วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เจาะลึกหนังตัวเต็ง "ออสการ์" ครั้งที่ 85

ตามธรรมเนียมเดิมที่ทุกเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี แทบทุกสื่อบันเทิงในโลกนี้จะต้องตามติดกระแสการประกาศผลรางวัลออสการ์ ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่สุดในด้านการแสดงของโลก และบล็อกหยิกแกมหยอก ก็ไม่พลาดที่จะขอเกาะกระแสนี้ด้วยเช่นกัน แต่เราจะให้น้ำหนักไปที่รางวัลในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเป็นหลัก เนื่องจากสาขาอื่นๆ เป็นองค์ประกอบโดยรวมที่แตกแขนงแยกย่อยออกไปอีกที และเมื่อดูโดยภาพรวมแล้วสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมนั่นแหละเป็นธีมรวมหรือคอนเซ็ปต์โดยรวมของงานในปีนั้นๆ และในปีนั้น ๆ ออสการ์ให้ความสำคัญกับประเด็นใดที่ต้องการจะสื่อให้กับคนทั่วโลก และอะไรคือกระแสความนิยมที่แท้จริง เพราะเวทีออสการ์จะตอบโจทย์ด้านการตลาด กระแสและประเด็นเป็นหลัก มากกว่าที่จะตอบโจทย์ด้านของคุณภาพ ความเป็นเลิศ ความเป็นมืออาชีพ ได้เท่ากับเวทีลูกโลกทองคำ แต่ก็มีบางครั้งที่ทั้ง 2 เวทืนั้นใจตรงกัน คือเทรางวัลให้กับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเรื่องเดียวกัน ในสาขาเดียวกัน โดยให้ทั้ง 2 เวทีเหมือนกัน ซึ่งนั่นต้องหมายความว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นต้องเป็นสุดยอดของโลกอย่างแท้จริง ซึ่งในประวัติศาสตร์ก็มีเพียงไม่กี่เรื่องที่ทำได้ กลับมาสู่การประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 85 ในปีนี้ ซึ่งได้ประกาศรายชื่อโผผู้เข้าชิงในสาขาต่างๆ ออกมาหมดแล้ว โดยในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมนั้น มีรายชื่อผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงดังนี้


Best Picture : Nominations 9 Choice

1. Amour (ภ.จากออสเตรีย) 2.Argo 3.Beasts of the Southern Wild 4.Django Unchained 5. Les Miserables 6.Life of Pi 7.Lincoln 8. Silver Linings Playbook 9.Zero Dark Thirty

Best Director : Nominations 5 Choice

1.ไมเคิล ฮานาเก้ จาก Amour 2.เบ็นห์ เชตลิน จาก Beasts of the Southern Wild 3.อังลี จาก Life of Pi 4. สตีเว่น สปีลเบิร์ก จาก Lincoln 5.เดวิด โอ.รัสเซลล์ จาก Silver Linings Playbook

Best Original Screenplay : Nominations 5 Choice

1.ไมเคิล ฮานาเก้  จาก Amour  2.เควนติน ทาแรนติโน่ จาก Django Unchained 3.จอห์น เกตินส์  จาก Fight  4. เวส แอนเดอร์สัน และ โรมัน คอปโปล่า จาก Moonrise Kingdom  5.มาร์ค โบล จาก Zero Dark Thirty 

Best Adapted Screenplay :  Nominations 5 Choice

1.คริส เทอร์ริโอ จาก Argo 2. ลูซี่ อลิบาร์และ เบนห์ เชตลิน จาก Beasts of the Southern Wild  3. เดวิด มากี จาก Life of Pi  4. โทนี่ คุชเนอร์ จาก Lincoln  5. เดวิด โอ รัสเซลล์  จาก Silver Linings Playbook

หนังที่ผู้เขียนให้เป็นตัวเต็งในการประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งนี้มีเพียง 5เรื่อง คือ Argo , Les Miserables, Life of Pi, Lincoln และ Zero Dark Thirty และในจำนวนนี้มีถึง 3 เรื่องที่ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนั้นไม่เข้ารอบในการถูกเสนอชื่อเข้าชิงในตัวเลือกสุดท้าย ได้แก่ เบน เอฟเฟล็ค จาก Argo ,ทอม ฮูเปอร์ จาก Les Miserables และ แคเธอริน บิเกโลว์ จาก Zero Dark Thirty บางคนบอกไม่เห็นแปลกก็ในเมื่อภาพยนตร์ที่ได้เข้าชิง ภ.ยอดเยี่ยมมีถึง9 เรื่องแต่สาขาผู้กำกับมีเพียง 5 เรื่อง น้ำหนักที่ให้ไม่เท่ากัน ยังไงเสียก็ไม่มีทางที่จะได้ในสัดส่วนเท่ากัน ทำให้เป็นอีกปีนึงที่มีโอกาสสูงที่ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม กับสาขาผู้กำกับจะมาจากคนละเรื่องกัน รวมไปถึงสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย นั่นเท่ากับว่าจะเป็นอีกปีนึงที่จะไม่สามารถสะท้อนแนวทางหรือธีมหลักของปีนี้อย่างเด่นชัด เพราะจะสะเปะสะปะ ไปคนละทาง แต่ก็สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณภาพโดยภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์นั้นมีความโดดเด่นหลากหลายไปในหลายๆ แนวทางมากขึ้น

Argo ภายหลังจากภ.เรื่อง Good Will Hunting เบน เอฟเฟล็ก ก็พาตัวเองไปล้มลุกคลุกฝุ่นกับราซซี่อยู่หลายปีดีดัก เล่นหนังฟอร์มยักษ์บ้าง ฟอร์มย่อมๆ บ้าง จนกระทั่งเมื่อปี 2007 ทายาทตระกูลเอฟเฟล็กผู้นี้ก็นำเสนอตัวเองในบทบาทแห่ง “คนทำหนัง” อย่างเต็มตัว กับผลงานเรื่อง Gone Baby Gone โดยมีเคซี่ เอฟเฟล็ก น้องชายของเขา และนักแสดงรุ่นเก๋าอย่างมอร์แกน ฟรีแมน แสดงนำ ตัวหนังแม้จะเข้าไปไม่ถึงพรมแดงออสการ์แต่ทว่าก็ได้รางวัลมาจากหลายเวที เช่นเดียวกับกระแสเสียงแห่งความชื่นชมในฐานะคนทำหนังที่น่าจับตามอง หลังจากนั้นอีก 2-3 ปี เบนก็กลับมาอีกทีกับผลงานเรื่อง The Town หนังอาจจะไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือเลยในแง่รางวี่รางวัล แต่ก็ยังยืนว่าเบน เอฟเฟล็ก ยังมั่นคงอยู่บนถนนสายนี้ เขาดูคล้ายๆ กับรุ่นก่อนหน้าหลายคนที่ผันตัวเองจากนักแสดงมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์และสร้างผลงานได้ดี ไม่ว่าจะเป็นโรเบิร์ต เรดฟอร์ด จอร์จ คลูนี่ย์ หรือแม้แต่คลินต์ อีสต์วูด ที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เบนจะเป็นปู่คลินต์คนต่อไป แน่นอน ปีนี้ เบน เอฟเฟล็ก ก็ได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะคนมีคุณภาพอีกครั้งหนึ่ง กับหนังซึ่งคาดหวังได้ว่า น่าจะไปไกลถึงออสการ์ในบางสาขารางวัล

Argo เป็นหนังระทึกขวัญการเมืองซึ่งเล่าเรื่องย้อนกลับไปในช่วงยุค 70 ปลายๆ คาบเกี่ยวกับ 80 เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในสมัยการบริหารประเทศของประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ หนังหยิบยกเอาสถานการณ์การลุกฮือขึ้นของประชาชนชาวอิหร่านที่ก่อการปฏิวัติ บุกจู่โจมสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเตหะรานและจับตัวประกันไว้ได้ 52 คน อย่างไรก็ดี ในช่วงขณะอันชุลมุนวุ่นวายนั้น ชาวอเมริกัน 6 ชีวิตได้อาศัยช่วงเวลานั้นหลบหนีและเข้าไปลี้ภัยอยู่ในบ้านของทูตแคนาดา และก็เป็นภารกิจของรัฐบาลอเมริกาที่จะต้องหาหนทางเพื่อไปช่วยเหลือคนทั้งหกให้ได้กลับบ้าน แต่นั่นไม่ง่ายเลย เพราะกองกำลังปฏิวัติที่เคร่งครัดเข้มงวดในการตรวจสอบคนเข้าเมืองชนิดที่แทบจะหารูโหว่รอยรั่วไม่เจอ และภายหลังถกเถียงกันอยู่นาน ในที่สุด รัฐบาลสหรัฐฯ ก็อนุมัติวิธีการที่นำเสนอขึ้นมาโดยสายลับซีไอเอที่ชื่อโทนี่ เมนเดซ ท่ามกลางความรู้สึกแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าจะเป็นไปได้ แต่การใช้ข้ออ้างเพื่อเข้าไปถ่ายทำหนังในประเทศอิหร่าน ก็ดูจะเป็นหนึ่งในหนทางที่น่าจะดีที่สุดในบรรดาตัวเลือกทั้งหมด โทนี่ เมนเดซ จึงรวบรวมสมัครพรรคพวกตั้งกองถ่าย “หนังเก๊ๆ” ขึ้นมากองหนึ่ง โดยมีแผนลับซ่อนอยู่เบื้องหลัง ว่ากันอย่างตรงไปตรงมา หนังอย่าง Argo นั้นอาจจะไม่ถูกจริตกับคนดูที่คาดหวังหนังแอ็กชั่นเท่าใดนัก แม้จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับการช่วยเหลือตัวประกันแบบเดียวกับหนังตระกูล Taken แต่ความโดดเด่นของงานชิ้นนี้ ไม่ได้ขึ้นตรงต่อฉากแอ็กชั่นการต่อสู้ หากแต่อยู่ที่ชั้นเชิงในการเล่นบรรยากาศความกดดันบีบคั้นและลุ้นระทึกชนิดที่ทำให้เราหายใจติดขัดจนถึงขั้นนั่งไม่ติดเบาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงท้ายของหนัง เมื่อเรื่องราวพัฒนาการไปสู่จุดพีคอย่างถึงที่สุดแล้ว

(อ้างอิง : บทวิจารณ์บางส่วนของคุณอภินันท์ บุญเรืองพะเนา ในเว็บผู้จัดการ)


Les Miserables ไม่ใช่ครั้งแรกของการดัดแปลงละครเวทีมิวสิคัลที่ทำการแสดงมาตั้งแต่ปี1985 ซึ่งกินเวลารวมกันมากกว่า 27 ปี หรือเพราะมันมีผู้ชมตลอดสามทศวรรษมากถึง 60 ล้านคน แต่สิ่งที่น่าจับจ้องกลับเป็นกลวิธีทางภาพยนตร์อันช่ำชองของผู้กำกับ ทอม ฮูเปอร (Tom Hooper ผู้กำกับรางวัลออสการ์จากเรื่อง The King ‘s Speech) เสียมากกว่า และเมื่อตัวอย่างแรกของ เล มิสเซอราบส์ถูกปล่อยออกมา ก็คงทำให้แฟนเดนตายหลายคนอุ่นใจอยู่ไม่น้อยว่า มิวสิคัลสุดรักสุดหวงเรื่องนี้คงยกระดับการดัดแปลงละครเวทีสุดอมตะมาสู่หนังมากกว่าที่ Phantom of the Opera(2004) หรือ Dreamgirls (2006) เคยทำ

Les Miserables เล่าเรื่องความทุกข์ยากของผู้คนหลากหลาย ที่เกี่ยวกระหวัดกันอยู่ในช่วงกลียุคของฝรั่งเศส (เนื่อเรื่องเกิดขึ้นในช่วงปี 1815-1832...ซึ่งเป็นปีที่เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสอันล้มเหลว) โดยเน้นไปที่ตัวละครหลักอย่าง ฌอง วัลฌอง(ฮิวจ์ แจ็คแมน) อดีตนักโทษซึ่งโดนจำคุกเพียงเพราะไปขโมยขนมปังแค่หนึ่งก้อน , ฟองตีน (แอนน์ แฮทธาเวย์) หญิงสาวต่ำศักดิ์ไร้การศึกษา ที่โดนล่อลวงจากสังคมอันเลวร้าย จนต้องขายทุกอย่างในชีวิต แม้กระทั่งเกียรติยศของตัวเองเพื่อเป็นค่าเลี้ยงดูลูกสาว, โคเซ็ตต์ (อแมนดา ไซย์ฟรีด) ลูกสาวนอกสมรสของฟองตีน ซึ่งต่อมาวัลฌองได้รับมาเลี้ยงดูเป็นลูกบุญธรรม และฌาแวรต์ (รัสเซล โครว์) นายตำรวจผู้เคร่งครัด ที่คอยตามไล่จับวัลฌองตลอดทั้งเรื่อง ด้วยคิดว่าคนที่เคยทำผิดพลาดอย่างไรเสียก็ไม่มีวันเปลี่ยนเป็นคนดีได้.... “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งสำคัญของมิวสิคัล แต่มันเป็นครั้งแรกและครั้งสำคัญของเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ที่ใช้รูปแบบมิวสิคัลมานำเสนอ” ฮูเปอร์ กล่าว ดังนั้นนอกจากการดึงรูปแบบของมิวสิคัลต้นฉบับมาทั้งบทเพลงและบทละครแล้ว เขาจึงไม่ลังเลใจที่จะใช้เทคนิคมากมายทางภาพยนตร์เพื่อมาขับเน้นให้เรื่องราวเข้มข้นขึ้น และสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นจุดขายของ Les Miserables ฉบับนี้ก็คือ การที่ฮูเปอร์เลือกให้นักแสดงทุกคนร้องเพลงสดๆ ขณะถ่ายทำ แทนที่จะเป็นการบันทึกเสียงไว้ก่อนแล้วมาลิปซิงค์ทับทีหลัง นักแสดงจะได้ยินเสียงไกด์จากการบรรเลงเปียโนสดๆ ผ่านหูฟังเล็กๆ ทำให้พวกเขาสามารถกำหนดอารมณ์และจังหวะการขับร้องได้ ซึ่งฮูเปอร์บอกว่า”มันคือการปฏิวัติอย่างสมบูรณ์” และยังอธิบายเพิ่มเติมว่า “สัมผัสทางกวีจะทำให้นักแสดงมีเวลาเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยในการสร้างรูปแบบความคิดใหม่ๆ และร้องมันออกมา” ทางด้านคาเมรอน แม็กอินทอช เจ้าของฉายา “The King of Musical” ผู้เคยเป็นโปรดิวเซอร์ให้แก่ Les Miserables ฉบับเป็นละครเวทีบรอดเวย์ และมิวสิคัลชื่อก้องโลกเรื่องอื่นๆ อย่าง Phantom of the Opera และ Miss Saigon ซึ่งได้มานั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์ให้แก่ Les Miserables ฉบับนี้ด้วย ก็ได้เปรียบเทียบเรื่องนี้กับ Gone with the Wind มิวสิคัลจากฝั่งเวสเอ็นด์ ที่เคยโดนดัดแปลงมาเป็นภาพยนตร์จนโด่งดังถล่มทลายมาแล้วว่า “ผมรู้สึกเสมอว่าเนื้อหาของ Les Miserables สามารถทำเป็นมิวสิคัลในแบบ Gone with the Wind ได้

Life of Pi สร้างมาจากนิยายขายดีชื่อเดียวกันของยานน์ มาร์เทล นักเขียนชาวแคนาดาที่ตีพิมพ์ในปี 2001 ซึ่งขายได้มากกว่า 7 ล้านเล่มทั่วโลก และติดอันดับหนังสือขายดีของนิวยอร์กไทม์หลายสัปดาห์ นอกจากนั้น Life of Pi ยังได้รับรางวัล Man-Booker ของอังกฤษ ในสาขานิยายยอดเยี่ยมประจำปี 2002 อีกด้วย

Life of Pi เล่าเรื่องราวของ พิสซีน โมลิตอร์ พาเทล หรือ พาย พาเทล เด็กหนุ่มทายาทเจ้าของกิจการสวนสัตว์ในเมืองพอนดิเชอร์รี ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นดินแดนส่วนน้อยที่ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส (พื้นที่ส่วนใหญ่ของอินเดียตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ) เขาเป็นเด็กฉลาดที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้เรื่องธรรมชาติของสัตว์มาเป็นอย่างดี และนอกจากนับถือศาสนาฮินดูตามครอบครัวและเป็นมังสวิรัติแล้ว เขายังนับถือศาสนาคริสต์และอิสลามพร้อมกันไปด้วย ตามการอ้างคำพูดของมหาตมะ คานธี ที่ว่า “ทุกศาสนาล้วนเป็นสัจจะ” ในเวลาต่อมาครอบครัวของพาเทลตัดสินใจขายกิจการสวนสัตว์ทิ้ง แล้วย้ายไปอยู่แคนาดา ด้วยเหตุผลเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองภายใต้การปกครองของรัฐบาลนาง อินทิรา คานธี ไม่สู้ดีนัก พวกเขาเดินทางด้วยเรือที่ขนสัตว์ไปเต็มลำเรือ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น เมื่อเรือเกิดอับปางลงกลางทะเล แต่เขาก็รอดชีวิตมาได้ด้วยการลงเรือชูชีพได้ทัน แต่บนเรือลำนั้นไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว แต่ยังมีเสือเบงกอลขนาดใหญ่นามว่า ริชาร์ด พาร์คเกอร์ ร่วมอยู่ด้วย นอกจากต้องดิ้นรนเอาตัวรอดจากภัยธรรมชาติและการขาดแคลนอาหารน้ำดื่มแล้ว เขายังต้องเอาตัวรอดจากการไม่ให้ถูกเสือจับกินเป็นอาหารอีกด้วย การผูกสัมพันธ์กับมันและฝึกมันให้เชื่องเป็นงานที่เขาต้องทำ ซึ่งจากที่เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป พาย พาเทล ก็ได้พบว่าความผูกพันที่เขามีต่อ ริชาร์ด พาร์คเกอร์ กลับซับซ้อนกว่าที่เคยคิดไว้ สิ่งที่ทำให้นิยายเรื่องนี้ได้รับคำชื่นชม มาจากการที่หนังพูดถึงความศรัทธาได้อย่างน่าสนใจ ตัวละครหนึ่งถึงกับพูดว่า “คุณจะกลับมาเชื่อในพระเจ้า อีกครั้งหลังจากได้ยินเรื่องราวของพาย” ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับทราบถึงเรื่องราวของพาย จะเชื่อในพระเจ้า หลังจาได้ยินเรื่องราวดังกล่าว แต่สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ พวกเขาจะเชื่อในตัวมนุษย์อีกครั้ง นอกจากนั้นแล้ว ตัวนิยายยังพูดถึงการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับนิยายสุดคลาสสิคขึ้นหิ้งระดับโลก The Old Man and the Sea ของเออร์เนสต์ แฮมมิ่งเวย์ ซึ่งประโยคคลาสสิกของแฮมมิ่งเวย์ที่ว่า “มนุษย์ถูกทำให้ตายได้ แต่ถูกทำให้ยอมแพ้ไม่ได้” ก็สามารถนำมาอธิบายถึงความอดทนและใจสู้ของพายพาเทล ได้เหมือนกัน Life of Pi จัดเป็นโปรเจ็คท์เจ้าปัญหาที่ใช้เวลานานกว่า 10 ปีกว่า กว่าจะสร้างเป็นหนังจริงได้ ผ่านมือผู้กำกับมาแล้วหลายคน รวมถึง เอ็มไนท์ ชยามาลานด้วย ในปี 2003 เขาขอถอนตัวไปในที่สุด อันเนื่องมาจากตัวหนังมีตอนจบที่หักมุม ซึ่งหนังทุกเรื่องของเขามีจุดหักมุมทุกเรื่องทำให้กลัวกระแสความคาดหวังจากคนดู จึงยอมถอนตัวไป ต่อมาในปี 2005 อัลฟองโซ คัวรอน ผู้กำกับชาวเม็กซิโกเข้ามารับผิดชอบแต่ติดสร้างหนังอีกเรื่องจึงขอถอนตัว, ฌอง ปิแอร์เฌอเนต์ เข้าจับโปรเจ็คท์นี้ในปี 2006 เกิดความขัดแย้งเรื่องทุนสร้างจึงถอนตัวเช่นกัน พอมาในปี 2009 โปรเจ็คท์เรื่องนี้มาอยู่ในมือของอังลี ผู้กำกับมากความสามารถ มีดีกรีผู้กำกับรางวัลออสการ์มาแล้ว และตัวเขาเมื่อได้อ่านบทแล้วก็สนใจที่จะสร้างทันที เขากล่าวว่า “มันเป็นเรื่องราวผจญภัยที่นำไปสู่คำถามซึ่งยิ่งใหญ่กว่านั้น ซึ่งถึงแม้ว่าหนังจะมีเนื้อหาค่อนข้างเหนือจริงอยู่บ้าง แต่ผมก็พยายามทำหนังให้ออกมาสมจริงที่สุด เพราะนั่นเป็นการชักชวนให้ผู้ชมเปิดใจเข้ามายังโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาดมหัศจรรย์ได้ดีที่สุด ผมมองว่าภาพยนตร์นั้นเป็นหนทางในการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกกว้าง เกี่ยวกับตัวเองและเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับศิลปะได้” อังลี กล่าวเสริม

Lincoln หนังเล่าเรื่องชีวประวัติของประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ชื่อ อับราฮัม ลินคอล์น กำกับโดยสตีเว่น สปีลเบิร์ก หนังนำเสนอเนื้อหาที่เป็นจุดสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอเมริกาหลายช่วงตอน ผ่านตัวละครเอกคือ ปธน.สหรัฐ ลินคอล์น (นำแสดงโดยแดเนียล เดย์-ลูอีส) ลินคอล์นเป็นคนที่พูดช้าๆ แต่ตรงไปตรงมา เป็นนักปฏิบัติที่เล็งผลเลิศที่สุด มีอดีตเป็นชายหนุ่มจากท้องทุ่งแห่งเคนตั๊กกี้ อินเดียน่า และอิลลินอยส์ ขณะเดียวกันเขามีการศึกษาตามระบบค่อนข้างน้อย ทว่ากลับเก่งกาจในการเติมความรู้ด้วยตนเองผ่านการอ่านหนังสือ เดย์-ลูอีส นั้นสวมบทบาทเป็นลินคอล์นได้เหมือนที่สุดในหลายซีนที่ต้องแสดงอารมณ์ หลากหลายอิริยาบถ ฉากที่สำคัญของเรื่อง ได้แก่ ฉากแอ็คชั่น สงครามในตอนต้นเรื่อง ฉากการพูดคุยต่อรองโดยการระดมเสียงเพื่อโหวตกฎหมายเลิกทาส ฉากสงครามกลางเมือง และสุดท้ายฉากการลอบสังหาร ปธน.ลินคอล์น ตัวเรื่องใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป เดินเรื่องเนิบช้า ไม่มีการเร้าอารมณ์ใดๆ ซึ่งต่างจากหนังเรื่องอื่นๆ ของสปีลเบิร์ก ทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมในกลุ่มของนักวิจารณ์เท่านั้น แต่คนดูโดยส่วนใหญ่อาจจะไม่ค่อยชอบหรือประทับใจเท่าที่ควร อาศัยการแสดงที่เยี่ยมยอดของเดย์-ลูอีส นำพาไปจนจบเรื่อง เกือบจะกลายเป็นหนังสารคดีอัตชีวประวัติคนดัง แต่เพราะประเด็นสำคัญๆ ในเรื่องประกอบกับการแสดงที่ดี จึงทำให้หนังเรื่องนี้ควรค่าแก่การเป็นหนังเยี่ยมได้เช่นเดียวกัน และควรค่าแก่การได้ชมอีกด้วย

Zero Dark Thirty การไล่ล่าบิน ลาเดนเป็นเหตุการณ์ร้อนที่คนทั้งโลกให้ความสนใจ หากจะนำมาทำเป็นพล็อตเรื่องที่ให้ความตื่นเต้นน่าสนใจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกรู้บทสรุปอยู่แล้วและท่ามกลางข้อมูลมากมาย อะไรคือสิ่งที่ชายหนุ่มวัย 40 อย่างโบล(ผู้เขียนบท) ผู้ประกาศจุดยืนในการทำงานว่า “ผมหาข้อมูลแบบนักข่าว แต่จะเขียนบทแบบคนทำหนัง เลือกที่จะเล่า?” เขาตอบคำถาม “ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปฏิบัติการนี้ที่เราเห็นตามสื่อทั่วไปไม่มีความลึกเหมาะให้ทำหนังเลย ผมอยากได้อะไรที่มี “แง่มุมเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์” กว่านั้นและ “เป็นเรื่องที่ยังไม่มีใครเคยเล่า” ซึ่งผลที่ได้ก็คล้ายกับ The Hurt Locker (เล่าเรื่องสงครามอิรักผ่านเรื่องทหารหน่วยกู้ระเบิด) นั่นเอง โบลเลือกที่จะก้าวข้ามนักการเมืองในทำเนียบขาวแล้วเพ่งความสนใจไปไว้ที่ฮีโร่ตัวจริงอย่างเหล่าสมาชิกหน่วยซีลและซีไอเอ ผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการ ซึ่งไม่เพียงเสี่ยงตายบุกไปกวาดล้างผู้ก่อการร้าย แต่ยังต้องอาศัยทั้งความกล้าและความเด็ดเดี่ยวอย่างยิ่งยวดเพื่อจะพิสูจน์ตัวเองต่อเสียงคำครหาของผู้คนแทบทั้งโลก ซึ่งไม่เชื่อว่าใครหน้าไหนจะจัดการกับบิน ลาเดนได้ และในบรรดาซีไอเอผู้สร้างประวัติศาสตร์นั้น โบลกับปิเกโลว์(มือเขียนบทและผู้กำกับ) พบข้อมูลน่าตะลึงที่พาหนังไปไกลขึ้นอีกขั้น....ใครหล่ะจะเคยจินตนาการว่า ศูนย์กลางแห่งปฏิบัติการล่าหัวครั้งนี้หาใช่ทหารหนุ่มผู้มาพร้อมซิกแพ็ค แต่คือหญิงสาวใบหน้าขาวเผือดผู้สามารถชี้เป้าสังหารบิน ลาเดน ได้อย่างถูกจุด!

มายา (เจสสิกา แชสเทน) ถูกส่งตัวมายังสถานทูตอเมริกันในอิสลามาบัดและต้องเป็นประจักษ์พยานต่อวิธีการสอบสวนผู้ต้องหาอันสุดโหดเหี้ยมภายใต้นโยบายของรัฐบาล จอร์จ ดับเบิลยู บุช แรงกดดันจากความเคียดแค้นของผู้ชายรอบตัวเธอบีบให้มายาค่อยๆ จมลึกลงในหน้าที่และดึงดันกราดเกรี้ยวขึ้นเรื่อยๆ เธอแทบจะเป็นความหวังสุดท้าย เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้หน่วยซีลยังคงไล่ล่าบิน ลาเดนอยู่ แทบจะเป็นคนเดียวที่เดินหน้าควานหาตัวเขามาตลอดสิบปี และแทบจะเป็นคนเดียวที่เชื่อว่าเขาซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังนั้นที่แอบบอตทาลัด แหล่งข่าวเล่าว่า “เธอทำงานนี้เองมาตั้งแต่ต้น หน่วยซีลทำเพียงแค่ 40 นาทีสุดท้ายของปฏิบัติการเท่านั้น” และนี่แหละที่เป็นข้อมูลเด็ดที่ทำให้โบลตะครุบทันที เพราะการมีตัวละครนำเป็นหญิงสาวผู้เด็ดหัวบิน ลาเดนย่อมทำให้บทมีน้ำหนัก แข็งแรงกว่าการเป็นหนังไล่ล่าผู้ก่อการร้ายเฉยๆ (มายาและตัวละครทั้งหมดอ้างอิงมาจากข้อมูลจริงในแฟ้มลับซีไอเอ) แต่ใช้ชื่อสมมติเนื่องจากบรรดาเขาเหล่านั้นตัวจริงยังทำงานอยู่ ซึ่งต่างจากกรณี Argo ที่เปิดเผยตัวซีไอเอที่ชื่อ โทนี เมนเดซ ได้เพราะว่าเขาเกษียณงานแล้ว) อย่างไรก็ดี แต่ก็อย่าเพิ่งคาดหวังจะได้เห็นแง่มุมดรามาส่วนตัวของผู้หญิงคนนี้ เพราะนั่นไม่มีอยู่ในตำราเขียนบทของโบล “ทุกคนชอบพูดว่า ตัวละครต้องมีปูมหลัง แต่บังเอิญผมไม่ได้คลั่งไคล้ทฤษฏีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์นักหนา เวลาเจอใคร ผมไม่เคยสนใจใคร่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไงตอน 6 ขวบ ผมชอบตัวละครที่นิยามตัวเองผ่านปัจจุบันขณะมากกว่า” เจสสิกา แชสเทน เสริมที่โบลพูดว่า “มายา ไม่อธิบายตัวเอง เธอไม่เสียเวลากับการเปิดเผยความรู้สึก ไม่เมาท์มอยชีวิตตัวเองให้ใครฟัง เธอจมดิ่งอยู่กับปฏิบัติการเท่านั้น ....เธอหวีผมแต่งหน้าบ้างมั๊ย คิดอะไรอยู่ในใจ ทำไมแสดงออกด้วยท่าทางและแววตาแบบนั้น ฉันต้องทำความเข้าใจตัวตนของเธอให้ได้ ตั้งแต่ก่อนถ่ายทำ เพราะนี่ไม่ใช่ตัวละครที่จะปั้นแต่งการแสดงอย่างเสแสร้งต่อหน้ากล้องได้”

(อ้างอิง : ถอดความบางส่วนจากบทวิจารณ์,แนะนำพรีวิวภาพยนตร์ในนิตยสารเกี่ยวกับหนัง 3 ฉบับ คือ Bioscope ฉบับที่ 132, Starpics ฉบับที่ 824 ปักษ์หลังเดือนธันวาคม 2012 , Entertain Extra 2013)



วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เพลงแจ้งเกิด ซิงเกิ้ลแรก ที่ทำให้ผู้คนรู้จักพวกเขาเหล่าดวงดาว

การประกวดเพื่อค้นหาดาวดวงใหม่ ของเรียลลิตี้สุดฮิต เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ได้โคจรกลับมาอีกแล้ว ในปีนี้จะเป็นปีที่ 9 หรือเป็นซีซั่นที่ 9 กันแล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่สวยงาม ซึ่งยังคงกลิ่นไอ ของความฮอตฮิต ดราม่า ความเชย หรือเสน่ห์บางอย่างที่ยังคงมีอยู่ในรายการเหมือนเดิม ทำให้ผู้คนยังคงต้องติดตามชม และบรรดาผู้เข้าแข่งขันใหม่ๆ ในแต่ละปี ก็นับวันก็จะมีดีกรีของการพัฒนาการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปทุกปี ทั้งรูปร่างหน้าตา และความสามารถ แต่อะไรที่ทำให้มีผู้คนเข้ามาสมัครประกวดในรายการนี้กันมากถึงปีละกว่า 2 หมื่นกว่าคน ทั้งๆ ที่รายการนี้เป็นรายการเดียวที่ไม่มีเงินรางวัลใหญ่ๆ ล่อใจใดๆ เลย แม้แต่อย่างเดียว มีเพียงถ้วยรางวัลโทฟี่สำหรับผู้ชนะ และรับประกันการได้ออกอัลบั้มเพลงสำหรับผู้ชนะอันดับ 1 ในรายการ และอันดับ 2 ด้วยในช่วงปีหลังๆ สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนคิดว่าเป็นจุดแข็ง หรือจุดเด่นที่ทำให้ศิลปินจากเวทีประกวดแห่งนี้ได้รับการตอบรับ เป็นที่นิยมอย่างมากมาย ก็คือซิงเกิ้ลเพลงที่แต่ละคนได้รับ หรือเปิดตัวออกมา นั้นสำคัญตั้งแต่เพลงแรกเลย ว่าจะได้เกิดหรือไม่ ถ้าเพลงแรกร้องดี เพลงไพเราะ ได้รับการเปิดเพลงจากสื่อบ่อย การตอบรับจากแฟนคลับค่อนข้างดี ก็จะสามารถแจ้งเกิดได้ทันที สิ่งที่จะตามมาก็คือได้มีโอกาสทำอัลบั้ม ส่วนที่สำคัญก็คือทีมแต่งเพลง เขียนเพลง ต้องทำเพลงให้สอดคล้องกับบุคลิกของตัวศิลปิน และตอบโจทย์ให้สอดคล้องกับรสนิยม ความชื่นชอบ หรือแนวเพลงที่ศิลปินถนัดและชื่นชอบ ซึ่งเวทีเดอะสตาร์มีค่ายเอ็กแซ็กท์ภายใต้ชายคาแกรมมี่เป็นตัวซัพพอร์ตอยู่ ทำให้ได้เปรียบและมีสื่ออยู่ในมืออย่างครบวงจร แต่เหนืออื่นใดก็คือตัวศิลปินเองที่ต้องมีศักยภาพ และความสามารถพอด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองกลายเป็นผลงานที่ออกไปสู่สาธารณะชนแล้วทำให้ศิลปินจากเวทีประกวดแห่งนี้เป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพของงานเพลง ซึ่งเป็นการรับประกันขั้นต้นถึงการที่จะประสบความสำเร็จในด้านการเป็นนักร้องหากมาประกวดเวทีนี้ (ยังไม่นับรวมงานทางด้านอื่นๆ ในวงการบันเทิงอีกมาก) ได้ระดับนึงหากว่าได้เข้ารอบมาเป็น 8 คนสุดท้าย และผ่านการแข่งขันประกวดในรายการจนจบออกมาแล้ว ซึ่งถึงเวลานั้นก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าใครจะมีศักยภาพมากพอจะเป็นศิลปินนักร้องที่แท้จริง ซึ่งอาจจะไม่ใช่ผู้ที่ชนะเป็นอันดับ 1 เสมอไป ก็เป็นไปได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้เห็นผลงานกันมาแล้ว และนี่คือเพลงแจ้งเกิด หรือซิงเกิ้ลแรก ที่ทำให้ผู้คนได้รู้จักพวกเขาเหล่าดวงดาว จากเวทีเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว คัดมาเฉพาะตัวท็อปๆ ดังนี้

ฝ่ายหญิงก่อน 



นิวจิ๋ว อันดับที่ 2 กับที่ 4 ของเดอะสตาร์ ซีซั่นแรก ในช่วงแรกภายหลังประกวดเดอะสตาร์จบไป เธอยังไม่มีผลงานอัลบั้มเดี่ยว เพิ่งจะมาดังเปรี้ยงปร้างก็ช่วงอัลบั้มที่ 2 กับ 3 ในช่วงปี 2 ปี มานี้เอง จากหลายเพลงฮิตในอัลบั้ม 2 อัลบั้มหลัง จนขึ้นชั้นเป็นดีว่า หรือศิลปินดูโอ้หญิง ระดับตัวแม่ของวงการไปแล้ว จุดเด่นคือไลน์ประสานเสียงที่เยี่ยมยอดมาก ซึ่งหาตัวจับยากของยุคนี้เลยทีเดียว ปัจจุบันนิวจิ๋วสังกัด Music Cream ในเครือ GMM grammy


แก้ม แชมป์ของเดอะสตาร์ซีซั่น 4  กลายเป็นไอค่อนโมเดล ของนักร้องประกวดฝ่ายหญิง ที่มีน้ำเสียงทรงพลัง มีความสามารถทางการร้องสูง มีเทคนิค ความสามารถในการร้องได้หลากหลายแนว ทั้งเพลงสากล ลูกทุ่ง และไทยสากล
(ป็อบ อาร์แอนด์บี แจ๊ส)  จัดเป็นหน้าเป็นตาทางด้านฝ่ายหญิงของเวทีประกวดแห่งนี้ และเป็นแชมป์หญิงคนแรกและคนเดียวของรายการ ที่ยังไม่มีใครลบสถิติหรือทำได้เทียบเท่าเธอเลย

 

กิ่ง อันดับ 4 ของเดอะสตาร์ซีซั่น 5  ก็เป็นอีกนักร้องคุณภาพฝ่ายหญิง ที่ผ่านจากเวทีประกวดเดอะสตาร์มา มีสไตล์การร้องเป็นของตนเอง น้ำเสียงดี ด้วยสไตล์การร้องที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กิ่งได้รับโอกาสทำงานเพลงร่วมกับศิลปินอื่นในเครือแกรมมี่ จนได้ไปสังกัดค่ายลักษ์มิวสิค,เวิร์คแก๊งค์อยู่พักนึง ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่มิวสิคครีม(แหล่งรวมนักร้องประกวดคุณภาพ) และก็มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง



แกรนด์ อันดับ 5 ของเดอะสตาร์ซีซั่น 5(ปีเดียวกับกิ่ง) เป็นอีกศิลปินหญิงเบอร์ต้นๆ ของค่าย ที่มีแนวหรือสไตล์การร้องชัดเจน มีบุคลิกเฉพาะตัว ที่มีเสน่ห์ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ในค่ายป้อนงานอย่างต่อเนื่อง และมีซิงเกิ้ลเพลงฮิตหลายเพลง เป็นอีกตัวอย่างของความพยายาม และแม้ว่าเธอไม่ได้อันดับต้นๆ ในการประกวด แต่ก็กลายเป็นศิลปินเบอร์ต้นๆ ของค่ายได้ ด้วยความสามารถ และศักยภาพที่โดดเด่นของเธอ จากที่ไม่เคยคิดว่าจะมีอัลบั้มก็สามารถออกอัลบั้มเป็นของตนเองได้ในที่สุด


นท กลายเป็นสีสันใหม่ของผู้เข้าประกวดเวทีเดอะสตาร์ เป็นรองแชมป์ของซีซั่น 7 มีสไตล์หรือคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน น้ำเสียงใส กังวาน บุคลิกสดใสน่ารัก เป็นเด็กไฮเปอร์ ความสามารถทางด้านอาร์ท หรือครีเอทสูง แม้ว่าความสามารถทางด้านการร้องไม่สูงมากนัก แต่สิ่งที่เป็นจุดขายจริงๆอยู่ที่เสน่ห์ และคาแรกเตอร์ ความติสท์หลุดโลก นั้นโดดเด่นมาก บวกกับกีต้าร์อะคูเลเล่ กลายเป็นภาพจำที่ติดตา จนกลายเป็นไอด้อลของวัยรุ่นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับกระแสตอบรับอย่างท่วมท้น
 
เอิร์น  ได้อันดับ 4 ของเดอะสตาร์ซีซั่นที่ 2 เอิร์นเป็นศิลปินที่มีแนวทางชัดเจนเป็นของตนเองคือมาทางลูกทุ่ง แต่ก็มีความสามารถในการร้องเพลงได้หลากหลายแนว คุณภาพการร้องและน้ำเสียงโดดเด่นมาตั้งแต่สมัยประกวดแล้ว เธอมุ่งมั่นที่จะเป็นศิลปินลูกทุ่งแบบรุ่นพี่ที่เป็นไอด้อลของเธอมาก ภายหลังจบประกวด เอิร์นต้องใช้เวลาฝึกฝน หาประสบการณ์อย่างยาวนานมากเพื่อเดินสายตามรุ่นพี่ศิลปินลูกทุ่งในค่ายแกรมมี่โกลด์ไปร้องเพลงตามงานต่างๆ จนเมื่อถึงเวลาพร้อมแล้วก็ได้ออกอัลบั้มแรกกับแกรมมี่โกลด์ และก็ประสบความสำเร็จตั้งแต่อัลบั้มแรกมาจนถึงปัจจุบัน


มาดูฝ่ายชายกันบ้าง



เอ็ม แชมป์เดอะสตาร์ซีซั่นที่ 2  จากที่พลาดหวังในปีแรก ไม่เข้ารอบ เขากลับมาใหม่ได้ถึงแชมป์ ด้วยความมานะพยายาม และเป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกับนิว จิ๋ว ทำให้เขากลับมาตามหาฝันอีกครั้ง เอ็มนั้นในช่วงประกวดในรายการยังไม่ฉายแววความโดดเด่นเท่าไหร่ แต่เมื่อจบรายการและออกซิงเกิ้ลอัลบั้มมาเรื่อยก็เริ่มฉายแวว ศักยภาพของการเป็นนักร้องเสียงดี มีคุณภาพ กลายเป็นร็อกเกอร์ตัวจริงเสียงจริง เพียงคนเดียวของเวทีประกวดแห่งนี้ หรือเกือบจะเรียกได้ว่าคนเดียวของทั้งวงการก็ได้ที่มาจากเวทีประกวดร้องเพลง ที่มีมาดร็อกเกอร์ระดับเทพเช่นนี้ ทั้งบุคลิก หน้าตา การร้อง น้ำเสียง และเทคนิคการร้อง ปัจจุบันเอ็มไปสังกัดค่ายมิวสิคครีม ร่วมกับเพื่อนๆ เดอะสตาร์มากมาย

นิค รองแชมป์เดอะสตาร์ซีซั่น 2 เป็นคู่แข่งที่ขับเคี่ยวกันมากับเอ็มเลยในช่วงประกวด แต่ด้วยบุคลิก หน้าตาเท่านั้นที่สู้ไม่ได้ แต่ความสามารถการร้อง ศักยภาพการเป็นศิลปินไม่ได้ด้อยกว่าเลย และมีความสามารถในการแต่งเพลงที่เหนือกว่าเอ็มด้วยซ้ำ นิคไม่ได้รับโอกาสในการผลักดันเป็นศิลปินนักร้องเทียบเท่าเอ็ม ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่เขาก็จัดเป็นศิลปินตัวจริง เสียงจริงอีกคนนึงของเวทีเดอะสตาร์ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย



บี้ รองแชมป์เดอะสตาร์ซีซั่นที่ 3 คนนี้ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณก็เป็นที่รู้จักดีอยู่แล้ว จุดเด่นของบี้ คือความร่าเริง สดใส ขี้เล่นขี้อ้อน กล้าแสดงออก กลายเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่เอาชนะใจผู้คนได้ บี้เป็นตัวอย่างของการมีความมานะอดทน การมุ่งมั่นพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เป็นเดอะสตาร์ที่มีพัฒนาการสูงที่สุดคนหนึ่ง จากความไม่เอาไหน ท่าเต้นกระโหลกกะลา (คำปรามาสของกรรมการทั้ง  3 คน) ปัจจุบันกลายมาเป็นซุปเปอร์สตาร์เบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย เป็นรองแค่พี่เบิร์ดเท่านั้น ใน พ.ศ.นี้ มีผลงานเพลงฮิตตั้งแต่เพลงแรกจนถึงปัจจุบันมากมายนับไม่ถ้วนแล้ว



รุจ รองแชมป์เดอะสตาร์ซีซั่น 4  ด้วยบุคลิกหน้าตา ที่ได้เปรียบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บวกกับน้ำเสียง และสไตล์การร้องที่เป็นเอกลักษณ์ บุคลิกที่เป็นคนโรแมนติก มาดเนี๊ยบ เสียงนุ่มๆ เหมาะกับแนวเพลง ทำให้รุจ เป็นนักร้องที่มีสไตล์ หรือคาแรกเตอร์เฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ (ถ้าเทียบก็คล้ายพี่กบ ทรงสิทธิ์หรือพี่ปั่น ของยุคก่อน)  ทำให้รุจ สามารถครองใจผู้ฟังในกลุ่มของพวกนิยมเพลงสไตลอีซี่ ลิสซึนนิ่ง ไปได้อย่างสบาย ๆ

                                                                                                   

ดิว รองแชมป์เดอะสตาร์ซีซั่น 5  จัดเป็นหนุ่มขี้เล่น มีสไตล์บุคลิกเฉพาะตัวที่โดดเด่น ไม่เหมือนใครอีกคนหนึ่ง แต่ที่สำคัญคือ ดิวเป็นเดอะสตาร์อีกคนนึงที่มีน้ำเสียงหล่อเกินหน้าตา ความสามารถในการร้องสูงอีกคนนึง ร้องได้หลากหลายแนว แต่เป็นสไตล์ของตนเอง เป็นอีกคนนึงที่มีผลงานเพลงฮิตมากมายตามมา ภายหลังจบการแข่งขัน ศักยภาพนั้นไม่แพ้ใครในเดอะสตาร์ฝ่ายชายอีกคนนึง
 
กัน แชมป์เดอะสตาร์ซีซั่น 6 จัดเป็นเดอะสตาร์ฝ่ายชายที่มีความสามารถในการร้องสูงที่สุดคนนึง กันมีน้ำเสียงที่ไพเราะ มีคาแรกเตอร์ของเสียงที่ชัดเจนซึ่งหาได้ยากในนักร้องรุ่นใหม่ ความสามารถทางการร้อง และเทคนิคการร้องดี ไม่นับรวมบุคลิกหน้าตาที่ได้เปรียบ แต่กันยังมีจุดอ่อนตรงที่ความสามารถในการร้องเพลงได้ไม่หลากหลายแนวเพลง แต่จะโดดเด่นมากในเพลงลูกกรุง เพลงไทยสากลทั่วไป เพลงสากลยังไม่เคยได้ฟัง   หากร้องเพลงสากล สำเนียงดีด้วย ก็จัดเป็นเบอร์ 1 ของฝ่ายชายโดยทันที



โตโน่ อันดับ 3 ของเดอะสตาร์ซีซั่น 6  จุดเด่นของโตโน่ คงอยู่ที่บุคลิก รูปร่างหน้าตา ความจริงใจ ลูกนักเลง ความเป็นคนมั่นใจในตนเอง แนวหรือสไตล์ไปทางร็อกเกอร์ แม้ว่าน้ำเสียงจะไม่เด่นพอ แต่จุดขายอยู่ที่บุคลิกโดยรวมนั่นแหละ ปัจจุบันโตโน่ ได้ไปทำงานเพลงภายใต้สังกัดอัพจี และมีอัลบั้มเดี่ยวเป็นของตนเอง  
 
ตูมตาม แชมป์เดอะสตารซีซั่นที่ 7  จุดเด่นของตูมตาม นอกจากเสน่ห์โดยรวมคือรูปร่างหน้าตา อัธยาศัยไมตรีดีแล้ว อีกอย่างคือน้ำเสียง มีคาแรกเตอร์ของเสียงที่ชัดอีกคนนึง และก็่ความสามารถในการร้องเพลงลูกทุ่ง เพลงไทยสากลโดยทั่วไป แต่ยังต้องการ การพัฒนาด้านเทคนิคการร้อง ความสามารถในการร้องและแนวเพลงที่ชัดเจน รวมถึงสไตล์การร้องที่ชัดเจนกว่านี้อีก



โดม แชมป์เดอะสตาร์ซีซั่น 8  จุดเด่นของโดมคงเป็นน้ำเสียง พลังเสียง คาแรกเตอร์ของเสียง และความสามารถในการร้อง เทคนิคการร้องดี ส่วนรูปร่างหน้าตาเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น ซึ่งสามารถแก้ไขได้ สิ่งที่สำคัญก็คือ ความสามารถทางการร้องของโดม สามารถพัฒนาทักษะไปได้ไกลกว่านี้อีก ซึ่ง ณ ปัจจุบันก็ถือว่าเป็นเบอร์ 1 ฝ่ายชายด้านการร้องของเวทีแห่งนี้อยู่
 
แกงส้ม รองแชมป์เดอะสตาร์ซีซั่น 8  ขับเคี่ยวกับโดมมาในปีเดียวกัน แต่แกงส้มนั้นมีทุกอย่างคนละด้านกับโดม จุดเด่น นอกเหนือจากความสามารถทางการร้องที่ดีไม่แพ้กัน ที่สำคัญคือ น้ำเสียง และเป็นอีกคนนึงที่มีคาแร็กเตอร์ของเสียงที่ชัดเจน มีสไตล์การร้อง และแนวเพลงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่แตกต่างจากคนอื่น ในเวทีเดียวกัน จัดเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงคนนึงของเวทีเดอะสตาร์ มีท็อปดาวน์โหลดสูงสุดของค่าย และเพลงฮิตรวดเร็ว อย่าง รักเธอ 24 ชั่วโมง และล่าสุด I Love Your Smile

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

โลก 360 องศา (ภัยหนาว - วิกฤติตัวประกันแอลจีเรีย)



ภัยหนาวคุกคามหลายประเทศในยุโรป ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกิน 600 รายเเล้ว และยังมีอีกกว่า 4,000 ราย ขาดแคลนอาหาร

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ภัยหนาวยังคงคุกคามประเทศในแถบยุโรปอย่างต่อเนื่อง โดยรายงานยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด เพิ่มขึ้นมากกว่า 600 รายแล้ว ที่ต้องเสียชีวิตไปเพราะคลื่นอากาศหนาวเย็นที่แผ่ปกคลุมไปทั่วทวีปยุโรปตะวันออก ในช่วงอากาศเย็นเป็นประวัติการณ์ของฤดูหนาวปีนี้

ด้านเจ้าหน้าที่ของรัสเซีย ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 205 ราย เพราะอากาศหนาวเย็นต่ำกว่าจุดเยือกแข็งของฤดูหนาวปีนี้ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะที่ยูเครนมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 112 ราย โปแลนด์อีก 107 ราย ฮังการี 35 ราย เซอร์เบีย 20 ราย และอีก 10 ราย ในโคโซโว ขณะที่โรมาเนีย มีประชาชนเกือบ 4,000 ราย กำลังขาดแคลนอาหารอย่างหนัก รวมถึงยารักษาโรค

ที่มา : สำนักข่าวไอเอ็นเอ็นนิวส์

ภัยหนาวยังคงคุกคามยุโรปการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำดานูบ ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญกลายเป็นอัมพาต ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงถึง 460 คน ขณะที่อัฟกานิสถานเป็นประเทศล่าสุดที่เผชิญภัยหนาวรุนแรงที่สุดในรอบ 15 ปี

สภาพอากาศที่หนาวจัดในยุโรป ทำให้การสัญจรทางน้ำในแม่น้ำดานูบซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญกลายเป็นอัมพาตอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากมีน้ำแข็งปกคลุมไปทั่วท้องน้ำ ทั้งนี้หลายประเทศไม่ว่าจะเป็นเซอร์เบีย, โครเอเชีย, บัลแกเรีย, โรมาเนีย, ฮังการี และออสเตรีย ต้องประกาศห้ามการเดินเรือในแม่น้ำดานูบเพื่อความปลอดภัย โดยแม่น้ำดานูบมีความยาวทั้งสิ้น 2,860 กิโลเมตร ไหลผ่าน 10 ประเทศ นอกจากจะเป็นเส้นทางขนส่งที่สำคัญแล้ว ยังเป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า และทำประมงด้วย

ขณะที่บัลแกเรียอุณหภูมิทำสถิติครั้งใหม่ ลดต่ำติดลบถึง28.6 องศาเซลเซียสที่เมืองวิดิน (Vidin) ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ส่วนที่อิตาลีคาดว่าจะเผชิญกับอากาศหนาวเย็น และหิมะตกหนักระลอกใหม่ในวันนี้ (10 ก.พ.) และวันพรุ่งนี้ (11 ก.พ.) หลังเพิ่งจะฟิ้นตัวจากหิมะตกหนักที่สุดในรอบหลายสิบปีในก่อนหน้านี้

มีรายงานว่าในตุรกี หิมะปิดกั้นเส้นบนถนนมากกว่า 2,000 สาย และสภาพอากาศที่หนาวจัดได้แผ่ออกไปไกลถึงทวีปแอฟริกาเหนือ ขณะที่ยูเครนซึ่งเป็นประเทศทีได้รับผลกระทบผลจากภัยหนาวรุนแรงที่สุด คาดว่าอุณหภูมิในบางพื้นที่จะลดต่ำติดลบถึง 30 องศาเซลเซียสในช่วงสุดสัปดาห์นี้

ส่วนที่ฝรั่งเศส อากาศที่หนาวจัดในพื้นที่ทางภาคใต้ทำให้นกฟลามิงโก้สีชมพูหนาวตายไปถึง 55 ตัว หลังจากที่พวกมันต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นมานานถึง 10 วันจนร่างกายอ่อนแอ ส่วนนกที่ยังไม่ตายเจ้าหน้าที่ก็ต้องช่วยเหลือนำมาพักฟื้นก่อนส่งไปยังที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 27 ปี ที่พบนกฟลามิงโก้สีชมพูตายมากที่สุด

อัฟกานิสถานเป็นประเทศล่าสุดที่เผชิญกับภัยหนาวรุนแรง โดยสภาพอากาศในกรุงคาบูลหนาวเย็นที่สุดในรอบ 15 ปี อุณหภูมิลดต่ำติดลบถึง 16 องศาเซลเซียสท่ามกลางหิมะตกหนักวัดปริมาณหิมะได้สูงสุดถึง 50 เซนติเมตร ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าดับ และมีน้ำแข็งปกคลุมพื้นผิวถนน

ขณะที่ชาวญี่ปุ่นในจังหวัดนิงาตะ แม้จะต้องอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวจัด และหิมะตกหนัก แต่ก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี เพราะมีประสบการณ์อยู่กับหิมะมานานโดยบ้านส่วนใหญ่มีการสร้างส่วนของหลังคาที่ออกแบบเป็นพิเศษ มีการติดตั้งทั้งอุปกรณ์ทำความร้อนเพื่อละลายหิมะ และทำให้โครงสร้างแข็งแรงสามารถทานรับน้ำหนักหิมะที่หนาถึง 2 เมตรได้ นอกจากนี้ยังมีการทำหลังคาคลุมทางเดินหน้าอาคาร และบ้านเรือนเพื่อป้องกันคนเดินเท้าจากหิมะ รวมทั้งมีการตั้งเสาเหล็กสูงกว่า 3 เมตรตามแนวถนนเพื่อไม่ให้รถเฉี่ยวกองหิมะ ส่วนป้ายรถประจำทางก็ทำเป็นหลากสีเพื่อให้ผู้โดยสารสังเกตได้ง่าย

ที่มา : สำนักข่าวไทยพีบีเอส
สภาพอากาศหนาวในจีนเลวร้ายกระทบต่อการเดินทางช่วงตรุษจีน
การเดินทางกลับภูมิลำเนาครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ของประเทศจีน กำลังจะเริ่มขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์โดยกระทรวงคมนาคมของจีนเปิดเผยว่า ระบบขนส่งมวลชนทั่วประเทศ กำลังเตรียมพร้อมรับมือกับประชาชนราว 3,100 ล้านคน ที่จะออกมาเดินทางในช่วงระหว่างวันที่ 26 ม.ค. ถึง 6 มี.ค. เนื่องจากเทศกาลตรุษจีน ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลสำคัญที่สุด ซึ่งครอบครัวจะกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ สภาพอากาศในหลายพื้นที่ของจีนกลับไม่เป็นใจในการเดินทาง หลังเกิดอากาศหนาวเย็น และควันพิษปกคลุม โดยเฉพาะในกรุงปักกิ่งของจีน ซึ่งนอกจากหมอกควันพิษ จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนแล้ว ยังก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอีกด้วย โดยพนักงานขององค์กรด้านการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า สภาพอากาศอันเลวร้าย ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของกรุงปักกิ่ง และส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิงหัวพบว่า สภาพอากาศที่เป็นมลพิษ สร้างความเสียหายต่อประเทศคิดเป็นมูลค่าอย่างน้อย 560,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 2.6 ล้านบาท (สองล้านหกแสนล้านบาท) ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 1.2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีนในปี 2555

ปิดฉากวิกฤติจับตัวประกันในแอลจีเรียยาวนาน 72 ชั่วโมง ทหารบุกฆ่านักรบอิสลามิสต์ตายเกลี้ยง 11 ศพ ตัวประกันสังเวยเพิ่มอีกอย่างน้อย 23 ศพ ผู้นำชาติมหาอำนาจทั้ง "สหรัฐ-ฝรั่งเศส-อังกฤษ" ออกหน้าปกป้องแอลจีเรียปฏิบัติชอบแล้ว อัดผู้ก่อการร้ายคือบ่อเกิดโศกนาฏกรรม เหตุการณ์สมาชิกกลุ่มก่อการร้ายที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ในแอฟริกา จับคนงานชาวแอลจีเรียและชาวต่างชาติหลายร้อยคนเป็นตัวประกันภายในโรงแยกก๊าซกลางทะเลทรายซะฮาราในแอลจีเรียตั้งแต่กลางสัปดาห์ก่อน ยุติลงแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 19 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น โดยกองทัพแอลจีเรียตัดสินใจส่งทหารเข้าไปสังหารกลุ่มนักรบอิสลามิสต์ที่เหลือทั้งหมด 11 ราย แต่ก็สังเวยชีวิตตัวประกันเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 23 ราย
คำแถลงของกระทรวงมหาดไทยแอลจีเรียเผยว่า หน่วยปฏิบัติการพิเศษสามารถช่วยชีวิตตัวประกันชาวต่างชาติ 107 คนจาก 132 คนที่ทำงานในโรงงาน และคนงานชาวแอลจีเรีย 685 คน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวประกัน 23 รายที่เสียชีวิตว่ามีสัญชาติใดบ้าง แต่บีบีซีรายงานว่าตัวประกันที่ถูกฆ่าหรือสูญหายมีชาวอังกฤษอย่างน้อย 5 คน, นอร์เวย์ 5 คน และญี่ปุ่น 10 คน ขณะเดียวกันยังมีรายงานผู้สูญหายอีกหลายคน ในจำนวนนี้รวมถึงลูกจ้างบริษัทวิศวกรรม เจจีซี จากญี่ปุ่น ที่รายงานว่ายังไม่พบคนงานญี่ปุ่น 10 คนและต่างชาติ 7 คน โดยหนึ่งในนี้อาจเป็นชาวมาเลเซีย 1 ใน 2 คนที่รัฐบาลมาเลเซียบอกว่าไม่ทราบชะตากรรม ส่วนฟิลิปปินส์ คนงานที่ตกเป็นเหยื่อนั้นรอดออกมาได้ 52 ราย ส่วนหนึ่งเดินทางกลับประเทศแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่ามีคนฟิลิปปินส์สูญหายหรือเสียชีวิตด้วยหรือไม่   โมหะเหม็ด ซาอิด รัฐมนตรีสารสนเทศ กล่าวกับสำนักงานเอพีเอสในวันอาทิตย์ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอาจมากกว่านี้ ต่อมาสถานีโทรทัศน์เอ็นนาฮาร์ของแอลจีเรียรายงานว่า ทหารพบศพตัวประกัน 25 ศพภายในโรงแยกก๊าซโรงหนึ่งในช่วงทหารเข้าเคลียร์พื้นที่  ส่วนพวกนักรบมุสลิมหัวรุนแรงที่ถูกสังหารหมดเกลี้ยง 32 คนนั้น เชื่อว่ารายหนึ่งคือ อับดุล เราะห์มาน อัลไนจีรี ผู้นำกลุ่มชาวไนจีเรียที่ใกล้ชิดกับมุกตาร์ เบลมุกตาร์ อดีตนักรบญิฮาดที่ใกล้ชิดกับอัลกออิดะห์ และเชื่อว่าเป็นผู้บงการจับตัวประกันครั้งนี้ โดยอ้างว่าทำเพื่อบีบให้ฝรั่งเศสยุติการแทรกแซงทางทหารขับไล่กลุ่มนักรบอิสลามิสต์ในสาธารณรัฐมาลี แต่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้านานก่อนฝรั่งเศสส่งทหารเข้ามาลีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นในโรงงานยังไม่ชัดเจน แต่มีรายงานว่าคนร้ายเริ่มฆ่าตัวประกันที่เหลือ 7 ราย ก่อนโดนทหารจู่โจมสังหารเกลี้ยง ภายหลังเหตุการณ์ยุติ กระทรวงมหาดไทยเผยว่า เจออาวุธหลายชนิดในที่เกิดเหตุ ทั้งปืนกล 6 กระบอก, ไรเฟิล 21 กระบอก, ปืนสั้น 2 กระบอก, ปืนครกขนาด 60 มม. 2 กระบอกพร้อมกระสุน, เครื่องยิงจรวดขนาด 60 มม. 6 กระบอก, เครื่องยิงลูกระเบิด 2 กระบอกพร้อมจรวด 8 ลูก และระเบิดขว้าง 10 ลูก  รัฐบาลประเทศตะวันตกบางประเทศแสดงความไม่พอใจที่แอลจีเรียไม่แจ้งแผนปฏิบัติล่วงหน้าก่อน แต่แอลจีเรียซึ่งเคยทำสงครามกลางเมืองกับพวกนักรบอิสลามิสต์ที่คร่าชีวิตผู้คนกว่า 200,000 รายในยุคทศวรรษ 1990s ยืนกรานตั้งแต่แรกว่าจะไม่เจรจาต่อรองกับผู้ก่อการร้าย และหลังเหตุการณ์ยุติลงผู้นำหลายชาติได้กล่าวสนับสนุนการตัดสินใจของแอลจีเรีย
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐต้องการคำชี้แจงจากแอลจีเรียเพื่อความเข้าใจที่กระจ่างแจ้งถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เห็นว่า โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นครั้งนี้ต้องโทษพวกผู้ก่อการร้ายที่ก่อเหตุ "การโจมตีคราวนี้เป็นสิ่งเตือนใจอีกครั้งถึงภัยคุกคามจากอัลกออิดะห์และกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงกลุ่มอื่นๆ ในแอฟริกาเหนือ" โอบามากล่าว "เราจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับหุ้นส่วนทั้งหมดของเราในการสู้รบกับพวกลัทธิก่อการร้ายในภูมิภาคนี้" ด้านประธานาธิบดีฟรังซัวส์ โอลลองด์ ของฝรั่งเศสกล่าวปกป้องการแก้วิกฤติตัวประกันของแอลจีเรียครั้งนี้ว่า "เหมาะสมที่สุดแล้ว" ส่วนนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ กล่าวว่า "ไม่มีเหตุผลแก้ตัว" สำหรับพวกโจรจับตัวประกัน อังกฤษมีความตั้งใจแน่วแน่ยิ่งขึ้นที่จะร่วมมือกับพันธมิตรทั่วโลกเพื่อขุดรากถอนโคนและทำลายพวกผู้ก่อการร้ายและพวกที่ยุยงส่งเสริม   รัฐมนตรีกลาโหม ฟิลิป แฮมมอนด์ ของอังกฤษ กล่าวถึงการสูญเสียชีวิตตัวประกันว่า "น่าตกใจ และไม่อาจยอมรับได้ แต่ต้องเข้าใจเช่นกันว่าผู้ก่อการร้ายพวกนี้คือผู้ที่ต้องรับผิดชอบล้วนๆ"
กลุ่มสังเกตการณ์การก่อการร้าย อินเทลเซ็นเตอร์ชี้ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นวิกฤติการจับตัวประกันครั้งใหญ่ที่ตั้งแต่วินาศกรรมที่นครมุมไบของอินเดียเมื่อปี 2551 และยังเป็นการก่อเหตุครั้งใหญ่ที่สุดโดยฝีมือของพวกนักรบอิสลามิสต์ ที่เคยทำให้ตัวประกันหลายร้อยคนสังเวยชีวิตในโรงละครแห่งชาติที่กรุงมอสโกปี 2545 และที่โรงเรียนในเมืองเบสลันของรัสเซียเมื่อปี 2547
ที่มา : สำนักข่าวไทยโพสต์
หมายเหตุ ตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขจำนวนที่แน่ชัดในขณะนี้

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

ประกาศผลรางวัล "อ๊อดกล้า" ของสมาคมลิเกการเมืองไทย


ประกาศผลรางวัล “ODGLA” (อ๊อดกล้า) ของสมาคมลิเกการเมืองไทย

ปี พ.ศ. 2556  (รวบรวมผลงานของปี 2555)  มีดังนี้

เนื่องด้วยสมาคมลิเกการเมืองไทย ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 5,000 กว่าคน จากหลากหลายสาขาอาชีพ (ขอทาน,นักแสดง,พ่อบ้านแม่บ้าน,นักเรียนประถม,จิตแพทย์,ผู้พิการทางสายตา,ผู้พิการทางการได้ยิน,คนขับรถเมล์ รถรับจ้าง ม.วิน,แท็กซี่ ,นักเรียนช่างกล,ผู้คุมบ่อน,แมงดาในซ่อง,คนเดินโพยหวย,คนขายยาบ้า,เด็กวิ่งโพยบอล,นักเพาะกาย,พริตตี้ โคโยตี้ตามผับ,เจ้าสัว นักธุรกิจ,แม่ค้าตลาดสด,ผู้ต้องขังในสถานกักกัง,คนป่วยในรพ.ประสาท,นักศึกษาสัตวแพทย์,นักดาราศาสตร์,นักโหราศาสตร์,ตลกคาเฟ่,กรรมกรก่อสร้าง,ผู้หญิงขายบริการ,ผู้สูงวัยบ้านบางแค,คนรับใช้ชาวพม่า,ลาว,จีนฮ่อ ,พิธีกรรายการผีวัดดอน เป็นต้น) ได้มีการนัดประชุมสังสรรค์ประจำปี เพื่อรวบรวมผลงานอันเป็นที่น่าจดจำของผู้มีผลงานอันโดดเด่น สำหรับบุคคลในแวดวงการเมืองไทย โดยสมาคมลิเกการเมืองไทย จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้(เปลี่ยนสถานที่จัดงานใหม่)มีการจัดการมอบรางวัลกันที่เดธโน้ธเธียเตอร์ ป่าช้าฝรั่งถนนสีลม ซึ่งมีการมอบรางวัล ทั้งสิ้น 11 รางวัล/สาขา จากโผรายชื่อผุ้เข้าชิงในรอบสุดท้ายดังนี้

1.สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม  รายชื่อสุดท้าย ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ได้แก่
-300 นักรบเอสเอ็มอี ประจัญบาน
-เดอะไซโลเน็ตเวิร์ค อภิมหาโคตรโกง
-จั่นเจาหน้าดำ เวรกรรมเข้าสิง
-ว. 5 ภาค 2 ตอน แรงง่าว
-ปาหี่แห่โลง โกงเรื่องศพ ตบตาประชาชน
-นักฆ่าเหนือเมฆ ปากแดง โดนแทงข้างหลัง


2.สาขานักแสดงนำยอดเยี่ยม ฝ่ายชาย  รายชื่อสุดท้าย ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ได้แก่
-เฉลิม อยู่บำรุง   จาก ภ.อับดุลเอ๊ย รู้มั๊ยรู้....รู้
-พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณฑัต   จาก ภ.อับดุลเอ๊ย รู้มั๊ยรู้...รู้
-ธาริต เพ็งดิษฐ์    จาก ภ.จั่นเจาหน้าดำ เวรกรรมเข้าสิง
-กิตติรัตน์ ณ ระนอง   จาก ภ.Fake โกหกทั้งพรรค
-ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์   จาก ภ.อับดุลเอ๊ย รู้มั๊ยรู้....รู้
-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา   จาก ภ.ยักษ์เขียวในตะเกียงวิเศษ
-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  จาก ภ.แม่ธรณีบีบมวยผม กรรแสง
-พันเอกดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ  จาก ภ.คน/โลภ/ติด

3.สาขานักแสดงนำยอดเยี่ยม ฝ่ายหญิง  รายชื่อสุดท้าย ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ได้แก่
-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์   จาก ภ.ส่งตัวเอง ไปบำรุงพุทธ
-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร   จาก ภ. ว.5 ภาค 2 ตอนแรงง่าว
-ดารณี กฤตบุญญาลัย  จาก ภ. คนล้มเจ้า
-ธิดา ถาวรเศรษฐ์    จาก ภ.ปาหี่แห่โลง โกงเรื่องศพ ตบตาประชาชน
-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์   จาก ภ. คน/โลภ/ติด

4.สาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยม ฝ่ายชาย  รายชื่อสุดท้าย ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ได้แก่
-บุญทรง เตริยาภิรมย์   จาภ ภ. เดอะไซโลเน็ตเวิร์ค อภิมหาโคตรโกง
-จ่าประสิทธิ์ ไชยศรีษะ    จาก ภ.เกมร้ายพ่ายรัก ซารางเฮโย
-พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง   จาก ภ.คน/โลภ/ติด
-สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา   จาก ภ.คน/โลภ/ติด
-ก่อแก้ว พิกุลทอง    จาก ภ.คนล้มเจ้า
-ยศวริศ ชูกล่อม  จาก ภ.คนล้มเจ้า
-สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล   จาก ภ.อับดุลเอ๊ย รู้มั๊ยรู้...รู้
-ปลอดประสพ สุรัสวดี   จาก ภ. Fake โกหกทั้งพรรค
-ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ  จาก ภ. ยางอาย โลละ 40 ราคานี้มีไว้ขาย (ขี้หน้า)


5.สาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยม ฝ่ายหญิง  รายชื่อสุดท้าย ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ได้แก่
-ศันสนีย์ นาคพงษ์    จาก ภ. Fake โกหกทั้งพรรค
-รังสิมา รอดรัศมี      จาก ภ.เกมร้ายพ่ายรัก ซารางเฮโย
-ฐาปนีย์ เอียดศรีไชย    จาก ภ.นักข่าวหัวเห็ดเด็ดสะระตี่
-สมจิตต์ นวเครือสุนทร   จาก ภ.นักข่าวหัวเห็ดเด็ดสะระตี่
-คุณฮันนี่ แอร์โฮสเตสสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิก จาก ภ.นักฆ่าเหนือเมฆ ปากแดง โดนแทงข้างหลัง 

6.สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม  รายชื่อสุดท้าย ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ได้แก่
-ทักษิณ ชินวัตร     จาก ภ.เดอะไซโลเน็ตเวิร์ค อภิมหาโคตรโกง
-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์    จาก ภ.คน/โลภ/ติด
-พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร   จาก ภ.อับดุลเอ๊ย รู้มั๊ยรู้....รู้
-พานทองแท้ ชินวัตร   จาก ภ.นักฆ่าเหนือเมฆ ปากแดง โดนแทงข้างหลัง
-สุเทพ เทือกสุบรรณ   จาก ภ. จั่นเจาหน้าดำ เวรกรรมเข้าสิง
7.สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม  รายชื่อสุดท้าย ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ได้แก่
-เดอะไซโลเน็ตเวิร์ค อภิมหาโคตรโกง
-300 นักรบเอสเอ็มอี ประจัญบาน
-นักฆ่าเหนือเมฆ ปากแดง โดนแทงข้างหลัง
-ว.5 ภาค 2 ตอน แรงง่าว

8.สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม รายชื่อสุดท้าย ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ได้แก่
-อับดุลเอ๊ย รู้มั๊ยรู้.....รู้
-จั่นเจาหน้าดำ เวรกรรมเข้าสิง
-ปาหี่แห่โลง โกงเรื่องศพ ตบตาประชาชน
-Fake โกหกทั้งพรรค

9.สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รายชื่อสุดท้าย ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ได้แก่
-เพลงเช็ดแล้วทิ้ง (รกอก)  ประกอบ ภ.เรื่อง เกมร้ายพ่ายรัก ซารางเฮโย
-มิวสิคแด๊นซ์ซีรี่ย์ โอ๊ะโอ๊ย/อย่ามองตรงนั้น/ก็ใครมันจะไปรู้หล่ะ ประกอบ ภ.เรื่อง ว.5 ภาค 2 ตอนแรงง่าว
-เพลงขาหมู ประกอบ ภ.นักฆ่าเหนือเมฆ ปากแดง โดนแทงข้างหลัง
-เพลงคนถูกทิ้ง ประกอบ ภ.อับดุลเอ๊ย รู้มั๊ยรู้....รู้
-เพลงใจจะทน (อวสานของเซลล์แมน) ประกอบ ภ. Fake โกหกทั้งพรรค

10.สาขาตัดต่อและลำดับภาพยอดเยี่ยม รายชื่อสุดท้าย ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ได้แก่
-เดอะไซโลเน็ตเวิร์ค อภิมหาโคตรโกง
-ปาหี่แห่โลง โกงเรื่องศพ ตบตาประชาชน
-จั่นเจาหน้าดำ เวรกรรมเข้าสิง
-นักฆ่าเหนือเมฆ ปากแดง โดนแทงข้างหลัง
-ว.5 ภาค 2 ตอนแรงง่าว

11.สาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม รายชื่อสุดท้าย ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ได้แก่
-เกมร้ายพ่ายรัก ซารางเฮโย
-ยักษ์เขียวในตะเกียงวิเศษ
-300 นักรบเอสเอ็มอี ประจัญบาน
-คน/โลภ/ติด
-Fake โกหกทั้งพรรค

รางวัลพิเศษ Lifetime Achivement Award เป็นรางวัลที่มอบให้แก่บุคคลหรือองค์กรแห่งปี ที่ทำคุณงามความดี สะสมผลงานยอดเยี่ยมมาอย่างยาวนาน ในปีนี้ทางสมาคมขอมอบให้แก่ ผู้บริหารและสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3  จากผลงานโดดเด่น อย่างน้อย 3 เรื่องใหญ่ๆ ได้แก่ น้องปอนด์ Thailand Got Talent, สรยุทธ์ กับกรณี บ.ไร่ส้ม และสุดท้ายสั่งแบนละครเหนือเมฆ 2  

หมายเหตุ  สำหรับลำดับที่ 1- 9 เป็นสาขาเดิมที่เคยมีการประกาศผลรางวัลเช่นเดียวกับปีก่อน มีเพิ่มสาขาใหม่อีก 2 สาขาเพิ่มขึ้นมาในปีนี้ ก็คือ สาขาตัดต่อและลำดับภาพ และสาขา ภ.แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม และสาขาที่ถูกตัดออกไปในปีนี้ก็คือ สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม 

เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมทั้ง 5 เพลงที่เข้าชิงในสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมีดังนี้

เพลงเช็ดแล้วทิ้ง (รกอก) ประกอบ ภ.เรื่องเกมร้ายพ่ายรัก ซารางเฮโย


มิวสิคแด๊นซ์ซีรี่ย์(โอ๊ะโอ๊ย/อย่ามองตรงนั้น/ก็ใครมันจะไปรู้หล่ะ) ประกอบ ภ.เรื่อง ว.5 ภาค 2 ตอนแรงง่าว


เพลงขาหมู ประกอบ ภ.เรื่อง นักฆ่าเหนือเมฆ ปากแดง โดนแทงข้างหลัง


เพลงคนถูกทิ้ง ประกอบ ภ.เรื่อง อับดุลเอ๊ย รู้มั๊ยรู้....รู้


เพลงใจจะทน (อวสานของเซลล์แมน) ประกอบ ภ.เรื่อง Fake โกหกทั้งพรรค
 

ประกาศผลรายชื่อผู้ชนะเลิศได้รับรางวัล "อ๊อดกล้า" ของสมาคมลิเกการเมืองไทย มีดังนี้

1.ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ ภ.เรื่อง เดอะไซโลเน็ตเวิร์ค อภิมหาโคตรโกง

2.นักแสดงนำยอดเยี่ยมฝ่ายชาย ได้แก่ ธาริต เพ็งดิษฐ์ จาก ภ.จั่นเจาหน้าดำ เวรกรรมเข้าสิง

3.นักแสดงนำยอดเยี่ยมฝ่ายหญิงได้แก่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จาก ภ. ว.5 ภาค 2 ตอนแรงง่าว

4.นักแสดงสมทบยอดเยี่ยมฝ่ายชาย ได้แก่ สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา จาก ภ.คน/โลภ/ติด

5.นักแสดงสมทบยอดเยี่ยมฝ่ายหญิง ได้แก่ รังสิมา รอดรัศมี จาก ภ.เกมร้ายพ่ายรัก ซารางเฮโย

6.ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ ทักษิณ ชินวัตร จาก ภ.เดอะไซโลเน็ตเวิร์ค อภิมหาโคตรโกง

7.บทภาพยนตร์ด้้งเดิมยอดเยี่ยม ได้แก่ เรื่อง เดอะไซโลเน็ตเวิร์ค อภิมหาโคตรโกง

8.บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ได้แก่ เรื่อง จั่นเจาหน้าดำ เวรกรรมเข้าสิง

9.เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ เพลงใจจะทน (อวสานของเซลล์แมน) จาก ภ.เรื่อง Fake โกหกทั้งพรรค

10.ตัดต่อและลำดับภาพยอดเยี่ยม ได้แก่  เรื่อง นักฆ่าเหนือเมฆ ปากแดง โดนแทงข้างหลัง

11.ภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม ได้แก่ ภ.เรื่อง ยักษ์เขียวในตะเกียงวิเศษ