เล่าเรื่องจีน (ในโอกาสฉลองวันชาติจีน ครบรอบ 70 ปี) ตอนที่ 3
ประวัติของเจียงเคเช็ก จอมพลแห่งจีนแผ่นดินใหญ่
จอมพลเจียง ไคเช็ก เกิดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ.1887 เจียง ไคเช็ก จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยของประเทศญี่ปุ่น หลายคนคงเคยสงสัยกันว่าทำไมไต้หวันต้องแยกออกไปจากจีน ซึ่งในข้อสงสัยนี้จอมพลเจียง ไคเช็ก ก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน ซึ่งเราจะได้เรียนรู้กันในประวัติของจอมพลเจียง ไคเช็ก ดังต่อไปนี้
จอมพลเจียง ไคเช็ก เป็นหัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋ง หลังจากที่ดร.ซุน ยัตเซ็นได้เสียชีวิตลงไป ในยุคนั้นเป็นยุคที่จีนถูกบุกรุกจากญี่ปุ่นอย่างรุนแรง ประเทศอยู่ในช่วงที่อ่อนแอ แถมยังมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่พยายามจะก่อการปฏิบัติระบอบประชาธิปไตยของจอมพลเจียง ไคเช็กด้วย ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์นั้นนำด้วยหัวหน้าพรรคคือ เหมา เจ๋อตุง ซึ่งเป็นเพื่อนกับเจียง ไคเช็ก แต่ด้วยความเห็นที่ต่างกัน เหมา เจ๋อตุง จึงออกไปก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน และด้วยความที่ประเทศอยู่ในช่วงที่อ่อนแอมาก จนกระทั่งพรรคคอมมิวนิสต์สามารถที่จะปฏิวัติพรรคก๊กมินตั๋งได้สำเร็จ กองทัพของจอมพลเจียง ไคเช็ก พ่ายแพ้ท่านจึงถอยหนีมาตั้งหลักอยู่ที่เขตพื้นที่อิสระทางตอนเหนือ นั่นก็คือ เกาะไต้หวันนั่นเอง โดยคนที่มาพร้อมกับจอมพลเจียง ไคเช็ก ก็จะเป็นคนจีนที่เห็นด้วยกับระบอบประชาธิปไตยและต้องการใช้ชีวิตแบบประชาธิปไตย
จอมพลเจียง ไคเช็ก จึงเริ่มต้นการปูรากฐานทางเศรษฐกิจที่ไต้หวันแบบประชาธิปไตย เขาทำทุกอย่างให้ไต้หวันหลายเป็นประเทศประชาธิปไตย ทำใส่สิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ จนกระทั่งเขาสามารถที่จะทำได้สำเร็จ ไต้หวันเป็นประเทศที่มีการปกครองแบบประชาธิปไตย ประเทศมีความเจริญ มีสีสัน มีความสุข นับว่าเป็นความภาคภูมิใจหลังจากที่เขาพ่ายแพ้จากพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาครั้งก่อน การที่ประเทศประสบความสำเร็จเช่นนี้ถือว่าเป็นความน่ายินดี และถือว่าเรื่องน่าอัศจรรย์ใจที่สุดชาติหนึ่งในภูมิภาคเอเชียที่สามารถผ่านพ้นอุปสรรค เรื่องราวเลวร้ายมามากมาย จนกระทั่งสามารถที่จะเอาตัวรอดมาได้จนปัจจุบันนี้
สำหรับนโยบายการบริหารประเทศนโยบายหนึ่งที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของไต้หวันมากก็คือ นโยบายที่จอมพลเจียง ไคเช็ก ให้ชาวนาที่ร่ำรวย ยอมที่จะขายที่นาในราคาถูกๆ ให้กับชาวนาที่ยากจน นโยบายดังกล่าวทำให้เกิดชนชั้นขึ้น ในขณะที่ชาวนาที่รวยแล้วก็จะเอาเงินที่ได้จากการขายนาไปประกอบอุตสาหกรรม ส่วนชาวนาที่ยาหกจนซึ่งมีจำนวนมากกว่าก็เริ่มมีที่นาสำหรับทำการเกษตร โดยผลผลิตทางการเกษตรนั่นเองก็ที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ไต้หวัน จนกระทั่งประเทศไต้หวันได้ขึ้นมาอยู่อันดับ 26 ของชาติที่มีเศรษฐกิจดีที่สุดในโลก แต่ในขณะเดียวกันจอมพลเจียง ไคเช็ก ก็ยังคงไม่ปล่อยให้ประชาชนนั้นมีสิทธิเสรีภาพแบบประชาธิปไตยพอสมควรเพื่อยังอยู่ในช่วงที่ประเทศกำลังพัฒนาท่านจอมพลเจียง ไคเช็ก จึงใช้การปกครองแบบเสร็จการเบ็ดเสร็จไปก่อน แต่ระบอบดังกล่าวที่จอมพลเจียง ไคเช็ก เป็นผู้นำก็ถือว่าเป็นผลดีต่อประเทศที่ช่วยให้ไต้หวันสามารถที่จะตั้งอยู่และอยู่ได้อย่างมีความสุข
ประวัติของเหมาเจ๋อตุง ประธานาธิบดีคนแรกและผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน
เหมา เจ๋อตง หรือ เหมา เจ๋อตุง บุตรชายในตระกูลชาวนาเจ้าของที่ดิน จบการศึกษาจากวิทยาลัยฝึกหัดครู ก่อนจะเข้าร่วมพรรค คอมมิวนิสต์จีน หลังจากถูกปราบปรามโดยนายพลเจียง ไคเชก เหมาฯ ได้ขึ้นมาเป็นประธานของคณะโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งประเทศจีน ภายใต้การปกครองของเหมา เจ๋อตุง พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้ชนะสงครามกลางเมืองจีน และปกครองจีนแผ่นดินใหญ่ได้ เหมา เจ๋อตุงได้ประกาศตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน
เหมาได้นำประเทศเข้าเป็นพันธมิตรกับสหภาพโซเวียต ก่อนจะแยกตัวมาภายหลัง เขายังเป็นผู้นำให้เกิดการปฏิวัติวัฒนธรรมเหมาได้รับการยกย่องให้รวมประเทศจีนเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง หลังจากตกอยู่ใต้อิทธิพลของต่างชาติตั้งแต่สงครามฝิ่น ในประเทศเขาถูกเรียกว่า ประธานเหมา (Chairman Mao) แต่เขาปกครองประเทศจีน และก็มีป้ายปรากฏคำวิพากษ์วิจารณ์ต่อพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นครั้งสุดท้ายที่เหมาจะขอความคิดเห็นกับประชาชนจีน ไม่ช้าหลังจากนั้นเขาก็กำจัดคนที่ออกมาพูดอย่างอำมหิต คนหลายแสนคนถูกระบุว่าเป็น
พลเรือนฝ่ายขวาและถูกไล่ออกจากงานคน หลายหมื่นคนถูกส่งเข้าคุก แต่เหมาไม่สนใจอีกต่อไป เขาแวดล้อมด้วยลูกขุนพลอยพยัก และมีอิสระที่จะดำเนินตามความคิด ซึ่งมีน้อยคนนักที่จะคาดเดาปลายทางได้
พลเรือนฝ่ายขวาและถูกไล่ออกจากงานคน หลายหมื่นคนถูกส่งเข้าคุก แต่เหมาไม่สนใจอีกต่อไป เขาแวดล้อมด้วยลูกขุนพลอยพยัก และมีอิสระที่จะดำเนินตามความคิด ซึ่งมีน้อยคนนักที่จะคาดเดาปลายทางได้
ปลายยุค พ.ศ. 2503 มีประชากรมากกว่า 1 ล้านคนถูกฆ่าหรือถูกจำคุกโดยขบวนการเรดการ์ด ขบวนการร้ายกาจถูกปลดหลังจากหลายปีแห่งความวุ่นวายในจีน ตอนนี้เหมาหาวิธีการที่จะเปิดประเทศจีนสู่ประชาคมโลก เป็นการริเริ่มที่สำคัญครั้งสุดท้ายของเขาด้วย ลักษณะนิสัยที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใด เขาหันเข้าหาศัตรูคือ สหรัฐอเมริกา โดยปี พ.ศ. 2515 เขาได้เชิญประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสันแห่งอเมริกามาที่ปักกิ่ง เพื่อเข้าร่วมการประชุม เป็นการสนทนาครั้งแรกของทั้งสองประเทศในช่วงเวลาเกือบ 3 ทศวรรษ แต่สุขภาพเหมาก็แย่ลง 18 กันยายน พ.ศ. 2519 เขาเสียชีวิตด้วยอายุ 83 ปี แต่เบื้องหลังความนิ่งเงียบของเขาทำให้เรารู้ว่าเขาอยู่เบื้องหลังการประหาร ประชากรร่วมชาติกว่า 10 ล้านคน
(เครดิตข้อมูลโดย นส.นัยต์ปพร ทูคำมี / นส.อภิชญา ไตรทาน / นส.ณัฐชาพร อุณหเลขกะ / นส.นวพรรษ จันทร์กระจ่าง)
(เครดิตข้อมูลโดย นส.นัยต์ปพร ทูคำมี / นส.อภิชญา ไตรทาน / นส.ณัฐชาพร อุณหเลขกะ / นส.นวพรรษ จันทร์กระจ่าง)
เครดิตข้อมูลบทความจากเพจ chinazctv.com,blog oknation นายยั้งคิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น