ดรักเกอร์ทำงานเดิมอยู่ถึง 4 ปี แล้วข้ามฟากไปใช้ชีวิตใหม่ที่สหรัฐ และเขียนหนังสือเล่มแรกในปี 1939 ชื่อ “The End of Economic Man” หลังจากนั้นมีหนังสือออกมาอีกจำนวนมาก
ปัจจุบัน นอกเหนือจาก ดรักเกอร์ เป็นผู้ให้คำแนะนำและมุมมองทางด้านธุรกิจแล้วยังเป็นอาจารย์ประจำสอนอยู่ที่โรงเรียนการจัดการ Peter F. Drucker Graduate School of Management ที่ Claremont University ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
โรเบิร์ต พี.ไมเลส เจ้าของผลงานเขียน The Genius of Warren Buffett : The Science of Investing and The Art of Managing เคยมาบรรยายที่โรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน(กรุงเทพฯ) ยกย่องให้ บัฟเฟตต์ เป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และศิลปะ เฉกเช่น ลีโอนาร์โด ดาวินชี่ กล่าวคือ บัฟเฟตต์ ใช้ศาสตร์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เพื่อการลงทุน และเขายังเป็นศิลปิน ที่รู้จักการใช้ศิลปะ ในการบริหารจัดการ อย่างยอดเยี่ยม สังเกตได้จากที่ผานมา บัฟเฟตต์ ไม่เคยเสียซีอีโอ ของกองทุน ไปให้กับคู่แข่งเลยสักครั้ง
หนังรักในความทรงจำวัยเด็ก ส่วนใหญ่จะเป็นหนังรักในยุค 70’s-80’s นั่นแหละ ภาพแรกๆ ที่ปรากฏขึ้นมาก่อนเลยก็คือ Love Story , Endless Love , Laboum , Blue Lagoon , Casablanca , Out of Africa , Romeo & Juliot , Ghost เป็นต้น
1.แนวแก๊งค์หนุ่มโสดมองหาแฟนหรือหนุ่มโฉดทำซกมก แนวๆ นี้ จะได้แก่ พวก American Pie, That’s thing you do , High Fidelity , She all that , Cruel Intention , Gossip , Up in the Air , Undiscovered , 40 days & 40 nights , 10 things I hate about you , 50 first date ,The Hitch
2.แนวแก๊งค์สาวโสดมองหาแฟนหรือสาวเฮี้ยวเที่ยวนินทา แนวๆ นี้ จะได้แก่ พวก Sex and the City , There something about Mary , Bridget Jone Diary, Mean Girl , Amelie , Someone like you, How to lose a guy in 10 days , How to make an American Quilt
3.แนวรักแบบเหงาๆ เขาผ่านเข้ามาพอดี(อยากจะบอกใครซักคน) แนวๆ นี้ จะได้แก่ Jerry Mcquire, About a Boy,The Horse Whisperer, The Bridge of Madison County, Sweet November , Dear John , One Day ,How to make an American Quilt, Meet Joe Black ,When Harry met Sally , Nothing ‘s Hill , Chocalate ,Lost in Translation,The Holiday ,As good as it gets ,Just Married
4.แนวรักแบบพลัดพราก แนวๆ นี้ จะได้แก่ A Walk to Remember, Atonement , Love Story , Brokeback Mountain, Sweet November, Dear John , The Notebook , The Piano , Romeo & Juliot , My Girl (ภาค1) ,Ghost, Moulin Rouge, Before Sunrise, Before Sunset ,Great Expectation ,Walking the dead ,Casablanca
5.แนวรักแบบสถานการณ์พามาพบกัน,บุพเพสันนิวาส แนวๆ นี้ จะได้แก่ English Patient , Titanic , The Horse Whisperer, The Holiday , Before Sunrise , Before Sunset , Serendipity , Pretty Woman , The Hitch , Wedding Planner , Sleepless in Seattle ,In Love & War , Message in a Bottle , You ‘re Got Mail , The Family Man, Gone with the Wind , Addicted to Love , While you were sleeping , A walk in the Clouds ,A Beautiful Mind, Down with Love , I am Sam , Juno ,Shakespear in Love
6.แนวรักแบบหลายคู่,หลายชีวิต แนวๆ นี้ จะได้แก่ Love Actually , Valentine’s Day , New Year Eve, P.S.,I love you , Royal Tenenbuam ,Magnolia
7. แนวรักแบบอยากจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต แนวๆ นี้จะได้แก่ What Dream May Come, Eternal sunchine of the Spotless Mind, Ghost ,The Family Man
8. แนวรักแบบปัญหาชีวิตคู่,บ้านแตก (ครอบครัวแตกสลาย) แนวนี้ได้แก่ American Beauty, Story of Us ,Revolutionary Road, In the Bedroom ,The Pursuit of the Happiness, The Brothers, The Cider House Rule ,Mad Love, Thelma & Louise
9. แนวรักแบบเซ็กซ์ชั่วคราว (เซ็กซ์ล้วนๆ รักไม่เกี่ยว) ทำให้อยากแล้วจากไป แนวนี้ได้แก่ Thelma & Louise, Don Juan:Demarco , About Last Night, Unfaithful, The Reader ,Meet Joe Black, The Dreamer, Killing me Softly,Cruel Intention, Eye Wild Shut ,Indecent Proposal ,Mad Love
10. แนวรักแบบ 3เส้า (อยากเก็บเธอเอาไว้ทั้ง 2 คน) แนวนี้ได้แก่ Here on Earth, Twilight, Pearl Harbour
11. แนวรักแบบรักใสๆ วัยกระเตาะ (Puppy Love) แนวนี้ได้แก่ Love Story , Laboum, The Blue Lagoon, My Girl , Endless Love , Reality Bite ,A Walk to Remember ,High School Musical ,Mean Girl
10 หนังรักที่ดีที่สุด (ของผู้เขียน) ประกอบด้วย
High Fidelity, There somthing about Mary, Jerry Mcquire, Love Story, Serendipity, Love Actually ,Eternal Sunshine of the Spotless Mind, Story of us, About Last Night, La Boum
จุดเด่น ของหนังเรื่องนี้ คือการเขียนบทให้ตัวละครที่มีมาก ไม่ตำกว่า 5 คู่ ดำเนินเรื่องไปแบบให้น้ำหนักที่เท่าเทียมกัน และมีรูปแบบความรักที่หลากหลายแนว ทั้งประเด็นแง่มุมในชีวิต วัย สถานะ ชนชั้น รายได้ สถานภาพ ทัศนคติ รสนิยมในเรื่องความรัก โดยที่คนดูจะรู้สึกอินไปกับตัวละครทุกตัว เอาใจช่วยกับความรักในแต่ละคู่ มีความลงตัวทั้งในส่วนพล็อตเรื่องและไดอะล็อก(บทพูด) เพลงประกอบ,ดนตรีประกอบภาพยนตร์ที่ไพเราะมาก เป็นภาพยนตร์ที่คนที่ชอบหนังรักหรือคนที่กำลังมีความรักควรดูทุกคน หากจะให้เลือกหนังรักดูเพียงเรื่องเดียว ในจำนวน 100 เรื่องที่คัดสรรมา ผู้เขียนขอแนะนำให้คุณดูหนังเรื่องนี้ครับ เพราะเรื่องเดียวได้อรรถรสครบทุกประเด็น สมกับเพลงที่ชื่อ love is all around มากๆ
7. Eternal Sunshine of The Spotless Mind ลบเธอ..ให้ไม่ลืม (ออกฉายปี 2004)
นักแสดง จิม แครี่ย์ ,เคต วินสเล็ต
เรื่องย่อ :
Eternal Sunshine of the Spotless Mind พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ ว่าเราสามารถยอมรับข้อเสียของกันและกันได้แค่ไหน โดยมีฉากหลังเป็นหนังไซไฟ(คล้าย ๆ inception)
1.หนังสูตรเนื้อหนังมังสา (Erotic) หรือหนังติดเรต ได้รับอิทธิพลจากหนังติดเรต(AV) ของญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นขึ้นชื่อด้านนี้ทั้งในส่วนของไอเดีย ลูกเล่น และ accessorie tools ต่างๆ ที่นำมาใช้ในหนัง AV แต่เกาหลีนำมาในส่วนของ mood & tone และลดทอนมันลงมาสู่ความเป็นหนัง R แทน ดีกรีการเร้าอารมณ์ที่มีอยู่ในหนัง AV ของญี่ปุ่น แต่ tools ไม่ได้นำมา แล้วใส่ความสด และดิบลงไปแทน ทำให้เกิดความแปลกใหม่ ตื่นตาตื่นใจในครั้งแรกที่ได้ชม และได้รับคำกล่าวชื่นชมเป็นวงกว้างจากนักวิจารณ์ ทั้งในเวทีประกวดหนังเมืองคานส์หรือเวทีอื่นๆ กระแสบอกต่อจากการได้ชมในโรงภาพยนตร์เป็นที่ฮือฮา หนังในสูตรนี้ ได้แก่ Lies, An Affair, Labelle, Club Butterfly, Secret Love ,Green Chair, A good Lawyers Wife, Time เป็นต้น
2.หนังสูตรแนว Gangster ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากหนังฮ่องกง ในยุค 80-90’s แต่เกาหลีนำมาใช้ในส่วนของโครงสร้าง หรือเงื่อนไขท่าบังคับบางอย่างแต่ลีลาหรือ mood & tone กลับเปลี่ยนไปในลักษณะเป็น comedy เสียมากกว่า ไม่ซีเรียสจริงจังเหมือนหนังเจ้าพ่อของฮ่องกง ตรงนี้ก็ได้ผล ทำให้คนดูเริ่มเห็นความแตกต่างของหนัง Gangster ของเกาหลีที่ดูน่ารัก ไม่มีฟอร์ม อารมณ์ขันในแบบหน้าตาย ซึ่งไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมถึงได้ใจคนดู ก็เพราะคนดูติดภาพจำของเจ้าพ่อฮ่องกงที่จะต้องเคร่งขรึม มีมาดและวางฟอร์มเท่ห์อยู่แล้ว แต่หนังเจ้าพ่อของเกาหลี เจ้าพ่อดูเป็นมนุษย์ที่จับต้องได้มากกว่า มีโมโหโกรธา บางครั้งเศร้า(แอบมีอารมณ์อ่อนไหว) บางครั้งมีอารมณ์ขัน (รั่ว) และบางทีก็เล่นบทโหดด้วย เมื่อเราได้ดูหนังแนวนี้ของเกาหลีครั้งแรกก็จะรู้สึกขำ และก็คิดต่อว่ามันคิดได้อย่างไรนะ ช่างเสียดสีและเป็นตลกร้ายที่ไม่ค่อยได้พบในหนังเอเซียมาก่อน หนังในกลุ่มนี้ ได้แก่ My Wife is a Gangster ,My Boss My Hero, My Boss My Teacher ,Silmido, Holiday , Friends ,Daisy ,Guns & Talk, Volcano High เป็นต้น
3.หนังสูตรแนว Period Action พวกนี้ได้รับอิทธิพลมาจากจีนแผ่นดินใหญ่และหนังจีนกำลังภายในของจีน ซึ่งจะโชว์เรื่องความอลังการของฉาก เครื่องแต่งกาย แสงสีเสียง ตัวประกอบเยอะ การต่อสู้ เทคนิคการต่อสู้ด้วยมือเปล่า หรือด้วยอาวุธต่างๆ มักเป็นหนังย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์ หรือตำนาน หนังในสูตรนี้ ได้แก่ Shiri ,Bichunmoo, Musa ,Tae-Guk-Gi ,King and The Clown ,The Legend of Gingko, ฮวางจินยี่ จอมนางสะท้านแผ่นดิน เป็นต้น
4.หนังสูตรแนวโรแมนติกดราม่า ได้รับอิทธิพลมาจากไต้หวันเต็มๆ ทั้งในส่วนของ บทพูด (Dialoque) โดนๆ ,เพลงประกอบภาพยนตร์ ,การถ่ายภาพแบบแช่ภาพไว้นานๆ , มุมกล้องสวยๆ การแสดงสีหน้าท่าท่างของตัวละครแบบอินสุดๆ และที่สำคัญคือฉากเรียกน้ำตาจากคนดู ซึ่งมักเป็นฉากสะเทือนใจ จุดไคลแม็กซ์ของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหญิงหรือชาย จะมีต่อมเรียกน้ำตาที่จะสามารถเรียกออกมาได้แบบไม่มีกั๊ก จุดขายของหนังเกาหลีจุดหนึ่งก็คือฉากร้องไห้ของตัวแสดงนี่แหละ ซึ่งร้องออกมาแล้วหน้ายังหล่อ สวยได้อีก ซึ่งอันนี้เป็นคุณลักษณะเด่นของหนังเกาหลีที่ชาติอื่นก็ทำตามไม่ได้ หนังสูตรนี้จะมีบทจบที่ไม่สมหวัง ตัวละครจะต้องมีการพลัดพราก หรือมีโศกนาฏกรรม ที่ทำให้ต้องเสียชีวิต หรือถ้ามีการจบแบบ happy ending ก็จะต้องเป็นการจบที่หักมุม หรือให้คนดูไปคาดเดาคิดเอาเองต่อ หนังในกลุ่มนี้ ได้แก่ Ditto , Calla , The Classic , Love Letter, My Sassy Girl, Wanee & Junna ,IL mare , Sad love Story, Christmas in August, One Fine Spring Day ,Windstuck , A Moment to Remember,Now and Forever ,The Way Home ,A Millionaire's First Love, My Boyfriend is Type B ,Scent of Love ,Come Rain Come Shineเป็นต้น
5.ยังมีหนังในสูตรอื่นอีกที่เรียกว่าหนังแนวตลาดหรือแนวพาณิชย์ที่เกาหลีก็ทำได้ดี อาทิ หนังผี(Thriller, Horror) หนังแนวตลก (Comedy) และหนังแนวเพศที่ 3(Gender: Gay & Lesbian) ซึ่งทั้ง 3 แนวนี้ แม้จะไม่ใช่เป็นแนวทางหลักของอุตสาหกรรมหนังเกาหลี เท่า 4 สูตรแรก แต่ก็ถือได้ว่าเกาหลีทำออกมาได้ดี มีคุณภาพ มีมาตรฐาน ชนิดที่เรียกได้ว่า ทำเงินและกล่องได้เช่นเดียวกัน หนังผีดูจะสร้างชื่อเสียงให้เกาหลีได้ไม่แพ้หนังผีชาติอื่นๆ ในเอเชียเลย อาทิ The Uninvited,A Tale of Two Sisters,Arang, Whisper Corridor เห็นได้จากหนังผีเกาหลีก็ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปรีเมคในหลายประเทศเช่นเดียวกัน หรือถูกนำไอเดียไปใช้ในภาพยนตร์ผีของชาติอื่นๆ ด้วย The Host หนังอสูรกลายพันธุ์บุกโลก ก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ หนังแนวตลกของเกาหลีดูจะแข็งแรงน้อยที่สุด และแม้จะเทียบหนังแนวนี้จากชาติอย่างฮ่องกงหรือไทยไม่ได้ แต่ก็ถือได้ว่าทำออกมาได้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นกัน ในกลุ่มนี้ได้แก่ Sex is Zero, 200 Pounds of Beauty,Strongest, He was Cool ,Highway Star และสุดท้ายหนังแนวเพศที่ 3 อาทิ A Frozen Flower, No Regret, Memento Mori, In My End is My Beginning ,Spider Lilies ต้องถือว่าด้วยกฎหมายการจัดเรตติ้ง และมีรัฐบาลที่สนับสนุนอย่างแข็งแรงทำให้หนังแนวนี้ของเกาหลีก้าวล้ำนำหน้า พัฒนาไปไกลที่สุดในภูมิภาคแถบนี้ก็ว่าได้ ทั้งในส่วนของเนื้อหา พล็อตเรื่อง การนำเสนอ ไอเดียใหม่ๆ ความหลากหลายทั้งในส่วนของปริมาณและคุณภาพ ไม่ด้อยไปกว่าญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้นำของตลาดหนังแนวนี้เลย
ในส่วนของซีรี่ย์เกาหลีนั้น ขอเริ่มที่ซีรี่ย์ 4 ฤดูก่อน (Autumn in my heart, Winter Love Song ,Spring Waltz ,Summer Scent) ของผู้กับยุนซุกโฮ ซึ่งผู้เขียนก็ได้มีโอกาสได้ดูครบทั้ง 4 เรื่อง และถ้าจะให้จัดอันดับความชอบเป็นการส่วนตัวแล้ว ก็ขอเรียงลำดับความชอบเป็นดังนี้ คือ Summer Scent, Autumn in my heart, Spring Waltz, Winter Love Song ทั้งนี้ก็คงไม่ใช่อะไรหรอกนอกจากเรียงลำดับไปตามความชอบนางเอกของเรื่องในแต่ละเรื่องเรียงกันไปนั่นเอง จะว่าไปผู้เขียนชอบพล็อตเรื่องของ Summer Scent ในซีรี่ย์ชุดนี้ที่สุด แม้เพลงประกอบจะสู้ 3 เรื่องที่เหลือไม่ได้ แต่องค์ประกอบโดยรวมชอบเรื่องนี้ที่สุดแล้ว แต่ยังไงซีรี่ย์ทั้ง 4 เรื่องนี้ควรค่าแก่การหามาชม และคอนเซ็ปต์ของซีรี่ย์ชุดนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้จัดละครช่อง 3 นำไปสร้างชุดของละคร 4 หัวใจแห่งขุนเขา (ธาราหิมาลัย ,ดวงใจอัคนี ,ปฐพีเล่ห์รัก, วายุภัคมนตรา )
2. ซีรี่ย์แนวโรแมนติกดราม่า (Romantic/Drama) ซีรี่ย์แนวนี้ดูจะเป็นแนวถนัดของเกาหลีและถูกซื้อมาฉายในบ้านเรามากที่สุด นับตั้งแต่ซีรี่ย์ยุคแรกๆ ที่เคยฉายทางไอทีวี ช่อง 5 ซึ่งเป็นยุคบุกเบิกของซีรี่ย์เกาหลีในไทย อาทิ ซี่รี่ย์ในชุด 4 ฤดู, Full House, My girl, Princess Hours, Snow Queen ,My name is Kimsamsoon, Coffee Prince ,Boys over flowers , Dream, Over the Rainbow etc.
(ถอดความบางส่วนจาก บทความ คลื่นวัฒนธรรมป๊อปเกาหลี Korean Wave: โฉมหน้าทุนวัฒนธรรมเอเชีย , อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ china & east asia journal ,สำนักพิมพ์ openbooks)