จากสภาพภูมิอากาศที่ร้อนสุดๆ ในเวลานี้ของบ้านเรา ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หากอุณหภูมิบ้านเราสูงขึ้นทุกปีไปอย่างนี้ โดยไม่มีการทำอะไรเลย เพื่อทำให้สภาพอากาศของบ้านเราเย็นขึ้น หรืออุณหภูมิมันลดลง วันนึงเราจะอยู่กันอย่างไร ในขณะที่ประเทศรอบบ้านเรา ในย่านอาเซี่ยน ล้วนมีอุณหภูมิต่ำกว่าเราโดยเฉลี่ยทุกประเทศ สาเหตุหลักอันหนึ่งน่าจะมาจาก ปริมาณของป่า ต้นไม้ในบ้านเรามันลดลง และไม่มีการปลูกเพิ่มขึ้นเลย หรือกระจุกตัวอยู่ในเขตเมืองที่พอจะมีสวนสาธารณะหรือต้นไม้อยู่บ้าง แต่ป่าที่สมบูรณ์ของบ้านเรากลับถูกทำลายลงทุกปี จะพบว่ามีการเผาป่าเกิดขึ้นทุกปี และข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ มีการตัดต้นไม้ใหญ่ ๆ อายุร้อยปี เกิดขึ้นในหลายๆ พื้นที่ ใกล้บริเวณริมถนน หรือทางหลวง โดยขาดซึ่งความตระหนักถึงหน้าที่ในการอนุรักษ์ทรัพยากรต้นไม้ ซึ่งมีเหลืออยู่น้อยแล้ว แต่ก็ยังเลือกที่จะโค่น ตัด ทำลายลงไป โดยขาดจิตสำนึกว่า กว่าที่ต้นไม้เหล่านั้นจะมีอายุยืน เติบใหญ่มาได้ถึงเพียงนี้ ใช้เวลาในการบ่มเพาะ รักษามากี่ปี และมันได้ช่วยให้สภาพภูมิอากาศของบริเวณนั้นชุ่มขื่น สดชื่น เพิ่มปริมาณโอโซนในอากาศ และความร่มเย็นแก่สภาพอากาศโดยรวมเพียงใด เรายังไม่ได้เห็นภาครัฐออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีนี้เลย และไม่ค่อยจะเห็นการรณรงค์ปลูกป่า หรือรณรงค์ให้ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศรณรงค์ปลูกต้นไม้ ป่าสีเขียวเพิ่มขึ้นสักเท่าไรในระยะหลังอย่างเอาจริงเอาจัง ภัยแล้งในปีนี้ ผลพวงส่วนหนึ่งก็มาจากสภาวะอากาศโดยรวม ซึ่งมีสาเหตุมาจากพื้้นป่า ต้นไม้ลดลงนั่นเอง มันจึงไม่มีตัวช่วยกักเก็บน้ำ แม่น้ำ ลำคลอง แม้กระทั่งน้ำตก ก็ไม่มีน้ำเหลืออยู่ อยู่ในสภาพแห้งขอดมาหลายปีแล้ว นี่คือภัยที่น่ากลัวที่สุดแล้ว ไม่อยากจะนึกภาพว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ถ้าสภาพการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เราจะอยู่กันได้อย่างไร อาจจะได้เห็นข่าว ประเทศไทยสั่งซื้อ หรือนำเข้าน้ำดิบจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อมาทำน้ำประปาหรือ ซื้อน้ำดิบมาทำน้ำดื่ม ยังไม่นับว่าจะหาน้ำจากไหนมาทำเกษตร ซึ่งเป็นปัญหาระดับวาระแห่งชาติแล้ว แต่ยังไม่เห็นวิสัยทัศน์อะไรเลยจากรัฐบาลทั้งโลกนี้ และโลกหน้า การไปศึกษาดูงานยังต่างประเทศของข้าราชการไม่เคยถูกนำมาใช้ หรือมาแก้ไขปัญหาประเทศได้ในทางปฏิบัติ มีแต่ตำน้ำพริกละลายงบประมาณประเทศไปในแต่ละปี อย่างไร้ความหวัง
นี่เป็นเพียงการบ่น และพูดถึงปัญหาที่น่าเป็นกังวลที่สุดในขณะนี้ และอยากให้บ้านเมืองเราน่าอยู่และอยู่ได้ อากาศไม่ร้อน เหมือนเมื่อสมัยก่อน สมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่เรา เมื่อซัก 50 ปีก่อน อากาศเมืองไทยตอนนั้น ยังไม่ร้อนเท่าทุกวันนี้ ป่าไม้ยังไม่ถูกทำลายเท่าทุกวันนี้
เมืองที่มีต้นไม้สมบูรณ์ น่าอยู่ของโลก มีเมืองใดบ้าง ไปดูกัน
10 เมืองที่ดีที่สุดสำหรับป่าคนเมือง ในประเทศอเมริกา ได้แก่
|
Urban Forests in Sacramento , U.S.A |
American Forests is excited to
announce the 10 best cities for urban forests:
Austin , New York , Charlotte , Portland , Denver , Sacramento , Milwaukee , Seattle , Minneapolis , Washington
D.C.
ถ้าในย่านอาเซี่ยน เมืองป่า ที่มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซี่ยน อยู่บนเกาะโอเอซิสใน ไอส์กานดาร์ มาเลเซีย
Country
Garden Unveils ‘Forest City’—Southeast Asia’s Largest Green City Nestled on
Island Oases in Iskandar Malaysia
|
มาเลเซีย ผู้นำมีวิสัยทัศน์ สร้างเมืองขึ้นมาใหม่ที่มีป่า ต้นไม้ พื้นที่สีเขียว ผสมผสานอยู่ในเมือง โดยตัวอาคารกลายเป็นส่วนประกอบของป่าเท่านั้น |
และถ้าเป็นโซนยุโรป ก็จะมีเมืองที่เป็นเมืองแห่งสวนสาธารณะที่ดีที่่สุด ได้แก่ Paris (France) , Madrid & Barcelona (Spain) , London (England) , Zagreb (Croatia) , Rome & Milan (Italy) , Berlin & Munich (Germany) , Dublin (Ireland) , Porto (Portugal) , Budapest (Hungary) , Brussels (Belgium) , Amsterdam (Netherland)
|
Tiergarten Park in Berlin, Germany |
|
Garden of Mont des Arts in Brussels , Belgium |
อยากเห็นป่าหรือสวนที่มีต้นไม้รกครึ้มหนาแน่น อยู่ทุกจังหวัด เพื่อจะได้มีโอโซนที่ดีให้คนได้หายใจเอาอากาศดีๆ เข้าสู่ร่างกายบ้าง และอยากเห็นภาครัฐและเอกชนร่วมกัน รวมทั้งภาคประชาสังคมเดินหน้ารณรงค์เรื่่องการปลูกต้นไม้ ปลูกป่า ให้ได้ปริมาณเยอะๆ อย่างจริงจังเสียที เพื่อทดแทนกับปริมาณป่ากับต้นไม้ที่ถูกทำลายลงไปมากในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่ประเทศไทยจะได้ชื่อว่าเป็นดินแดนทะเลทรายแห่งใหม่ของอาเซี่ยนแทน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น