BEC จะฟื้นตัวก่อนไตรมาส 2/60 เรายังคงคำแนะนำ ถือเป้าหมาย 20.00 บาท โดยรอสัญญาณการฟื้นตัวของกำไรสุทธิที่ชัดเจน ส่องกล้องไตรมาส 3/59 – กำไรหลักลดลงอย่างมาก YoY
เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/59 ที่ 415 ล้านบาท ลดลง 49%
YoY และ 11% QoQ ถ้าไม่รวมค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานบัญชีของค่าใบอนุญาตจำนวน 25 ล้านบาทในไตรมาส 3/59 กำไรหลักไตรมาส 3/59 คาดว่าจะอยู่ที่ 440 ล้านบาท ลดลง 46%YoY และ 10%QoQ กำไรหลักที่ลดลงอย่างมากเนื่องจากรายได้โฆษณาที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นของทั้งสามช่อง (ได้แก่ ค่ารายการ ค่าผลิต และค่าใช้จ่ายบุคลากร) รวมถึงการบันทึกต้นทุนของคอนเทนต์รายการกีฬา 2 รายการใหญ่ได้แก่ การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2016 (จนถึง 10 ก.ค.) และต้นทุนที่แบ่งกันสำหรับค่าสิทธิ์ถ่ายทอดกีฬาโอลิมปิกส์ 2016 (ช่วงวันที่ 5-21 ส.ค.) และผลขาดทุนจากการถ่ายทอดสดกีฬาโอลิมปิกส์ ทั้งนี้ต้นทุนค่าสิทธิ์กีฬาโอลิมปิกส์จะถูกแบ่งกันระหว่าง 5 ช่องสถานี (3, 5, 7, 9 และ 11) ที่ทำการถ่ายทอดสดกีฬาโอลิมปิกส์ การถ่ายทอดสดกีฬาโอลิมปิกส์อยู่ในช่วงเวลา 5 ทุ่มถึง 6 โมงเช้าซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่ไม่ดีและทำให้การขายโฆษณายากขึ้น  เราคาดรายได้โฆษณาไตรมาส 3/59 ที่ 3.2 พันล้านบาท ลดลง 10% YoY และ 4% QoQ เนื่องจากรายได้โฆษณาสำหรับช่วงรายการก่อนข่าวภาคค่ำ รายการละครหลังข่าว และรายการข่าวที่ลดลง (เทียบกับที่นีลสันคาดว่าเม็ดเงินโฆษณาของ BEC จะลดลง 5% YoY ในไตรมาส 3/59) การแข่งขันแย่งชิงเม็ดเงินโฆษณาทีวีดิจิตอลที่รุนแรงมากขึ้นจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันรายได้ของช่วงละครก่อนข่าว ในขณะเดียวกันรายได้โฆษณาละครหลังข่าวจะยังคงลดลงเช่นกันเนื่องจากบางช่วงเวลานำไปออกอากาศถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร ผลกระทบทางลบจากการที่นายสรยุทธ์ได้ยุติบทบาทพิธีกรรายการข่าวจะยังคงส่งผลกระทบให้รายได้ของรายการข่าวลดลง

เรตติ้งละครหลังข่าวและเรตติ้งช่องเอชดีปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 3/59
เรตติ้งของช่องเอชดี (ตั้งแต่อายุ 4 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ) ลดลงมาอยู่ที่จุดต่ำสุดที่ 1.411 ในเดือนพ.ค. เนื่องจากการยุติบทบาทของนายสรยุทธ์ แต่ฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ 1.5-1.7 ในช่วงเดือนมิ.ย.ก.ย. (ในเดือน ก.ย. อยู่ที่ 1.668) จากเรตติ้งของละครหลังข่าวที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 3/59 (จากเฉลี่ย 4.3 ในไตรมาส 2/59 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.7 ในไตรมาส 3/59) เรตติ้งของละครเรื่องนาคีแตะระดับสูงสุดของปีในช่วง 10-11 ในเดือนต.ค. สำหรับเรตติ้งของช่องแฟมิลี่และช่องเอสดีค่อนข้างทรงตัวที่ 0.06-0.07 และ 0.26-0.27 ตามลำดับในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค. ส่วนต่างของเรตติ้งละครหลังข่าวระหว่าง BEC และช่อง 7 แคบลงมาอยู่ที่ 1.4 ในเดือนก.ย. และลดลงเหลือเพียงแค่ 0.1 ในเดือนต.ค. (เทียบกับส่วนต่างที่ห่างกันมากถึง 3-4 ในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค.) เนื่องจากเรตติ้งละครหลังข่าวของ BEC ที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 3/59 แต่ถึงแม้ว่าเรตติ้งละครหลังข่าวของ BEC จะปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้แปลงกลับมาเป็นรายได้โฆษณาละครหลังข่าวที่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใดในไตรมาส 3/59 เนื่องจากภาวะการแข่งขันเม็ดเงินโฆษณาทีวีดิจิตอลที่ยังคงรุนแรง ภาวะเม็ดเงินโฆษณาที่ซบเซาและชะลอตัวจากช่วงภาวะฝกตก น้ำท่วมและช่วงโลว์ซีซั่น

คาดกำไรไตรมาส 4/59-1/60 อ่อนตัวลง
เราคาดว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมเม็ดเงินโฆษณาจะยังคงอ่อนตัวลงในไตรมาส 4/59 และต่อเนื่องไปยังไตรมาส 1/60 ในช่วงของการไว้อาลัยในไตรมาส 4/59 และสองเดือนแรกของไตรมาส 1/60 ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น เราไม่คิดว่าจะมีช่วงไฮซีซั่นสำหรับไตรมาสสี่ในปีนี้แต่อย่างใด เราคาดการณ์ในเบื้องต้นสำหรับกำไรสุทธิไตรมาส 4/59 ของ BEC ที่ 284 ล้านบาท ลดลง 61% YoY และ 32% QoQ เราประเมินว่ายังคงไม่มีสัญญาณของการฟื้นตัวของกำไรสุทธิไปอีกอย่างน้อยสองไตรมาสข้างหน้า

ประสิทธิ์ สุจิรวรกุล
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

 

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

โลก 360 องศา - (ฟิเดล คาสโตร ผู้นำคิวบาถึงแก่อสัญกรรมแล้ว, มีทั้งประเทศสรรเสริญและประณาม,ลิงตัวเดียวทำให้เกิดสงคราม 2 เผ่า,จีนพร้อมให้ความร่วมมือกับข้อตกลงทางการค้าในทุกเวทีแทนอเมริกาที่ถอนตัวจาก TPP)


รอยเตอร์ - ฟิเดล คาสโตร อดีตประธานาธิบดีและผู้นำการปฏิวัติสังคมนิยมคิวบา ถึงแก่อสัญกรรมแล้วเมื่อวันศุกร์ (25 พ.ย.) สิริอายุได้ 90 ปี สถานีโทรทัศน์แห่งชาติคิวบารายงานADVERTISING inRead invented by Teads คาสโตร ซึ่งเป็นผู้เปลี่ยนคิวบาให้กลายเป็นรัฐคอมมิวนิสต์หน้าประตูบ้านของสหรัฐฯ มีสุขภาพอ่อนแอลงเรื่อยมาหลังจากป่วยด้วยโรคลำไส้ที่เกือบจะคร่าชีวิตของเขาไปเมื่อปี 2006 และหลังจากนั้นอีกเพียง 2 ปี เขาก็ตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งประธานาธิบดี และยกหน้าที่นี้ให้แก่ ราอูล คาสโตร ผู้เป็นน้อง ประธานาธิบดีราอูล คาสโตร ได้ออกมาอ่านประกาศการถึงแก่อสัญกรรมของพี่ชาย เมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ (25) โดยไม่ระบุสาเหตุการเสียชีวิต เมื่อเวลา 22.29 น.ที่ผ่านมา ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งการปฏิวัติสังคมนิยมคิวบา ฟิเดล คาสโตร รูซ ได้ถึงแก่กรรมแล้ว  ขอเราจงก้าวต่อไปสู่ชัยชนะ ย้อนหลังไปเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้ว คาสโตร ในวัย 32 ปี ได้นำกองกำลังกบฏขับไล่รัฐบาลของผู้นำเผด็จการ ฟุลเกนเซียว บาติสตา และเปลี่ยนคิวบาให้เป็นรัฐสังคมนิยมในปี 1959 ตลอด 49 ปีที่ดำรงตำแหน่งผู้นำคิวบา และเห็นการเปลี่ยนตัวประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาแล้วถึง 10 คน แม้ คาสโตร จะเป็นทั้งวีรบุรุษและเผด็จการในสายตาใครหลายคน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาคือบุรุษผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกยุคใหม่  แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากสหรัฐฯ และบรรดาชาติพันธมิตรทั้งหลาย แต่ คาสโตร กลับได้รับการยกย่องจากกลุ่มประเทศฝ่ายซ้ายทั่วโลกว่าเป็น วีรบุรุษ โดยเฉพาะในประเทศแถบละตินอเมริกาและแอฟริกาที่ปกครองโดยระบอบสังคมนิยม   คาสโตร เปลี่ยนแปลงคิวบาจาก สนามเด็กเล่นของเศรษฐีอเมริกันให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านอิทธิพลสหรัฐฯ เขาเคยสกัดกั้นการจู่โจมอ่าวหมู (Bay of Pigs) ของกองทัพอเมริกันซึ่งมีสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) หนุนหลังเมื่อปี 1961 และเอาตัวรอดจากความพยายามลอบสังหารมาได้นับครั้งไม่ถ้วน  การที่ คาสโตร ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับสหภาพโซเวียตได้นำมาสู่ "วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา" เมื่อปี 1962 ซึ่งเป็นการเผชิญหน้าทางทหารกับสหรัฐอเมริกานาน 13 วัน และถือเป็นความตึงเครียดครั้งใหญ่ที่ทำให้โลกเฉียดใกล้กับการเกิด สงครามปรมาณูมากที่สุด ชาวคิวบายังคงจดจำภาพของคาสโตร ที่สวมเสื้อลายพรางทหารและคาบซิการ์ติดปากมานานหลายสิบปี รวมถึงการออกมาด่าทออเมริกาผ่านสื่อโทรทัศน์ครั้งละหลายชั่วโมง คาสโตร ปฏิเสธการครอบงำของลัทธิทุนนิยม และเรียกศรัทธาจากชาวคิวบาด้วยนโยบายก่อสร้างโรงเรียนและโรงพยาบาลสำหรับคนยากจน แต่ขณะเดียวกันเขาก็ได้สร้างศัตรูและนักวิจารณ์เอาไว้มากมาย โดยเฉพาะในกลุ่มชาวคิวบาที่ลี้ภัยไปอาศัยอยู่ในเมืองไมอามีของสหรัฐฯ เนื่องจากทนการปกครองแบบกดขี่ไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เข้ามาปิดฉากยุคสมัยของ ฟิเดล คาสโตร กลับไม่ใช่ทั้งสหรัฐฯ ผู้ลี้ภัยคิวบา หรือการล่มสลายของสหภาพโซเวียต หากแต่เป็น โรคภัยไข้เจ็บที่ทำให้เขาต้องตัดสินใจถ่ายโอนอำนาจให้แก่ ราอูล แบบชั่วคราวในปี 2006 ก่อนจะเปิดทางให้น้องชายก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างสมบูรณ์ในปี 2008 แม้ว่า ราอูล คาสโตร จะยังคงให้เกียรติและยกย่องพี่ชายเสมือนรัฐบุรุษ แต่เขาได้ตัดสินใจนำระบบเศรษฐกิจแบบอิงตลาดเข้ามาใช้ และยังฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐฯ เมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2014 ซึ่งทำให้ความเป็นอริระหว่างเพื่อนบ้านทั้ง 2 ชาติสิ้นสุดลง

 
รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - กลุ่มนักศึกษาชาวคิวบาออกมาโบกธงและตะโกนพร้อมๆ กันว่า เราคือฟิเดลเมื่อวันเสาร์ (26 พ.ย.) เพื่อสดุดีผู้นำนักปฏิวัติ ฟิเดล คาสโตรขณะที่ช่วงเวลาแห่งการไว้อาลัย 9 วันเริ่มต้นขึ้นสำหรับบุรุษผู้ซึ่งครอบงำชีวิตทางการเมืองของประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้ และหาญทายท้ามหาจักรวรรดิสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลาหลายชั่วอายุคนADVERTISING
สุราเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกระงับการจำหน่ายลงชั่วคราว ธงชาติถูกลดลงมาอยู่ในตำแหน่งครึ่งเสา และการแสดงตลอดจนคอนเสิร์ตต่างๆ ถูกระงับไปก่อน หลังจากน้องชายแท้ๆ และทายาทผู้สืบทอดอำนาจต่อจากเขานั่นคือ ประธานาธิบดีราอูล คาสโตร ออกมาแถลงต่อประชาชนทั่วประเทศในตอนดึกคืนวันศุกร์ (25) ว่า ฟิเดลได้ถึงแก่อสัญกรรมแล้วเมื่อเวลา 22.29 น. โดยมิได้บอกถึงสาเหตุแห่งการเสียชีวิต  ร่างของฟิเดล คาสโตร ได้รับการณาปนกิจไปแล้วในวันเสาร์ (26) ขณะที่อังคารและกระดูกของเขาจะถูกนำไปแห่ทั่วทั้งประเทศคิวบาเป็นเวลา 4 วัน จนกระทั่งถึงวันประกอบพิธีศพอย่างเป็นรัฐพิธีในวันอาทิตย์ที่ 4 ธ.ค. พวกเจ้าหน้าที่ทางการทูตฝ่ายตะวันตกระบุว่า บรรดาผู้มีเกียรติชาวต่างประเทศจะเดินทางมาที่เมืองหลวงฮาวานาในวันอังคาร (29) เพื่อเข้าร่วมพิธีไว้อาลัยซึ่งกำหนดจัดขึ้นในจัตุรัสการปฏิวัติ (Revolution Square) ค่ำวันนั้น  สหพันธ์แห่งชาติของกีฬาเบสบอล ซึ่งเป็นความชื่นชอบโปรดปรานของคาสโตรถัดลงมาจากการเมือง แถลงว่าในช่วงเวลาไว้อาลัย 9 วันจะไม่มีการแข่งขันเบสบอลในระดับสูงสุดใดๆ สถานีโทรทัศน์แห่งชาติของคิวบา สมาคมต่างๆ ของนักศึกษา และสหพันธ์สตรี ต่างพากันจัดการชุมนุมขนาดย่อมๆ เพื่อแสดงความไว้อาลัยฟิเดล คาสโตร และให้คำมั่นสัญญาว่าจะยึดมั่นสนับสนุนการปฏิวัติของคิวบา  ขณะที่การชุมนุมขนาดยักษ์ใหญ่มโหฬาร มีการวางแผนจัดขึ้นที่จัตุรัสการปฏิวัติ (Revolution Square) ในเมืองหลวงฮาวานา และในเมืองซานติอาโก เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศที่อยู่ทางภาคตะวันออกของคิวบา เพื่อยกย่องสดุดีคาสโตร ผู้ซึ่งมีอายุ 90 ปีขณะถึงแก่อสัญกรรม และ 6 ทศวรรษภายหลังจากเขากับน้องชายพร้อมนักปฏิวัติหยิบมือหนึ่ง แอบเดินทางออกมาจากเม็กซิโก เพื่อทำสงครามจรยุทธ์โค่นล้ม ฟุลเกนซิโอ บาติสตา จอมเผด็จการของคิวบาซึ่งสหรัฐฯหนุนหลัง  หนังสือพิมพ์ของประเทศเกาะแห่งนี้ที่มีประชากร 11 ล้านคน พากันตีพิมพ์ด้วยสีขาวดำเพื่อไว้อาลัยฟิเดล แทนที่สีแดงซึ่ง แกรนมาหนังสือพิมพ์รายวันอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์คิวบาใช้อยู่เป็นประจำ หรือสีฟ้าของ จูเวนตุด เรเบลเด” (เยาวชนกบฏ) หนังสือพิมพ์ขององค์การเยาวชนคอมมิวนิสต์ ตามท้องถนนในเมืองหลวงของคิวบา ไม่ได้มีทหารหรือตำรวจออกมาปรากฏตัวให้เห็นมากมายเป็นพิเศษใดๆ เพื่อเป็นหลักหมายแห่งการจากไปของผู้นำนักปฏิวัติคนสำคัญแห่งยุคสมัยผู้นี้ ขณะที่ ณ มหาวิทยาลัยฮาวานา สถาบันการศึกษาเก่าของคาสโตร นักศึกษาหลายร้อยคนชุมนุมกันและโบกธงชาติคิวบาขนาดยักษ์หลายผืน พร้อมกับตะโกนว่า วิวา ฟิเดล , วิวา ราอูล” (ฟิเดล จงเจริญ, ราอูล จงเจริญ)  ฟิเดลยังไม่ตายเพราะประชาชนคือฟิเดลผู้นำนักศึกษาคนหนึ่งซึ่งนุ่งกางเกงยีนส์และสวมเสื้อยืดสีขาวร้องตะโกน เราคือฟิเดลเขาตะโกนต่อและได้รับการขานรับอย่างรวดเร็วจากผู้ชุมนุม ฟิเดลทำให้คิวบาปรากฏอยู่บนแผนที่ และทำให้คิวบากลายเป็นตัวอย่างหนึ่งสำหรับประชาชนของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนยากจนและคนไร้สิทธิไร้เสียงราอูล อเลจานโดร ปัลเมรอส นักศึกษาอีกผู้หนึ่งกล่าว  คาสโตรศึกษาวิชานิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ในช่วงปลายทศวรรษ 1940 ถึงต้นทศวรรษ 1950 เมื่อตอนที่สถาบันการศึกษาแห่งนี้คือแหล่งบ่มเพาะการเมืองแบบฝ่ายซ้าย เป็นการเตรียมตัวสำหรับเขาบนเส้นทางซึ่งนำไปสู่การทำสงครามปฏิวัติโค่นล้มบาติสตาลงในปี 1959 นอกเหนือจากพวกนักศึกษาที่ชุมนุมตะโกนคำปลุกใจแล้ว ชีวิตของฮาวานาส่วนใหญ่ก็ดำเนินไปตามปกติ เพียงแต่กว่าเงียบเชียบลงมาภายหลังข่าวการถึงแก่อสัญกรรมของคาสโตร พ่อค้าแม่ขายตามถนนยังคงขายอาหารและสินค้าเครื่องหัตถกรรมจากแผงให้แก่ผู้เดินผ่านไปมา ขณะที่พวกรถเชฟโรเลตส์รุ่นทศวรรษ 1950 ที่เต็มไปด้วยรอยผุสึกกร่อนและได้รับการซ่อมแซมแบบขอไปทีเพื่อให้เครื่องเคราต่างๆ ยังคงยึดเอาไว้ด้วยกัน ก็แออัดไปด้วยผู้โดยสาร  ปกติแล้วภัตตาคารของเรามีแขกเต็ม แต่วันนี้มีแค่นักท่องเที่ยวที่มากัน อาจจะมีคนคิวบาสักสองสามคน ปกติแล้วมันจะตรงกันข้ามจากนี้ ดูเหมือนว่าชาวคิวบาจะกลับมารู้สึกสนุกกับการทำให้ตัวเองมีความสุขกันใหม่อีกในเร็วๆ นี้หลังจากฟิเดลจากไปราอูล ตามาโย พนักงานเฝ้าประตูของ ลา โรกา ภัตตาคารยอดนิยมแห่งหนึ่งใยย่านใจกลางกรุงฮาวานา กล่าว  กระนั้นก็ตาม ในวันเสาร์ (26) ยังคงเป็นวันแห่งการหวนรำลึกตรึกตรอง  สำหรับผมแล้ว แม่ผมคืออันดับแรก, ลูกๆ ของผม, พ่อผม, จากนั้นก็คือฟิเดลราฟาเอล อูร์เบย์ วัย 60 ปีผู้ซึ่งมีบุตร 5 คนกล่าว ขณะดูแลร้านภาพถ่ายและสิ่งพิมพ์ของรัฐบาลแห่งหนึ่งในย่านใจกลางกรุงฮาวานา ย้อนเล่าความหลังสมัยที่เขายังเยาว์วัยและใช้ชีวิตอยู่บนเกาะห่างไกลและไม่มีน้ำดื่มแห่งหนึ่ง ห่างออกไปจากตัวเกาะใหญ่ของคิวบา เรายากจนกันเหลือเกิน เราน่าสมเพชเหลือเกินเขากล่าว แล้วฟิเดลกับการปฏิวัติก็เข้ามา เขาให้ความเป็นมนุษย์แก่ผม ผมเป็นหนี้เขาทุกสิ่งทุกอย่าง  ภายหลังคาสโตรทำการปฏิวัติได้สำเร็จ ความขัดแย้งทางการทูตอย่างขมขื่นกับสหรัฐฯก็ติดตามมา และคิวบากลายเป็นพันธมิตรผู้หนักแน่นมั่นคงรายหนึ่งของสหภาพโซเวียตไปอย่างรวดเร็ว จนเกิดวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาขึ้นในปี 1962 แต่ถึงแม้ต้องผ่านเวลานานปีแห่งความขัดแย้งตึงเครียดทางด้านอุดมการณ์ รวมทั้งเผชิญความยากลำบากมากขึ้นทุกทีภายใต้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ คิวบาของคาสโตรก็ยังคงมีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องมาตรฐานการศึกษาที่อยู่ในระดับสูง และแพทย์ที่อยู่ในระดับโลก  สิ่งที่ฟิเดลทำในเรื่องการศึกษาและสาธารณสุขแบบฟรีๆ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายนั้น ผงาดล้ำขึ้นมาในเวทีโลก มันโดดเด่นจริงๆเรเนา เปเรซ วัย 78 ปี นักบัญชีเกษียณอายุและสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์กล่าว มันเป็นมรดกสำคัญที่สุดของเขาคาสโตรซึ่งไว้หนวดเครา และเป็นคนตัวสูงกว่า 6 ฟุต (1.8 เมตร) เป็นที่รู้จักคุ้นเคยมานานปีในภาพของป้อมปราการแห่งการต่อต้านสหรัฐอเมริกาในเชิงอุดมการณ์ ผู้ซึ่งชอบคาบซิการ์ และแต่งกายในชุดทหารลายพรางพร้อมหมวกแก๊ปสีเขียว ทว่าบุรุษผู้ซึ่งเป็นที่เรียกขานกันในคิวบามานานว่า ผู้นำสูงสุด” (Maximo Lider) ผู้นี้ ได้ห่างหายไม่ค่อยปรากฏตัวต่อสาธารณชนภายหลังล้มป่วยลงด้วยโรคลำไส้ที่แทบคร่าเอาชีวิตของเขาไปในปี 2006  กระนั้น หลังจากส่งมอบอำนาจอย่างเป็นทางการให้ราอูลในปี 2008 แล้ว เขาก็ยังคงมีอิทธิพลบารมีอย่างสูงในประเทศเกาะแห่งนี้ และคอยเฝ้าเตือนอยู่เป็นประจำให้ประชาชนชาวคิวบาระมัดระวังความหายนะจากการยอมจำนนต่อจักรวรรดินิยมอเมริกัน

ความตายของคาสโตรในสายตาผู้นำโลก ฟิเดล คาสโตร มีทั้งคนที่ชื่นชมเทิดทูนและคนที่ประณามชิงชังตั้งแต่ขณะที่เขามีชีวิตอยู่ และอสัญกรรมของเขาก็ก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่อยู่ในลักษณะแตกขั้วอย่างแรงจากทั่วโลก ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยกย่องเขาว่าเป็น สัญลักษณ์แห่งยุคสมัยขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ก็บอกว่า สหายคาสโตรจะมีชีวิตอยู่ไปตลอดกาลทว่าที่เมืองไมอามี, สหรัฐฯ อันเป็นที่ตั้งของชุมชนใหญ่ที่สุดของผู้ที่หลบหนีลี้ภัยจากการปกครองของคาสโตร ฝูงชนที่อยู่ในอารมณ์ปีติยินดีพากันเฉลิมฉลองกันอย่างดังสนั่น มีความผิดแผกแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างปฏิกิริยาของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้ที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง และว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
โอบามาผู้ดำเนินการรอมชอมครั้งประวัติศาสตร์ด้วยการฟื้นคืนความสัมพันธ์ทางการทูตกับคิวบาในปี 2014 แถลงว่า สหรัฐฯยื่น มือแห่งมิตรภาพไปถึงประชาชนชาวคิวบา ถึงแม้เขากล่าวด้วยว่า ประวัติศาสตร์จะบันทึกและตัดสินผลกระทบอันมากมายมหาศาลของบุคคลหนึ่งเดียวผู้นี้ที่มีต่อประชาชนและโลกรอบๆ ตัวเขาทว่าทรัมป์เรียกคาสโตรว่าเป็น จอมเผด็จการผู้โหดเหี้ยมซึ่งได้กดขี่ประชาชนของเขาเองเป็นเวลาเกือบ 6 ทศวรรษและ มรดกของฟิเดล คาสโตร คือ ทีมประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า, โจรปล้นทรัพย์, ความทุกข์ทรมานอย่างไม่สามารถจินตนาการได้, ความยากจน และการปฏิเสธสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐฯกับคิวบาซึ่งรื้อฟื้นกันขึ้นมาในเดือนธันวาคม 2014 ดูไม่มีความแน่นอนภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์ ในระหว่างการหาเสียง เขาเคยข่มขู่ที่จะตัดความสัมพันธ์นี้ ถ้าหากคิวบาไม่ยินยอมให้ประชาชนมีสิทธิมนุษยชนเพิ่มขึ้นมากๆ

เอพี/เอเจนซีส์ - เป็นเรื่องเหลือเชื่อเมื่อลิงเลี้ยงตัวหนึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดสงครามระหว่างชนเผ่าในลิเบียนานถึง 4 วัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างต่ำ 20 คน และบาดเจ็บอีก 50 คนในวันอาทิตย์ (20 พ.ย.) หลังในสัปดาห์ที่ผ่านมาพบลิงเลี้ยงตัวหนึ่งของกลุ่มชายหนุ่มจากชนเผ่ากัดดัดฟา (Gaddadfa) หลุดเข้าไปในโรงเรียนสตรีแห่งหนึ่งในเมืองซาบา (Sabha) ทางใต้ของลิเบีย และได้ทำร้าย กัด และกระชากผ้าคลุมศีรษะของนักเรียนหญิงจากชนเผ่าแอวลัด ซูเลมาน (Awlad Suleiman) จนหลุดออกจากศีรษะ   เอพีรายงานเมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) ว่า ครอบครัวของเหยื่อนักเรียนหญิงจากชนเผ่าแอวลัด ซูเลมานที่ตกเป็นเหยื่อถูกลิงกัด และทำผ้าคลุมศีรษะของเธอออกจากเธอในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ทำการแก้แค้น และสังหารชาย 3 คนพร้อมกับลิงต้นเหตุ  โดยนักเคลื่อนไหวด้านสังคมของลิเบีย บาเดอร์ อัล-ดาเฮลี (Bader al-Daheli) ได้เปิดเผยในวันอาทิตย์ (20 พ.ย.) ว่า ชนเผ่าแอวลัด ซูเลมาน (Awlad Suleiman) และชนเผ่ากัดดัดฟา (Gaddadfa) ชนเผ่าหลักในลิเบียได้ก่อสงครามระหว่างชนเผ่าจากสาเหตุลิงหลุดเข้าไปภายในโรงเรียนมัธยมสตรีแห่งหนึ่งในเมืองซาบา (Sabha) ที่อยู่ทางใต้ของลิเบีย โดยพบว่าชนเผ่าทั้งสองนั้นมีกองกำลังติดอาวุธเป็นของตัวเองในการปะทะ หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานว่า ศึกระหว่างชนเผ่าที่เกิดขึ้นนานถึง 4 วัน ด้านอับเดล ราห์มาน อาเรช (Abdel-Rahman Areish) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลซาบาได้เปิดเผยกับเอพีว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะ 20 คนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 50 คน  สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า สื่อท้องถิ่นลิเบียชี้ว่า ลิงเลี้ยงที่หลุดเข้าไปภายในโรงเรียนมัธยมสตรีเมืองซาบาแห่งนี้เป็นของชายหนุ่ม 3 คนที่มาจากชนเผ่ากัดดัดฟา  โดยหนึ่งในชาวบ้านในเมืองซาบาได้เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นในวันที่สองและวันที่สาม ซึ่งมีการใช้อาวุธหนักที่รวมไปถึงรถถัง และปืนครกและกล่าวต่อว่า ยังคงมีการปะทะ และชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งมีการปะทะไม่สามารถเดินทางออกจากบ้านได้  เดอะการ์เดียนรายงานว่า พบว่าชนเผ่ากัดดัดฟาและชนเผ่าแอวลัด ซูเลมานนั้นเป็นกองกำลังติดอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค โดยการปะทะที่เกิดขึ้นระหว่างชนเผ่าครั้งนี้อยู่ภายในใจกลางของเมืองซาบา ซึ่งในเบื้องต้นทางผู้นำของชนเผ่าทั้งสองพยายามจะทำให้สถานการณ์ที่ตรึงเครียดยุติ และทำสัญญาสงบศึกเพื่อที่จะสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้  โดยภายในวันอาทิตย์ (20 พ.ย.) ศูนย์การแพทย์ของเมืองได้รับร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะจำนวน 16 ร่าง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 50 รายโฆษกศูนย์การแพทย์เมืองซาบาแถลง มีเด็กและผู้หญิงรวมอยู่ในกลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บ และพบว่ามีชาวต่างชาติจากกลุ่มประเทศซับซาฮารารวมอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิต
เดอะการ์เดียนรายงานว่า เมืองซาบาอยู่ห่างจากกรุงตริโปลีไปทางใต้ราว 660 กม.

รอยเตอร์/เอเอฟพี - ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ให้คำมั่นสัญญาระหว่างการประชุมซัมมิตผู้นำเอเปก เมื่อวันเสาร์ (19 พ.ย.) ที่จะเปิดกว้างเศรษฐกิจของแดนมังกรต่อไป พร้อมกับป่าวร้องยึดมั่นในเรื่องการค้าเสรี ขณะที่แดนมังกรก้าวเข้าไปเติมเต็มช่องว่างซึ่งถูกทิ้งเอาไว้ สืบเนื่องจากว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ระบุว่า จะฉีกทิ้งข้อตกลงการค้าทั้งหลายหรือไม่ก็ขอเปิดเจรจาต่อรองกันใหม่ ทุกๆ สายตาต่างจับจ้องไปที่จีน ณ การประชุมระดับผู้นำของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ปีนี้ ซึ่งจัดขึ้นในกรุงลิมา ประเทศเปรู ระหว่างวันที่ 19-20 พ.ย.นี้ หรือห่างเพียงสัปดาห์เศษ ภายหลังชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกันแบบสุดเซอร์ไพรส์ของทรัมป์ ได้กลายเป็นการบดขยี้ความหวังทั้งหลายทั้งปวงที่ว่า ข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) ซึ่งถือเป็นดีลทางด้านการค้าเสนอโดยสหรัฐฯ ซึ่งมีขนาดใหญ่โตที่สุดเท่าที่เคยมีมา กำลังจะมีผลบังคับใช้ในเร็ววันนี้  ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งแก่ TPP ในฐานะที่เป็นหนทางอย่างหนึ่งในการต่อต้านการก้าวผงาดขึ้นมาของจีน ทว่า เวลานี้เขาได้หยุดความพยายามในการผลักดันให้รัฐสภาอเมริกันรับรองให้สัตยาบันข้อตกลงฉบับนี้ที่ 12 ชาติในทวีปอเมริกา และเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งไม่ได้มีจีนอยู่ด้วย ได้ร่วมลงนามกันไปแล้ว ทั้งนี้ ตามเนื้อหาของ TPP หากสหรัฐฯยังไม่ให้สัตยาบัน ก็เป็นอันว่าข้อตกลงนี้จะไม่สามารถบังคับใช้ได้  ระหว่างการรณรงค์หาเสียง ทรัมป์ได้โจมตีคัดค้านทั้ง TPP และข้อตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟตา) โดยบอกว่า ทำให้สหรัฐฯต้องสูญเสียตำแหน่งงานมากมายให้แก่ต่างชาติ เขากล่าวว่าจะฉีกทิ้ง TPP รวมทั้งข่มขู่ที่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนและเม็กซิโกด้วย  ภายหลังพบปะหารือกับโอบามา ในการประชุมข้างเคียงซัมมิตเอเปกคราวนี้ สี แถลงว่า ความสัมพันธ์ระหว่างปักกิ่ง กับวอชิงตันกำลังอยู่ใน ช่วงขณะแห่งความไม่แน่นอนว่าจะคลี่คลายไปทางใด” (hinge moment) พร้อมกับเรียกร้องให้ระยะผ่านเช่นนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ผมหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะทำงานด้วยกันโดยโฟกัสที่ความร่วมมือกัน, บริหารจัดการกับความผิดแผกแตกต่างกันของพวกเรา และทำให้มั่นใจว่าจะมีการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่นในความสัมพันธ์นี้ และมันจะยังเติบโตต่อไปข้างหน้าอีกสีกล่าว  ในอีกด้านหนึ่ง สีก็กำลังเสนอขายวิสัยทัศน์ทางเลือกอื่นๆ สำหรับการค้าระดับภูมิภาค ด้วยการโปรโมตผลักดันข้อเสนอเรื่องการจัดทำ ข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership หรือ RCEP) ที่ประกอบด้วย 10 ชาติอาเซียน, พวกชาติคู่เจรจาของอาเซียนอีก 6 ได้แก่ จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, อินเดีย, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ทว่า ไม่มีสหรัฐฯ  จีนจะไม่เปิดประตูของตัวเองต่อโลกภายนอก แต่ยังจะเปิดกว้างให้มากขึ้นด้วยสี กล่าวเช่นนี้ในคำปราศรัยสำคัญต่อที่ประชุมเอเปกคราวนี้ เรากำลังจะ ... ทำให้เกิดความแน่ใจว่าดอกผลต่างๆ ของการพัฒนาจะมีการแบ่งปันกันคณะของจีนที่เข้าร่วมประชุมเอเปกคราวนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา และพวกผู้แทนในภูมิภาคต่างบอกว่า จีนจะเข้าฉวยคว้าฐานะผู้นำในเรื่องการค้า ถ้าสหรัฐฯหันหน้ามุ่งไปสู่ลัทธิกีดกันการค้ากันจริงๆ  คณะบริหารโอบามา กล่าววิจารณ์มาหลายครั้งแล้วว่า ข้อตกลง RCEP นั้น คับแคบและไม่ก้าวหน้าเท่าข้อตกลง TPP โดยที่ไม่ได้บรรจุเรื่องซึ่งสหรัฐฯมุ่งมั่นผลักดัน เป็นต้นว่า การคุ้มครองแรงงาน, สิ่งแวดล้อม, การเคารพสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาทางแข็งขัน  บรรดาผู้นำของชาติที่ร่วมลงนาม TPP ได้จัดการประชุมขึ้นข้างเคียงซัมมิตเอเปกคราวนี้ด้วย และโอบามา ซึ่งกำหนดการเดินทางเที่ยวนี้ถือเป็นทริปเดินทางต่างแดนเที่ยวสุดท้ายในฐานะประธานาธิบดีของเขาแล้ว ได้กล่าวเรียกร้องผู้นำคนอื่นๆ ให้ช่วยกันทำงานเพื่อผลักดันเดินหน้า TPP ต่อไป ทั้งนี้ ตามการแถลงของทำเนียบขาว ขณะที่ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น โคโตโระ โนงามิ บอกกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมนี้ ว่า บรรดาผู้นำได้ย้ำยืนยันความสำคัญทางเศรษฐกิจและทางยุทธศาสตร์ของข้อตกลง TPP

จีนเข้าเติมเต็มช่องว่างที่เกิดขึ้น? จากการที่ชะตากรรมของ TPP ไม่มีความแน่นอน ข้อตกลง RCEP ที่จีนหยิบยกขึ้นมาผลักดัน จึงกำลังได้รับความสนใจจากหลายฝ่าย ว่า บางทีอาจจะเป็นเส้นทางเดียวสำหรับการก้าวเดินเพื่อไปสู่การจัดตั้งเขตการค้าเสรีสำหรับเอเชีย-แปซิฟิกทั้งหมด (Free Trade Area of the Asia-Pacific หรือ FTAAP) ซึ่งเอเปกระบุว่ามุ่งมาดปรารถนาจะไปให้ถึง  มัน (RCEP) เป็นดีลด้านการค้าตามแบบฉบับประเพณีมากกว่า เน้นเรื่องการลดอัตราภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าและบริการต่างๆ มันไม่ได้ไปไกลถึงขนาดที่ระบุเอาไว้ใน TPP” นายกรัฐมนตรีมัลคอล์ม เทิร์นบูลล์ ของออสเตรเลีย กล่าวกับผู้สื่อข่าว แต่ก็สรุปว่า อย่างไรเสีย ยิ่งเราสามารถเข้าถึงตลาดสำหรับการส่งออกของเราได้มากขึ้นเท่าไร มันก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น  ขณะที่นายกรัฐมนตรี จอห์น คีย์ ของนิวซีแลนด์ บอกว่า สหรัฐฯ เป็นหุ้นส่วนสำคัญรายหนึ่งในภูมิภาคนี้ ทว่าจีนจะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่เกิดขึ้น ถ้าหากคณะบริหารทรัมป์ถอยห่างออกไปจากการสนับสนุนการค้าเสรี คีย์กล่าวว่า เหล่าชาติสมาชิก TPP อาจจะสามารถตกลงนำเอา ความเปลี่ยนแปลงแบบปรับแต่งโฉมหน้าเข้ามาในข้อตกลงนี้ เพื่อทำให้มันเป็นที่พอใจมากขึ้นของทรัมป์  ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนชื่อข้อตกลงเป็น ข้อตกลงทรัมป์เพื่อความเป็นหุ้นส่วนในแปซิฟิก (The Trump Pacific Partnership) นั่นก็ใช้ได้นะคีย์กล่าวพร้อมกับหัวเราะ ถึงแม้จีนเริ่มออกมาเกี้ยวพา แต่สมาชิกเอเปกบางรายยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดัน TPP ต่อไป และยังคงวาดหวังว่าสหรัฐฯจะยังคงแสดงความเป็นผู้นำในทางด้านการค้า  จุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์ของเราคืออยู่กับสหรัฐฯ นี่เห็นชัดอยู่แล้วประธานาธิบดี เอนรีเก เปญา เนียโต แห่งเม็กซิโก กล่าว นี่คือสถานที่ซึ่งสายตาของเราจับจ้องมองไป และนี่คือสิ่งที่เรากำลังทำงานเพื่อให้บรรลุถึงเปญา เนียโต บอกว่า ข้อตกลงนาฟตาที่ทำกันไว้ระหว่างสหรัฐฯ, เม็กซิโก และแคนาดา นั้น ควรที่จะ ปรับปรุงให้ทันสมัยยิ่งขึ้นพร้อมกับชี้ว่า ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์ด้านแรงงานและสิ่งแวดล้อม เป็นส่วนหนึ่งที่อาจนำมาหารือกันเพื่อการปรับปรุงดังกล่าว  เม็กซิโกยังร่วมกับเหล่าชาติสมาชิก TPP อย่างญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, มาเลเซีย, นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ ประกาศตั้งจุดมุ่งหมายที่จะเดินหน้า TPP ต่อไป ไม่ว่าจะมีสหรัฐฯเข้าร่วมหรือไม่ก็ตามที รัฐมนตรีเศรษฐกิจเม็กซิโก อิลเดฟอนโซ กวาจาร์โด กล่าวเมื่อวันศุกร์ (18) ชาติสมาชิกเอเปกหลายรายบอกด้วยว่า ยังเร็วเกินไปที่จะระบุยืนยันว่าทรัมป์ฉีกทิ้ง TPP อย่างแน่นอนแล้ว  บารัค โอบามา ก็ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุน TPP หรอกเมื่อตอนที่เขาได้รับเลือกตั้ง แต่เขากำลังอำลาตำแหน่งไปในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนข้อตกลงนี้อย่างมากมายใหญ่หลวงที่สุดนายกรัฐมนตรีเทิร์นบูลของออสเตรเลีย กล่าว
เครดิตข้อมูลและภาพจาก MGR online
 

 

 

 

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พลิกผลโพลล์ทุกสำนัก โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยสำเร็จ ได้เป็น ปธน.สหรัฐคนที่ 45

เอเจนซีส์ – โดนัลด์ เจ ทรัมป์ได้ขึ้นเวทีกล่าวขอบคุณกับผู้สนับสนุนเป็นครั้งแรกหลังสามารถเอาชนะฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครตได้สำเร็จด้วยคะแนน 276 ต่อ 218 สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ไปทั่วโลก ทรัมป์ประกาศว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศต้องรวมตัวเป็นหนึ่ง รัฐบาลสหรัฐฯต้องรับใช้ประชาชน พร้อมกับเปิดเผยว่า คลินตันได้โทรศัพท์มาหาเพื่อแสดงความยินดี และยอมรับความพ่ายแพ้

หนังสือพิมพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานถึงการขึ้นเวทีขอบคุณครั้งแรกของโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน หลังจากทราบผลคะแนนว่าสามารถชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปีนี้ได้สำเร็จ
โดยในการขึ้นกล่าวเป็นครั้งแรก ทรัมป์ประกาศว่า ถึงเวลาแล้วที่อเมริกาต้องรวมเป็นหนึ่ง

“ถึงเวลาแล้วที่อเมริกาต้องสมานบาดแผลของความแตกแยก…ผมขอกล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะต้องร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว ผมขอปฎิญาณต่อพลเมืองสหรัฐฯในทุกตัวคนบนแผ่นดินของเราว่า ผมจะเป็นประธานาธิบดีของทุกคน และสิ่งนี้สำคัญกับผมมาก และสำหรับคนที่เลือกที่จะไม่สนับสนุนผม…ผมขอยื่นมือไปยังพวกท่านทั้งหลายสำหรับแนวทางและความช่วยเหลือ เพื่อที่จะทำให้พวกเราจะได้เดินหน้าในการทำประเทศให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่ออเมริกาที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราทุกคน" ทรัมป์แถลงและในการขึ้นเวทีคืนนี้ ทรัมป์ยังได้เปิดเผยต่อผู้สนับสนุนว่า คู่แข่งของเขา ฮิลลารี คลินตัน ได้โทรศัพท์มาเพื่อแสดงความยินดี และยอมรับในความพ่ายแพ้  นอกจากนี้ในการขึ้นกล่าวแสดงความขอบคุณ ทรัมป์ยังประกาศต่อว่า วอชิงตันต้องรับใช้ประชาชน

“พวกเราต้องร่วมมือกัน โดยในการเริ่มงานที่เร่งด่วนเบื้องหน้าคือ การสร้างชาติอเมริกาใหม่อีกครั้ง” และกล่าวต่อว่า

“ผมรู้จักประเทศของเราเป็นอย่างดี ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและศักยภาพ…และในทุกอเมริกันชนทุกคน จะสามารถตระหนักในศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ภายในตัวพวกเขาและเธอ”  และทรัมป์ยังกล่าวต่อว่า

“เราจะร่วมกันซ่อมแซมชุมชนในเมืองที่ยังเป็นปัญหา พวกเราจะร่วมกันสร้างระบบสาธารณูปโภคของอเมริกาใหม่อีกครั้ง ที่จะไม่มีวันเป็นที่สองรองจากใคร และพวกเราจะนำผู้คนนับล้านกลับเข้าสู่ระบบงานที่พวกเราได้สร้างใหม่ไว้ และเราในท้ายที่สุด จะให้การดูแลกับทหารกล้าที่ยิ่งใหญ่ผู้ผ่านสมรภูมิรบ”

นอกจากนี้ในการขึ้นเวทีครั้งแรกของค่ำคืนวันประกาศชัยชนะ ทรัมป์ยังปลอบขวัญผู้นำทั่วโลกว่า อเมริกาจะทำข้อตกลงกับชาติต่างๆอย่างเป็นธรรม โดยทรัมป์ประกาศว่า “ผมขอบอกไปยังประชาคมโลกทั้งหลายว่า ในขณะที่เราจะนำผลประโยชน์ประเทศของพวกเรามาก่อน แต่เราจะทำข้อตกลงกับทุกชาติอย่างเป็นธรรม” และกล่าวต่อว่า “อเมริกาจะไม่ยอมรับสิ่งใดที่น้อยกว่าความเป็นที่ 1 พวกเราต้องฝันให้ยิ่งใหญ่ กล้า และท้าทาย ในการกลับมาทวงความเป็นอเมริกาใหม่อีกครั้ง”

เอเจนซีส์ - มหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน สร้างปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่ด้วยการคว้าเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาครองได้สำเร็จในวันนี้ (9 พ.ย.) หลังสามารถเก็บชัยชนะได้ที่รัฐเพนซิลเวเนียและวิสคอนซิน กวาดจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (electotal college) ได้ถึง 277 เสียง ขณะที่ตัวเต็งอย่าง ฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต กลับพ่ายแพ้ไปอย่างเหนือความคาดหมาย โดยได้คณะผู้เลือกตั้งมาเพียง 218 เสียง

จากการสรุปคะแนนล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้ (9) ตามเวลาในไทย โดนัลด์ ทรัมป์ เก็บชัยชนะไปแล้วทั้งสิ้นใน 28 มลรัฐ ได้แก่ เคนตักกี (มีคณะผู้เลือกตั้ง 8 คน), อินดีแอนา (11), เวสต์เวอร์จิเนีย (5), เทนเนสซี (11), เซาท์แคโรไลนา (9), แอละแบมา (9), มิสซิสซิปปี (6), อาร์คันซอ (6), แคนซัส (6), โอกลาโฮมา (7), นอร์ทดาโกตา (3), เซาท์ดาโกตา (3), ไวโอมิง (3), ลุยเซียนา (8), เนแบรสกา (4), มอนทานา (3), มิสซูรี (10) โอไฮโอ (18) เทกซัส (38), ฟลอริดา (29), ไอดาโฮ (4) นอร์ทแคโรไลนา (15) จอร์เจีย (16), ไอโอวา (6), ยูทาห์ (6), อะแลสกา (3), เพนซิลเวเนีย (20) และล่าสุดคือ วิสคอนซิน (10) ซึ่งทำให้จำนวนคณะผู้เลือกตั้งของ ทรัมป์ นั้นพุ่งขึ้นไปถึง 277 คนแล้ว

ด้าน ฮิลลารี คลินตัน คว้าชัยที่รัฐเวอร์มอนต์ (มีคณะผู้เลือกตั้ง 3 คน), แมสซาชูเซตส์ (11), โรดไอแลนด์ (4), นิวเจอร์ซีย์ (14), เดลาแวร์ (3), แมริแลนด์ (10), อิลลินอยส์ (20), คอนเน็ตทิคัต (7), นิวเม็กซิโก (5), นิวยอร์ก (29), โคโลราโด (9), เวอร์จิเนีย (13), วอชิงตัน (12), ฮาวาย (4), แคลิฟอร์เนีย (55), ออริกอน (7), เนวาดา (6), เมน (3) และเขตปกครองพิเศษโคลัมเบีย หรือ วอชิงตัน ดี.ซี. (3) รวมจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 218 คน

เนื่องจากทั่วสหรัฐฯ มีจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 538 คนในปีนี้ ดังนั้น ผู้สมัครคนไหนได้ไป 270 เสียงก็เป็นผู้ชนะทันที
คะแนนที่ออกมาสร้างความตะลึงงันต่อบรรดานักวิเคราะห์การเมือง เมื่อมหาเศรษฐีปากเปราะที่เคยมีคะแนนไล่หลังในเกือบทุกโพลก่อนหน้านี้กลับกลายมาเป็นฝ่ายนำ คลินตัน ในหลายๆ รัฐสวิงสเตตส์ ซึ่งเป็นตัวตัดสินชี้ขาดศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี
ผู้สื่อข่าวเอ็นบีซีนิวส์ได้รายงานผ่านทวิตเตอร์ว่า พอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ สังกัดพรรครีพับลิกัน ได้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับ ทรัมป์ และ ไมค์ เพนซ์ คู่หูชิงรองประธานาธิบดี โดย ไรอัน ได้สนทนากับบุคคลทั้งสอง

“อย่างอารมณ์ดี”

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนยวบ เช่นเดียวกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ดิ่งรูดระนาวในวันนี้ (9 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนต่างวิตกกังวลต่อผลกระทบที่จะตามมาหาก โดนัลด์ ทรัมป์ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำทำเนียบขาว

เงินเปโซเม็กซิโกอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์วันนี้ (9) โดยกระแสความกังวลเรื่องที่ ทรัมป์ จะกลายมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ นั้นได้สร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินเม็กซิโกมานานหลายเดือนแล้ว เนื่องจาก ทรัมป์ เคยขู่ว่าจะฉีกข้อตกลงการค้าเสรีกับแดนจังโก้ และจะเก็บภาษีจากเงินที่ผู้อพยพเม็กซิกันส่งกลับบ้านเกิด เพื่อนำมาเป็นทุนก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดน

เครดิตข้อมูลและภาพจาก MGR online


วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

โลก 360 องศา - (ปธน.เกาหลีใต้ พัค กึน ฮเย ยอมถอย ให้สภาเลือกนายกรัฐมนตรีเอง,สมรภูมโมซุลเดือด นักรบเคิร์ดปะทะเดือดกับไอเอส,ศึกเลือกตั้งโค้งสุดท้ายอเมริกาดุเดือด โอบาม่าและภริยาช่วยคลินตันหาเสียงภายหลังนางฮิลลารีพ้นบ่วงมลทินอีเมลล์ฉาว,เดนมาร์กเริ่มทดลองให้กัญชาใช้ในทางการแพทย์ได้)

รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ ระบุวันนี้ (8 พ.ย.) ว่า เธอพร้อมจะถอนการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยให้รัฐสภาคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสม และยินดีที่จะมอบอำนาจควบคุมคณะรัฐมนตรีให้แก่นายกฯ คนใหม่ด้วย ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจของประชาชนต่อเหตุอื้อฉาวทางการเมืองที่เพื่อนสนิทของเธอเป็นต้นเหตุ  คำประกาศเจตนารมณ์ของ พัค ต่อประธานรัฐสภาวันนี้ (8) ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเธอพร้อมที่สละอำนาจบริหารบางส่วนตามที่พรรคฝ่ายค้านเรียกร้อง เพื่อบรรเทากระแสต่อต้านเรื่องที่เธอปล่อยให้ ชอย ซุน-ซิล เพื่อนหญิงคนสนิท ใช้อำนาจโดยมิชอบ  หากรัฐสภาเสนอชื่อบุคคลที่มีความเหมาะสม และพรรคฝ่ายค้านก็เห็นชอบด้วย ดิฉันจะแต่งตั้งบุคคลผู้นั้นเป็นนายกรัฐมนตรี และจะมอบอำนาจดูแลคณะรัฐมนตรีแก่เขาด้วยพัค กล่าวต่อประธานรัฐสภา ชุง เซ-คยุน  นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ เป็นตำแหน่งที่มีบทบาทในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น เนื่องจากอำนาจบริหารทั้งหมดอยู่ในมือของประธานาธิบดี  รัฐบาลโสมขาวภายใต้การนำของ พัค กึน-ฮเย กำลังอยู่ในสภาพง่อนแง่น หลังมีข่าวว่า ชอย อาศัยความสนิทชิดเชื้อกับผู้นำหญิงก้าวก่ายกิจการของรัฐ และยังใช้อิทธิพลต่อคนในแวดวงกีฬา และวัฒนธรรมอีกด้วย  ชอย ถูกตั้งข้อหาใช้อำนาจโดยมิชอบและฉ้อโกง ส่วนอดีตผู้ช่วยประธานาธิบดีคนหนึ่งก็ถูกฟ้องฐานใช้อำนาจโดยมิชอบและขู่กรรโชกทรัพย์ หลังจากที่บุคคลทั้งคู่ได้เรียกรับเงินบริจาคราว 77,400 ล้านวอนจากกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่หลายสิบบริษัท ในนามมูลนิธิไม่แสวงผลกำไร 2 แห่ง  สัปดาห์ที่แล้ว พัค ได้เสนอชื่อ คิม บยอง-จุน ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีและผู้ช่วยคนสนิทของอดีตประธานาธิบดี โรห์ มู-ฮยุน เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ทว่า การขอความเห็นชอบจากรัฐสภาดูจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านได้แสดงความไม่พอใจ และกล่าวหาว่า พัค ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจจากคดีอื้อฉาวของเธอ และ ชอย พัค ได้ออกมายืนแถลงข่าวขออภัยประชาชนแล้วถึง 2 ครั้ง ทว่า คะแนนนิยมของเธอก็ยังคงดิ่งรูดจนลงมาเหลือเพียง 5% ตามผลสำรวจของแกลลัปโพลเมื่อวันศุกร์ (4 พ.ย.) ซึ่งถือว่าตกต่ำที่สุดตั้งแต่เริ่มมีการทำโพลในปี 1988 ที่ผ่านมา ไม่เคยมีประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใดที่ทำงานอยู่ไม่ครบวาระ 5 ปี ทว่า แรงกดดันจากสาธารณชนและฝ่ายค้านที่ต้องการให้ พัค สละเก้าอี้ก็เพิ่มทวีขึ้นทุกขณะ รัฐบาล พัค จะหมดวาระลงในช่วงต้นปี 2018 เช้าวันนี้ (8) อัยการเกาหลีใต้ได้เข้าตรวจค้นสำนักงานใหญ่บริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสืบหาหลักฐานเพิ่มเติมในคดีฉ้อโกงที่ ชอย ตกเป็นจำเลย สำนักข่าวยอนฮัป รายงานว่า อัยการกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ เคยโอนเงินจำนวน 2.8 ล้านยูโร ไปให้แก่บริษัทที่ ชอย ซุน-ซิล และบุตรสาวของเธอเป็นเจ้าของหรือไม่ โดยบุตรสาวของ ชอย นั้น เคยเป็นนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติเกาหลีใต้  พัค ซัง-จิน ประธานฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ของซัมซุง ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นประธานสมาคมขี่ม้าแห่งเกาหลีใต้ และสำนักงานของเขาก็เป็นอีกที่หนึ่งที่อัยการได้เข้าไปตรวจค้นในวันนี้ (8)

เอเจนซีส์ นักรบเคิร์ดปะทะกับไอเอสระหว่างบุกเข้าเมืองบาชิกา ทางตะวันออกของโมซุล ขณะที่กองทัพอิรักที่เข้าตีทางใต้ของโมซุล พบหลุมศพขนาดใหญ่ที่มีศพหัวขาดราว 100 ศพ การบุกยึดเมืองบาชิกา เป็นส่วนหนึ่งของยุทธการกวาดล้างกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ออกจากโมซุล เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรัก เพื่อปลดปล่อยประชาชนจากการยึดครองอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งรวมถึงการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนับตั้งแต่กลุ่มก่อการร้ายนี้เข้ายึดพื้นที่กว้างขวางตอนกลางและทางใต้ของอิรักในช่วงฤดูร้อนปี 2014 ปฏิบัติการชิงเมืองบาชิกาเริ่มต้นขึ้นเมื่อเช้ามืดวันจันทร์ (7) โดยกองกำลังเพชเมอร์กาของชาวเคิร์ดระดมยิงปืนใหญ่ จรวดคัตยูชา และปืนครกเข้าใส่ฐานที่ตั้งของไอเอส เพื่อเปิดทางให้หน่วยยานยนต์หุ้มเกราะ บาชิกา ซึ่งเชื่อว่าเป็นเมืองร้างและคงเหลือนักรบไอเอสกบดานอยู่หลักสิบคนนั้น อยู่ห่างจากชายขอบเมืองโมซุลทางตะวันออกเฉียงเหนือ 13 กิโลเมตร และห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร ทั้งนี้ เพชเมอร์กาปิดล้อมบาชิกามาหลายสัปดาห์แล้ว แต่การบุกเมื่อเช้าวันจันทร์ดูจะเป็นปฏิบัติการที่หนักหน่วงที่สุดเพื่อขับไล่ไอเอส ขณะเดียวกัน ที่แนวรบด้านใต้ของโมซุล ทหารอิรักรุกคืบเข้าสู่เมืองฮามัม อัล-อาลิล ที่ห่างจากใจกลางเมืองโมซุลประมาณ 19 กิโลเมตร เมื่อคืนวันจันทร์และพบหลุมศพขนาดใหญ่ที่ภายในมีศพหัวขาดประมาณ 100 ศพใกล้วิทยาลัยการเกษตร โดยศพส่วนใหญ่เหลือเพียงโครงกระดูก  พลจัตวา ยาห์ยา ราซุล โฆษกกองบัญชาการทหารร่วมเผยว่า ทีมนิติเวชจากแบกแดดจะเดินทางไปตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวในวันอังคาร (8) นอกจากนั้น นายพลจัตวา ฟิราส บาชาร์ โฆษกกองทัพอิรัก เปิดเผยเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ว่า กองกำลังอิรักเข้ายึดเมืองฮามัม อัล-อาลิลได้แล้ว อย่างไรก็ดี รายงานข่าวจากสื่อต่างๆ ระบุว่า ยังมีการสู้รบและมีนักรบไอเอสกระจายอยู่หลายจุดในเมืองนี้ ทั้งนี้ หน่วยรบพิเศษบุกเข้าโมซุล ซึ่งเป็นที่มั่นสำคัญแห่งสุดท้ายในประเทศนี้ของไอเอสตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วและมีความคืบหน้าในการเข้ายึดชานเมืองด้านตะวันออก ผิดกับการบุกในเมืองที่ล่าช้าเนื่องจากมีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น กองกำลังพิเศษของอิรักยังเผชิญการต้านทานจากคาร์บอมบ์ กับระเบิด และการต่อสู้ในระยะประชิดในถนนแคบๆ โดยไอเอสยังสามารถยึดกุมพื้นที่ทางเหนือ ใต้ และตะวันตกของเมืองนี้อย่างเหนียวแน่น พันโท ฮุสเซน อาซิส จากหน่วยรบพิเศษเผยว่า ขณะที่ทัพอิรักพยายามเข้ากระชับพื้นที่ในย่านที่อยู่อาศัยทางตะวันออกของโมซุล ประชาชนจำนวนมากขึ้นพากันหนีออกจากเมือง เพื่อหนีการถูกไอเอสใช้เป็นโล่มนุษย์ อาซิสประจำอยู่ที่จุดตรวจก็อกจาลีเพื่อตรวจหานักรบไอเอสที่แฝงตัวในกลุ่มชาวบ้านที่หนีออกจากโมซุล โดยนับจากที่กองทัพอิรักบุกเข้าชานเมืองด้านตะวันออกของโมซุลเมื่อวันอังคารที่แล้ว หน่วยของอาซิสจับนักรบไอเอสได้นับสิบคน ขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลกได้จัดตั้งทีมเคลื่อนที่เร็ว 82 ทีม เพื่อรับมือความเสี่ยงของโรคระบาด การสัมผัสสารเคมี หรือข้อกังวลด้านสุขภาพอื่นๆ ในหมู่ประชาชนที่หนีออกจากโมซุล  อนามัยโลกระบุว่า น้ำและระบบสุขาภิบาลในค่ายผู้อพยพอาจขาดแคลนขณะที่คนหนีออกจากโมซุลมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงของโรคที่ติดต่อทางอาหารและน้ำ เช่น อหิวาต์ นอกจากนั้นยังมีความกังวลเกี่ยวกับเด็กที่ตามรายงานระบุว่า ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคนับจากไอเอสเข้ายึดโมซุลในเดือนมิถุนายน 2014
     
รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดุเด็ดเผ็ดมันจนถึงนาทีสุดท้ายในการหาเสียงเมื่อคืนวันจันทร์ (7 พ.ย.) โดยทรัมป์เรียกคลินตันว่า จอมตลบตะแลงส่วนแคนดิเดตเดโมแครตกล่าวหาอดีตพิธีกรเรียลิตีโชว์ทำประเทศแตกแยก ขณะที่โพลจากรอยเตอร์/อิปซอส ชี้ คลินตันมีโอกาสลิ่วเข้าสู่ทำเนียบขาวถึง 90%  ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต และ โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน วิ่งรอกหาเสียงในรัฐต่างๆ ที่เป็นสนามเลือกตั้งสำคัญตลอดวันจันทร์ เพื่อโน้มน้าวให้ผู้สนับสนุนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันรุ่งขึ้น (8) คลินตันนั้นพยายามระดมเสียงเพิ่มจากคนอเมริกันเชื้อสายละติน และแอฟริกัน รวมถึงหนุ่มสาว ขณะที่ทรัมป์เล็งชิงคะแนนจากผู้สนับสนุนเดโมแครตที่ไม่ภักดีต่อคลินตัน รวมทั้งชนชั้นกลางที่เขาปลุกปั่นว่า ถูกนักการเมืองรุ่นเก่ามองข้าม การเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐฯนั้น ไม่ใช่ตัดสินกันว่า ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงทั่วประเทศ ลงคะแนนให้ผู้สมัครคนไหนมากกว่า แต่การโหวตของผู้ออกเสียงเป็นการเลือกคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) โดยที่แต่ละรัฐจะมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งไม่เท่ากัน เช่น นิวยอร์ก มี 55 แต่ เวอร์มอนต์ มี 3 แทบทุกรัฐใช้วิธีที่ว่าผู้สมัครซึ่งได้คะแนนโหวตสูงที่สุด จะได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้งไปทั้งหมด เนื่องจากทั้งประเทศจะมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 538 คน ในปีนี้ ดังนั้น ผู้สมัครคนไหนได้ไป 270 เสียงก็จะเป็นผู้ชนะ ทั้งนี้ ผลสำรวจของสเตทส์ ออฟ เดอะ เนชัน ของรอยเตอร์/อิปซอส ระบุว่า เมื่อดูจากจำนวนเสียงโหวตของประชาชนทั่วประเทศ คลินตันกำลังนำทรัมป์อยู่ราว 45% ต่อ 42% และเมื่อดูที่คะแนนคณะผู้เลือกตั้งแล้ว คลินตันมีโอกาสชนะ 90% และน่าจะกวาดคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง ได้ 303 เสียง จากที่ต้องการ 270 เสียง ส่วนทรัมป์น่าจะได้เพียง 235 เสียง อย่างไรก็ดี ทรัมป์ยังมีโอกาสลุ้น โดยที่จะต้องชนะให้ได้ในมลรัฐเหล่านี้ คือ ฟลอริดา มิชิแกน นอร์ทแคโรโลนา และ โอไฮโอ ที่โพลเมื่อวันอาทิตย์ชี้ว่าคู่คี่มาก รวมทั้งที่เพนซิลเวเนียด้วย ซึ่งโพลบอกว่าคลินตันนำ 3% ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังต้องรักษาแอริโซนา รัฐซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาเคยเป็นของรีพับลิกัน ทว่าปีนี้คะแนนยังสูสี รวมทั้งต้องคาดหวังว่า ผู้สมัครอิสระอย่าง อีแวน แมคมุลลิน จะไม่ชนะในยูทาห์ อีกมลรัฐหนึ่งซึ่งเคยเป็นฐานของรีพับลิกันมายาวนาน การที่ทรัมป์จะมีชัยได้ในสนามเหล่านี้ พูดโดยรวมแล้ว จำเป็นที่ชาวผิวขาวที่สนับสนุนรีพับลิกัน ต้องออกไปใช้สิทธิให้มากกว่าเมื่อปี 2012 ขณะที่คนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันก็ต้องออกไปใช้สิทธิน้อยลง และผู้มีสิทธิออกเสียงที่พูดภาษาสเปน (ฮิสปานิก) เข้าคูหาน้อยกว่าที่คาดหมายกันไว้ นอร์ทแคโรไลนา หนึ่งในมลรัฐที่สามารถรายงานผลเลือกตั้งได้อย่างรวดเร็วในคืนวันอังคาร (ตรงกับช่วงเช้าวันพุธที่ 9 ตามเวลาเมืองไทย) อาจเป็นตัวบ่งชี้ผลการแข่งขัน เนื่องจากหากคลินตันชนะในรัฐนี้อาจหมายความว่า คนแอฟริกัน-อเมริกัน ออกไปใช้สิทธิเนืองแน่นพอๆ กับปี 2012 โดยที่ในปีนั้น โอบามาแพ้ มิตต์ รอมนีย์ ตัวแทนจากรีพับลิกัน ในนอร์ทแคโรไลนา อยู่ 2% ด้วยซ้ำ แต่ในระดับทั่วประเทศแล้ว เขาชนะ 4% ทั้งนี้ สเตท ออฟ เดอะ เนชัน มาจากการสำรวจความคิดเห็นกลุ่มตัวอย่าง 15,000 คน ทุกสัปดาห์ในทั้ง 50 รัฐ และรวมถึงวอชิงตัน ดี.ซี. ด้วย วันจันทร์ แคนดิเดตทั้งคู่ลุยหาเสียงเต็มที่ในรัฐสำคัญเหล่านี้ โดยคลินตันปราศรัยครั้งใหญ่ที่สุดตลอดการหาเสียงที่ผ่านมาที่ฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย โดยแผนกดับเพลิงของเมือง ระบุว่า มีผู้เข้าฟังการปราศรัยถึง 33,000 คน นอกจากคลินตันแล้ว ยังมีประธานาธิบดี บารัค โอบามา และภรรยาตลอดจนถึงร็อกสตาร์รุ่นใหญ่อย่าง บรูซ สปริงทีน และ จอน บอง โจวี ขึ้นเวทีด้วย  คลินตันเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนออกไปใช้สิทธิและเชื่อมั่นในอเมริกาที่โอบอ้อมอารีและเป็นของทุกคน  ส่วนโอบามาที่ก่อนหน้านั้นร่วมหาเสียงกับคลินตันที่เมืองแอนน์ อาร์เบอร์ รัฐมิชิแกน ย้ำจุดอ่อนของทรัมป์ ว่า ขาดวุฒิภาวะในการเป็นผู้นำประเทศ และกระตุ้นให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกคลินตัน โดยรับประกันว่า เธอจะตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ไม่ใช่ดีแต่ทวีต ก่อนหน้านี้ ทีมหาเสียงของคลินตันได้กำลังใจสำคัญขณะที่เหลืออีกเพียงไม่กี่สิบชั่วโมงจะถึงวันเลือกตั้ง เมื่อ เจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ประกาศชนิดเกินความคาดหมายเมื่อวันอาทิตย์ (6) ว่า เอฟบีไอยืนตามการตัดสินใจในเดือนกรกฎาคมไม่สั่งฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้เซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวของคลินตันขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งค่าเงินดอลลาร์ มีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดในรอบหลายสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนมองว่า การประกาศของโคมีย์เมื่อวันอาทิตย์ช่วยเพิ่มโอกาสที่คลินตันจะได้ชัยชนะ โพลของรอยเตอร์/อิปซอส ยังระบุว่า คลินตันมีคะแนนนำทรัมป์ทั่วประเทศเพียง 5% คือ 44% ต่อ 39% อย่างไรก็ตาม คะแนนในรัฐที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดอย่างฟลอริดาและนอร์ทแคโรไลนาพลิกจากคลินตันนำเป็นสูสี ผลสำรวจทั้งของฟ็อกซ์ นิวส์ และ ซีบีเอส นิวส์ ที่ออกมาเมื่อวันจันทร์ พบว่า คลินตันที่กำลังต่อสู้สุดแรงเพื่อให้ได้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอเมริกา มีคะแนนนำทรัมป์ 4% กระนั้น ชัยชนะในศึกชิงทำเนียบขาวไม่ได้ตัดสินกันด้วยคะแนนจากประชาชนเท่านั้น แต่ผู้ชนะจะต้องได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งตามเกณฑ์คือ 270 เสียง หมายความว่า รัฐที่มีแนวโน้มสูสี อาจเป็นสนามที่ชี้ขาดการแข่งขัน  ทรัมป์ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เคยมีตำแหน่งทางการเมืองมาก่อน เริ่มหาเสียงในวันสุดท้ายที่เมืองซาราโซตา รัฐฟลอริดา ที่มีชาวอเมริกันที่พูดภาษาสเปนอยู่จำนวนมาก  แคนดิเดตจากรีพับลิกันไม่สนใจโพลสำนักต่างๆ ที่บ่งชี้ว่า คลินตันนำอยู่บางเฉียบ แต่ประกาศว่า ตัวเองจะเป็นผู้ชนะ ซ้ำเรียกคู่แข่งจากเดโมแครตว่า จอมตลบตะแลงและว่า คนอเมริกันเบื่อเต็มทนที่ถูกปกครองโดยกลุ่มคนเขลา ทรัมป์ยังเรียกร้องให้ชนชั้นแรงงานในเมืองแมนเชสเตอร์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ออกไปกาบัตรเพื่อสั่งสอนนักการเมืองทุจริต  ตัวแทนจากรีพับลิกันผู้นี้ ยังเดินทางไปยังนอร์ทแคโรไลนา และเพนซิลเวเนีย ก่อนปิดการหาเสียงในเมืองแกรนด์ ราปิดส์ รัฐมิชิแกน ส่วนคลินตันนั้น นอกจากฟิลาเดลเฟีย และเพนซิลเวเนียแล้ว ยังแวะมิชิแกน ก่อนปิดแคมเปญที่เมืองลารีห์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา
       
เอเอฟพี / เอเจนซีส์ / MGR online - รัฐบาลเดนมาร์กประกาศในวันอังคาร (8 พ.ย.) เริ่มเดินหน้าโครงการทดลองกัญชาด้านการแพทย์เป็นระยะเวลา 4 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2018 หวังแก้ปัญหาผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่เลือกการรักษาอาการเจ็บป่วยของตนด้วยกัญชาที่ผิดกฎหมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คำแถลงของกระทรวงสาธารณสุขเดนมาร์กระบุ โครงการทดลองนำกัญชามาใช้ในทางการแพทย์ดังกล่าวจะมีการควบคุมตรวจสอบอย่างเข้มงวดและอยู่ภายใต้การดูแลวินิจฉัย รวมถึงความรับผิดชอบจากแพทย์อย่างใกล้ชิด ในเบื้องต้นเป็นที่คาดกันว่ามีผู้ป่วยชุดแรกจำนวนประมาณ 500 รายที่จะถูกคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการทดลองของรัฐบาลเดนมาร์กนี้ ที่จะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคมปี 2018 ก่อนที่จำนวนของผู้ป่วยที่เข้าร่วมโครงการจะเพิ่มเป็นราว 1,500 รายในปี 2021 อย่างไรก็ดี การตัดสินใจล่าสุดของทางการเดนมาร์ก ในการเปิดทดลองการใช้กัญชาในทางการแพทย์ในครั้งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจาก อันเดรียส รุดก์โยบิง ประธานสมาคมการแพทย์เดนมาร์ก (ดีเอ็มเอ) ที่ออกโรงตำหนิรัฐบาลผ่านหนังสือพิมพ์รายวัน “Politiken” โดยระบุว่าจนถึงขณะนี้ยังคงไม่มีหลักฐานที่เพียงพอเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นกับคนไข้หากได้รับการรักษาด้วยกัญชาต่อเนื่องเป็นเวลานาน และว่ารัฐบาลเดนมาร์กกำลังทำให้ผู้ป่วยในระบบสาธารณสุขของประเทศตกอยู่ในอันตราย ที่ผ่านมามีหลายพรรคการเมืองในเดนมาร์ก ที่ชูนโยบายเปิดเสรีการใช้กัญชาเพื่อการผ่อนคลาย แต่ทว่า 3 พรรคการเมืองใหญ่ของประเทศทั้งพรรคโซเชียล เดโมแครตส์, พรรคเวนส์เตร ปาร์ตี้ ที่เป็นรัฐบาลอยู่ในเวลานี้ รวมถึงพรรคการเมืองที่ชูนโยบายต่อต้านผู้อพยพอย่างพรรคเดนิช พีเพิลส์ ปาร์ตี้ ต่างมีจุดยืนต่อต้านการเปิดเสรีกัญชาในเดนมาร์กทั้งสิ้น
       

เอเอฟพี - อบูบาการ์ อัล-บักดาดี ผู้นำสูงสุดกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) เรียกร้องให้บรรดาสาวกนักรบยืนหยัดสกัดกั้นกองกำลังอิรักไม่ให้สามารถยึดเมืองโมซุลที่พวกเขาประกาศให้เป็น รัฐคอลีฟะห์เมื่อ 2 ปีก่อนกลับคืนไปได้  สำนักข่าวอัล-ฟุรกอนซึ่งเป็นสื่อในเครือไอเอส ได้เผยแพร่ข้อความเสียงที่อ้างว่าเป็นเสียงของบักดาดี เมื่อเช้าวันนี้ (3 พ.ย.) โดยเจ้าของเสียงนั้นกล่าวว่า ห้ามถอยเด็ดขาด”  การยืนหยัดอย่างมีเกียรตินั้น ง่ายกว่าการล่าถอยด้วยความอับอายเป็นพันเท่า อัล-บักดาดี ไม่ได้เผยแพร่ข้อความเสียงเช่นนี้มานานกว่า 1 ปีแล้ว  ถึงประชาชนทุกคนในนิเนเวห์ (Nineveh) โดยเฉพาะนักรบทั้งหลาย ขอให้ระวังความอ่อนแอของท่านขณะเผชิญหน้ากับศัตรู เขากล่าว โดยอ้างถึงจังหวัดนิเนเวห์ทางภาคเหนือของอิรักซึ่งมีโมซุลเป็นเมืองเอก ระยะหลังๆ มานี้เริ่มมีกระแสข่าวลือเกี่ยวกับสุขภาพและความเคลื่อนไหวของผู้นำสูงสุดไอเอส แต่ก็ยังไม่มีใครทราบว่าเขากบดานอยู่ที่ใดแน่เมื่อเดือน มิ.ย.ปี 2014 หลังจากที่นักรบไอเอสบุกเข้ายึดดินแดนของอิรักไว้ได้อย่างกว้างขวาง อัล-บักดาดี ได้ปรากฏตัวที่เมืองโมซุล และประกาศก่อตั้งรัฐคอลีฟะห์ที่ใช้กฎหมายอิสลามปกครอง โดยกินพื้นที่ครอบคลุมดินแดนของทั้งอิรักและซีเรีย อย่างไรก็ตาม รัฐคอลีฟะห์ที่ว่านี้เริ่มหดแคบลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ปีที่แล้ว และเมื่อต้นสัปดาห์นี้กองทัพอิรักก็สามารถฝ่าเข้าไปถึงเมืองโมซุล ซึ่งเป็นฐานที่มั่นหลักสุดท้ายของไอเอสในอิรัก  กลุ่มพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ ประเมินว่ายังมีนักรบไอเอสตรึงกำลังอยู่ในโมซุลประมาณ 3,000-5,000 คน แต่ผลของสงครามครั้งนี้ก็คาดเดาได้อย่างไม่ต้องสงสัย กองกำลังอิรักหลายหมื่นนายที่มีเครื่องบินขับไล่ของกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ หนุนหลังได้เริ่มยุทธการจู่โจมเมืองโมซุล ตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค.

เอเจนซีส์ / MGR online - มอห์เซ็น กัมซารี ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายกิจการระหว่างประเทศของบริษัทน้ำมันแห่งชาติอิหร่าน (เอ็นไอโอซี) เผยที่กรุงเตหะรานในวันพุธ (2 พ.ย.) โดยระบุ ยอดการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านไปยังทวีปยุโรปพุ่งสูงทะลุ 700,000 บาร์เรลต่อวันแล้วในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่เอเชียยังเป็นอีกหนึ่งภูมิภาคที่เป็นลูกค้ารายสำคัญของน้ำมันจากอิหร่าน รายงานข่าวซึ่งอ้างคำแถลงของผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายกิจการระหว่างประเทศของเอ็นไอโอซีระบุว่า ยอดการจำหน่ายน้ำมันของอิหร่านในยุโรปได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ช่วยให้อิหร่านกลับมามีสถานะเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สู่ยุโรปอีกครั้ง หลังจากที่ยุโรปเคยถือเป็นตลาดหลักที่รองรับน้ำมันจากอิหร่านมาช้านานตั้งแต่ยุคก่อนการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ข้อมูลของรัฐบาลอิหร่านระบุว่า คำสั่งซื้อน้ำมันจากบริษัทโตตาลของฝรั่งเศส, บริษัทเซ็ปซาจากสเปน, บริษัทเฮลเลนิค ปิโตรเลียมของกรีซ, บริษัทพลังงานเอ็มโอแอลของฮังการี และบีพีจากสหราชอาณาจักร ตลอดช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ยอดการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านสู่ยุโรปพุ่งทะลุหลัก 700,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะเดียวกัน รายงานข่าวระบุว่า บรรดาบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น เช่น มารุเบนิ, ซูมิโตโม, อิโตจู และคาเนมัตสึ ที่เคยห่างหายไป จากผลพวงของมาตรการคว่ำบาตรต่างทยอยกลับเข้าสั่งซื้อน้ำมันจากอิหร่านเพิ่มสูงขึ้น และคำสั่งซื้อจากญี่ปุ่นนี้ถือเป็นกำลังซื้อหลักที่ส่งผลให้ยอดการส่งออกน้ำมันจากอิหร่านสู่เพื่อนบ้านในเอเชียมีแนวโน้มการเติบโตในระดับที่น่าพอใจ ทั้งนี้ อิหร่านและมหาอำนาจทั้ง 6 ชาติ (กลุ่ม P5+1) ซึ่งประกอบไปด้วย 5 ชาติ สมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ คือ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และสาธารณรัฐประชาชนจีน บวกกับอีก 1 ประเทศมหาอำนาจจากฝั่งยุโรปอย่างเยอรมนี สามารถบรรลุความตกลงประวัติศาสตร์ทางด้านนิวเคลียร์กันได้เมื่อ 14 ก.ค. ปีที่แล้ว ถือเป็นการปิดฉากการเจรจาแบบมาราธอนที่ใช้เวลานานกว่า 1 ทศวรรษ และถือเป็นข้อตกลงซึ่งพลิกโฉมการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลางครั้งใหญ่ หลังการบรรลุข้อตกลงดังกล่าว ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า นี่ถือเป็นก้าวย่างสำคัญไปสู่ โลกแห่งความหวังที่เพิ่มสูงขึ้นและตอกย้ำในเวลาต่อมาว่าข้อตกลงประวัติศาสตร์นี้ถือเป็นแนวทางที่ดีที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันทางอาวุธนิวเคลียร์ และช่วยลดทอนความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลาง ขณะที่ประธานาธิบดี ฮัสซัน รูฮานี ผู้นำสายกลางของอิหร่าน ออกแถลงว่าความสำเร็จในการบรรลุข้อตกลงด้านนิวเคลียร์ครั้งนี้ถือเป็นข้อพิสูจน์ว่า การมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันอย่างสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ได้ผลดียิ่ง และว่าหากการเผชิญหน้ากันอย่างศัตรูระหว่างวอชิงตันกับเตหะรานยังดำเนินอยู่ต่อไปก็คงไม่มีความเป็นไปได้แม้แต่น้อยที่ข้อตกลงเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอิสราเอลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศว่าจะเดินหน้าทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางทำลายล้างข้อตกลงอัปยศฉบับนี้ ซึ่งทางฝ่ายอิสราเอลมองว่าเป็น การยอมจำนนครั้งประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ และโลกตะวันตกให้กับชาติที่ชั่วร้ายอย่างอิหร่าน ภายใต้ข้อตกลงนี้ มาตรการลงโทษคว่ำบาตรอิหร่านทั้งหลายทั้งปวงของสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป (อียู) และสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่บังคับใช้มาอย่างต่อเนื่องยาวนานได้ถูกยกเลิกเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่รัฐบาลเตหะรานยอมตกลงตัดทอนโครงการนิวเคลียร์ของตน ซึ่งสหรัฐฯ และโลกตะวันตกสงสัยมาโดยตลอดว่ามีเป้าหมายในการสร้าง ระเบิดนิวเคลียร์ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่เตหะรานยืนกรานปฏิเสธ นักวิเคราะห์มองว่า การบรรลุข้อตกลงประวัติศาสตร์ครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญยิ่ง ทั้งสำหรับบารัค โอบามา และฮัสซัน รูฮานี และยังถือเป็นผลดีต่อการลดทอนความตึงเครียดในเวทีการเมืองระหว่างประเทศที่มีมายาวนาน ถึงแม้ว่าผู้นำทั้งสองต่างต้องเผชิญหน้ากับแรงต่อต้านอย่างหนักหน่วงจากบรรดา นักการเมืองสายเหยี่ยวภายในประเทศของตนเอง โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่นักการเมืองจำนวนมากยังคงมองอิหร่านเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่เป็น แกนอักษะแห่งปีศาจด้านสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่านรายงานว่า ผลของข้อตกลงนี้จะทำให้อิหร่านได้รับเงินนับหมื่นล้านดอลลาร์ที่ถูกอายัดไว้กลับคืนมา ขณะที่บรรดามาตรการคว่ำบาตรที่มีต่อธนาคารกลาง บริษัทน้ำมันแห่งชาติ บริษัทชิปปิ้ง และสายการบินของอิหร่านได้ถูกยกเลิก ถึงแม้มาตรการขององค์การสหประชาชาติในเรื่องการคว่ำบาตรห้ามซื้อขายอาวุธกับอิหร่านจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปอีก 5 ปี และห้ามอิหร่านจัดซื้อเทคโนโลยีด้านขีปนาวุธอีกนาน 8 ปี ว่ากันว่าผลประโยชน์ที่อิหร่านจะได้รับจากข้อตกลงคราวนี้อาจสร้างความกังวลต่อชาติพันธมิตรอาหรับของสหรัฐฯ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในกรณีของซาอุดีอาระเบีย ประเทศที่ปกครองโดยมุสลิมนิกายสุหนี่ ที่เชื่อว่าอิหร่านซึ่งเปรียบเหมือนผู้นำของฝ่ายมุสลิมนิกายชีอะห์ให้การสนับสนุนต่อศัตรูของตนทั้งในสมรภูมิที่ซีเรีย เยเมน และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค อย่างไรก็ดี รัฐบาลอเมริกันในเวลานี้มองเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิหร่าน ที่มี ศัตรูร่วมกันคือ กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่กำลังยึดครองพื้นที่กว้างขวางทั้งในอิรักและซีเรียอยู่ในเวลานี้ และถือเป็น ภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อสันติภาพของโลก ในอีกด้านหนึ่ง การยุติมาตรการคว่ำบาตรทั้งปวงจะช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจอิหร่านเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสามารถกลับเข้าสู่ ตลาดน้ำมันได้อีกครั้ง แม้ในความเป็นจริงแล้ว กว่าที่น้ำมันจากอิหร่านจะกลับเข้าไปซื้อขายในตลาดโลกได้อย่างเต็มรูปแบบนั้นอาจต้องรอถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2016 นี้ก็ตาม
       
เอเจนซีส์ / MGR online - ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดในรัสเซียที่จัดทำขึ้นโดยศูนย์วิจัยอิสระ เลวาดา เซ็นเตอร์ระบุ 48 เปอร์เซ็นต์ หรือเกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างชาวรัสเซียในเวลานี้มีความกังวลว่า สงครามกลางเมืองในซีเรียอาจลุกลามบานปลายจนกลายเป็น สงครามโลกครั้งที่ 3” ผลสำรวจความคิดเห็นดังกล่าวซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อคืนวันจันทร์ (31 ต.ค.) ระบุว่า สงครามกลางเมืองในซีเรียที่ปะทุขึ้นมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2011 และเป็นสงครามที่มหาอำนาจอย่างรัสเซียและสหรัฐอเมริกา เข้า ถือหางคู่ขัดแย้งฝ่ายตรงข้ามกัน กล่าวคือ รัสเซีย รวมถึงอิหร่าน มีจุดยืนหนุนหลังระบอบการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย ในขณะที่ทางสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียประกาศให้การสนับสนุนฝ่ายกบฏ มีโอกาสลุกลามบานปลายจนกลายเป็นมหาสงครามโลกครั้งใหม่ ผลสำรวจล่าสุดที่พบว่า 48 เปอร์เซ็นต์ หรือเกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างชาวรัสเซียในเวลานี้ มีความกังวลว่าสงครามกลางเมืองในซีเรียอาจลุกลามบานปลายจนกลายเป็น สงครามโลกครั้งที่ 3” นั้น ถือว่าเป็นตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นจากผลการสำรวจด้วยคำถามเดียวกันนี้ของเมื่อปีที่แล้วที่ในเวลานั้นมีชาวรัสเซียเพียง 29 เปอร์เซ็นต์ที่มีความกังวลในเรื่องนี้ ผลสำรวจครั้งนี้ยังระบุว่า 52 เปอร์เซ็นต์ของสาธารณชนในแดนหมีขาวเวลานี้ให้การสนับสนุนปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ และมาตรการทางทหารอื่นๆ ที่รัฐบาลของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินนำไปใช้ในซีเรีย ขณะที่อีก 26 เปอร์เซ็นต์คัดค้านในเรื่องนี้ ผลสำรวจล่าสุดยังพบข้อมูลว่า 49 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างชาวรัสเซีย เห็นด้วยที่รัฐบาลของตนจะมีบทบาทในสงครามกลางเมืองซีเรียต่อไป ขณะที่อีก 28 เปอร์เซ็นต์คัดค้าน ทั้งนี้ รัฐบาลรัสเซียสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับซีเรียตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 1944 ในสมัยอดีตสหภาพโซเวียต โดยรัฐบาลมอสโกถือเป็นชาติแรกๆของโลกที่ให้การรับรองต่อซีเรีย ภายหลังจากที่ซีเรียเป็นเอกราชหลุดพ้นจากการเป็นดินแดนในปกครองของฝรั่งเศสเมื่อปี 1946 ก่อนที่ทั้งสองประเทศจะลงนามในข้อตกลงเสริมสร้างมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างกันอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคมปี 1980 ยังไม่นับรวมกับข้อตกลงซึ่งนำไปสู่การตั้งฐานทัพเรือของโซเวียตที่เมืองตาร์ตุสของซีเรียเมื่อปี 1971 ซึ่งยังคงใช้งานจนถึงปัจจุบัน ขณะที่รัฐบาลรัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางอากาศต่อฝ่ายกบฏในซีเรีย ตามคำร้องขอของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดเมื่อเดือนกันยายน ปี 2015 และว่ากันว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียนี้ กลายเป็น จุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยให้ระบอบอัสซาดกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบในสงครามกลางเมืองที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2011

เอเจนซีส์ - เอฟบีไอปล่อย คลินตันพ้นบ่วงอีเมลฉาวอีกรอบ ทรัมป์ฉะระบบอยุติธรรมคุ้มกะลาหัวคนโกง พร้อมเรียกร้องผู้มีสิทธิออกเสียงออกไปกาบัตร เพื่อชำระโทษผู้สมัครจากเดโมแครต ด้านอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งงดพาดพิงถึงการตัดสินใจของเอฟบีไอ และเดินหน้าหาเสียงวันสุดท้ายร่วมกับโอบามาและภรรยา ขณะที่โพลส่วนใหญ่ชี้ว่า คลินตันนำเพียงฉิวเฉียด แถมทรัมป์ยังตีตื้นในบางรัฐที่คะแนนแกว่ง ตอกย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อาจต้องลุ้นกันถึงนาทีสุดท้าย ปลายเดือนที่แล้ว ชัยชนะสดใสของ ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต หมองลงทันตาหลังจาก เจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ทำจดหมายแจ้งต่อรัฐสภา ว่า เอฟบีไอตัดสินใจฟื้นการสอบสวนกรณีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมลส่วนตัวสมัยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของคลินตัน หลังพบอีเมลล็อตใหม่ระหว่างการตรวจสอบแล็ปท็อปของสามีของหนึ่งในผู้ช่วยสำคัญของคลินตัน ทว่า เมื่อวันอาทิตย์ (6 พ.ย.) หรืออีกเพียง 2 วันก่อนที่คูหาเลือกตั้งจะเปิดให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ โคมีย์ทำหนังสืออีกฉบับแจ้งรัฐสภา ว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่เอฟบีไอทำงานแข่งกับเวลาเพื่อตรวจสอบอีเมลที่ค้นพบใหม่ ซึ่งในระหว่างนั้นได้มีการตรวจสอบการสื่อสารทั้งหมด และที่ส่งถึงคลินตัน ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ เอฟบีไอมีความเห็นให้คงข้อสรุปเดิมในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คือ ไม่สั่งฟ้องคลินตัน โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันที่ลุยหาเสียงในรัฐที่คะแนนยังแกว่ง ประกาศว่า จะไม่ปล่อยให้คลินตันลอยนวลจากคดีอีเมลฉาว โดยบอกกับผู้สนับสนุนในมิชิแกน รัฐที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของเดโมแครต คว้าชัยอย่างง่ายดายในปี 2012 ว่า เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอจะไม่มีวันปล่อยคลินตัน แม้ขณะนี้ ระบบที่อยุติธรรมจะคุ้มกะลาหัวเธออยู่ก็ตามฮิลลารี คลินตัน มีความผิด ตัวเธอเองรู้ดี เอฟบีไอ และประชาชนก็รู้เช่นกัน ตอนนี้จึงขึ้นอยู่กับอเมริกันชนในการพิจารณาคดีนี้ผ่านการเลือกตั้งในวันที่ 8” อดีตพิธีกรเรียลีโชว์ที่ตกเป็นข่าวลวนลามหญิงและหยาบคายประกาศ
บรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันยังคงรุมวิจารณ์คลินตันเรื่องนี้เช่นเดียวกัน พอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้ว่า คลินตัน เชื่อว่า ตัวเองอยู่เหนือกฎหมาย และทำทุกอย่างตามกฎของตัวเองตลอดเวลา และว่า การที่แคนดิเดตจากเดโมแครตใช้เซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวขณะคุมกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างปี 2009 - 2013 ทำให้ความมั่นคงของประเทศตกอยู่ในอันตราย  ไรนซ์ พรีบัส ประธานคณะกรรมการแห่งชาติรีพับลิกัน สำทับว่า แม้การสอบสวนไม่ได้นำไปสู่การฟ้องร้องคดีอาญา แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า คลินตันละเมิดกฎหมายและโกหกชาวอเมริกันครั้งแล้วครั้งเล่าเกี่ยวกับพฤติกรรมสะเพร่าของตัวเอง  ขณะเดียวกัน พรรคเดโมแครต ก็ไม่ยอมปล่อยโคมีย์ง่ายๆ ไดแอนน์ ไฟน์สไตน์ วุฒิสมาชิกจากแคลิฟอร์เนีย วิจารณ์ว่า การประกาศล่าสุดของโคมีย์ทำให้จดหมายที่เขาส่งถึงรัฐสภาเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ยิ่งดูน่าสงสัยมากขึ้นพร้อมเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบกระบวนการต่างๆ เพื่อไม่ให้มีความพยายามโน้มน้าวการเลือกตั้งแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต  ทางด้าน เจนนิเฟอร์ พัลไมรี ผู้จัดการแคมเปญหาเสียงของคลินตัน ให้สัมภาษณ์ว่า ดีใจที่เรื่องนี้คลี่คลายเสียที  ทว่า คลินตันเองไม่พาดพิงถึงข้อสรุปของเอฟบีไอ แต่กลับเดินหน้าโจมตีคู่แข่งสำคัญเรื่องการใช้ถ้อยคำอัปลักษณ์หยาบคาย และพูดเป็นนัยว่า รัสเซียพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งประมุขทำเนียบขาว
  มีพลังที่ทรงอานุภาพภายในและภายนอกอเมริกากำลังคุกคามให้เราแตกแยก เรามาถึงจุดที่ต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ค่านิยมหลักของคนอเมริกันกำลังถูกทดสอบ  แม้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ข่าวการตัดสินใจของเอฟบีไอจะมีผลอย่างไรต่อการหาเสียงที่มีการโจมตีกันอย่างถึงพริกถึงขิงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของอเมริกา และยังเป็นเหตุการณ์ที่ทั่วโลกจับจ้องอย่างกังวล แต่ก็ทำให้ทีมหาเสียงของคลินตันโล่งใจอย่างมากระหว่างเตรียมการปราศรัยใหญ่ที่ฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย คืนวันจันทร์ (7) ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง โดยคลินตันจะขึ้นเวทีร่วมกับโอบามาและมิเชล สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง รวมถึง บรูซ สปริงทีน ศิลปินรุ่นใหญ่ ก่อนไปหาเสียงรอบดึกที่นอร์ทแคโรไลนา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นรัฐที่อาจชี้ขาดผลการเลือกตั้งในวันอังคาร  ทั้งนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นจากไฟฟ์เทอร์ตีเอ็กซ์.คอม ระบุว่า คะแนนนิยมของคลินตัน นำทรัมป์เพียง 2.9% ในรอบสัปดาห์หลังจากเอฟบีไอรื้อฟื้นการตรวจสอบคดีอีเมลฉาว จากก่อนหน้านั้นที่นำถึง 5.7%  ส่วนโพลของเอบีซี/วอชิงตัน โพสต์ ที่ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ให้คลินตันนำ 5% แต่คะแนนเฉลี่ยจากการสำรวจความคิดเห็นอย่างต่อเนื่องบ่งชี้ว่า การแข่งขันจะคู่คี่ โดยทรัมป์มีคะแนนตีตื้นขึ้นมาในบางรัฐที่คะแนนยังแกว่ง  เนต ซิลเวอร์ ผู้สื่อข่าวทรงอิทธิพลด้านข้อมูลจากไฟฟ์เทอร์ตีเอ็กซ์.คอม ให้คลินตันนำทรัมป์ 2 ต่อ 1 แต่เตือนว่า คะแนนนำของคลินตันไม่นิ่งเหมือนตอนที่โอบามานำในการเลือกตั้งรอบสองเมื่อ 4 ปีที่แล้วสำหรับรอยเตอร์/อิปซอส ประเมินว่า คลินตัน มีโอกาสถึง 90% ที่จะชนะการเลือกตั้งนี้