เกิดปรากฏการณ์ประหลาดเมื่อมีหิมะตกเป็นชั้นหนาปกคลุมพื้นที่กรุงไคโร และโดยรอบเป็นครั้งแรกในรอบ 112 ปี ขณะอิสราเอลเจอพายุหิมะถล่มหนัก 45 เมืองถูกตัดขาดจากโลกภายนอกสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดอากาศหนาวจัดจนมีหิมะตกในบริเวณกรุงไคโรเมืองหลวงประเทศอียิปต์ และเขตปริมณฑลจนปกคลุมพื้นที่เป็นสีขาวโพลนไปทั่ว ซึ่งนายอาลี อับเดลาซิม เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอียิปต์ กล่าวว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก และเกิดขึ้นในรอบหลายหลายปีนอกจากนี้ ยังมีรายงานหิมะตกในเมืองอเล็กซานเดรีย เมืองท่าสำคัญของอียิปต์ ขณะที่ประเทศใกล้เคียงอย่างอิสราเอล ก็กำลังเผชิญหิมะตกหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2422 จนทำให้ 29,000 ครัวเรือนทั่วประเทศไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยในจำนวนนี้ 13,000 ครัวเรือนอยู่ในนครเยรูซาเลม นอกจากนี้ ยังมีเมืองและหมู่บ้านทางภาคเหนือของอิสราเอล 45 แห่งถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เพราะพายุหิมะ นักอุตุนิยมวิทยาระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากพายุอเล็กเซีย ที่เคลื่อนตัวผ่านเลบานอน และ พื้นที่ทางตอนเหนือของซีเรีย ตั้งแต่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (11 ธ.ค.) ส่งผลให้เกิดภาวะอุณหภูมิในพื้นที่ลดลงอย่างฮวบฮาบจนเหลือ 0 องศาเซลเซียส และเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดหิมะ น้ำแข็งและฝนตกหนักในบางพื้นที่ มีชาวอียิปต์หลายคนที่ยินดีที่เห็นหิมะเป็นครั้งแรกในชีวิต และ ตื่นเต้นกับเหตุการณ์ครั้งหนึ่งในรอบ 112 ปี ที่เคยเกิดหิมะตกในกรุงไคโร แต่หลายคนก็ไม่รู้สึกยินดีกับปรากฏการณ์เช่นนี้ เพราะการที่มีหิมะตกทำให้การลำเลียงอาหารและสิ่งของช่วยเหลือชาวอิรักที่ต้องอพยพไปยังซีเรียต้องหยุดชะงักเป็นการชั่วคราวเป็นวันที่สองติดต่อกัน และ ชาวเลบานอนในเขตฉนวนกาซา ราว 500 คน ต้องอพยพย้ายถิ่นไปยังพื้นที่อบอุ่นกว่าเพื่อหลบเลี่ยงความหนาวเย็นของอากาศและหิมะที่โปรยปรายลงมา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมว่า ช่างภาพธรรมชาติรายหนึ่งได้บันทึกภาพเหลือเชื่อน่าทึ่ง เป็นภาพฝูงนกก่อตัวเป็นรูปยานบินยูเอฟโอ หรือโลมา เหนือท้องฟ้าในสกอตแลนด์ รายงานระบุว่า นายดาเมียน วอเตอร์ส ช่างภาพธรรมชาติ สามารถบันทึกภาพเหนือท้องฟ้าในเมืองเกรตน่า เป็นรูปฝูงนกจำนวนหลายพันตัวก่อตัวเป็นลักษณะต่างๆ รวมทั้งยูเอฟโอ และโลมา ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์สุดน่าทึ่งทางธรรมชาติ โดยนายดาเมียนสามารถบันทึกภาพฝูงนกก่อตัวเป็นครั้งแรก ในช่วง 2 ชั่วโมงแรก และว่า ฝูงนกเหล่านี้ถือเป็นการรวมกลุ่มของนกครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของสกอตแลนด์เลยทีเดียว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จีนประสบความสำเร็จในการนำรถหุ่นยนต์ลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ เพื่อปฏิบัติภารกิจสำรวจดาวดวงนี้ เมื่อเช้าวันอาทิตย์ ท่ามกลางความยินดีของชาวจีนที่สามารถสร้างความสำเร็จครั้งใหญ่ด้านอวกาศได้ รายงานระบุว่า ยานอวกาศฉางอี้ 3 ประสบความสำเร็จในการนำรถหุ่นยนต์สำรวจ "หยูตู้" (กระต่ายหยก) ลงสู่พื้นผิวดวงจันทร์ เมื่อเวลา 04.35 น. ของวันอาทิตย์ ส่งผลให้จีนกลายเป็นประเทศอันดับสามที่บรรลุภารกิจส่งรถหุ่นยนต์สำรวจดวงจันทร์ เทียบเท่าสหรัฐและรัสเซีย ท่ามกลางความยินดีของเหล่านักวิทยาศาสตร์ของศูนย์ควบคุมอวกาศแห่งชาติจีน โดยศูนย์ควบคุมอวกาศแห่งชาติจีนซึ่งถ่ายทอดสดเหตุการณ์ดังกล่าว และสร้างภาพคอมพิวเตอร์จำลองการลงจอดของรถหุ่นยนต์ดังกล่าวลงสู่ดวงจันทร์เผยว่า รถหุ่นยนต์ "กระต่ายหยก" แถลงว่า รถหุ่นยนต์ฯได้ลงสู่พื้นผิวดวงจันทร์ได้อย่างนิ่มนวล และมีขึ้นหลังจากจีนได้ปล่อยยานอวกาศ "ฉางอี้ 3" ขึ้นสู่อวกาศเป็นเวลา 12 วัน เพื่อนำรถหุ่นยนต์ดังกล่าวลงสู่ดวงจันทร์ ขณะที่สื่อมวลชนและชาวจีนจำนวนมากต่างแสดงความยินดีต่อความสำเร็จอันใหญ่โตนี้ โดยสำนักข่าวซินหัวระบุว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นการบรรลุความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของจีน พร้อมทั้งอ้างคำขวัญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนว่า การลงจอดสู่ดวงจันทร์ได้จุดความฝันของจีนอีกครั้ง รายงานระบุว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นก้าวล่าสุดของแผนสำรวจอวกาศอันทะเยอทะยานของจีนในฐานะดาวเด่นของโลกด้านเทคโนโลยีและอวกาศ เช่นเดียวกับเป็นความสำเร็จของพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วย และเกิดขึ้นภายในระยะ 10 ปีหลังจากจีนประสบความสำเร็จในการส่งนักบินอวกาศขึ้นสู่อวกาศ และวางแผนที่จะสร้างสถานีอวกาศก่อนปี 2020 รวมทั้งการส่งนักบินอวกาศเหยียบดวงจันทร์
การประท้วงยืดเยื้อในยูเครน เข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 เอเอฟพี/เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประธานาธิบดี วิกตอร์ ยานูโควิช แห่งยูเครน ประกาศในวันเสาร์ (14) สั่งให้เจ้าหน้าที่ระดับสูง 4 คน ยุติการปฏิบัติหน้าที่แบบไม่มีกำหนด เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนอย่างเป็นทางการต่อกรณีการใช้ความรุนแรงของตำรวจต่อกลุ่มผู้ประท้วงในกรุงเคียฟ รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้ง 4 นาย ที่ถูกสั่งให้ยุติการทำหน้าที่ของตนในครั้งนี้ ตามคำสั่งของประธานาธิบดียานูโควิช มีชื่อของ โวโลดีมีร์ ซิฟโควิช รองผู้อำนวยการสภาความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน รวมถึงโอเล็กซานเดอร์ โปปอฟ นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ รวมอยู่ด้วย โดยทั้งหมดเตรียมถูกสอบสวนฐานต้องสงสัยว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และจะถูกกักบริเวณในบ้านพัก ด้านคำแถลงของทำเนียบประธานาธิบดียูเครน ระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหมดจะถูกสอบสวนฐานมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุรุนแรงที่มีการละเมิดสิทธิ์ของผู้ชุมนุมในกรุงเคียฟในช่วงคืนวันที่ 29-30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะที่ วิกตอร์ พชอนกา อัยการสูงสุดของยูเครนออกมาเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวในวันเสาร์ (14) โดยระบุว่า โวโลดีมีร์ ซิฟโควิช และโอเล็กซานเดอร์ โปปอฟจะถูกสอบสวนฐานมีบทบาทในการกดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมในช่วง 2 คืนดังกล่าว
ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานในวันเสาร์ (14) เช่นกันว่า เกิดการรวมตัวของบรรดากลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดียานูโควิช ราว 60,000 คน ในกรุงเคียฟ เพื่อแสดงพลังหนุนการตัดสินใจของผู้นำยูเครน ที่เลือกหันหลังให้กับกระบวนการทำข้อตกลงกับสหภาพยุโรป (อียู) ที่อาจปูทางไปสู่การเข้าเป็นสมาชิกอียูของยูเครนในอนาคต และหันกลับไปกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซียแทน แม้การตัดสินใจดังกล่าว จะส่งผลให้ประชาชนจำนวนเรือนแสนที่ต้องการให้ยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของอียูไม่พอใจและออกมาประท้วงตามท้องถนนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี
สภาคองเกรสแอฟริกาใต้เตรียมจัดพิธีอำลาเนลสัน แมนเดลา ก่อนที่จะเคลื่อนศพไปทำพิธีฝัง พิธีอำลาดังกล่าวจะเริ่มขึ้นในเวลา 07.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 12.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่ฐานทัพอากาศวอเตอร์คลูฟ ในกรุงพริทอเรียของแอฟริกาใต้ โดยจะมีสมาชิกสภาคองเกรส หรือ เอเอ็นซี เข้าร่วมพิธี เมื่อเสร็จสิ้นพิธีอำลา ศพของแมนเดลาจะถูกนำขึ้นเครื่องบินไปยังสนามบินมาธา ในจังหวัดอีสเทิร์นเคป (Eastern Cape) ก่อนที่จะเคลื่อนศพด้วยรถยนต์ไปยังหมู่บ้านคูนู ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่เขาใช้ชีวิตและเติบโตในช่วงวัยเด็ก ตลอดสองข้างทางจากสนามบินไปยังบริเวณจัดพิธีฝังศพเต็มไปด้วยชาวแอฟริกาใต้มาร่วมกันยืนไว้อาลัย สำหรับผู้ที่เข้าร่วมพิธีฝังศพในวันพรุ่งนี้ เช่น ครอบครัวและเพื่อนๆของแมนเดลา แขกของรัฐบาล รวมไปถึงผู้นำจากทั่วโลก แต่ไม่อนุญาตให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมพิธี นอกจากนี้ ในวันรุ่งขึ้นหรือวันจันทร์ที่ 16 นี้ รัฐบาลแอฟริกาใต้ได้ประกาศให้เป็นวันปรองดองแห่งชาติ ซึ่งจะมีพิธีเปิดอนุสาวรีย์ของแมนเดลาที่อาคารยูเนียน บิลดิงส์ อีกด้วย ตลอด 3 วันที่ผ่านมา มีประชาชนอย่างน้อย 100,000 คน ได้เข้าคารวะศพของแมนเดลาเป็นครั้งสุดท้าย ที่อาคารยูเนียน บิลดิงส์ ในกรุงพริทอเรีย โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ คาดว่ามีผู้ที่สามารถเข้าไปเคารพศพได้กว่า 50,000 คน และยังมีประชาชนอีกจำนวนมากรอเข้าแถว บางคนต้องยืนเข้าแถวนานกว่า 11 ชั่วโมง และหวังจะได้เข้าเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่ทางการจะปิดให้เข้าเคารพศพในเวลา 17.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่หลายประเทศยังคงร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของแมนเดลา อย่างเช่นที่หอไอเฟลในกรุงปารีสของฝรั่งเศส การแสดงแสงสี มีการปรากฏคำว่า "เนลสัน แมนเดลา 1918-2013" และยังได้ยิงแสงสีตามสีของธงชาติแอฟริกาใต้ ส่วนที่นครนิวยอร์กของสหรัฐฯ มีการเปิดตัวหนังสือการ์ตูนสี ที่บอกเล่าชีวประวัติของเนลสัน แมนเดลา ตั้งแต่วัยหนุ่มจนถึงการเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น