วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

100 เรื่องรัก ต้อนรับลมหนาวมาเยือน

แยงกี้ ขี้เล่น จนเป็นเรื่อง

เคยเป็นหรือไม่ครับ ที่เวลาเราดูหนังรักเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วไม่รู้สึกอิ่ม หรือยังรู้สึกค้างๆ คาๆ ในใจ เกี่ยวกับประเด็นของหนังที่ผู้กำกับให้มาหรือบทสรุปตอนท้ายเรื่องที่ไม่เป็นอย่างที่เราคาดคิด หรือไม่เข้าใจพฤติกรรมของตัวละครบางตัว ทำให้หนังที่ดูว่าน่าจะจบแบบประทับใจแล้ว แต่ก็ยังมีติดค้างอยู่ในใจ บางทีก็มานั่งคิดว่าจะเอาอะไรกับการดูหนัง ซึ่งมันเป็นเพียงโลกในจินตนาการ โลกในความฝัน เพราะในชีวิตจริง คนเราก็ไม่เห็นมีคู่รักคู่ไหนสมบูรณ์แบบ หรือสมหวังไปซะทุกเรื่อง พูดอีกก็ถูกอีกครับ ก็เพราะมันเป็นหนังหรือภาพยนตร์ไง ก็ในเมื่อเราอุตส่าห์เลือกหาหนังที่จะเสพหาความสุข หรือหลุดเข้าไปอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ ความฝันแล้ว ก็หมายความว่า เราอยากเห็นโลกในนั้นมันวิเศษกว่าโลกจริงไม่ใช่หรือ แต่หลายครั้งโลกในความฝันนั้นก็สะท้อนแง่มุมจากเรื่องราวของชีวิตจริงออกมา ทำให้ได้มุมมองที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ บางครั้งโลกแห่งความฝัน ก็สะท้อนมุมมองมาจากนวนิยายหรือเรื่องสั้นที่เขียนโดยอิงเค้าโครงจากเรื่องจริง แต่ยังไงโลกของนิยายก็เป็นดั่งโลกแห่งความฝันอีกมิติหนึ่งเช่นกัน บางครั้งบางคน อาจจะเถียงว่า โลกในชีวิตจริงกลับเลวร้ายเสียยิ่งกว่าในนิยายหรือโลกแห่งความฝันเสียอีกก็มี อันนี้ก็เห็นจะจริง แต่ไม่ว่าโลกแห่งความฝัน(ภาพยนตร์) โลกในนวนิยาย โลกแห่งชีวิตจริง จะเป็นอย่างไร จะแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ ต่างเรียนรู้ที่จะอยู่บนโลกนี้ให้มีความสุขที่สุดเช่นเดียวกัน บางคนมีความสุขที่จะอยู่บนโลกมนุษย์นี้แบบอยู่คนเดียว ไม่ต้องมีใครมาเป็นคู่ชีวิต บางคนมีความสุขไม่ได้ถ้าจะไม่ได้อยู่เป็นคู่ชีวิตกันกับคนที่รัก (แฟน) ของตนเอง บางคนมีความสุขที่จะอยู่ได้ในสถานะความเป็นเพื่อน ไม่อยากมีพันธะใดๆ บางครั้งเป็นโสด บางครั้งมีคู่ชีวิตแล้ว (แฟน) บางครั้งมีแค่กิ๊กไว้บำบัดความใคร่ บางครั้งกลายเป็นหม้าย (เลิกรากับคู่ชีวิตแล้ว) วนเวียนอยู่ในโลกแห่งความรักนี้ ในแบบที่มีการปรับสมดุลของสถานะให้อยู่แล้วมีความสุขที่สุด การดูหนังเป็นเพียงการเสพสื่อบันเทิงชนิดหนึ่ง บางครั้งผลที่ได้มากกว่าการดูเพื่อความบันเทิงดาดๆ ทั่วไป เพราะบางครั้งผลที่ได้ก็คือการบำบัดความทุกข์ ความใคร่ ความเหงา ได้อย่างชนิดที่ทำให้โรคทางใจหายเป็นปลิดทิ้งทีเดียว ดีกว่าการไปหาจิตแพทย์ หรือหาหมอ เสียเงินไม่ได้มากนัก จะมีอะไรดีกว่าการได้เรียนรู้ชีวิตรัก หรือชีวิตคู่ของคนอื่นผ่านการใช้เวลาเพียง 1-2 ชั่วโมง โดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลาในชีวิตจริงทั้งชีวิตไปศึกษาคนเพียงคนเดียว และผลสรุปที่ได้ก็คือ เขาผู้นั้นก็ไม่ใช่คนที่คุณคิดจะรักอย่างแท้จริง

100 เรื่องรัก ต้อนรับลมหนาวมาเยือน จึงอยากจะหยิบเอาหนังรักในแง่มุมต่างๆ มาเป็นทางเลือกในการเสพ หรือมองหามุมมองบางอย่างที่เราขาดหายไป หรืออยากจะมีประสบการณ์ร่วม หรือศึกษาเรียนรู้ เพื่อนำเอาทัศนคติ หรือประสบการณ์ของตัวละครที่ได้นั้น มาลองปรับใช้กับชีวิตคู่ของเราดู หรือดีไม่ดี อาจจะทำให้มุมมองทางด้านความรักของเราอาจจะเปลี่ยนไป ภายหลังจากได้ชมหนังรักเรื่องใหม่ๆ ที่เราไม่เคยดูก็เป็นได้ ถามว่ามีเกณฑ์ในการคัดเลือกเอา 100 หนังรักที่ว่ามาอย่างไร นั้นก็คงจะบอกได้ว่าคงไม่ได้ใช้เกณฑ์อะไร นอกเสียจากเป็นหนังรักที่ผู้เขียนเคยได้ผ่านตาหรือเคยดูมาก่อนก็เท่านั้น ถ้าจะมีหนังเรื่องใดหลุดรอดจากลิสต์นี้ ก็คงไม่ใช่เป็นเพราะหนังเรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นหนักรักที่ดี แต่คงเป็นเพราะผู้เขียนคงไม่เคยดู ไม่เคยผ่านตา หรืออาจจะนึกไม่ออก ณ ตอนนี้ ก็เท่านั้น

หนังรักในความทรงจำวัยเด็ก ส่วนใหญ่จะเป็นหนังรักในยุค 70’s-80’s นั่นแหละ ภาพแรกๆ ที่ปรากฏขึ้นมาก่อนเลยก็คือ Love Story , Endless Love , Laboum , Blue Lagoon , Casablanca , Out of Africa , Romeo & Juliot , Ghost  เป็นต้น

11 พล็อตหนังรักโดนๆ จำแนกตามแนวเนื้อหา (บางเรื่องอาจมีเนื้อหาที่หลากหลาย จับไปอยู่ได้ในหลายๆ กลุ่มได้)

1.แนวแก๊งค์หนุ่มโสดมองหาแฟนหรือหนุ่มโฉดทำซกมก แนวๆ นี้ จะได้แก่ พวก American Pie, That’s thing you do , High Fidelity , She all that , Cruel Intention , Gossip , Up in the Air , Undiscovered , 40 days & 40 nights , 10 things I hate about you , 50 first date ,The Hitch

2.แนวแก๊งค์สาวโสดมองหาแฟนหรือสาวเฮี้ยวเที่ยวนินทา แนวๆ นี้ จะได้แก่ พวก Sex and the City , There something about Mary , Bridget Jone Diary, Mean Girl , Amelie , Someone like you, How to lose a guy in 10 days , How to make an American Quilt

3.แนวรักแบบเหงาๆ เขาผ่านเข้ามาพอดี(อยากจะบอกใครซักคน) แนวๆ นี้ จะได้แก่ Jerry Mcquire, About a Boy,The Horse Whisperer, The Bridge of Madison County, Sweet November , Dear John , One Day ,How to make an American Quilt, Meet Joe Black ,When Harry met Sally , Nothing ‘s Hill , Chocalate ,Lost in Translation,The Holiday ,As good as it gets ,Just Married


4.แนวรักแบบพลัดพราก แนวๆ นี้ จะได้แก่ A Walk to Remember, Atonement , Love Story , Brokeback Mountain, Sweet November, Dear John , The Notebook , The Piano , Romeo & Juliot , My Girl (ภาค1) ,Ghost, Moulin Rouge, Before Sunrise, Before Sunset ,Great Expectation ,Walking the dead ,Casablanca

5.แนวรักแบบสถานการณ์พามาพบกัน,บุพเพสันนิวาส แนวๆ นี้ จะได้แก่ English Patient , Titanic , The Horse Whisperer, The Holiday , Before Sunrise , Before Sunset , Serendipity , Pretty Woman , The Hitch , Wedding Planner , Sleepless in Seattle ,In Love & War , Message in a Bottle , You ‘re Got Mail , The Family Man, Gone with the Wind , Addicted to Love , While you were sleeping , A walk in the Clouds ,A Beautiful Mind, Down with Love , I am Sam , Juno ,Shakespear in Love

6.แนวรักแบบหลายคู่,หลายชีวิต แนวๆ นี้ จะได้แก่ Love Actually , Valentine’s Day , New Year Eve, P.S.,I love you , Royal Tenenbuam ,Magnolia

7. แนวรักแบบอยากจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต แนวๆ นี้จะได้แก่ What Dream May Come, Eternal sunchine of the Spotless Mind, Ghost ,The Family Man

8. แนวรักแบบปัญหาชีวิตคู่,บ้านแตก (ครอบครัวแตกสลาย) แนวนี้ได้แก่ American Beauty, Story of Us ,Revolutionary Road, In the Bedroom ,The Pursuit of the Happiness, The Brothers, The Cider House Rule ,Mad Love, Thelma & Louise

9. แนวรักแบบเซ็กซ์ชั่วคราว (เซ็กซ์ล้วนๆ รักไม่เกี่ยว) ทำให้อยากแล้วจากไป แนวนี้ได้แก่ Thelma & Louise, Don Juan:Demarco , About Last Night, Unfaithful, The Reader ,Meet Joe Black, The Dreamer, Killing me Softly,Cruel Intention, Eye Wild Shut ,Indecent Proposal ,Mad Love

10. แนวรักแบบ 3เส้า (อยากเก็บเธอเอาไว้ทั้ง 2 คน) แนวนี้ได้แก่ Here on Earth, Twilight, Pearl Harbour

11. แนวรักแบบรักใสๆ วัยกระเตาะ (Puppy Love) แนวนี้ได้แก่ Love Story , Laboum, The Blue Lagoon, My Girl , Endless Love , Reality Bite ,A Walk to Remember ,High School Musical ,Mean Girl

จริงๆ แล้วอาจรวบรวมได้เกินกว่า 100 เรื่อง และอาจเพิ่มเติมได้มากกว่านี้หากคิดออกในภายหลัง และจากพล็อตหนังรัก 11 แบบข้างต้น หากจะหยิบมาเพียง 1 เรื่องในแต่ละแนว ก็จะได้ 11 หนังรักที่เป็นหนังรักที่ดีที่สุดในใจของผู้เขียนเอง และหากจะนำเรื่องย่อมาลงทั้งหมดก็คงจะกินพื้นที่จำนวนมาก จึงขอนำมาลงแต่เพียงบางส่วนดังนี้
 


10 หนังรักที่ดีที่สุด (ของผู้เขียน) ประกอบด้วย
High Fidelity, There somthing about Mary, Jerry Mcquire, Love Story, Serendipity, Love Actually ,Eternal Sunshine of the Spotless Mind, Story of  us, About Last Night, La Boum

1.High Fidelity หนุ่มร็อคหัวใจสะออน (ออกฉายปี 2000)
นักแสดง จอห์น คูแซ็ก,แจ๊ค แบล็ค,แคททาลีน ซีต้าโจนส์
เรื่องย่อ :
จากนวนิยายขายดีติดอันดับทั่วโลก สู่ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ขบขันสนั่นหัวใจ จอห์น คูแซ็ค (Being John Malkovich) รับบทร็อบ กอร์ดอน เจ้าของกิจการร้านขายแผ่นเสียงที่ตั้งอยู่ ณ มุมอับของชิคาโก ร็อบขายดนตรีโดยมีผู้ช่วยสองนายได้แก่ แบร์รี่ (แจ๊ค แบล็ค) หนุ่มอ้วนขาร็อคขี้โวย และดิ๊ค (ท็อด ลุยโซ) หนุ่มหงิมผู้เชื่อมั่นในตัวเอง แต่ธุรกิจของร็อบมิใช่สิ่งเดียวที่สร้างความลำบากลำบนแก่ชีวิตของเขา หากยังมีแฟนสาวสุดน่ารักนามลอร่า (ดาวรุ่งดวงใหม่ ไอเบน เฮจลี) ผู้เพิ่งเลิกราจากเขาไป และลอร่านี่เอง ที่ทำให้ร็อบต้องคิดทบทวนอย่างจริงจังถึงสาเหตุแห่งความล้มเหลวในชีวิตรักของเขาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน กับแฟนเก่าถึง 4 คนมาแล้ว และกับรักครั้งใหม่คนที่ 5 นี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่

จุดเด่น ของหนังรักเรื่องนี้ก็คือทัศนคติ มุมมองเกี่ยวกับความรัก ซึ่งมองจากฝั่งผู้ชาย ซึ่งในเรื่องตัวพระเอกมีบุคลิกของความเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน รักเสียงดนตรี มีโลกส่วนตัวสูง แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งเขาก็ต้องค้นหาคำตอบให้กับชีวิตของเขา ระหว่างการมีตัวตนในสถานภาพโสดดี หรืออยากมีคู่ชีวิตอย่างแท้จริง (ในเรื่องพระเอกถูกผู้หญิงหักอกมาถึง 4 ครั้งแล้ว) แต่แท้ที่จริงแล้วอุปสรรคอันใหญ่หลวงไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาจะหาคนๆ นั้นเจอหรือไม่ แต่อยู่ที่เขาจะปรับสมดุลจุดลงตัวระหว่างความมีตัวตนสูง โลกส่วนตัวเยอะ กับการเป็นนักรักที่ดีได้อย่างไรมากกว่า เรื่องนี้เหมาะกับหนุ่มโสดที่กำลังมองหาคู่ครองซักคนในชีวิตของตนเอง เรื่องนี้เป็นหนังสุดโปรดที่สุดเรื่องนึงของผู้เขียนเลยทีเดียว

2.There Something about Mary มะรุมมะตุ้ม รุมรักแมรี่ (ออกฉายปี 1998)
นักแสดง คาเมรอน ดิแอซ,เบน สติลเล่อร์,แม็ท ดิลล่อน
เรื่องย่อ :
สร้างประวัติศาสตร์ทุบสถิติรายได้หนังตลกโรแมนติกคอมเมดี้ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ซึ่งไม่ใช่มีแค่มุกตลกดาดๆ แต่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันแบบโง่เง่าเต่าตุ่นเท่าที่คุณดูมา ตัวหนังเล่าเรื่องด้วยใจที่ยังถวิลหาแต่แมรี่.(คาเมรอน ดิแอซ).ขวัญใจครั้งวัยมัธยม เท็ด.(เบน สติลเลอร์).หนุ่มเนิร์ดของชั้นเรียน ยังเพียรเฝ้าตามหาเธอ แม้สิบสามปีผ่านไป โดยได้รับความช่วยเหลือจากนักสืบเจ้าเล่ห์.(แมท ดิลลอน).ที่แอบหลงรักเธอเช่นกัน แต่โชคร้ายสำหรับชายทั้งสอง ที่ต้องพบกับความจริงว่า ไม่ว่าชายใดที่ได้ยลโฉมแมรี่ ทุกคนล้วนตกหลุมรัก แต่จะตามมาด้วยความหายนะที่คาดไม่ถึง ผลงานของสองพี่น้องฟาร์เรลลี่ที่มาตอกย้ำความฮาอีกครั้ง และสร้างสรรค์มุกฮาใต้สะดือ ซึ่งรับประกันได้ว่าคุณจะหัวเราะจนตกเก้าอี้ และจะถวิลหาแมรี่อยู่ร่ำไป

จุดเด่น ของหนังรักเรื่องนี้อยู่ที่ความไม่สมบูรณ์แบบของตัวละครแต่ละตัวเนี่ยแหละ คือธรรมชาติของชีวิตจริง แมรี่นางเอกของเรื่องดูเป็นสาวสวย มีเสน่ห์แต่ลึกๆ แล้วเธอก็เป็นผู้หญิงโก๊ะๆ เปิ่นๆ ออกจะรั่วๆ ด้วยในบางครั้ง ส่วนเท็ดผู้ชายแสนซื่อ แสนดี ออกจะซื่อบื้อเกินเหตุด้วยซ้ำ แต่เป็นคนดี และรูปไม่หล่อ ส่วนอีกคนคือตัวนักสืบเจ้าเล่ห์ เป็นหนุ่มรูปหล่อ กะล่อนแต่นิสัยเป็นคนเลว (อันนี้คือบุคลิกที่ผู้หญิงยุคปัจจุบันชอบมากๆ กัน หรือไม่จริง) ซึ่งบุคลิกเหล่านี้ในชีวิตจริงเราก็เจอะเจอในสังคมไม่ใช่หรือ ตัวหนังไม่มีเฟค เสียดสีประชดประชันสังคมได้อย่างแยบยล แต่คนดูจะไม่รู้สึก มีมุกทะลึ่งที่เราจะหัวเราะจนท้องแข็งมากมาย และแม้ว่าในภาพยนตร์ แมรี่จะตกลงเป็นแฟนกับตัวละครที่ชื่อว่าเท็ดในที่สุด แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วหล่ะก็ แมรี่ยุคใหม่ในสังคมเมืองอาจจะเลือกตาอยู่หรือบุคคลที่ 3 ที่มีบุคลิกที่ทั้งโง่และนิสัยไม่ดี แต่รวยกว่าหนุ่มทั้ง 2 คนนี้ก็เป็นได้ เพราะไหนๆ หาดีๆ แบบเพอร์เฟ็คท์ไม่ได้แล้ว ก็ขอรวยเอาไว้ก่อนดีกว่า เพราะผู้หญิงยุคใหม่มักจะแพ้เงิน มากกว่าแพ้ความดีหรือแพ้ความหล่อ (อันนี้กล่าวโดยทั่วไปนะครับ ไม่ได้ว่าคุณผู้หญิงทุกคน) เรื่องนี้เหมาะกับสาวโสดที่จะพิจารณาคนที่จะเข้ามาจีบ และเลือกเป็นแฟนตัวจริง ว่าแบบไหนจริงใจที่สุด
3.Jerry Mcquire เทพบุตรรักติดดิน (ออกฉายปี 1996)
นักแสดง ทอม ครู๊ซ ,เรเน่ เซลเวเกอร์
เรื่องย่อ :
เจอร์รี แม็คไกวร์ เป็นตัวแทนฝีมือดีของบริษัทบริหารจัดการนักกีฬายักษ์ใหญ่ เขามีหน้าที่จัดการดูแลด้านสิทธิประโยชน์ ภาพลักษณ์ และเรื่องส่วนตัวของนักกีฬาอาชีพจำนวนหลายสิบคน วันหนึ่งนักกีฬาในการดูแลของเขาประสบอุบัติเหตุระหว่างการแข่งขัน และต้องเสี่ยงกับความพิการ เพราะต้องตรากตรำลงเล่นด้วยข้อผูกมัดในสัญญา เจอร์รี แม็คไกวร์เกิดความรู้สึกไม่ดี และไม่มีความสุขในการทำงาน เขาจึงร่างข้อความพันธกิจ (Mission Statement) ที่กำหนดแนวทางในอนาคตของบริษัท โดยเสนอให้ลดจำนวนนักกีฬา เพื่อเน้นความใกล้ชิดระหว่างลูกค้ากับตัวแทน และทำสำเนาให้กับทุกคนในบริษัท บันทึกข้อความของเจอร์รี แม็คไกวร์ ได้รับคำชื่นชมจากพนักงานคนอื่นในบริษัท แต่ก็ส่งผลให้เขาถูกไล่ออกจากงาน เจอร์รี แม็คไกวร์ออกจากบริษัทไปตั้งบริษัทของตัวเอง โดยโดโรที บอยด์ (เรเน่ เซลเวเกอร์) พนักงานบัญชีลูกติด ที่ประทับใจบันทึกข้อความของแม็คไกวร์เป็นพนักงานเพียงคนเดียวที่ขอลาออกตามไปด้วย เจอร์รี แม็คไกวร์ติดต่อกับลูกค้าเก่าของเขาทุกคนเพื่อชวนไปใช้บริการในบริษัทใหม่ของเขา แต่ทุกคนล้วนปฏิเสธ มีเพียงคนเดียวคือ ร็อด ทิดเวลล์ (คิวบา กูดิง จูเนียร์) ปีกนอกฝีมือดีของทีมอเมริกันฟุตบอล แอริโซนาคาร์ดินัลส์เจอร์รี แม็คไกวร์ใช้เวลาส่วนใหญ่ดูแลสิทธิประโยชน์ของทิดเวลล์ ลูกค้าเพียงคนเดียวของเขาอย่างใกล้ชิด พร้อมกับต่อรองกับทีมต้นสังกัดเพื่อให้ได้รับสัญญาจ้างฉบับใหม่ เพื่อประกันความมั่นคงในอาชีพนักกีฬา ในขณะเดียวกันเขาก็สนิทสนมกับ เรย์ ลูกติดวัยสามขวบของโดโรที จนมีความสัมพันธ์กับโดโรที และตัดสินใจแต่งงานกับเธอ เพื่อให้เธอได้รับการประกันสุขภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายของบริษัทใหม่ ที่ยังไม่มีรายได้ในขณะที่โดโรที บอยด์ มีความรักต่อเจอร์รี แม็คไกวร์อย่างลึกซึ้ง เธอกลับรู้สึกว่าเขามีความห่างเหินและไม่ได้รักเธอ การแต่งงานนั้นเป็นเพราะเขาชอบเล่นประสาพ่อลูกกับเรย์ ไม่ชอบอยู่คนเดียว และแต่งงานเพื่อแสดงความรับผิดชอบที่เธอต้องลาออกจากงานตามเขามา จึงขอแยกทางกันหลังการแข่งขันครั้งสำคัญ แอริโซนาคาร์ดินัลส์ได้เข้ารอบเพลย์ออฟเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ร็อด ทิดเวลล์ที่แสดงผลงานอย่างดีเยี่ยม ได้รับการเสนอต่อสัญญาฉบับใหม่มีมูลค่าสูงเป็นประวัติศาสตร์ถึง 11.2 ล้านดอลลาร์ ทำให้เจอร์รี แม็คไกวร์กลายเป็นตัวแทนมือทองอีกครั้ง มีนักกีฬาหลายคนสนใจจะเป็นลูกค้าของเขา ในขณะเดียวกันเจอร์รี แม็คไกวร์ก็สำนึกว่าในส่วนลึกแล้วตัวเองรักโดโรทีเพียงใด เขากลับไปตามหาเธอที่บ้าน เพื่อบอกว่า เขารักตัวเธอเพราะ "เธอเติมเต็มชีวิตของเขา"

จุดเด่น ตัวหนังสร้างความประทับใจ และสร้างแรงบันดาลใจในการต่อสู้ชีวิต การทำงาน การเป็นผู้นำคน คือได้ข้อคิดในหลายๆด้านจากหนังเรื่องนี้หากจะนำมาใช้  เรื่องนี้มีประโยคเด็ดๆ หลายต่อหลายฉาก และตัวหนังให้ข้อคิดเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่เข้มแข็ง บางครั้งอ่อนแอ แต่สิ่งที่มาเติมเต็มให้กับชีวิตของเขา เวลาก้าวพลาดหรือล้มเหลวก็คือผู้หญิงคนนั้น คนซึ่งเคยเป็นทั้งลูกน้อง เป็นผู้ร่วมงาน และสุดท้ายกลายมาเป็นภรรยา แม่หม้ายลูกติด ที่สุดแสนจะน่ารัก

5.Serendipity กว่าจะค้นเจอ ขอมีเธอสุดหัวใจ (ออกฉายปี 2001)
นักแสดง  จอห์น คูแซ็ก, เคท เบ็คกิ้งเซล
เรื่องย่อ :
วันหนึ่งในฤดูหนาวปี 1990 ซึ่งเป็นวันแห่งการช็อปปิ้งสำหรับช่วงเทศกาลที่วุ่นวายที่สุดวันหนึ่ง โจนาธาน เทรเกอร์ ได้พบกับ ซาร่า โธมัส แม้ว่าทั้งเขาและเธอต่างก็มีผู้จับจองหัวใจอยู่แล้ว แต่ทั้งคู่ก็ได้สานมิตรภาพชมบรรยากาศแมนฮัตตันร่วมกันโดยที่ไม่ทราบชื่อของอีกฝ่าย เมื่อเวลาค่ำ คืบคลานเข้ามาก็ถึงเวลาที่ทั้งสองต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับก้าวต่อไป โจนาธานเสนอที่จะแลกเบอร์โทรของกันและกัน แต่ซาร่ากลับเสนอความคิดที่ว่าให้โชคชะตาเป็นผู้กำหนด เธอบอกว่าถ้าทั้งสองถูกกำหนดให้คู่กัน พวกเขาก็ย่อมพบหนทางที่จะนำพาให้หวนกลับมาพบกันได้เอง อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่คิดไว้ แต่ทว่าโชคชะตาของทั้งคู่อาจมิได้ให้ความร่วมมือง่าย ๆ ดังเช่นนั้น……หลายปีผ่านไป เส้นทางชีวิตของโจนาธานและซาร่าต่างแยกกันไปคนละทิศ แต่เมื่อทั้งคู่จะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับบุคคลอื่น พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะค้นหาอีกฝ่ายให้เจอ ทว่าพวกเขาจะหลอกโชคชะตาและกำหนดพรหมลิขิตด้วยยตนเองได้หรือไม่?
โจนาธาน ได้พบกับ ซาร่า ในห้างสรรพสินค้าโดยบังเอิญขณะที่กำลังแย่งถุงมือคู่สุดท้าย และนั่นก็คือความรักแรกพบบรรจบกันราวกับฟ้าบันดาล แม้ว่าต่างฝ่ายต่างมีคนรักกันอยู่แล้ว ทว่า ซาร่า เชื่อในเรื่องพรหมลิขิต เธอได้อธิษฐานขอให้พวกเขาได้สิ่งของ 3 สิ่งคืนมา นั่นคือหนังสือมีลายเซ็น, ถุงมือแคชเมียร์ข้างหนึ่ง และธนบัตรที่มีเบอร์โทรจดไว้ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามนี้เธอจะเชื่อว่าเธอและโจนาธานเป็นเนื้อคู่กัน แต่กว่าที่ทั้งสองจะได้พิสูจน์อภินิหารของพรหมลิขิตก็เป็นเวลาอีกหลายปีต่อมา ในช่วงเวลาซึ่งทั้งสองฝ่ายเกือบลืมคำอธิษฐานนั้นไปแล้ว"

จุดเด่น หนังเรื่องนี้มีพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ แม้ว่าในชีวิตจริงแทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย แต่หนังกลับสร้างทางเลือก เพื่อนำตัวละครไปสู่เป้าหมายที่อาจเป็นไปได้ และคนดูก็เอาใจช่วย เพราะคนดูแทบทุกคนที่ได้ดู อยากมีชะตากรรมแบบในตัวละครเหมือนกันหมด คนคิดพล็อตเรื่องฉลาดจริงๆ จริงๆ เรื่องนี้ถ้าจบแบบที่ไม่ใช่ Happy Ending จะมีความน่าเชื่อถือมากกว่านี้ เป็นภาพยนตร์ที่นึกถึงอยู่ตลอดเวลาที่ได้ยินเพลง หากันจนเจอ ของพี่ 2 กบ ทุกทีเลย  เป็นหนังรักที่รักมาก เพราะเน่ากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

6.Love Actually ทุกหัวใจมีรัก (ออกฉายในปี 2003)
นักแสดง  ฮิวจ์ แกรนต์, บิล ไนอี, เอมมา ทอมสัน, โคลิน เฟิร์ท, เลียม นีสัน, แอลัน ริกแมน, คีร์รา ไนท์ลีย์, ลอรา ลินนีย์ และดาราภาพยนตร์ผู้มีชื่อเสียงอีกมากมาย รวมทั้งดารารับเชิญได้แก่ โรวัน แอตกินสัน, บิลลี บ็อบ ทอร์นตัน, คลอเดีย ชีฟเฟอร์, เอลิชา คัทเบิร์ท, แชนนอน เอลิซาเบท, เดนิส ริชาร์ด

เรื่องย่อ :
คนบางคนอาจมองว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชัง แก่งแย่งชิงดี แต่อันที่จริงแล้ว เราจะพบว่ามีความรักปรากฏอยู่ในทุกแห่งหน ในคนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีหนุ่มคนใหม่ที่เพิ่งเริ่มงานเป็นวันแรก ก็เกิดตกหลุมรักเลขาสาวจอมเปิ่นที่เพิ่งเข้าทำงานเป็นวันแรกเหมือนกัน, เจมี่ นักเขียนหนุ่มผู้เพิ่งจะพบว่าภรรยาเป็นชู้กับน้องชายของตน จึงหลบไปรักษาแผลใจที่บ้านพักริมทะเลสาบ และพบรักกับหญิงสาวคนทำงานบ้านซึ่งพูดภาษาอังกฤษไม่ได้, หญิงสาวที่แต่งงานแล้วอย่างคาเรน ผู้ซึ่งกำลังสงสัยว่าสามีของเธอกำลังปันใจให้กับเลขาหน้าห้องทำงาน  หรือกระทั่งความรักของเด็กชายผู้ซึ่งกำลังพบรักครั้งแรกกับเด็กหญิงเพื่อนร่วมโรงเรียนที่ไม่เคยแม้แต่จะคุยกัน และพ่อม่ายที่ประสบปัญหาการเข้าถึงลูกชายผู้เพิ่งจะสูญเสียแม่ไป
เมื่อเทศกาลคริสต์มาสกำลังย่างกรายมาถึง เรื่องราวของแต่ละคนในนครลอนดอนจึงบังเกิดขึ้นด้วยความมหัศจรรย์ที่มีรสชาติทั้งหวานและขม ตามแต่จะบังเกิดขึ้นในทุกหัวใจที่มีรัก

จุดเด่น ของหนังเรื่องนี้ คือการเขียนบทให้ตัวละครที่มีมาก ไม่ตำกว่า 5 คู่ ดำเนินเรื่องไปแบบให้น้ำหนักที่เท่าเทียมกัน และมีรูปแบบความรักที่หลากหลายแนว ทั้งประเด็นแง่มุมในชีวิต วัย สถานะ ชนชั้น รายได้ สถานภาพ ทัศนคติ รสนิยมในเรื่องความรัก โดยที่คนดูจะรู้สึกอินไปกับตัวละครทุกตัว เอาใจช่วยกับความรักในแต่ละคู่ มีความลงตัวทั้งในส่วนพล็อตเรื่องและไดอะล็อก(บทพูด) เพลงประกอบ,ดนตรีประกอบภาพยนตร์ที่ไพเราะมาก เป็นภาพยนตร์ที่คนที่ชอบหนังรักหรือคนที่กำลังมีความรักควรดูทุกคน หากจะให้เลือกหนังรักดูเพียงเรื่องเดียว ในจำนวน 100 เรื่องที่คัดสรรมา ผู้เขียนขอแนะนำให้คุณดูหนังเรื่องนี้ครับ เพราะเรื่องเดียวได้อรรถรสครบทุกประเด็น สมกับเพลงที่ชื่อ love is all around มากๆ

7. Eternal Sunshine of The Spotless Mind ลบเธอ..ให้ไม่ลืม (ออกฉายปี 2004)
นักแสดง จิม แครี่ย์ ,เคต วินสเล็ต
เรื่องย่อ :
Eternal Sunshine of the Spotless Mind พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ ว่าเราสามารถยอมรับข้อเสียของกันและกันได้แค่ไหน โดยมีฉากหลังเป็นหนังไซไฟ(คล้าย ๆ inception) 

โจเอล (จิม แคร์รี่) ถึงกับงงเมื่อพบว่า คลีเม็นไทน์ (เค็ท วินสเล็ต) แฟนสาวของเขาได้ลบความทรงจำเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขาและเธอที่สับสนอลหม่าน ในภาวะอันสิ้นหวังแบบนี้ โจเอล ต้องติดต่อนักประดิษฐ์อย่าง ดร. โฮเวิร์ด (ทอม วิลคินสัน) เพื่อลบเธอ ออกไปจากความทรงจำของเขาบ้าง แต่เมื่อความทรงจำของโจเอลค่อยๆถูกทำให้สูญหายไปนั้น เขากลับเริ่มค้นพบความรู้สึกเสน่หา ลึกลงไปในช่องว่างบางส่วนในสมองของโจเอล เขาพยายามจะหนีไปจากขบวนการลบความทรงจำ ในขณะที่ ดร. โฮเวิร์ด และผู้ช่วยพยายามไล่ล่าเขาในความทรงจำอันสับสนและซับซ้อน เป็นที่กระจ่างแล้วว่าโจเอลไม่สามารถลบแฟนสาวของเขาออกไปจากหัวใจได้หรอก

จุดเด่น ของหนังเรื่องนี้คือพล็อตเรื่องที่แปลกแหวกแนว เล่นกับอารมณ์เบื้องลึกของคน เกี่ยวกับความทรงจำ ความเสียใจ ผิดหวังในเรื่องความรัก หากคนเราสามารถลบความทรงจำในอดีตของแฟนเก่าลงได้จริงๆ คงเป็นการดีไม่น้อย แต่หนังก็สะท้อนให้เห็นว่า แน่ใจนะว่าคุณต้องการลืมแฟนของคุณจริงๆ เพราะอย่างน้อยมันก็คือประสบการณ์ดีๆ ครั้งหนึ่งในชีวิต แม้ว่าเราจะเลิกรากันไปแล้ว แต่หากคุณยังรักเขาอยู่มากหล่ะ คุณยังอยากจะลบเขาออกไปจากจิตใจหรือ เพราะความทรงจำมันลบกันไม่ได้หรอก วิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือที่นำมาช่วยปรับปรุงพัฒนาชีวิตคนให้ดีขึ้น ไม่ใช่ทำลายมิใช่หรือ

8.The Story of Us  เรื่องรักของเรา มันเข้าท่า (ออกฉายปี 1999)
นักแสดง  บรู๊ซ วิลลิส ,มิเชลล์ ไฟเฟอร์
เรื่องย่อ :
แค็ทที่ จอร์แดน (มิเชล ไฟเฟอร์) ผู้ยึดมั่นในชีวิตสมรสอย่างแน่วแน่ เธอต้องการให้ทุกสิ่งทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง, ต้องการรู้คำตอบของทุกคำถาม แม้ว่าจะเป็นข้อข้องใจเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม และมักปิดตัวเองจากปัญหาทุกอย่าง เธอเป็นผู้ออกแบบคำศัพท์อักษรไขว้ ที่พยายามไขว่คว้าหาคู่ชีวิต มาเติมอีกครึ่งหนึ่งให้เต็มสมบูรณ์ นี่เองกระมังที่ทำให้เธอหลงรัก เบ็น (บรู้ซ วิลลิส) ตรงที่เขาเป็นคนช่างฝัน จินตนาการกว้างไกล, สดชื่นสดใส, มีชีวิตมีชีวา และขี้เล่นชนิดหาตัวจับยาก

ส่วน เบ็น ก็เป็นนักเขียนที่เชื่อว่า ทุกความรักจะจบลงอย่างหวานชื่นเสมอ แต่ชีวิตจริงกลับมีรายละเอียดลึกซึ้งกว่านั้นมากมายนัก และเมื่อเขาหา Bactine ไม่เจอก็จะปล่อยให้ไฟเหนืออ่างล้างหน้า กระพริบจนแดงอยู่อย่างนั้น ปรัชญาของ เบ็น ตามแบบที่ แค็ทที่อธิบายไว้ ก็เปรียบได้กับหนังสือสำหรับเด็กเรื่อง Harold and the Purple Crayon แฮโรลด์เป็นเด็กน้อยที่พยายามสร้างโลกส่วนตัว ให้ได้อย่างใจปรารถนา แต่ไม่ใช่อย่างที่โลกแห่งความเป็นจริงพึงเป็นความผูกพันค่อย ๆ เหือดหายไปจากความสัมพันธ์ สามีภรรยาแห่งครอบครัวจอร์แดนทดลองแยกกันอยู่ ในระหว่างที่ลูกๆ คือ จอช วัย 12 ปี และเออริน วัย 10 ปีไปพักแค้มป์ภาคฤดูร้อน ทั้งเบ็นและแค็ทที่ต่างก็ตั้งแง่เข้าใส่กัน แทนที่จะเป็นประเด็นเข้าอกเข้าใจกัน และต่างก็เชื่อว่าการปิดตัวเงียบ ในมุมสงบของใครของมัน จะช่วยแก้ปัญหาได้ ช่วงที่ต่างแยกกันอยู่นั้น ทั้งเบ็นและแค็ทที่ก็หวนรำลึก ถึงความหลังครั้งรักยังหวานชื่น — งานเต้นรำ, การเอาอกเอาใจกันและกัน, ล้วนสร้างความผูกพันให้สองกลายเป็น “เรา” ได้นั่นเอง  ทำไมหนอ ความน่ารักเหล่านี้ที่ครั้งหนึ่ง เคยทำให้ต่างคนต่างหลงไหลได้ปลื้มกันเสียเหลือเกิน กลับกลายเป็นเรื่องจุกจิกกวนใจให้รำคาญ จนบางครั้งลืมไปแล้วว่า ความสัมพันธ์นั้นยิ่งใหญ่เพียงใด? แล้วเมื่อไรกันเล่าที่จะได้สติว่า ถ้าขาดเขาไปเราก็ไม่สมบูรณ์

จุดเด่น ของหนังเรื่องนี้ อยู่ตรงที่การนำเสนอประเด็นรอยร้าวในชีวิตคู่ วิธีการที่สามีและภรรยาจะประครองความรัก การประครองความสัมพันธ์ บทบาทหน้าที่ความเป็นพ่อกับแม่ ต่อลูก และหนทางที่พวกเขาจะปรับความเข้าใจ ทางเลือกที่จะอยู่หรือไปจากสถานภาพความเป็นครอบครัว ผู้เขียนชอบหนังเรื่องนี้มาก การนำเสนอประเด็นความรัก ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดีที่สุดเรื่องนึง คนที่กำลังมีปัญหาในครอบครัว ควรจะหามาดู คิดว่าคุณอาจจะได้ประโยชน์จากการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มากก็น้อยครับ

9.About Last Night รักนี้ยากจะบอกเธอ (ออกฉายปี 1986)
นักแสดง  เดมี่ มัวร์, ร็อบ โลว์
เรื่องย่อ
เรื่องย่อ. แดนนี่ ( ร็อบ โลว์) กับ เบอร์นี่ (เจมส์ เบลูซี่) คือเพื่อนซี้ที่ใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยง แต่เมื่อ แดนนี่ พบ เด็บ บี้ (เดมี่ มัวร์) ที่บาร์แห่งหนึ่ง พวกเขาทำความรู้จักและหวังที่จะมีเซ็กซ์แบบคืนเดียวจาก ...และด้วยแรงยุของเพื่อนๆ ทั้ง 2 ฝ่ายให้ลองคบกัน ทั้งคู่เริ่มรู้สึกชอบพอกันมากขึ้น เริ่มคบกันเป็นแฟน และตกลงที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบอยู่ก่อนแต่ง ตัวของแดนนี่ เริ่มรู้สึกว่าเขาอยากที่จะจริงจังกับความรักในตัวเด็บบี้ แต่เด็บบี้เองเริ่มรู้สึกว่าแดนนี่ยังไม่ใช่ จึงพยายามตีตัวออกห่าง เพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เด็บบี้ยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับแดนนี่ได้ ทั้งคู่เริ่มมีปากเสียงกัน และทะเลาะกันในเรื่องที่จุกจิกเล็กน้อย สุดท้ายความรักครั้งนี้ก็ไปไม่รอด เด็บบี้เป็นฝ่ายขอเลิกกับแดนนี่เอง ทั้งคู่จากกันไปด้วยดี แต่แดนนี่นั้นทุกข์ระทมสุดๆ

จุดเด่น ของหนังเรื่องนี้มันยังทันสมัย และใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย พล็อตเรื่องชี้ให้เห็นประเด็นของความชอบพอ พัฒนามาเป็นความใคร่ การมีเซ็กส์กัน และจบลงด้วยความรัก บังเอิญว่าตัวละครในเรื่องนี้เขาไม่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ต่อไปเป็นความรักได้ ซึ่งอาจจะเป็นที่ทัศนคติไม่ตรงกัน หรือยังให้เวลากันไม่มากพอ หรือใครคนใดคนหนึ่งไม่พึงพอใจคู่กรณีของตนเองเสียแล้ว เข้าทำนองรักง่ายหน่ายเร็ว ซึ่งผู้เขียนคิดว่าด้วยความสมบูรณ์ของพล็อตเรื่อง นักแสดงที่เล่นกันได้ดีมาก ทั้งเดมี่มัวร์ และร็อบโลว์ ตลอดจนฉากวาบหวิวในเรื่องก็สุดคลาสสิคแล้วในยุคนั้น ทำให้หนังเรื่องนี้ยังประทับใจอยู่ในความทรงจำไม่มีวันลืมมาถึงทุกวันนี้ครับ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น