นักเขียน Best Seller ผู้เป็นแรงบันดาลใจแห่งยุค
เชื่อว่าในรอบ 10 ปีมานี้ ท่านผู้อ่านที่เป็นหนอนหนังสือคงไม่มีท่านใดไม่รู้จักนักเขียน 6 ท่านนี้ เพราะเป็นนักเขียนที่มีผลงานออกมาต่อเนื่อง แต่ละเล่มติดอันดับขายดี หรือ Best Seller แต่ไม่ทราบว่าท่านใด ดังกว่ากัน และท่านใดมีหนังสือขายดีกว่ากัน เพราะไม่ได้มีการจัดอันดับไว้ คงต้องไปถามจากสำนักพิมพ์หรือร้านขายหนังสือ แต่อย่างไรก็ดี หากคุณเป็นนักอ่านหรือผู้ที่สนใจอยากจะอ่านหรือหาซื้อหนังสือมาไว้ครอบครองหล่ะก็ คงไม่พลาดที่จะเริ่มจากหาหนังสือของนักเขียนเหล่านี้มาลองอ่านดู ซึ่งหลายเล่มมีคุณค่าและสร้างแรงบันดาลใจแก่เราผู้อ่านได้มากทีเดียว จนจัดได้ว่า ถ้าท่านเป็นนักอ่านในยุคนี้ต้องรู้จักนักเขียนดังเหล่านี้ เพราะเป็นตัวแทนนักเขียนเก่งแห่งยุคนี้ทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นคุณ นิ้วกลม คุณวินทร์ ทพ.สม คุณฐิตินาถ ท่าน ว. และ โรเบิร์ต ผมว่านักเขียนทั้ง 6 เป็นขวัญใจในแต่ละยุคดังนี้ คุณโรเบิร์ต ที คิโยซากิ กับคุณวินทร์ เลียววาริณ เป็นขวัญใจของคนยุค Gen-X คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง กับ ทพ.สม สุจีรา เป็นขวัญใจของคนยุค Gen-Y และท่าน ว.วชิรเมธี กับนิ้วกลม เป็นขวัญใจของคนยุค Gen-Z แต่หลายคนก็อ่านงานของทุกคน และไม่แบ่งแยกว่าเราผู้อ่านจะอยู่ใน Generation ใดก็ตาม เพราะแบ่งแยกได้ยาก ขึ้นอยู่กับทัศนคติ และความชื่นชอบในสไตล์การเขียนที่ไม่เหมือนกัน คุณวินทร์กับนิว้กลม เป็นอดีตคนโฆษณาเหมือนกัน งานเขียนจึงอุดมไปด้วยไอเดีย และความคิดสร้างสรรค์ และภาษาที่เฉพาะตัวอย่างยิ่ง ส่วน ทพ.สม กับคุณฐิตินาถ จะคล้ายกันในส่วนของงานเขียนที่แฝงข้อคิด ปรัชญา และสอดแทรกธรรมะ คติสอนใจอยู่ในงานเขียนแทบทุกเล่ม ส่วน ท่าน ว.วชิรเมธี เป็นตัวแทนของพระนักเทศน์ ที่ดำเนินรอยตามท่าน พุทธทาสภิกขุ คือมีงานเขียนที่เป็นคติธรรมะ และเป็นพระนักเทศน์ที่มีผลงานพ็อกเก็ตบุ้คมากที่สุดในยุคนี้แล้ว ส่วนโรเบิร์ต ที.คิโยซากิ ผมว่าเขาเป็นกูรูด้านการเงินส่วนบุคคล ที่มีงานเขียนในระดับโลกไปแล้ว แม้ว่างานเขียนในระยะหลังจะแฝงธุรกิจขายตรงเครือข่ายของเขาเข้าไปในงานเขียนตลอด แต่ก็ถือว่าผู้อ่านได้ประโยชน์จากข้อคิดของเขาที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง จริงๆ แล้วยังมีนักเขียนดีๆ เก่งๆ อีกจำนวนมากที่โด่งดังและมีงานเขียนคุณภาพในยุคนี้อีกหลายท่านแต่ไม่ได้นำมากล่าวถึง เนื่องด้วยพื้นที่คอลัมน์อาจมากเกินไป ถ้ามีท่านใดน่าสนใจอีก คงต้องยกไปกล่าวถึงในคอลัมน์อื่นในโอกาสต่อไป และ 6 นักเขียนที่ได้กล่าวถึงในคอลัมน์นี้เป็นเพียงตัวอย่างที่ยกมา ผู้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของผู้อ่านหลายๆ ท่านและของผู้เขียนบล็อกเอง ประวัติคร่าวๆ ของนักเขียนทั้ง 6 ท่านรวมถึงผลงานเขียนอันโด่งดัง ได้แก่
สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ หรือ นิ้วกลม เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2521 เป็นครีเอทีฟโฆษณา นักเขียนชาวไทย มีผลงานสร้างชื่ออย่าง “โตเกียวไม่มีขา”
ชื่อนิ้วกลม เริ่มจากตอนที่เขียนเริ่มใช้อินเทอร์เน็ต ในเว็บบอร์ดคณะ ที่เขามักชอบเข้าไปตั้งกระทู้เห็นคนอื่นมีนามจอ (นามปากกาที่ใช้ในจอคอมพิวเตอร์) อย่าง “ตัวกลม” จึงเริ่มมองดูนิ้วตัวเอง แล้วตั้งนามจอว่า "นิ้วกลม" และจึงใช้นามปากกานี้มาอย่างต่อเนื่อง
นิ้วกลมศึกษาที่โรงเรียนเซนต์จอห์น จากนั้นศึกษาที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาการออกแบบอุตสาหกรรม ในช่วงเรียนปี 5 เขากับเพื่อนอีก 7 คน ใช้ชื่อว่า “dim” ทำหนังสือทำมือไปเสนอ กระทั่งได้เขียนคอลัมน์ E=iq2 และงานเขียนต่าง ๆ ที่เป็นลักษณะของสนามทดลองสมมติฐาน เช่น การเขียนกลับหลัง การเขียนด้วยตัวพยัญชนะและรูปแบบที่ไม่คุ้นชิน
หลังจากศึกษาจบเข้าฝึกงานที่ลีโอเบอร์เนตต์ บริษัททางด้านโฆษณา เข้าเรียนเพิ่มเติมการผลิตสื่อโฆษณาของสมาคมผู้กำกับศิลป์บางกอก (B.A.D. Bangkok Art Directors) ผลงานของเขาได้รับรางวัลชนะเลิศในหมู่นักเรียน B.A.D. โดยในการแข่งขันออกแบบโฆษณาสิ่งพิมพ์เพื่อรณรงค์ให้ประเทศไทยปลอดจากคอรัปชั่น โดยเขาประกวดโดยการส่งงานที่เป็นกุญแจรถบีเอ็มดับเบิลยูกับกระดาษพับที่มีข้อความว่า “สวัสดีคณะกรรมการ Junior B.A.D. Awards ทุกท่านครับ เห็นว่าพวกท่านทำงานกันหนัก อยากให้พวกท่านได้นั่งรถสบายๆ จึงส่งรถคันนี้มาเป็นของกำนัล ยังไงตอนให้คะแนนก็ช่วยพิจารณางานชิ้นนี้ของผมเป็นพิเศษหน่อยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ…ประเทศไทยในฝัน? ไม่มีคอรัปชั่น คำตอบอยู่ที่คุณ”
จากนั้นเริ่มงานใหม่ที่ JWT มีผลงานสร้างสรรค์โฆษณาอย่างเช่น เบียร์เชียร์ ช็อกโกแลตคิดแคต แว่นท็อปเจริญ ฯลฯ เขายังทำของผลิตภัณฑ์เครื่องกีฬาระดับโลกอย่างอาดิดาส ที่ประเทศจีน ในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่ปักกิ่ง
ด้านผลงานคอลัมนิสต์ เขียนให้กับนิตยสารอะเดย์ และหลังจากนั้นเริ่มมีตีพิมพ์รวมเล่ม โดยเฉพาะสารคดีท่องเที่ยวอย่าง โตเกียวไม่มีขา (2547) กัมพูชาพริบตาเดียว (2548) เนปาลประมาณสะดือ (2549) สมองไหวในฮ่องกง (2550) และ นั่งรถไฟไปตู้เย็น (2551) และยังมีเขียนนวนิยายเรื่อง นวนิยายมีมือ (2550) และรวมบทความชื่อ อิฐ (2548) ณ (2550) และ เพลงรักประกอบชีวิต (2551) เขายังได้เขียนเพลงให้กับวงเซเวนธ์ซีนในเพลง “ทฤษฎีสีชมพู”
ผลงานเขียน
• โตเกียวไม่มีขา (2547)
• กัมพูชาพริบตาเดียว (2548)
• เนปาลประมาณสะดือ (2549)
• สมองไหวในฮ่องกง (2550)
• นั่งรถไฟไปตู้เย็น (2551)
• อาจารย์ในร้านคุกกี้ (2552)
• ปอกกล้วยในมหาสมุทร (2552)
• ฝนกล้วยให้เป็นเข็ม (2553)
• บุคคลสำคัญ (2553)
• สิ่งที่ค้นพบระหว่างนั่งเฉยเฉย (2553)
• สิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา (2553)
เว็บไซต์ส่วนตัว
• http://www.roundfinger.com/
วินทร์ เลียววาริณ เกิดที่หาดใหญ่ สงขลา เมื่อปี พ.ศ. 2499 เข้าเรียนชั้นประถมปีที่ 1 เมื่ออายุเจ็ดขวบ ที่โรงเรียนวิริยเธียรวิทยา หาดใหญ่ ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมเล็ก ๆ ครั้นแปดขวบก็ยังเรียนซ้ำชั้น ป.1 ด้วยครูประจำชั้นเห็นว่าจะทำให้ภูมิแน่นขึ้น! เรียนต่อประถมปีที่ 4 ที่โรงแรียนแสงทองวิทยา หาดใหญ่ ซึ่งเป็นโรงเรียนคาทอลิก จึงมีโอกาสเรียนทั้งศาสนาพุทธและคริสต์ เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้ไปต่อม.ศ. 4 ที่กรุงเทพฯ ณ โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) รุ่นที่ 3 และเป็นรุ่นแรกที่เรียน ณ ที่ตั้งของโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ปัจจุบัน
วินทร์ สนใจงานศิลปะตั้งแต่เล็ก จึงเลือกเรียนสถาปัตยกรรมศาสตร์ จบปริญญาตรี สถ.บ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วเดินทางไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ทันที ทำงานเป็นสถาปนิกที่สิงคโปร์ร่วมสี่ปีก็เดินทางไปทำงานและเรียนต่อที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเขาเข้าเรียนในหลายมหาวิทยาลัยโดยไม่เอาปริญญา จบแล้วกลับเมืองไทยมาทำงานในวงการโฆษณา และต่อมาเรียนต่อจนได้รับปริญญาโทด้านการตลาด จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
วินทร์ เริ่มชีวิตคนโฆษณาด้วยตำแหน่งผู้กำกับศิลป์ และเปิดฉากการเขียนหนังสือควบคู่ไปด้วย เรื่องสั้นเรื่องแรกที่ได้รับการตีพิมพ์คือ ไฟ
ด้านชีวิตส่วนตัว เขาสมรสแล้วกับ ลิเลียน เลี้ยววาริณ ชาวสิงคโปร์ มีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ ตฤณ เลี้ยววาริณ เกิดเมื่อ 17 มกราคม พ.ศ. 2534
นอกจากนี้ วินทร์ ยังเขียนเรื่องสั้น และบทความ ลงนิตยสารด้วย เช่น ำ ใน มติชนสุดสัปดาห์ และยังมีผลงานเขียน ร่วมกับนักเขียนรุ่นใหม่อย่าง ปราบดา หยุ่น ในชื่อชุด ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน (ดัดแปลงจากชื่อหนังสือที่ได้รับความนิยมของทั้งคู่ คือ ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน ของวินทร์ และ ความน่าจะเป็น ของปราบดา) โดยเขียนลงเป็นตอนๆ ลงในนิตยสาร open ในลักษณะการโต้ตอบอีเมลกัน และได้รวมเล่มเป็นหนังสือแล้วเจ็ดเล่ม
ผลงานเขียน
1. สมุดปกดำกับใบไม้สีแดง (รวมเรื่องสั้น) (พ.ศ. 2537)
2. อาเพศกำสรวล (รวมเรื่องสั้น) (พ.ศ. 2537)
3. ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน (นวนิยาย) (พ.ศ. 2537)
4. เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า ดาดาว (รวมเรื่องสั้นแนววิทยาศาสตร์) (พ.ศ. 2538)
5. สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน (รวมเรื่องสั้นและบทความ) (พ.ศ. 2542)
6. 空劫の大河 タイ民主革命奇綺談 (ภาคภาษาญี่ปุ่นของหนังสือ"ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน") (พ.ศ. 2542)
7. หนึ่งวันเดียวกัน (รวมเรื่องสั้น) (พ.ศ. 2544)
8. หลังอานบุรี (รวมเรื่องสั้น) (พ.ศ. 2544)
9. ปีกแดง (นวนิยาย) (พ.ศ. 2545)
10. インモラル・アンリアル ISBN 4763123238 (รวมเรื่องสั้นภาคภาษาญี่ปุ่น) (พ.ศ. 2545)
11. ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน (จดหมาย) (พ.ศ. 2545) (เขียนร่วมกับ ปราบดา หยุ่น)
12. ปั้นน้ำเป็นตัว (รวมเรื่องสั้นและบทความ) (พ.ศ. 2546)
13. ำ (รวมเรื่องสั้น) (พ.ศ. 2546)
14. Democracy, Shaken & Stirred (ภาคภาษาอังกฤษของหนังสือ"ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน") (พ.ศ 2546)
15. วันแรกของวันที่เหลือ (รวมเรื่องสั้น) (พ.ศ. 2547# ฆาตกรรมกลางทะเล (รวมเรื่องสั้น) (พ.ศ. 2547)
16. คดีผีนางตะเคียน (รวมเรื่องสั้น) (พ.ศ. 2547)
17. นิยายข้างจอ (พ.ศ. 2548)
18. ปลาที่ว่ายในสนามฟุตบอล (พ.ศ. 2548)
19. จรูญจรัสรัศมีพราว พร่างพร้อย (รวมเรื่องสั้นแนววิทยาศาสตร์) (พ.ศ. 2548)
20. รอยเท้าเล็กๆของเราเอง(หนังสือเสริมกำลังใจ) (พ.ศ. 2548)
21. โลกด้านที่หันหลังให้ดวงอาทิตย์ (รวมเรื่องสั้น) (พ.ศ. 2549))
22. ผู้ชายคนที่ตามรักเธอทุกชาติ พิมพ์ครั้งที่ 85 (นวนิยาย) (พ.ศ. 2549)
23. ยาแก้สมองผูก ตราควายบิน (คู่มือการเขียนหนังสือแบบสังเคราะห์เรื่อง) (พ.ศ. 2550)
24. ฝนตกขึ้นฟ้า (นวนิยายฟิล์ม นัวร์ ) (พ.ศ. 2550)
25. โลกใบที่สองของโม (นวนิยายภาพรีไซเคิลเรื่องแรกของโลก) (พ.ศ. 2549)
26. ความฝันโง่ ๆ (หนังสือรวบบทความเสริมกำลังใจ ชุดที่ 2) (พ.ศ. 2549)
27. a day in a life (2005) (หนึ่งวันเดียวกัน ฉบับภาษาอังกฤษ)
28. เบื้องบนยังมีแสงดาว (หนังสือเสริมกำลังใจ ชุดที่ 3) (พ.ศ. 2550)
29. น้ำแข็งยูนิต ตราควายบิน (เป็นหนังสือในลักษณะเดียวกับ ยาแก้สมองผูก ตราควายบิน) (พ.ศ. 2550)
30. เดินไปให้สุดฝัน (พ.ศ. 2551)
31. บุหงาปารี (พ.ศ. 2551) (ถูกนำไปสรางเป็นบทภาพยนตร์ ปืนใหญ่จอมสลัด)
32. บุหงาตานี (พ.ศ. 2552) (ภาคต่อของ "บุหงาปารี")
33. เส้นรอบวงของหนึ่งวัน (รวมเรื่องสั้น) (พ.ศ. 2552)
34. ยามดึกนึกหนาวหนาว เขนยแนบ แอบเอย (รวมเรื่องสั้นแนววิทยาศาสตร์) (พ.ศ. 2552)
35. มังกรเซน (หนังสือศาสนาพุทธนิกายเซน) (พ.ศ. 2552)
36. วินทร์ เลียววาริณ คุยกับหนอน (หนังสือรวมจดหมายอิเล็กทรอนิกส์) (พ.ศ. 2552)
ผลงานเขียนร่วมกับ ปราบดา หยุ่น
1. ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน 1 (จดหมาย 2545)
2. ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน 2 (จดหมาย 2547)
3. ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน 3 (จดหมาย 2548)
4. ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน 4 (จดหมาย 2549)
5. ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน 5 (จดหมาย 2550)
6. ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน 6 (จดหมาย 2551)
7. ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน 7 (จดหมาย 2552)
อื่นๆ
1. ปืนใหญ่จอมสลัด (บทภาพยนตร์ พ.ศ. 2551)
เว็บไซต์ส่วนตัว
• winbookclub.com
• วินทร์ เลียววาริณ (ThaiWriter.net)
ทันตแพทย์สม สุจีรา เป็นชาวจันทบุรีโดยกำเนิด แต่เติบโตและใช้ชีวิตในวัยเด็กที่จังหวัดระยอง สำเร็จการศึกษาในระดับประถมศึกษาและชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนอัสสัมชัญ หลังจากนั้นเข้าศึกษาต่อมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียน เตรียมอุดมศึกษา พญาไท เรียนอยู่ได้สองปี ต้องการเข้ามหาวิทยาลัยก่อนกำหนดจึงสอบเทียบข้ามชั้น ม.6 เข้าสู่คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ควบคู่ไปกับการลงเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
เป็นนักกิจกรรมมาโดยตลอด ทำงานเป็นกรรมการนักเรียนเตรียมอุดมศึกษาฯ เลขานุการชมรมวาทศิลป์ รองประธานเชียร์กรรมการสภานักศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ฯลฯ และเป็นนักเขียนนักพูด ให้กับมหาวิทยาลัย คณะทันตแพทย์ ชมรม สมาคมต่างๆ ตลอดเวลาที่เป็นนักศึกษา จนจบระดับปริญญาตรี เมื่อจบเป็นทันตแพทย์เต็มตัว เป็นหมอหนุ่มไฟแรง ได้สมัครไปรับราชการใต้สุดที่จังหวัดสตูล และที่นั่นได้ให้ประสบการณ์ชีวิตที่ประทับใจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนๆแพทย์ในจังหวัดที่อุทิศตัวเพื่อประชาชนอย่างสุดความสามารถ ไม่คำนึกถึงความยากลำบากส่วนตน ในโรงพยาบาลมีแต่กัลยาณมิตร จนคิดจะตั้งหลักปักฐานอยู่ที่จังหวัดสตูลตลอดไป แต่ด้วยความจำเป็นทางครอบครัว จึงต้องย้ายกลับเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพมหานครในเวลาต่อมา เมื่อกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯเกิดความรู้สึกต้องการแสวงหาความรู้ในศาสตร์สาขาอื่นที่ไม่ใช่ทันตแพทยศาสตร์ด้วย และศาสตร์ที่คิดว่าน่าสนใจที่สุดก็คือ จิตวิทยา จึงตัดสินใจกลับเข้าไปเป็นนักศึกษาอีกครั้ง กับการศึกษามหาบัณฑิตทางจิตวิทยาการให้คำปรึกษามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เรียนจนจบมหาบัณฑิตทางจิตวิทยาสมความตั้งใจ แต่เวลาส่วนใหญ่หลังจากนั้นก็ยังอุทิศให้กับการรักษาทางทันตกรรมจวบจนเมื่อได้โอกาสเข้าปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์ใหญ่ภัททันตะอาสภะมหาเถระ ตามคำชักชวนของคุณหญิงสุกฤตา เภกะนันทน์ ฝึกวิปัสสนากรรมฐานตามหลักสติปัฏฐาน 4 อยู่หนึ่งปี จนได้พบกับความมหัศจรรย์บางอย่างที่ยากจะบรรยาย จึงเริ่มกลับมาค้นคว้าในเรื่องของจิตอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นจิตวิทยาตะวันออก ไม่ใช่จิตวิทยาตะวันตกอย่างที่ร่ำเรียนมาในระดับปริญญาโท ปัจจุบันทำงานเป็นทันตแพทย์ประจำคลินิกส่วนตัวอยู่ที่เสรีไทยคลินิกทันตแพทย์ หมู่บ้านสหกรณ์ ถนนเสรีไทย และศูนย์ทันตกรรมพฤกษชาติ (www.118doctor.com) ควบคู่ไปกับการปฏิบัติธรรม และฝันไว้ว่า ในอนาคตเมื่อจังหวะ เวลา เหตุ และปัจจัยเหมาะสม จะปล่อยวางทุกอย่าง มุ่งสู่การปฏิบัติและเผยแผ่ธรรมะเพียงอย่างเดียว
ผลงานเขียน
-ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น เล่ม 1
-ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น เล่ม 2
-เกิดเพราะกรรม หรือความซวย
-ทวาร 6 ศาสตร์แห่งการรู้ทันตนเอง
-เจาะตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
-เดอะท็อปซีเคร็ต เล่ม 1
-เดอะท็อปซีเคร็ต เล่ม 2 ความลับสู่ความสำเร็จ
-ทางลัดสู่อัจฉริยะ
-คู่มือแสวงพรสวรรค์
หนังสือชุดเฉลยปัญหา
-ตอบปัญหาวิชาใจ
-ตอบปัญหาวิชาโลก
-ตอบปัญหาวิชาชีวิต
เว็บไซต์ส่วนตัว
http://www.118doctor.com/
ฐิตินาถ ณ พัทลุง ชื่อเล่น คุณอ้อย วันที่เกิด 23 มีนาคม 2512 นักธุรกิจเจ้าของ Working Diamond ภายหลังช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ สามีเธอเสียชีวิต และเป็นหนี้ธนาคารกว่า 100 ล้านบาท ด้วยความมุมานะพยายาม และกำลังใจที่แข็งแกร่ง เธอสามารถเอาตัวรอด ชุบธุรกิจจนฟื้นได้ และมีเงินใช้หนี้แบ็งค์ได้ จากนั้นเธอได้ขายกิจการธุรกิจของสามีเธอทิ้งไป ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นจึงดำเนินชีวิตในคอนเซ็ปต์แบบพอเพียง เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ด้านการเงิน ธุรกิจ การดำเนินชีวิต ตามองค์กร สถาบัน มหาวิทยาลัย และบริษัทเอกชนต่างๆ และหันหน้าศึกษาธรรมะอย่างจริงจังด้านวิปัสสนา ฝึกสมาธิ ซึ่งทำให้เธอประสบความสำเร็จและพาชีวิตตัวเธอและครอบครัวรอดจากวิกฤติเศรษฐกิจมาได้ อีกทั้งออกพ็อกเก็ตบุ้คชื่อว่า เข็มทิศชีวิต ซึ่งทำสถิติหนังสือขายดีติดอันดับ 1 ในร้านหนังสือชั้นนำ
ประวัติครอบครัว เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้อง 3 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน สามีเสียชีวิต (ต้นปี 2540) มีบุตร 1 คน ชื่อ ด.ช.ธฤต ณ พัทลุง (น้องทะเล) การศึกษา และดูงาน
- ปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยลอนดอน
- ปริญญาโท สาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยลอนดอน
ประวัติการทำงาน และตำแหน่งหน้าที่
- นักเศรษฐศาสตร์ ที่บริษัทในเครือบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
- ทำงานที่บริษัท Gemopolis
- ร่วมหุ้นกับเพื่อนตั้งบริษัท Diamond Today
- กรรมการผู้จัดการ บริษัท Working Diamond จำกัด
- ประธานโรงเรียนแห่งสติปัญญา Happy Kid (ลาออก), ครูของโรงเรียนในหลักสูตรปฏิบัติธรรม
- ปัจจุบันเป็นวิทยากรรับเชิญ และนักเขียน
ผลงานเขียน
เข็มทิศชีวิตเล่ม 1 พิมพ์ครั้งแรกธันวาคม 2547
เข็มทิศชีวิตเล่ม 2 ตอนกฎแห่งเข็มทิศ พิมพ์ครั้งแรก ธันวาคม 2551
เข็มทิศชีวิตเล่ม 3 ตอนกฎแห่งความสุข พิมพ์ครั้งแรก ธันวาคม 2552
เว็บไซต์ส่วนตัว
http://www.kemtidchewit.com/
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือที่รู้จักกันดีทั่วไปในนามปากกา "ว.วชิรเมธี" เกิดเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2516 บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2530 ณ พัทธสีมาวัดครึ่งใต้ ตำบลครึ่ง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยมีพระครูโสภณจริยกิจ เจ้าคณะอำเภอเชียงของ เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 ณ พัทธสีมาวัดครึ่งใต้ โดยมี พระราชสิทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เป็นพระอุปัชฌาย์ ปัจจุบันพระมหาวุฒิชัยจำพรรษาอยู่ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพมหานคร
ท่าน ว. วชิรเมธี เป็นพระนักวิชาการ นักคิดนักเขียนพระพุทธศาสนารุ่นใหม่ เป็นนักปฏิบัติธรรม และนักบรรยายธรรมที่ผลิตผลงานออกมาในรูปสื่อโทรทัศน์ และหนังสือออกมาอย่างสม่ำเสมอในยุคปัจจุบัน ผลงานที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ การประพันธ์บทละครโทรทัศน์และหนังสือเรื่อง "ธรรมะติดปีก" และเพลงประกอบละครธรรมะมากมาย จนได้รับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักร จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีฯ ในงานสัปดาห์พระพุทธศาสนาวิสาขบูชาประจำปี 2550
การศึกษา
• พ.ศ. 2543 สอบไล่ได้ เปรียญธรรม ๙ ประโยค สำนักวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
• พ.ศ. 2543 ศึกษาศาสตรบัณฑิต (ศษ.บ.) จาก มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
• พ.ศ. 2546 พุทธศาสตรมหาบัณฑิต (พธ.ม.) จาก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
กิจกรรมพิเศษเพื่อสังคม
• อาจารย์พิเศษบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
• อาจารย์พิเศษ สถาบันพระปกเกล้า วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน
• อาจารย์พิเศษและวิทยากรบรรยายตามมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยมหิดล,มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นต้น
• วิทยากรบรรยายธรรมตามสถาบัน หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
• บรรณาธิการวารสารเบญจมบพิตรสัมพันธ์
• วิทยากรพิเศษบรรยายวิชาการทางพระพุทธศาสนา สอนวิปัสสนากรรมฐานให้กับหน่วยงานของรัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ โรงเรียน และมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนหลายแห่ง
• ประธานกลุ่มธรรมะการ์ตูน (ผลิตการ์ตูนแมนิเมชั่น ชุด “พุทธประวัติ” เพื่อทูลเกล้าในมงคลวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา
• ผู้เขียนตำราหมวดวิชาพระพุทธศาสนาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
• กรรมการตรวจนักธรรม บาลี สนามหลวง
• เขียนบทความให้กับหนังสือพิมพ์ นิตยสารรายเดือน รายปักษ์ รายสัปดาห์ อาทิ เนชั่นสุดสัปดาห์ กรุงเทพธุรกิจ ชีวจิต ศักดิ์สิทธิ์ WE, HEALTH & CUISINE,Secret เป็นต้น
• เป็นผู้ก่อตั้งสถาบันวิมุตตยาลัย (Vimuttayalaya Institute) อันเป็นสถาบันที่ศึกษา วิจัย ภาวนา และเผยเเพร่ภูมิปัญญาทางพุทธศาสนาสู่ประชาคมโลก ภายใต้หลักการ "พุทธศาสนาเพื่อสันติภาพโลก"
• ท่านมีเว็บไซต์ www.dhammatoday.com เพื่อเป็นวัดออนไลน์ในโลกเสมือนจริงทางอินเตอร์เน็ต และสื่อทางอินเทอร์เน็ตมากมาย อาทิ Facebook,Twitter เป็นต้น
• เป็นวิทยากรรับเชิญหลายรายการ อาทิ ที่นี่หมอชิต(ช่อง 7),ธรรมะติดปีก(ทีวีไทย),Club7(ช่อง 7),ธรรมาภิวัฒน์(ASTV),การเดินทางของความคิด(96.5FM คลื่นความคิด)เป็นต้น
ผลงานเขียน
• ดีเอ็นเอ ทางวิญญาณ
• ปรัชญาหน้ากุฏิ
• คิดอย่างเซ็น
• ตายแล้วเกิดใหม่ตามนัยมิลินทปัญหา
• ตายแล้วเกิดใหม่ตามนัยพระพุทธศาสนา
• พระสงฆ์กับทางออกจากทุกขสัจของสังคม
• ครูกัลยาณมิตรของชีวิตดีงาม
• อารยมรรคา : มรรควิธีเพื่อชีวิตดีงาม
• พระพุทธคุณ 100 บาท
• กรรมกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต
• ในหลวงครองราชย์ พุทธทาสครองธรรม
• กำลังใจแด่ชีวิต
• ทุกข์กระทบ ธรรมกระเทือน
• ธรรมะติดปีก
• ธรรมะหลับสบาย
• ธรรมะดับร้อน
• ธรรมะบันดาล
• ธรรมะรับอรุณ
• ธรรมะราตรี
• ธรรมะทำไม
• ธรรมะเกร็ดแก้ว
• ธรรมะสบายใจ
• ธรรมะทอรัก
• ธรรมะงอกงาม
• ธรรมะน้ำเอก
• ธรรมะคลายใจ
• ธรรมะพารวย
• ธรรมะศักดิ์สิทธิ์
• คนสำราญงานสำเร็จ
• สบตากับความตาย
• เชิญตะวัน
• มหัศจรรย์แห่งชีวิต 7 หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี
• ฝนตกไม่ต้อง ฟ้าร้องไม่ถึง
• เรารักแม่
• หนังสือธรรมะชาล้นถ้วย
• ลายแทงแห่งความสุข
• มองลึก นึกไกล ใจกว้าง
• รู้ก่อนตาย ไม่เสียดายชาติเกิด
• เปลี่ยนเคราะห์ให้เป็นโชค เปลี่ยนโรคให้เป็นครู
• งานสัมฤทธิ์ ชีวิตรื่นรมย์
• ความทุกข์มาโปรด ความสุขโปรยปราย
• Love Analysis 1&2
• เข็นธรรมะขึ้นภูเขา
• ตะเเกรงร่อนทอง
• ว่ายทวนน้ำ(เขียนร่วมกับพระไพศาล วิสาโล)
• ธรรมา ค้าขึ้น
• ธรรมาธิปไตย
• การเดินทางของความคิด(ร่วมกับ สรรเสริญ ปัญญาธิวงศ์,นิรุตติ์ ศิริจรรยา,อารียา ศิริโสดา)
• หนังสือเรียนพระพุทธศาสนา มัธยมศึกษาปีที่ 1-6
ผลงานที่ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษ
แปลโดยนพมาศ แววหงษ์
• Anger Management (ธรรมะหลับสบาย)
• Looking Death in the Eye (สบตากับความตาย)
• Love Management (ธรรมะทอรัก)
• Mind Management (ธรรมะสบายใจ)
จุดเริ่มต้นของ"ธรรมะอินเทรนด์"
ในปีพ.ศ.2547ท่าน ว.วชิรเมธีได้ออกหนังสือธรรมะติดปีกมาสู่สายตาประชาชนแล้วปรากฎว่า ได้รับความนิยมมาก จึงได้มีผลงานทางธรรมะออกมาอีก 2 เล่มคือ ธรรมะหลับสบายและธรรมะดับร้อน'ซึ่งทั้งหมด ล้วนได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง จากกระแสความนิยมของหนังสือทั้ง 3 เล่ม จึงทำให้ช่อง 3นำเนื้อหาจากธรรมะติดปีกมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ จากจุดนี้เองทำให้เกิดกระแสที่ธรรมะกลับมานิยมกันอีกครั้งโดยส่วนมากเรียกว่าธรรมะอินเทรนด์ หรือ ธรรมะติดปีก
โรเบิร์ต ที. คิโยซากิ หรือ โรเบิร์ต โยซากิโทรุ (เกิด 8 เมษายน 1947) เป็นชาวอเมริกัน นักลงทุน , นักธุรกิจแนวพัฒนาตนเอง ,นักเขียน และ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ . คิโยซากิเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในฐานะผู้เขียนหนังสือขายดี Rich Dad Poor Dad ชุดหนังสือสร้างแรงบันดาลใจและวัสดุอื่น ๆ ที่เผยแพร่ภายใต้ Rich Dad แบรนด์ เขาได้เขียนหนังสือถึงลำดับที่ 15 ได้รวมการขายกว่า 26 ล้านชุด ถึงแม้ว่าการเริ่มต้นเป็นผู้เผยแพร่แนวความคิดด้วยตนเองต่อมาเขาได้ถูกตีพิมพ์โดย Warner Books , ของหมวด Hachette Book Group USA , ขณะนี้หนังสือเล่มใหม่ของเขาปรากฏอยู่ภายใต้ Rich หนังสือชุดพ่อรวยขายดี ทั้งสามเล่มของเขา, พ่อรวยสอนลูก Rich Dad Poor Dad, พ่อรวยสอนกระแสเงินสด (เงินสี่ด้าน) Cash flow Quadrant และ พ่อรวยสอนลงทุน Rich Dad 's Guide to Investing หนังสือแนว How to สอนการลงทุนได้ใน 10 อันดับแรกของรายชื่อผู้ขายที่ดีที่สุดพร้อมกันใน Wall Street Journal , USA Today และ New York Times . Rich Kid Smart ถูกตีพิมพ์ในปี 2001 มีเจตนาที่จะช่วยให้ผู้ปกครองสอนบุตรหลานของตนแนวคิดทางการเงิน
โรเบิร์ต ที คิโยซากิ เป็นผู้ที่นำความลับคนรวยซึ่งมักจะถูกถ่ายทอดกันมารุ่นต่อรุ่น มาเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้ทราบกัน ผ่านหนังสือขายดีที่เรารู้จักกันดี ในตระกูลพ่อรวยสอนลูก (Rich Dad Poor Dad) ซึ่งเป็นหนังสือที่โด่งดังมาก ปัจจุบันนี้เขายังเป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาศัยอยู่ที่อเมริกา ในสมัยเด็ก โรเบิร์ต ไม่ใช่คนที่เรียนเก่ง เรียกได้ว่าผลการเรียนธรรมดามากๆ บางครั้งก็มีตกบ้าง โรเบิร์ตมีพ่อ 2 คน คนหนึ่งคือพ่อแท้ๆ ของเขา ซึ่งเขาเรียกว่าพ่อจน
และอีกคนหนึ่งคือพ่อของเพื่อนสนิทของเขาที่เขาเรียกว่าพ่อรวย สาเหตุที่เขาเรียกพ่อแท้ของเขาว่าพ่อจนไม่ได้หมายความว่าพ่อแท้ของเขาจน จนไม่มีอะไรจะกินนะคะ พ่อแท้ๆ ของเขาเป็นอธิบดีทางด้านการศึกษา แต่ที่เขาเรียกว่าพ่อจนเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนกันมากขึ้นระหว่างความคิดคนของคนสองคน พ่อรวยของเขาเป็นผู้ที่รวยที่สุดในเกาะแมนฮัตตั้น
ในสมัยที่เขายังเป็นเด็ก เขาได้เรียนวิชาการเป็นคนรวยจากพ่อของเพื่อนเขา ซึ่งเขาได้นำเสนอความแตกต่างของความคิดระหว่างคนจนกับคนรวยไว้ในหนังสือของเขา ขอยกตัวอย่างบางประการแล้วกัน เช่น คนจนเวลาเจอของที่อยากได้มักจะบอกกับตัวเองว่า เราไม่มีเงินซื้อ แต่คนรวยเมื่อเจอของที่อยากได้มักจะตั้งคำถามว่า เราจะซื้อมันได้อย่างไร? คนจนมักจะคิดว่า เราทำไม่ได้ แต่คนรวยมักจะคิดว่าทำอย่างไร โรเบิร์ต ยังกล่าวอีกว่าความแตกต่างระหว่างคนจนกับคนรวยไม่ได้แตกต่างกันนิดเดียวนะคะ แต่ว่าความคิดคนทั้ง 2 ประเภทนี้ แตกต่างกันจนอยู่คนละด้านเลย โรเบิร์ตบอกว่าคนจนส่วนใหญ่จะชอบบอกว่าคนรวยเห็นแก่ตัว แต่ที่จริงแล้วคนรวยส่วนใหญ่มีน้ำใจเป็นผู้ให้ในขณะที่ คนจนส่วนใหญ่จะเห็นแก่ตัวหลายคน
คุณโรเบิร์ตกล่าวว่า คนจนเห็นแก่ตัวก็เพราะชอบเรียกร้องสิทธิต่างๆ มากมายจากรัฐบาล เช่น ให้ช่วยเหลือสิ่งนั้น ให้ช่วยเหลือสิ่งนี้ และจะชอบกล่าวหาว่าบริษัทให้เงินเดือนน้อย ใช้งานหนัก ไม่ยอมปรับตำแหน่งให้เลย เพราะคุณโรเบิร์ตก็เคยเป็นพนักงานประจำมาก่อนและไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน ซึ่งจริงๆแล้วบุคคลเหล่านี้ไม่ได้ลองคิดเลยว่าคุณทำสิ่งต่างๆเพื่อบริษัทบ้างหรือยัง โรเบิร์ตบอกว่าที่คนรวยส่วนใหญ่เป็นคนมีน้ำใจก็เพราะว่าคนรวยชอบช่วยเหลือผู้อื่น ยิ่งธุรกิจใดช่วยเหลือคนมากเท่าไร ธุรกิจนั้นก็ยิ่งรวย เช่น โตโยต้าที่ทำรถยนต์ราคาถูกออกมา เพื่อจะช่วยให้คนสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ก่อนที่โรเบิร์ต จะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้เขาก็เคยลำบากมาก่อน เริ่มแรกเขาทำงานเป็นเซลล์
หลังจากนั้นก็ไปเป็นทหารและไปออกรบที่เวียดนาม หลังจากนั้นก็เริ่มทำธุรกิจส่วนตัว พอทำไประยะหนึ่ง ก็เกิดปัญหาขึ้นจึงต้องเลิกกิจการ กลายมาเป็นคนถังแตก เขากับภรรยาของเขาเคยเกือบจะยอมแพ้แล้ว ในเวลานั้นเขามี 2 ทางเลือก คือ เดินตามความฝันสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจต่อไป หรือ หันหลังให้ความฝันและเดินกลับไปเป็นพนักงานประจำ จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการเขียนหนังสือชุดพ่อรวยแล้ว ปัจจุบันเขายังเป็นวิทยากรจัดอบรมสัมมนาต่างๆ รวมถึงจัดตั้งธุรกิจเครือข่ายภายใต้ product แบรนด์ที่ชื่อ Agel
ผลงานเขียน
- Rich Dad Poor Dad พ่อรวยสอนลูก
- Cash Flow Quadrant พ่อรวยสอนลูก #2 เงินสี่ด้าน
- Rich Kid Smart Kid พ่อรวยสอนลูก #3 สอนลูกให้รวย
- Guide to Investing พ่อรวยสอนลูก #4 พ่อรวยสอนลงทุน
- Guide to becoming Rich ใช้บัตรเครดิตให้รวย
- Who took my Money? ใครเอาเงินของฉันไป?
- Retire Young Retire Rich เกษียณเร็ว เกษียณรวย
- Before you quit your Job เตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะเป็นเจ้าของธุรกิจ
- Business School โรงเรียนสอนธุรกิจ
- Rich Dad Poor Dad for Teens พ่อรวยสอนวัยรุ่น
- Success Stories เรื่องเล่าความสำเร็จ
- Escape from The Rat Race สอนหนูให้รวย
- Rich Woman สอนผู้หญิงให้รวย
- The ABC 's of getting out of Debt ที่ปรึกษาพ่อรวยสอนปลดหนี้
- Increase Your Financial IQ พ่อรวยสอนปลุกอัจฉริยภาพทางการเงิน
- How to be #1 Your Business เป็นที่ 1 ให้ได้ในธุรกิจของคุณ
- Why we want you to be Rich ชวนคุณให้รวย (2 คน หนึ่งคมคิด)
และผลงานเขียนเล่มล่าสุด ได้แก่
- Rich Dad's Conspiracy of the Rich พ่อรวยเล่าเรื่อง เกมการเงินของคนรวย
หนังสือที่เป็นผลงานชิ้นเอกของนักเขียนทั้ง 6 ท่าน ได้แก่