วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2554

ฮอลลีวู้ดสร้างหนังอะไร แบบไหน ให้เราดูบ้าง

ฮอลลีวู้ดสร้างหนังอะไร แบบไหน ให้เราดู




 


ถ้าย้อนเวลาไปซัก 10-20 ปีนั้น ภาพยนตร์ที่จัดว่ามีคุณภาพดีมักเป็นภาพยนตร์ดราม่า เนื้อหาเข้มข้น หรือไม่ก็เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์ หรือลูกโลกทองคำ แต่พอมาซักช่วงประมาณ 4-5 ปีมานี้เอง ที่ผู้เขียนเริ่มรู้สึกว่าหนังที่ได้รับรางวัลออสการ์ หรือลูกโลกทองคำในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมนั้น อาจจะไม่ใช่หนังดีในสายตาของเราอีกต่อไปแล้ว เพราะบางเรื่องค้านกับความรู้สึกของเราเป็นอย่างมาก และมีเรื่องอื่นที่เราคิดว่าดีกว่า เหมาะสมกว่า ควรจะได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมากกว่า แต่ก็ช่างเถอะ เป็นที่รู้กันมาตั้งนานแล้วว่า ออสการ์มักจะให้รางวัลกับหนังที่มีกระแสดีกว่าโดยไม่ได้คำนึงถึงว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นจะเหมาะสมกว่าหรือไม่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมออสการ์ในช่วง 3-4 ปีมานี้ อย่างเช่น Million Dollar Baby , The Departed  , Slumdog Millionnaire , Hurt Locker คุณภาพเทียบไม่ได้เลยกับหนังออสการ์ในอดีตยุค 80’s กับยุค 90’s หรือว่าคุณภาพของหนังฮอลลีวู้ดนั้นลดลง อะไรเป็นตัววัดว่าคุณภาพนั้นลดลง ผู้เขียนคิดว่าคงกล่าวเช่นนั้นยาก อาจจะเป็นด้วยรสนิยมของคนดูหนังเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ปัจจุบันจะหาชมภาพยนตร์ดราม่าเข้มข้น ที่บทภาพยนตร์ดีๆ นั้น มีน้อยลงไปอีกทั้งผู้สร้างภาพยนตร์ หรือสตูดิโอใหญ่ๆ ตั้งหน้าตั้งตาหันมาสร้างหนังที่จะเป็นทางของ Box Office เพื่อหวังโกยเงินกันมากกว่า เราจึงได้ดูหนังฮอลลีวู้ดในแบบฟาสต์ฟู้ดกันมากขึ้น คือสวยแต่รูปลักษณ์ภายนอก (หน้าหนังดี) แต่รสชาติห่วย และไม่อร่อยเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเราจึงขอรวบรวม สไตลของหนังฮอลลีวู้ดในยุคปัจจุบัน ที่เป็นตัวทำเงินให้กับสตูดิโอ และพยายามสร้างออกมามาก เพื่อหวังโกยรายได้มาให้ลองพิจารณากันว่า ฮอลลีวู้ดสร้างหนังอะไร แบบไหน ให้เราดูกันบ้าง

1.หนัง Action Superhero เทรนด์นี้จริงๆ ทำมาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่ The Spiderman , Batman ,Ironman , X-men ,Superman , The Hulk , Watchmen , Kick-Ass ฯลฯ หนังแอ็คชั่นแนวซุปเปอร์ฮีโร่มักถ่ายทอดมาจากบทประพันธ์ที่เป็นการ์ตูนคอมมิคส์ของค่าย Marvel หรือเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ที่โด่งดังจากเกมส์ฮิตๆ แล้วจึงนำมาสร้าง หนังแนวนี้สร้างขึ้นมาทดแทนหนังแอ็คชั่นประเภทฮีโร่ที่เป็นคน หนุ่มกล้ามใหญ่ โชว์เดี่ยวต่อสู้กับวายร้าย หรือมาเป็นในรูปคู่หู ซึ่งพักหลังมานี้หาพระเอกแนวนี้ไม่ค่อยมี เพราะเริ่มแก่ อายุเริ่มมาก จึงทำให้หาพระเอกแนวนี้รุ่นใหม่แทบไม่มี ถ้าจะไล่มาก็ตั้งแต่ อาร์โนลด์ ชวาสเซเนกเกอร์ , ซิลเวสเตอร์ สตาร์โลน ,ฌองคล้อด แวน แดม , บรู้ซ วิลลิส , เคิร์ก รัสเซลล์ ,ทอม ครู้ซ ,สตีเว่น ซีกัล ,เจสัน สเตอแฮม , แมท เดม่อน , วิลล์ สมิธ ,แดเนียล เครก เพียซ บอสแนน ,วินซ์ ดีเซล ฯลฯ หนังในแนวนี้ได้แก่ ตระกูลเจมส์บอนด์ เจสันบอนน์  Die hard, Misson Impossible ,คนเหล็ก, Transpotter ,BadBoy เป็นต้น
2.หนังแนวโรแมนติค คอมเมดี้ มาพร้อมกับนักแสดงนำที่เป็นแม่เหล็ก ตัวแม่ฝ่ายหญิง อาทิ จูเลีย โรเบิร์ต จาก Pretty Woman, Notting Hill , Runaway Bride , เม็ก ไรอัน จาก Addicated to Love , Sleepless in Seattle You’re Got mail แซนดร้า บุลล็อค จาก Miss Conginality , The Proposal , The Blind side ,คาเมรอน ดิแอซ จาก There something about Mary รีซ วิเธอร์สปูน จาก Legally Blonde นักแสดงนำที่เป็นตัวพ่อฝ่ายชายฮิวจ์ แกรนท์ จาก Four Wedding and The Funeral , About a boy , Love Actually อีกคนคือ อดัม แซนด์เล่อร์ เจ้าพ่อหนังแนวนี้อีกคน จาก The Wedding Singer, Big Daddy ,40 first date , จอห์น ครูแซ็ก จาก High Fidelity , Serendiplity ริชาร์ด เกียร์ จาก Pretty Woman เป็นต้น จริงๆ ยังมีอีกหลายคน ที่มีผลงานเด่นจากหนังแนวนี้ และหนังในแนวนี้จะมีแฟนกลุ่มใหญ่เป็นผู้หญิง และยังคงเป็นแนวหลักที่ผู้หญิงให้การตอบรับอยู่เสมอ อย่างซีรี่ย์เรื่องดังที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อย่าง sex and the city ก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย หรือหนังที่สร้างจากวรรณกรรมหรือนวนิยาย อาทิ เช่น Bridget Jones Diary

หนังตลกโปกฮามุกต่ำกว่าสะดือก็จัดอยู่ในหนังแนวนี้ไปด้วย อาทิ There something about Mary, Dumb and Dumber , Dude ,where’re my car? , Roadtrip,American Pie Hang Over นอกจากนี้ในกลุ่มของหนังเพลงหรือ musical  ผมก็จัดให้อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย อาทิ The Sound of Music, FlashDance ,Grease,Dirty Dancing ,West Side Story, Evita , Moulin Rouge , Chicago , 8 Mile , The Phantom of the Opera , Step Up ฯลฯ



3.หนัง Epic ทุนสร้างมโหฬาร เกี่ยวกับมหากาพย์ สงคราม หรือประวัติศาสตร์ย้อนยุค อาทิ เช่น Titanic ,Gladiator , 300 , ,Clash of the Titans จัดอยู่ในกลุ่มนี้ หนังแนวนี้จะเน้นสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กท์ค่อนข้างมาก เน้นการต่อสู้ ผจญภัยกับเหล่าร้าย หรือหนังประเภทสงคราม หนังผจญภัย ก็น่าจะจัดอยู่ในกลุ่มนี้ได้ ถ้าเป็นหนังในอดีตก็อย่างเช่น Gone with the wind, Ben-Hur,Lawrence of Arabia, Platoon, The Last Emperor,The Shindler's list เป็นต้น



4.หนังอินดี้ทุนสร้างต่ำ แต่บทหนังหรือวิธีการนำเสนอ มาแนวแปลก อาทิ Fargo , The Blairwitch Project , Mulholland Drive ,The cell, Slumdog Millionnaire , Bruno Panorama Activity เป็นต้น หนังแนวนี้จะใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปอย่างเต็มที่ ทำให้เปิดมุมมองความคิด และการเล่าเรื่องที่แตกต่าง น่าสนใจ แก่ผู้ชมแบบคาดไม่ถึง

5.หนังภาคต่อ หรือหนัง remake กลับมาสร้างใหม่ อาทิ หนังบ็อกออฟฟิซยอดนิยมทั้งหลาย อาทิ แฮรี่ พอตเตอร์ ,ทรานฟอร์มเมอร์ , ทไวไลท์ ซาก้า , คนเหล็ก Terminator , สตาร์วอร์ส ,แบ็คทูเดอะฟิวเจอร์ , ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า Indiana Jones, Pirates of the Caribian ,Chronical of Narnia เป็นต้น หนังภาคต่อเป็นอะไรที่เฝือ และน่าเบื่อที่สุด ไม่มีอะไรใหม่ เพราะโครงสร้างของเรื่องยังเหมือนเดิม พล็อตเดิมๆ แต่ที่แตกต่างคือพัฒนาการของตัวละคร หรือมีตัวละครตัวใหม่ๆ เสริมเข้ามาเพื่อสร้างสีสรร ให้กับเรื่องเท่านั้นเอง บางครั้งหนังภาคต่อในบางตอนก็ไม่ประสบความสำเร็จในด้านรายได้เมื่อเทียบกับตอนแรก  จึงทำให้ผู้เขียนบล็อกเองไม่ค่อยนิยมกันหนังแนวภาคต่อซักเท่าไร พอหมดยุค Lord of the Ring แล้วก็แทบไม่ค่อยได้ติดตามเรื่องใดเป็นพิเศษ หรือทำให้ตื่นเต้นอยากดูซักเท่าไหร่



6.หนัง Thriller ฆาตกรต่อเนื่อง, ผีดิบแวมไพร์,หมาป่า ,สืบสวนสอบสวน หรือแนวพวกสัตว์ดุร้าย  เช่น   I khow what you did last summer, Scream , The Texas Chainsaw Masecre , Saw , Predator , Aliens , Twilight , Resident Evil ,Underworld ,Friday13th , Holloween , Dawn of the dead หนังในตระกูลนี้ผู้เขียนชื่นชอบ Silence of the Lambs , Jaws , Jurassic Park  ,Dracula  และ Interview with the Vampire  เป็นต้น

7.หนังมหันตภัยทำลายโลก อาทิ ID4, Deep Impact, Amageddon, The day after tomorrow , 2012 จัดเป็นหนังสูตรสำเร็จที่เข้ากับยุคกระแสเป็นที่สุด เพราะโลกเผชิญกับภัยร้ายทางธรรมชาติ ซึ่งพล็อตแนวนี้สามารถหากินไปได้ตลอดจนกว่าจะสิ้นโลกนั่นแหละ อาทิ Volcano , Dante Peak ,Twister, Vertical Limit, Perfect Storm เป็นต้น



8. หนังขายพล็อต Innovation ใหม่ อาทิ Matrix ,Six Sense ,Pulp Fiction, Inception , Being John Malkovich, Eternal Sunshine Of The Spotless Mind, Magnolia,Fight Club เป็นต้น




9. หนัง animation ทั้งหลาย อาทิ Toy Story, Up , Wall-E ,How to train  your Dragon , Shrek , Kungfu Panda ในบรรดาหนังหลากหลายแนวที่ได้กล่าวมานี้ ผู้เขียนคิดว่าหนังที่สร้างความแปลกใหม่ ตื่นตาตื่นใจ จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ให้กับผู้เขียนได้มากที่สุดก็คือหนังแนวนี้ และเมื่อเวลาใดผู้เขียนรู้สึกเครียด คิดอะไรไม่ออก ปวดหัว ก็มักชม ภ.แอนิเมชั่นนี่แหละเป็นการผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี และพยายามเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกของเขา ทำให้เราเข้าไปโลดแล่นอยู่ในจินตนาการแบบที่ว่ามีความสุขไปอีกแบบ และความเครียดก็จะทุเลาลง ผู้อ่านอาจลองเอาไปใช้ดูบ้างก็ได้ ไม่รู้จะรู้สึกเหมือนผู้เขียนหรือไม่

10 หนังเทคโนโลยีใหม่ 3D จริงๆ หนังแนวนี้มีมานานแล้ว แต่ถูกนำมาปลุกกระแสใหม่ด้วย ภ.เรี่องยิ่งใหญ่อย่าง Avatar และด้วยเทคโนโลยีตัวใหม่ มุมมองภาพที่พิเศษอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ใน ค.ศ.นี้ มีหนัง 3 มิติ สร้างออกมาอย่างมากมายเพื่อให้ผู้ชมได้มีทางเลือกในการชมอย่างเต็มที่ และจะกลายเป็นหมัดเด็ดที่สตูดิโอใหญ่ๆ หันมาใช้ฟาดฟันกันในสงครามภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดต่อไป นับจากนี้อีกหลายปี และไม่แน่ว่าในอนาคตอาจมีการสร้างหนังเป็นระบบ 3 มิติกันหมดก็เป็นไปได้ หนังในแนวนี้ อาทิ Avatar, Piranya 3D ,Under Sea World ,Tron,  Step UP เป็นต้น

11.หนังแนวแฟนตาซีหรือครอบครัว (family) หนังแนวนี้เป็นหนังแนวถนัดของค่าย Walt Disney หรือ Buenavista Internantional ชอบทำมากๆ และก็มักทำเงินให้กับค่ายเป็นกอบเป็นกำ อาทิ เช่น Alice in wonderland ,Chronical of Narnia ,Christmast Carol  เป็นต้น


12.หนังแนววิทยาศาสตร์ หรือ sci-fi หนังแนวนี้คือเอกลักษณ์ของหนังฮอลลีวู้ด ที่มักไม่ค่อยมีในหนังชาติอื่นๆ เพราะมักสร้างจากฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องมีความน่าเชื่อถือ และความเป็นไปได้สูง นอกเหนือจากจินตนาการหรือโปรดักท์ดีไซน์ หนังแนวนี้ก็เช่น Blade Runner, Starwars ,Startrex ,
Apollo 13, Encounter of the Thirdkind ,Gattaga, 2001 A space Odyssey ,Mission to Mars เป็นต้น

ยุคหลังๆ มานี้ เราไม่ค่อยได้เห็นหนัง sci-fi ดีๆ มาให้ได้ชมกันอีกเลย อาจเป็นเพราะผู้สร้างสร้างน้อยลง กระแสตอบรับด้านรายได้ลดลง พล็อตเรื่องไม่มีความแปลกใหม่ หรือแม้แต่กระทั่งคนดูยุคนี้ไม่ค่อยตื่นเต้นกับหนังแนวนี้ซักเท่าไรแล้ว เพราะสิ่งที่ปรากฎอยู่ในหนังกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาได้แล้วในยุคนี้หรืออนาคต ทำให้ความสดใหม่เมื่อเทียบกับหนัง sci-fi ขึ้นหิ้งในอดีตเทียบกันไม่ได้ ทำให้ผู้สร้างต้องเจอโจทย์ที่หินและยากมากที่จะสร้างความแปลกใหม่ออกมาให้โดนใจผู้ชมในยุคนี้













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น