ขุนนางโฉด! วีรกรรมสุดแสบของ ‘ฉินฮุ่ย’ กังฉินที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์จีน (ตอนที่ 2)
ย้อนกลับมาที่ราชวงศ์ซ่ง คังอ๋องพระโอรสองค์ที่ 9 ของฮ่องเต้ซ่งฮุยจงได้หนีรอดจากการถูกวาดต้อน
ของกองทัพจินไปได้และได้ตั้งตนขึ้นเป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่และยังได้ตั้งราชวงศ์ใหม่เป็นราชวงศ์หนาน
ซ่ง มีการย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองหลินอัน (ปัจจุบันคือหางโจว) ซึ่งข่าวนี้ก็ได้ยินไปถึงฮ่องเต้ซ่งชินจง
และฮองเฮาที่ถูกจับไปเป็นเชลยในอาณาจักรจิน ฮ่องเต้ซ่งชินจงจึงเสนอกับกษัตริย์จินว่าจะกลับไป
เจรจาเพื่อให้ฮ่องเต้ซ่งเกาจงมาสวามิภักดิ์กับอาณาจักรจิน แต่กษัตริย์จินนั้นไม่ยินยอมเพราะเหมือน
ปล่อยเสือเข้าป่า
กษัตริย์จินจึงมาปรึกษากับ “ต้าหลาน” รองแม่ทัพว่าจะทำอย่างไรดี ในที่สุดก็เรียกฉินฮุ่ยเข้ามาพูดคุยพร้อมกับบอกว่าจะปล่อยฉินฮุ่ยและภรรยากลับไปแต่จะแสร้งเป็นว่าฉินฮุ่ยหนีออกไปได้ พร้อมกับกำชับว่า “เจ้ารู้นะว่าต้องทำอย่างไรเมื่อกลับไปถึง” แน่นอนว่าคนสอพลอแบบฉินฮุ่ยนั้นเข้าใจได้ไม่ยาก
หลังจากถูกจับไปเป็นเชลยโดนเด็กโขกสับไม่ต่างจากเป็นของเล่นกว่า 4 ปี การกลับมาครั้งนี้ฉินฮุ่ยจึงตั้งความหวังไว้ว่าจะต้องตักตวงเอาอำนาจทุกอย่างมาให้มากที่สุด ทันทีที่เท้าเหยียบเข้าราชอาณาจักร ฉินฮุ่ยก็เบ่งใส่ทหารก่อนเลยว่าตนคืออดีตราชเลขาธิการที่ถูกจับตัวไปและสั่งให้หาอาหารดีๆ มารับรองก่อนจะนั่งเกี้ยวไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้พระองค์ใหม่เพื่อรายงานความเป็นอยู่ของฮ่องเต้ทั้งสองพระองค์และพระมารดาของฮอ่งเต้ซ่งเกาจงที่ถูกกวาดต้อนไป
ซึ่งฮ่องเต้ซ่งเกาจงนั้นเป็นห่วงพระมารดาเป็นอย่างมาก
ซึ่งฮ่องเต้ซ่งเกาจงนั้นเป็นห่วงพระมารดาเป็นอย่างมาก
ฉินฮุ่ยได้ยินดังนั้นก็จับจุดได้จึงเห็นทางในการประเคนอาณาจักรให้กับพวกจิน เลยทูลฮ่องเต้ไปว่าหนทางที่จะนำพระมารดาของฮ่องเต้กลับมาก็คือการยอมเจรจาสงบศึกและสวามิภักดิ์กับพวกจินซะ เมื่อได้ฟังดังนั้นฮ่องเต้ซ่งเกาจงก็มีทีท่าเห็นด้วยกับฉินฮุ่ย แต่เหล่าขุนนางก็คัดค้านว่าฮ่องเต้ไม่ควรนำเรื่องส่วนพระองค์มาปะปนกับอนาคตของอาณาจักร ข้อเสนอนี้ของฉินฮุ่ยจึงถูกพักไป และเพื่อเป็นการรับขวัญฉินฮุ่ย ฮ่องเต้จึงตั้งให้เป็นขุนนางอีกครั้งหนึ่ง
ฉินฮุ่ยพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้าใกล้ฮ่องเต้ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะเข้าทางเพราะฮ่องเต้มักมีรับสั่งให้ฉินฮุ่ยเข้าเฝ้าเพื่อถามไถ่เรื่องราวของพระมารดาอยู่เสมอ ซึ่งฉินฮุ่ยก็อาศัยจังหวะนี้ในการแนะนำการบริหารบ้านเมืองพร้อมกับเลียขาฮ่องเต้ จนในที่สุดฉินฮุ่ยก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัครมหาเสนาบดีพร้อมกับได้สิทธิ์ในการดูแลเรื่องการทหาร ซึ่งเมื่อมารับตำแหน่งฉินฮุ่ยก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแต่ทว่าแท้จริงนั้นฉินฮุ่ยฝีมือไม่เก่งเท่าฝีปาก ไม่นานนักก็ถูกปลดไปเป็นอาจารย์ในโรงเรียนมหาดเล็ก
ต่อมาในปี ค.ศ.1133 กองทัพจินได้แต่งกองทัพเข้ามารุกรานอีกครั้ง ซึ่งการสู้รบในแต่ละครั้งนั้นก็ทำให้ฮ่องเต้ซ่งเกาจงรู้ว่ากองทัพของตนนั้นอ่อนปวกเปียกไม่สามารถต้านทานกองทัพจินได้เลยและกองทัพจินก็แสดงเจตนาว่าไม่อยากรบให้แตกหัก และได้ส่งทูตเข้ามาเจรจาสงบศึกพร้อมกับข้อเสนอเป็นดินแดนบางส่วน ซึ่งหน้าที่ในการเจรจานั้นแน่นอนว่าต้องเป็นฉินฮุ่ยอย่างแน่นอน
การเจรจาในครั้งนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี กองทัพจินนั้นได้ตามข้อเสนอเพื่อแลกกับการหยุดโจมตี ฮ่องเต้ซ่งเกาจงได้ยอมยกดินแดนบางส่วนให้ไป ในช่วงนี้นั้นฉินฮุ่ยกลับมารับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีอีกครั้ง และยังลอบส่งจดหมายลับไปให้อาณาจักรจินถึงแผนการครอบครองราชวงศ์ซ่งใต้ซึ่งจะใช้พระมารดาของฮ่องเต้ซ่งเกาจงเป็นข้อแลกเปลี่ยน
การก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในครั้งนี้ของฉินฮุ่ยนั้น เขาตั้งใจว่าจะจัดการเสี้ยนหนามของตนเองให้หมดโดยมีกองทัพจินเป็นแบ็คให้
การก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในครั้งนี้ของฉินฮุ่ยนั้น เขาตั้งใจว่าจะจัดการเสี้ยนหนามของตนเองให้หมดโดยมีกองทัพจินเป็นแบ็คให้
ซึ่งในการดำรงตำแหน่งของฉินฮุ่ยนั้นหากฮ่องเต้มีทีท่าว่าจะปลดฉินฮุ่ยออกจากคำแนะนำของขุนนางและแม่ทัพคนอื่นๆ ฉินฮุ่ยก็จะส่งม้าเร็วไปยังกองทัพจินที่ตั้งคุมเชิงอยู่นอกอาณาจักรให้กลับมาฮึ่มๆ ใส่ พร้อมกับย้อนศรกลับไปเป่าหูให้ฮ่องเต้ปลดขุนนางที่มาฟ้องออกไปด้วยการยกข้ออ้างที่ว่า ฉินฮุ่ยเป็นคนเดียวที่จะทำให้ฮ่องเต้ได้พบหน้ามารดาอีกครั้งหนึ่ง
นั่นก็รวมไปถึง “งักฮุย” แม่ทัพที่เก่งกาจที่สุดในกองทัพของหนานซ่งในตอนนั้น ที่ถูกพิษลิ้นอาบยาพิษของฉินฮุ่ยตวัดจนถูกปลดออก ซึ่งการปลดงักฮุยออกนั้นฮ่องเต้ซ่งเกาจงถึงขนาดต้องใช้ป้ายอาญาสิทธิ์ถึง 12 อันในการเรียกตัวงักฮุยที่กำลังติดพันศึกอยู่แนวหน้ากลับมาเพื่อรับคำสั่งขัง เมื่อถูกขังพร้อมกับขุนศึกฝีมือดีที่ทำการรบด้วยกัน ฉินฮุ่ยก็ส่งมือสังหารไปลอบสังหารงักฮุยและบุตรชายผู้เป็นขุนศึกคู่ใจถึงในคุก คราวนี้ก็เท่ากับว่าทั้งอาณาจักรนั้นตกอยู่ในมือของฉินฮุ่ยไปโดยปริยาย
แน่นอนว่าเมื่อขาดแม่ทัพฝีมือดีที่สุดไปราชวงศ์หนานซ่งก็ไม่ต่างจากกวางที่ถูกกองทัพจินที่ร้ายกาจเหมือนเสือไล่ขย้ำ ซึ่งฉุนฮุ่ยก็รอจังหวะนี้อยู่แล้วจึงเสนอให้ฮ่องเต้ซ่งเกาจงทำการแลกดินแดนกับพระมารดาและสงบศึกซะ ฮ่องเต้ซ่งเกาจงไม่มีทางเลือกและต้องการพบหน้าพระมารดาจึงตกลงตามนั้น ผลก็คือกองทัพจินได้รับดินแดนครึ่งหนึ่งของราชวงศ์หนานซ่งเพื่อแลกกับการสงบศึกและปล่อยตัวพระมารดาของฮ่องเต้ซ่งเกาจง
เครดิตข้อมูลและภาพจาก เพจ SpokeDark.TV
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น