วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โลกเหงาๆ ของเขาและเธอ 5




กาลครั้งหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ 

เราเคยบอกรักกัน ( นั่นมันเมื่อวานนี้เองนี่ )

 

เราเคยสัญญาอะไรกันไว้  (อันนี้ ฉันมั่นใจ)

เราเคยพร่ำรำพึงรำพันอะไรต่อกัน  (นี่เธอบ้า หรือฉันเพี้ยนกันแน่)
 
 
 
  
เมื่อยามรักกัน น้ำต้มผักยังว่าหวาน


ประโยคบอกเลิก แบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น มีดังนี้

1.เราควรห่างกันสักพัก    (แต่เป็นพักใหญ่ ๆ หน่อยนะ ราวชาตินึงหน่ะ) 2.เราเข้ากันไม่ได้หรอก  (ทั้งๆ ที่เราเข้าออกกันอยู่บ่อยๆ ก่อนหน้านี้)
3.เราเป็นเพื่อนกันเถอะ   (เพื่อนอ่ะเป็นมานานแล้ว กูอยากเป็นอย่างอื่นบ้าง)
4.เธอดีเกินไป    (ทีหลังหัดทำชั่วบ้างนะ) 5.เราคงไม่มีเวลาให้เธอ  (เวลาที่มี เราเอาไปลั้ลลากับคนอื่นอยู่)
6.เราต่างกันเกินไป      (อันนี้เพิ่งรู้ตัวหน่ะ ตัวเอง) 7.รู้สึกว่าเธอยังไม่ใช่สำหรับเรา   (เมื่อไหร่ ใช่ แล้วไลน์ไปบอกด้วยนะ) 8.ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา   (ไม่ต้อง ขอเป็นเงินหรือเวลาแทนจะได้มั๊ย) 9.เราจบกันแค่นี้นะ     (อยากขอบใจสักครั้งหนึ่ง) 10.เราคงเป็นได้แค่เพื่อนกัน   (แหงหล่ะ ฉันคงไม่ได้เป็นแค่เห็บเหาของเธอใช่มั๊ย)


  
 
อันที่จริงหญิงชายย่อมหมายรัก     มิใช่จักตัดทางที่สร้างสม
แม้นจักรักรักไว้ในอารมณ์                 อย่ารักชมนอกหน้าเป็นราคี


ดังพฤกษาต้องวายุพัดโบก                เขยื้อนโยกก็แต่กิ่งไม่ทิ้งที่
จงยับยั้งช่างใจเสียให้ดี                   เหมือนจามรีรู้จักรักษากาย

สุภาษิตสอนใครหว่า ของสุนทรภู่เคยว่าเอาไว้



 

ประโยคบอกรักที่ลึกซึ้งกินใจ มีบ้างมั๊ย ใครช่วยบอกที

       1. ถ้าการกอดเป็นการแสดงออกว่าผมรักคุณ ผมก็จะกอดคุณตลอดไป - Mandy Hampton

       2. คุณรู้ไหมว่าเวลาคุณมีความรัก คุณจะไม่อยากนอนหลับเลย เพราะว่าความจริงมันช่างมีความสุขมากกว่าในฝันซะอีก - Dr. Seuss

       3. ความรักก็เหมือนกับสะพานที่นำพาเราสองคนมาเจอกัน - R. H. Delaney

       4. ความรักทำให้คุณรู้สึกว่าไม่ว่าคนที่คุณรักจะทำตัวน่าตลกมากแค่ไหน คุณก็ยังรู้สึกว่าเขาน่ารักมากอยู่ดี - Agatha Christie

       5. เมื่อคุณรู้แล้วว่าคุณอยากอยู่กับใครไปตลอดชีวิต คุณจะรออะไรอีกล่ะ มาใช้ชีวิตร่วมกันเถอะ - Harry Burns from the movie ‘When Harry Met Sally’  

       6. ที่ฉันรักคุณไม่ใช่เพราะว่ารักในสิ่งที่คุณเป็นเพียงอย่างเดียวนะ แต่ฉันมีความสุขเวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกัน - Roy Croft

       7. ความรักสามารถที่จะทลายกำแพงที่คุณสร้างขึ้นมา เพื่อปกป้องตัวเองจากความกลัวว่าจะเสียใจเมื่อรักใครสักคนไปแล้ว - James Baldwin

       8. มีแต่ความรักเท่านั้นล่ะ ที่ทำให้คนเรามองเห็นสิ่งธรรมดา ๆ กลายเป็นสิ่งที่สวยงามขึ้นมาทันที - Alejandro de Solminihac

       9. ความรักคือชีวิต ชีวิตที่ปราศจากความรักก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งของที่ไม่มีชีวิตจิตใจ - Leo Buscaglia

       10. เราทุกคนต่างอยากมอบความรักให้คนอื่น และขณะเดียวกันก็อยากถูกรักด้วยเช่นกัน - Robert Frost

       11. ความรักสามารถหล่อหลอมสิ่งที่ต่างกันสองสิ่งมารวมเป็นหนึ่งเดียวได้ - Robert Frost

       12. ความรักเหมือนสายสัมพันธ์ที่ผูกมัดคนสองคนไว้ ไม่มีอะไรสามารถมาทำลายมันได้ - Robert Fulghum
  

ประโยคบอกรักสุดโรแมนติก  เรียบเรียงโดย/จาก เว็บกระปุกดอทคอม

 
 
 
 
 
The End
 

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โลก 360 องศา - (อเมริกาเผชิญภัยหนาวสุดในรอบ 38 ปี,ทำประชามติชาวกาตาลัน,ชาวเม็กซิโกลุกฮือเหตุนักศึกษา 43 คนสูญหาย,กองทัพไนจีเรียยึดคืนเขตเมืองชิบ็อก,ญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย,ประชุมผู้นำกลุ่มจี 20)



ทั่วประเทศสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับสภาพอากาศหนาวเย็นถึงจุดเยือกแข็ง บางพื้นที่อุณหภูมิติดลบ นับเป็นเดือนพฤศจิกายนที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดในรอบ 38 ปี  พยากรณ์อากาศคาดว่า ในวันนี้พื้นที่ทั่วประเทศตั้งแต่รัฐไอดาโฮไปจนถึงเนบราสกา และ ไอโอวา ไปยังทางใต้ที่รัฐเท็กซัส และ สุดแนวพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศที่แถบเกรท เลคส์ จะยังคงเผชิญกับอุณหภูมิที่หนาวเย็นที่สุดเป็นประวัติการณ์ของเดือนพฤศจิกายนต่อไปอีก ที่รัฐนิวยอร์ค ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เมื่อวานนี้พายุหิมะที่เกิดขึ้นทำให้บางพื้นที่ในเมืองบัฟฟาโรเกิดหิมะท่วมสูงถึง 6 ฟุต โดยในช่วงระยะเวลา 1 ชั่วโมง หิมะที่ตกลงมาวัดปริมาณได้ 7.6-12.7 เซนติเมตร รถยนต์ และ รถบรรทุกขนาดใหญ่จำนวนมาก ติดค้างอยู่ตามท้องถนนที่ถูกหิมะท่วมสูงที่ตกขาวโพลนแทบทุกพื้นที่  มีรายงานว่า นักกีฬาหญิงในทีมบาสเก็ตบอลของมหาวิทยาลัย Niagara ติดอยู่ในรถบนถนนหลวงเกือบ 24 ชั่วโมง ซึ่งอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ โดยปกติจะเกิดขึ้นช่วงปลายเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์  ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ค เผยว่าได้เตรียมเจ้าหน้าที่จากกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติ เข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ในนิวยอร์คช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว และได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในพื้นที่ 10 แห่ง มีรายงานรถไฟแอมแทร็ค ทางเมืองอัลเบนีไปยังบัฟฟาโรต้องระงับการให้บริการด้วย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ว่า ชาวสเปนเดินขบวนในอย่างน้อย 52 เมืองทั่วประเทศเมื่อวันเสาร์ เพื่อแสดงพลังคัดค้านแผนการลงประชามติอย่างไม่เป็นทางการ ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 9 พ.ย. ของชาวแคว้นกาตาลุญญา ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อแยกดินแดนเป็นเอกราช โดยในกรุงมาดริดประชาชนหลายร้อยคนฟังการอ่านแถลงการณ์ของ นายมาริโอ มาร์กัส โยซา นักเขียนผู้พิชิตรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ซึ่งกล่าวถึงการลงประชามติครั้งนี้ว่า ไม่เคารพ "หลักนิติธรรม หรือเจตจำนงที่แท้จริงของประชาชน"  ที่เมืองบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นเมืองเอกของแคว้นกาตาลุญญา เกิดการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย ระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนและฝ่ายคัดค้านการลงประชามติ ทางด้าน นายอาเธอร์ มาส ผู้นำแคว้นกาตาลุญญา กล่าวเตือนว่า ความเคลื่อนไหวใดๆ ของสเปน ในการขัดขวางการลงประชามติเชิงสัญลักณ์ในครั้งนี้ จะถือเป็นการโจมตีประชาธิปไตยโดยตรง  ศาลรัฐธรรมนูญสเปนมีคำสั่งในสัปดาห์นี้ ให้รัฐบาลแคว้นปกครองตนเองกาตาลุญญาระงับการลงประชามติ แต่รัฐบาลชาตินิยมของชาวกาตาลัน ประกาศจะเดินหน้าจัดการหยั่งเสียงประชามติตามแผนที่กำหนดไว้ ส่วน นายกรัฐมนตรีมาเรียโน ราฆอย ของสเปน กล่าวว่า สเปนไม่สามารถจัดการลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชเหมือนสกอตแลนด์ เนื่องจากสเปนมีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษรบัญญัติห้ามไว้ ขณะที่ของอังกฤษไม่มี  ชาวแคว้นคาตาโลเนียออกไปลงคะแนนเสียงในการทำประชามติถามประชาชน ว่าคาตาโลเนียควรจะแยกตัวเป็นอิสระจากประเทศสเปนหรือไม่ ฝ่าฝืนคำสั่งศาลที่สั่งให้พวกเขาระงับการทำประชามติครั้งนี้...สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชาวแคว้นคาตาโลเนียออกไปลงคะแนนเสียงในการทำประชามติเชิงสัญลักษณ์ ว่าพวกเขาควรจะแยกตัวเป็นอิสระจากประเทศสเปนหรือไม่แล้ว ในวันอาทิตย์ (9 พ.ย.) โดยไม่ฟังเสียงต่อต้านอย่างหนักจากรัฐบาลกลางสเปน รวมถึงคำสั่งศาลซึ่งระบุให้ระงับการโหวตครั้งนี้  ชาวกาตาลันจำนวนมากออกไปใช้สิทธิ์ตั้งแต่เช้า โดยบัตรลงคะแนนจะถามผู้มาใช้สิทธิ์ว่า แคว้นคาตาโลเนียควรมีสถานะเป็นรัฐหรือไม่ หากใช้คาตาโลเนียควรแยกตัวเป็นอิสระหรือไม่ เคลาดิโอ วาบันกา ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวอัลจาซีรา รายงานจากเมืองบาร์เซโลนา เมืองเอกของแคว้นคาตาโลเนีย ว่า สถานที่หลายพันแห่งรวมทั้งโรงเรียนเอกชน ถูกใช้เป็นหน่วยเลือกตั้ง ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นคาตาโลเนียคาดว่า จะมีอาสาสมัครเข้ามาช่วยเหลือในหน่วยเลือกตั้งต่างๆทั่วทั้งแคว้นกว่า 40,000 คน  ด้านนาย มิเกล อันโซ มูราโด นักวิเคราะห์การเมืองชาวสเปน ให้สัมภาษณ์กับอัลจาซีราว่า ผู้สนับสนุนการลงคะแนนเสียงประชามติอย่างไม่เป็นทางการครั้งนี้ จำเป็นต้องรวบรวมคะแนนโหวตให้ได้เกิน 2 ล้านเสียง เพื่อกดดันรัฐบาลกลางให้เห็นด้วยกับการทำประชามติอย่างเป็นทางการ  ทั้งนี้ แคว้นคาตาโลเนียมีประชากรประมาณ 7.5 ล้านคน เป็นหนึ่งในแคว้นที่มั่งคั่งที่สุดของสเปน คาตาโลเนียเริ่มผลักดันการขยายอำนาจปกครองตนเองในปี 2006 หลังพวกเขาออกกฎบัตรกำหนดสถานะตนเองเป็น 'ประเทศ' ก่อนจะถูกศาลรัฐธรรมนูญปฏิเสธในปี 2010 ซึ่งทำให้ความต้องการแยกดินแดนของชาวกาตาลันเพิ่มขึ้นอีก  ประธานาธิบดี อาร์ตูร์ มาส ผู้นำรัฐบาลท้องถิ่น เป็นผู้ผลักดันการทำประชามติครั้งนี้ โดยฝ่าฝืนคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีคำสั่งเมื่อวันอังคาร (4 พ.ย.) ให้ระงับการทำประชามติ

ชาวเม็กซิโกหลายพันคนลุกฮือประท้วงในหลายพื้นที่ทั่วประเทศเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหาตัวนักศึกษา 43 คน ที่หายตัวไปหลังออกมาชุมนุมเรียกร้องความไม่เป็นธรรมในการจ้างงานและปะทะกับตำรวจ ขณะที่เมื่อต้นสัปดาห์ได้พบหลุมฝังศพ 28 ศพที่ยังไม่ทราบว่าเป็นใครอยู่ในสภาพไหม้เกรียม เมื่อเดือนที่แล้ว นักศึกษาของวิทยาลัยครูแห่งหนึ่งในเมืองทางตอนใต้ของเม็กซิโก เดินทางมาประท้วงที่เมืองอีกัวลา รัฐเกร์เรโร เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมในการจ้างงานของครูที่อยู่ต่างจังหวัด หลังจากประท้วงเสร็จและกำลังจะเดินทางกลับโดยรถประจำทาง ได้มีชายหลายคนพร้อมอาวุธเปิดฉากยิงใส่รถประจำทางสามคัน และอีกคันหนึ่งที่เป็นของทีมฟุตบอลในท้องถิ่น ทำให้นักศึกษาสามคน นักฟุตบอลหนึ่งคน คนขับรถประจำทางและผู้โดยสารในแท็กซี่หนึ่งคนเสียชีวิต และอีกหลายคนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นตำรวจยังไล่ล่าและเชื่อว่าได้ยิงใส่กลุ่มนักศึกษาต่อ มีเจ้าหน้าที่ 22 คน ที่ถูกควบคุมตัวฐานเกี่ยวข้องกับการยิงนักศึกษาครั้งนั้น  โอมาร์ การ์เซีย นักศึกษาคนหนึ่งที่รอดชีวิตเล่าว่าเห็นตำรวจนำตัวเพื่อนคนอื่น ๆ ไปเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กย. ขณะนั้นมีรายงานว่านักศึกษา 57 คนหายตัวไป แต่สี่วันถัดมามีการประกาศว่านักศึกษา 13 คนเดินทางกลับบ้าน แต่มีรายงานว่ารายชื่อซ้ำซ้อนกัน สุดท้ายแล้วยังเหลือนักศึกษาที่หาตัวไม่พบอีก 43 คน ขณะที่เมื่อต้นเดือนนี้อัยการประกาศว่าพบหลุมฝังศพตื้น ๆ หกหลุม มีศพอยู่ข้างใน 28 ศพ อยู่ในสภาพไหม้เกรียม ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชจะต้องใช้เวลาหลายคนหรือหลายสัปดาห์เพื่อพิสูจน์ดีเอ็นเอ นายเอ็นริเก พีนา ประธานาธิบดีเม็กซิโกรับปากว่าจะนำตัวผู้ก่ออาชญากรรมในครั้งนี้มาลงโทษให้ได้

เอเอฟพี กองทัพไนจีเรียสามารถยึดเมืองชิบ็อก (Chibok) ในรัฐบอร์โนคืนจากกลุ่มติดอาวุธโบโกฮารัมได้สำเร็จ หลังจากที่ถูกช่วงชิงไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว(13) โดยเมืองแห่งนี้เป็นบ้านของนักเรียนหญิง 200 กว่าชีวิตซึ่งถูกโบโกฮารัมลักพาตัวไปตั้งแต่เดือนเมษายน  การปกป้องเมืองชิบ็อกมีผลอย่างยิ่งต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลประธานาธิบดี กู๊ดลัก โจนาธาน และกองทัพไนจีเรีย ซึ่งกำลังเผชิญเสียงติเตียนจากทั้งพลเมืองตนเองและนานาชาติที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวประกันกลับมาได้ และปล่อยให้เด็กหญิงเหล่านั้นตกอยู่ในเงื้อมมือของโบโกฮารัมนานถึง 7 เดือนแล้ว  พล.อ. โอลาจีเด โอลาเลเย โฆษกกองทัพ ส่งข้อความแจ้งผู้สื่อข่าวเอเอฟพีว่า ทหารสามารถยึดเมืองคืนจากกลุ่มโบโกฮารัมได้เมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา(15)   ปฏิบัติการฟื้นคืนความสงบเรียบร้อยกำลังดำเนินการ เมืองปลอดภัยดีแล้วนายพลผู้นี้ระบุ นักรบโบโกฮารัมได้บุกโจมตีเมืองชิบ็อกเมื่อวันพฤหัสบดี(13) โดยเกิดการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงท้องถิ่นอยู่นานหลายชั่วโมง จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากทั้ง 2 ฝ่าย ชาวบ้านหลายคนเล่าว่า พวกทหารไนจีเรียต่างพากันหนีตาย ทิ้งหน่วยเฝ้าระวังชุมชนให้ต่อสู้กับโบโกฮารัมเพียงลำพังทั้งนี้ ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากปฏิบัติการยึดคืนเมืองเมื่อวันเสาร์(15)
ประธานาธฺบดี กู๊ดลัก โจนาธาน ได้ประกาศเมื่อวันอังคารที่แล้ว(11) ว่าจะลงชิงเก้าอี้ผู้นำไนจีเรียสมัยที่สอง พร้อมสัญญาว่าจะกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธโบโกฮารัมที่ก่อเหตุโจมตีและลักพาตัวประชาชนอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมานี้  เมื่อวานนี้(16) ยังเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่ตลาดแห่งหนึ่งในเมืองอาซาเร รัฐเบาชี คร่าชีวิตชาวบ้านไปอย่างน้อย 13 คน โดยตำรวจระบุว่า มือระเบิดเป็นผู้หญิง ชาย 2 คนที่ชาวบ้านสังเกตเห็นว่าเดินเข้าไปในตลาดพร้อมกับมือระเบิด รายหนึ่งถูกรุมประชาทัณฑ์จนเสียชีวิต ส่วนอีกรายตำรวจควบคุมตัวไว้ได้ ล่าสุด ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุวินาศกรรมครั้งนี้ แต่รัฐเบาชีซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรียมีพรมแดนติดกับอีก 3 รัฐซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มอิสลามิสต์โบโกฮารัม


เอเอฟพี เศรษฐญี่ปุ่นเข้าสู่ ภาวะถดถอยในไตรมาสสามระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายนที่ผ่านมา ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการที่รัฐบาลโตเกียวเผยแพร่วันนี้(17) ซึ่งคาดว่าจะทำให้นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ต้องเลื่อนแผนขึ้นภาษีการขายในปีหน้าออกไปก่อน และอาจตัดสินใจประกาศเลือกตั้งก่อนกำหนดการลงทุนด้านที่อยู่อาศัย (residential investment) ที่ลดลง ตลอดจนการใช้จ่ายเงินทุน (capital spending) และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ยังคงซบเซา ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของญี่ปุ่นหดตัวลง 0.4% ในไตรมาสสาม หรือ 1.6% เมื่อเทียบต่อปี (annualized rate) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า การปรับขึ้นภาษีจาก 5% เป็น 8% เมื่อเดือนเมษายนกลายเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากเพียงใด และยิ่งทำให้คำโฆษณาของ อาเบะ ที่ว่าจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งดูไกลความจริงเข้าไปทุกที  ตัวเลขที่ออกมาถือว่าผิดจากความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะขยายตัวราว 0.5% จากการสำรวจความคิดเห็นโดยหนังสือพิมพ์ธุรกิจนิกเกอิ  ปรากฏการณ์เช่นนี้ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ อาเบะ จะประกาศเลือกตั้งก่อนกำหนดในเดือนธันวาคมปีนี้ และเลื่อนแผนขึ้นภาษีการขายเป็น 10% ในเดือนตุลาคมปีหน้าออกไปก่อน  เศรษฐกิจญี่ปุ่นเปิดตัวในไตรมาสแรกของปีด้วยอัตราการขยายตัว 1.6% ซึ่งทำให้นโยบายเศรษฐกิจแบบ อาเบะโนมิกส์เป็นที่กล่าวขานด้วยความคาดหวัง ทว่าผลของการปรับขึ้นภาษีเมื่อเดือนเมษายนกลับทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัว 1.9% ในไตรมาสสอง (เมษายน-มิถุนายน) หรือ 7.3% เมื่อเทียบรายปี เนื่องจากผู้บริโภคและภาคธุรกิจต่างชะลอการจับจ่ายใช้สอย  เดือนที่แล้ว ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ได้ขยายมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเชิงรุกเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มซบเซา แต่จากตัวเลขจีพีดีที่ออกมาทำให้หลายฝ่ายจับตาว่า บีโอเจ จะยังคงเดินหน้าอัดฉีดเม็ดเงินต่อไปอีกหรือไม่  ก่อนหน้านี้ อาเบะ ระบุว่า เขาจะรอดูตัวเลขจีดีพีประเมินรอบสุดท้ายของไตรมาส 3 ซึ่งจะประกาศในเดือนธันวาคม ก่อนตัดสินใจเกี่ยวกับการขึ้นภาษีรอบสอง  อย่างไรก็ดี มาร์เซล ธีเลียนต์ จากสถาบัน แคปปิตอล อีโนโคมิกส์ ได้ออกมาให้ความเห็นหลังทราบตัวเลขล่าสุดว่า อุปสงค์ภายในประเทศแทบไม่กระเตื้องขึ้นในไตรมาสที่ผ่านมา  จากตัวเลขจีดีพีเบื้องต้นที่รัฐบาลญี่ปุ่นแถลงวันนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่นายกรัฐมนตรี อาเบะ จะเลื่อนแผนขึ้นภาษี และประกาศเลือกตั้งก่อนกำหนด
แม้การขึ้นภาษีจะช่วยให้รัฐมีเงินรายได้มาลดหนี้สาธารณะของญี่ปุ่นที่สูงถึง 200% ของจีดีพี แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ อาเบะ ตกที่นั่งลำบาก เพราะต้องพยายามสร้างสมดุลระหว่างการลดหนี้กับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่เน้นการใช้จ่าย  สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า นายกรัฐมนตรีมีแผนประกาศเลือกตั้งในวันที่ 14 ธันวาคม ซึ่งเร็วกว่ากำหนดถึง 2 ปี เพื่อฟื้นคะแนนนิยมของรัฐบาล โดยผู้สังเกตการณ์ชี้ว่า อาเบะ ต้องการหยั่งเสียงประชาชนในช่วงที่ฝ่ายค้านยังตั้งตัวไม่ติดจากการพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งเมื่อ 2 ปีก่อน หนังสือพิมพ์ไมนิจิชิมบุน ระบุว่า อาเบะ จะออกคำสั่งจัดทำร่างงบประมาณเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้(18) ก่อนประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร


เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝ่ายชาวเคิร์ดเผย กลุ่มติดอาวุธญิฮัดรัฐอิสลาม (ไอเอส) มีนักรบเข้าร่วมกว่า 200,000 คน ถือเป็นตัวเลขนักรบที่สูงกว่าข้อมูลข่าวกรองของชาติตะวันตกหลายเท่า  ฟูอัด ฮุสเซน ประธานคณะเสนาธิการร่วมของประธานาธิบดีมัสซูด บาร์ซานี แห่งเขตปกครองเคอร์ดิสสถานในอิรัก เปิดใจให้สัมภาษณ์กับ ดิ อินดีเพนเดนท์ ออน ซันเดย์โดยระบุ ในความเป็นจริงแล้วกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) มีกำลังนักรบในสังกัดสูงถึงกว่า 200,000 คน  ฮุสเซนระบุว่า กำลังรบของกลุ่มไอเอสที่มีสูงถึงกว่า 200,000 คนนั้นถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่า 7-8 เท่า เมื่อเทียบกับข้อมูลข่าวกรองของชาติตะวันตกที่ระบุกลุ่มไอเอสมีนักรบไม่เกิน 31,500 คน  ประธานคณะเสนาธิการร่วมของผู้นำเคอร์ดิสถานในอิรักยังระบุว่า ในเวลานี้กลุ่มไอเอสสามารถยึดครองพื้นที่ราว 1 ใน 3 ของอิรัก และ 1 ใน 3 ของดินแดนซีเรียได้แล้ว คิดเป็นพื้นที่รวมกันกว่า 250,000 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นขนาดพื้นที่พอกับสหราชอาณาจักรทั้งประเทศ  นอกจากนั้น ข้อมูลข่าวกรองที่รวบรวมได้จากเจ้าหน้าที่ชาวเคิร์ดในพื้นที่ระบุว่า ขณะนี้มีพลเรือนผู้บริสุทธิ์จำนวนระหว่าง 10-12 ล้านคนติดค้างอยู่ในพื้นที่ยึดครองของกลุ่มไอเอส  ผมขอยืนยันได้ว่า ในความเป็นจริงแล้วกลุ่มไอเอสมีนักรบในสังกัดสูงถึงกว่า 200,000 คน หาใช่มีกำลังเพียงไม่กี่หมื่นคนอย่างที่หน่วยข่าวกรองตะวันตกระบุ นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่โลกตะวันตกกระโจนเข้าสู่ความขัดแย้งนี้ โดยที่พวกเขาแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับนักรบไอเอสที่เป็นศัตรูฟูอัด ฮุสเซน กล่าว  ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) เผยข้อมูลว่า กลุ่มนักรบไอเอสในอิรักและซีเรียน่าจะมีกำลังพลในสังกัดระหว่าง 20,000 – 31,500 คนเท่านั้น โดยข้อมูลของทางซีไอเอนั้นส่วนใหญ่ได้มาจากการประเมินจากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญซึ่งมิได้อยู่ในพื้นที่ รวมถึงอาศัยการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม  ความเคลื่อนไหวล่าสุดบ่งชี้ถึงความผิดพลาดในการประเมินสถานการณ์ของสหรัฐฯและชาติพันธมิตร ที่ประเมินศักยภาพของกลุ่มนักรบญิฮัดนี้ต่ำเกินไป  ล่าสุด พลเอก มาร์ติน เดมพ์ซีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยระหว่างการเดินทางเยือนกรุงแบกแดดของอิรักแบบไม่แจ้งล่วงหน้าเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) โดยยอมรับเป็นครั้งแรกว่า สหรัฐฯประเมินแสนยานุภาพของกลุ่มไอเอสต่ำเกินไป และว่าอาจจำเป็นต้องส่งทหารอเมริกันจำนวน 80,000 คนกลับเข้าไปในอิรัก จึงจะเป็นการเพียงพอต่อการกวาดล้างกลุ่มไอเอส

เอเจนซีส์ ผู้นำของกลุ่ม 20 ประเทศเศรษฐกิจรายสำคัญของโลก (จี20) ตกลงกันในวันอาทิตย์ (16 พ.ย.) ที่จะดำเนินมาตรการใหม่ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นส่งเสริมเศรษฐกิจโลกโดยรวมให้เติบโตเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษอีก 2.1% ภายในปี 2018 รวมทั้งยังเห็นพ้องต้องกันในเรื่องจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และปราบปรามการเลี่ยงภาษี อย่างไรก็ดี บรรยากาศของการประชุมซัมมิตที่ออสเตรเลียคราวนี้ ก็ถูกบดบังกลบรัศมีจากความสัมพันธ์ตะวันตก-รัสเซีย ที่ตกต่ำเลวร้ายจากกรณียูเครน ถึงขั้นประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน บินกลับก่อนปิดประชุมอย่างเป็นทางการ  ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย เดินทางออกจากนครบริสเบน ไม่นานนักก่อนที่การประชุมสุดยอดกลุ่มจี20 จะปิดฉากลงอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ กล่าวหาว่าเครมลินรุกรานยูเครน และผู้นำอังกฤษก็เตือนว่า ความขัดแย้งอาจยืดเยื้อ ขณะที่ผู้นำโลกตะวันตกอีกหลายชาติขู่ออกมาตรการลงโทษรอบใหม่ หากมอสโกไม่ยอมถอนกำลังทหารและอาวุธออกจากยูเครน  ผมคิดว่า ประธานาธิบดีปูตินคงพอรับรู้ว่า ตัวเองมาถึงทางแยกสำคัญ ซึ่งหากรัสเซียยังบ่อนทำลายเสถียรภาพยูเครนไม่เลิก จะมีมาตรการลงโทษและมาตรการอื่นๆ ตามมานายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษ กล่าว และว่า การลงโทษย่อมมีต้นทุนที่ต้องจ่าย แต่ต้นทุนจะสูงมากกว่านั้นหลายเท่าตัว หากยอมให้ความขัดแย้งยืดเยื้อต่อไปในยุโรป  ทั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป (อียู) มีกำหนดประชุมในวันจันทร์ (17) นี้ เพื่อพิจารณามาตรการขั้นต่อไป ซึ่งอาจรวมถึงการเพิ่มมาตรการลงโทษรัสเซีย  ด้านโอบามาสำทับว่า การโดดเดี่ยวรัสเซียเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไมได้ เขากล่าวว่าเรายึดมั่นความจำเป็นในการเคารพหลักการสากล คุณต้องไม่บุกรุกชาติอื่น ไม่อัดฉีดเงินหรือสนับสนุนให้ตัวแทนเข้าไปทำลายประเทศอื่นที่มีกลไกการเลือกตั้งประชาธิปไตยในช่วงเช้าวันอาทิตย์ โอบามา พร้อมด้วยนายกรัฐมนตรีโทนี แอ็บบอตต์ ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุม และนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น ยังได้ร่วมประชุมกันและออกคำแถลงต่อต้านความพยายามของมอสโกในการบ่อนทำลายเสถียรภาพในยูเครนตะวันออก
แอ็บบอตต์ระบุว่า ระหว่างการประชุมซัมมิตจี20 คราวนี้ เขาได้พูดคุยอย่าง เข้มข้นกับปูตินเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน โดยตัวเขาประณามสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครนตะวันออกขณะนี้ และเรียกร้องรัสเซียให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการสอบสวนการก่ออาชญากรรมกับเที่ยวบินเอ็มเอช17 ที่ถูกยิงตกเหนือพื้นที่ยึดครองของกบฏโปรรัสเซียในยูเครนตะวันออกในเดือนกรกฎาคม  นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า ผู้นำแคนาดาแสดงท่าทีลังเลที่จะจับมือกับประมุขเครมลิน  ในส่วนปูตินนั้น ก่อนเดินทางกลับได้ให้สัมภาษณ์สั้นๆ โดยแสดงความเชื่อมั่นว่า ขณะนี้ มีความเป็นไปได้ในการแก้ไขวิกฤตยูเครน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เขาให้เหตุผลว่า ที่ต้องเดินทางกลับก่อน เนื่องจากต้องใช้เวลาบินนาน และต้องการพักผ่อนนอนหลับสัก 4-5 ชั่วโมง ก่อนเริ่มทำงานในวันจันทร์  นอกจากวิกฤตยูเครนแล้ว ประเด็นความมั่นคงและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศยังเบียดเข้ามาในวาระการหารือของผู้นำจี20 ซึ่งในตอนแรกมุ่งเน้นหนักประกาศผลักดันเศรษฐกิจโลกให้ขยายตัวเพิ่มพิเศษอีก 2.1% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เป้าหมายดังกล่าวหมายความว่าจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้นอีก 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ และสร้างงานนับล้านๆ ตำแหน่ง โดยที่ประเทศต่างๆ จะดำเนินมาตรการใหม่ๆ ภายในประเทศและระหว่างประเทศ รวมแล้วกว่า 800 มาตรการ เป็นต้นว่า การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การขยายการค้า และการสร้างศูนย์โครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกเพื่อจับคู่นักลงทุนที่มีศักยภาพกับโครงการต่างๆผู้นำจี20 ยังตั้งเป้าลดช่องว่างระหว่างชาย-หญิงในการมีส่วนร่วมด้านแรงงาน ลงมาให้ได้ 25% ในปี 2025 อันจะทำให้มีการจ้างงานผู้หญิงเพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านคน และช่วยลดปัญหาความยากจน  คำแถลงของที่ประชุมยังให้คำมั่นในการปราบปรามการเลี่ยงภาษีทั่วโลก  ขณะเดียวกัน อเมริกาและอีกหลายประเทศสามารถเอาชนะความพยายามของเจ้าภาพออสเตรเลีย ที่ต้องการตัดประเด็นการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศออกจากวาระการประชุม ทั้งนี้ ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหัวสูงที่สุดในโลก  ทั้งนี้คำแถลงสุดท้ายของซัมมิตจี20คราวนี้ เรียกร้องการดำเนินการอย่างแน่วแน่และมีประสิทธิภาพเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ตามเป้าหมายในการรับรองพิธีสารที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย ในการประชุมภาวะโลกร้อนของสหประชาชาติ ที่ปารีสในปีหน้า  ผู้นำจี20 ยังสนับสนุนกองทุน กรีน ไคลเมตของยูเอ็น ที่มีจุดหมายในการช่วยเหลือประเทศยากจนรับมือกับปัญหานี้ โดยโอบามาประกาศสมทบเงินเข้ากองทุน 3,000 ล้านดอลลาร์ และญี่ปุ่นร่วมลงขัน 1,500 ล้านดอลลาร์นอกจากนี้ ผู้นำโลกยังเห็นพ้องร่วมกันต่อสู้กับไวรัสอีโบลา ซึ่งคาเมรอนกล่าวเมื่อวันเสาร์ (15) ว่า ไม่ได้เป็นแค่วิกฤตด้านมนุษยธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความเหงาเป็นโรคทางสังคมชนิดหนึ่ง ที่ครั้งหนึ่งทุกๆคนคงเคยได้สัมผัส

มันจะมาเมื่อตอนที่คุณผิดหวังหรือ hurt ใครซักคนหนึ่ง ,มันจะมาเมื่อยามที่คุณรายล้อมไปด้วยผู้คน แต่หันไปมองรอบๆตัวแล้ว ไม่พบเจอใครที่ใช่ ที่รู้ใจ ที่พร้อมจะให้คุณระบายความรู้สึก หรือเปิดใจได้ซักคนเดียว พาหะของโรคนี้คือความรู้สึกอยากอยู่ใกล้ๆ ขาดความอบอุ่น ความใส่ใจ ขาดความรักความเข้าใจ ความคิดถึง หรือความรู้สึกอยากสื่อสาร อยากระบาย อยากพูดคุยด้วย ถ้าอาการของของคุณคือสื่งเหล่านี้แล้วหล่ะก็ โปรดรู้ไว้เลยว่าคุณกำลัง เหงา หรือกำลังเป็นโรคนี้อยู่ และเมื่อเป็นแล้วจะมีทางรักษาให้หายได้มั๊ย ขึ้นอยู่กับตัวยาที่นำมารักษา เป็นยาแรง ใช้แล้วได้ผล หายโดยเฉียบพลันหรือไม่ หรือเป็นยาหมอตี๋ เลี้ยงไข้ไปวันๆ มักเป็นๆ หายๆ บางครั้งก็กำเริบขึ้นมาอีก ทางรักษาคือพบจิตแพทย์ หากิจกรรมทำ เข้าสังคมเพื่อนฝูง เปิดใจคบคนใหม่ๆ ดูบ้าง เผื่อจะอาการดีขึ้น หรือหายขาดจากโรคนี้ เราจึงขอนำ case กรณีตัวอย่างซัก 3 กรณี มาให้ดูกัน

ช่วงนี้จัดหนังที่เกี่ยวกับความเหงามาฝากคุณผู้อ่าน มีทั้งภาพยนตร์และซีรี่ย์ แต่ละเรื่องพล็อตเนื้อหาดีๆ ทั้งนั้น มันเป็นเรื่องราวของคนเมืองที่ใช้ชีวิตทำงานหรือเรียน หรือสอน ในเมืองใหญ่ หรือเป็นคนเมือง แต่ไปใช้ชีวิตอยู่ในชนบท แต่ความเหงาไม่เคยปราณีใคร ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ไม่เลือกสถานภาพ ฐานะ การศึกษา ไม่สนใจพื้นเพภูมิหลังของใครทั้งสิ้น เมื่อไหร่คุณมีเชื้อของความผิดหวังเศร้าสร้อยเมื่อไหร่ มันจะมาหาคุณทันที ไม่เลือกสถานที่และเวลา แม้ในงานปาร์ตี้ ฝูงชนคับคั่ง บนรถไฟฟ้า แต่หากคุณมีเชื้อเมื่อไหร่ มันจะมา โปรดเข้าใจตรงกันนะ

Her รักดังฟังชัด

เข้าฉายในปี ค.ศ. 2013 เขียนเนื้อเรื่อง,กำกับและร่วมผลิตโดย สไปค์ จอนซ์ นำแสดงโดย วาคีน ฟินิกซ์,เอมี่ อดัมส์,รูนีย์ มารา,โอลิเวีย ไวลด์ และ สกาเล็ต โยแฮนสัน พากย์เสียงของ ซาแมนธา ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวในอนาคตอันใกล้ที่เกิดขึ้นในมหานครลอส แองเจิลลิส ธีโอดอร์(วาคีน ฟินิกซ์) ชายหนุ่มผู้เขียนจดหมายเป็นอาชีพ ซึ่งทำให้เขาเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนไหวและเต็มไปด้วยความซับซ้อน หลังจากหย่าร้างกับภรรยาและต้องทุกข์ทนกับอาการใจสลาย ธีโอดอร์ก็ได้พบกับระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างเขาและซาแมนธา (สกาเล็ต โยแฮนสัน) ด้วยความสดใสในน้ำเสียงและอารมณ์ขันของเธอ มิตรภาพที่เติบโตเป็นความรักรูปแบบใหม่ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
 
Teacher’s Diary  คิดถึงวิทยา

ผลงานของค่ายหนังอารมณ์ดี GTH ออกฉายปี 2014 โดยผู้กำกับต้น นิธิวัฒน์ ธราธร ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานจากเรื่อง Season Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย และ Dear Galileo หนีตามกาลิเลโอ นำแสดงโดย ซุปตาร์ พลอย เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์, บี้ สุกฤษฏ์ วิเศษแก้ว ,เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารส

หนังเล่าเรื่องของ “สองอดีตนักมวยปล้ำตกอับที่ผันตัวเองมาเป็นครูเพียงคนเดียวที่มาสอนที่โรงเรียนซึ่งตั้งอยู่กลางเขื่อน ที่ไม่มีทั้งไฟฟ้าและน้ำประปา แถมยังไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ให้ติดต่อโลกภายนอกได้ สิ่งเดียวที่ช่วยให้สองคลายเหงาก็คือ ไดอารี่เล่มหนึ่งที่ถูกลืมทิ้งไว้ของแอนครูคนก่อนที่เพิ่งย้ายออกไป ซึ่งเขียนบรรยายเรื่องราวของเธอเอาไว้อย่างน่าสนใจ สองอ่านเรื่องราวของแอนจนรู้สึกเหมือนเธอเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เข้าใจเขา เป็นความผูกพันผ่านตัวหนังสือที่ยิ่งได้อ่านก็ยิ่งคิดถึงคิดถึงใครบางคนที่ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้ากันมาก่อน
 
 
เรื่องย่อRoom Alone 401-410  :  ซีรี่ย์เรื่องใหม่ของ GMM TV, โดยผลงานการกำกับของ เอ็กซ์-ณัฐพงษ์ มงคลสวัสดิ์  ออกฉายทางช่อง ONE 13.00-14.00 น.ทุกวันเสาร์ และรีรันทางช่อง Bang 20.00-21.00 น. ทุกวันอาทิตย์ นำแสดงโดย กลุ่มนักแสดงวัยรุ่นเลือดใหม่ วีเจ,นักร้อง หน้าคุ้นของช่อง Bang Channel

ซีรีส์ที่นำเสนอเรื่องราวของคนเหงาในยุคโซเชียล ที่ต่างคนต่างอาศัยอยู่คนเดียวภายในห้องพักชั้นเดียวกันตั้งแต่ห้อง 401 ไปจนถึงห้อง 410 แม้จะมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าของห้องทั้ง 10 คนต้องเผชิญเหมือนกัน นั่นคือความเหงา โลกเสมือนบนช่องทางออนไลน์จึงกลายเป็นทางออกสำหรับการมีใครสักคน ไว้พูดคุย ไว้กดไลค์ ไว้ FOLLOW ไว้เพิ่มยอดวิว ไว้แต่เมื่อกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ความเหงากลับไม่ได้ถูกกดปุ่มลบทิ้งไปด้วย พวกเขาทั้ง 10 คน จะรับมือกับความเหงาของตัวเองอย่างไร ติดตามได้ใน รูม อะโลน 401-410

แจกัน (ใบเฟิร์น อัญชลา มงคลสมัย) สาวเจ้าของห้อง 401 ผู้มั่นใจในตัวเองไปซะทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเดียวคือการสารภาพรักกับ เติร์ก (วิคเตอร์ ชัชชวิศ เตชะรักษ์พงศ์) เพื่อนชายคนสนิทร่วมชมรม แต่เธอกลับพบว่าเติร์กกำลังมีใจให้สาวห้าวรุ่นน้อง มิน (แนน ภัคจิรา กรรรัตนสูตร) แจกันจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เติร์กจีบมินไม่ติด แม้กระทั่งร่วมลงสนามแข่งกันจีบมินไปพร้อมกับเติร์ก ปิดโอกาสทำคะแนนชองเติร์ก และเป็นการยืนยันให้เติร์กรู้ว่ามินเป็นทอมจริง ๆ

ตุลย์ (ท็อปแท็ป จิรกิตติ์ คูอาริยะกุล) เจ้าของห้อง 402 ย้ายเข้ามาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ทำให้ เนปจูน แฟนสาวที่คบหากันมาตั้งแต่ม.ปลายที่เชียงใหม่ เกิดอาการหึงหวง เลยบังคับให้ตุลย์โพสต์สเตตัสในเฟซบุ๊กว่า ผมเป็นเกย์ ตุลย์เลยมีผู้ชายอยากเข้ามาทำความรู้จัก รวมทั้ง เคเบิ้ล รุ่นพี่ที่ทำให้ตุลย์เกิดความสับสน ส่วนเรื่องราวจะจบลงอย่างไร ต้องตามดูกัน

วิว (เมฆ จิรกิตติ์ ถาวรวงศ์) หนุ่มเจ้าของห้อง 403 เจ้าของ INSTAGRAM ภาพขาว ดำพร้อมคำคม 3 บรรทัด ที่มีจำนวน FOLLOWER มากมาย หนึ่งในนั้นคือ แนท (ณภศศิ สุรวรรณ) ทั้งคู่ได้รู้จักจนเป็นแฟนกัน โดยที่วิวไม่เคยได้พบตัวจริงของแนทเลย จนเมื่อวิวเล่น FACEBOOK แล้วพบกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่มีภาพ PROFILE เหมือนกับแนทใน INSTAGRAM วิวเลยเริ่มค้นหาว่าที่จริง ว่าใครคือเจ้าของภาพ PROFILE นี้กันแน่

เม่น (กิ๊กกี้ ปริยวิศว์ สุวิทยาวัฒน์) หนุ่มนักดนตรีประจำห้อง 404 เจ้าของแชนแนลใน YOUTUBE ที่ชื่อว่า So Sick of Love Song ที่เขาแต่งเอง โดยที่ทุกเพลงจะไม่พูดถึงความรักเลย ด้วยความแตกต่างทำให้เพลงได้รับความนิยม วันหนึ่งเม่นแต่งเพลงใหม่ที่มีเนื้อหาพูดถึงสังคม YOUTUBE โดยมีการพาดพิงถึง ซีน (เนสท์ AF9) เจ้าของแชนแนล Zean So Sad แชนแนลเพลงรักแสนเศร้าที่กำลังมาแรงไม่แพ้กัน การทะเลาะกันของคนทั้งคู่จึงเริ่มขึ้น แต่เมื่อทั้งคู่ได้ทำความรู้จักกันจริง ๆ ซีนกลับทำให้มุมมองเรื่องเพลงรักของเม่นเปลี่ยนไป ส่วนจะเปลี่ยนไปทิศทางไหน มาลุ้นไปพร้อมกัน

สโนว์ (มุก วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์) สาวสวยห้อง 405 ที่อยู่คนเดียว เพราะ เป้ (บอนด์ ธีรธัช) แฟนหนุ่มไปเรียนต่อต่างประเทศ สโนว์จัดการกับความเหงาด้วยการหาเพื่อนคุยผ่าน APPLICATION ต่าง ๆ ในโทรศัพท์ ทำให้เจอผู้ชายถึง 3 คน ตะวัน (บี้ KPN) ดาราชื่อดังที่แอบกรี๊ด, วอร์ม (เต ตะวัน) เพื่อนใน FACEBOOK ผู้คอยตามใจทุกอย่าง และ เรย์ (นิว ฐิติภูมิ) หนุ่มน่ารักคุยสนุกที่ทำให้หัวเราะได้ทุกครั้ง สุดท้ายสโนว์จะจัดการกับสถานการณ์ที่เธอรู้สึก รักทุกคน แต่ ไม่เป็นแฟนกับใครสักคน ได้อย่างไร 

แคมป์ (กันกัน ณัฐวัฒน์ ชัยณรงค์โสภณ) เด็กม.ปลายที่พ่อแม่บังคับให้มาเรียนพิเศษทุกเสาร์อาทิตย์ที่กรุงเทพฯ โดยต้องมาพักอยู่กับ เต็นท์ (เต๋า AF8) พี่ชายนักศึกษาแพทย์ที่ห้อง 406 ด้วยความต่างของทั้งคู่ ทำให้ทั้งสองคนไม่ค่อยลงรอยกันนัก แคมป์อยากเอาชนะพี่ชาย ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของ เค้ก (เวฬุรีย์ ดิษยบุตร) แฟนสาวของพี่ชายตัวเอง  

มิน (แนน-ภัคจิรา กรรรัตนสูตร) เจ้าของห้อง 407 ทอมสุดเท่จากโรงเรียนหญิงล้วน ต้องเผชิญกับความสับสนครั้งใหญ่ที่มาจากรักครั้งใหม่ และในที่สุดความสับสนก็สร้างปัญหาเมื่อมินเดินทางมาถึงทางแยกที่ต้องเลือก ระหว่างความรักที่ตัวเองต้องการกับการยอมรับของแกงค์เพื่อนสนิท

ใจเตย (วาวา-มริภา ศิริพูล) สาวบ้าดวงจากห้อง 408 วันหนึ่ง SMS ดวงรายวัน แจ้งบนหน้าจอมือถือว่าจะได้คนรักเป็นคนใกล้ตัว ที่สุดตกลงใจที่จะสร้างความสัมพันธ์กับ คิน (ภูวดล เวชวงศา) เพื่อนสนิทในก๊วนที่เคยแอบชอบเธอตั้งแต่ปี 1 เมื่อคนหนึ่งเคยแอบชอบและอีกคนต้องการความรักตามคำทำนาย รักครั้งใหม่จึงเกิดขึ้น แต่คินก็มีคำถามในใจว่าจริง ๆ ใจเตยอยากเป็นแฟนกับตน เพราะความรักหรือแค่เพราะทำตามดวงกันแน่ 

เอิง (กัน อชิรวิทย์ สาลิวรรธนะ) หนุ่มขี้เหงาจากห้อง 409 ผู้ชื่นชอบการร้องเพลงอัพโหลดลง Socialcam ด้วยบุคลิกหน้าตาและเสียงร้องที่โดดเด่น ทำให้เอิงกลายเป็นเน็ตไอดอล วันหนึ่งเอิงได้รู้จักกับ แกงค์ (แอมป์ The Star) การปรากฏตัวของแกงค์ไม่กี่วินาทีในคลิปวิดีโอของเอิง ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นคู่จิ้นคู่ขวัญที่ดังมากในโลกโซเชียล โดยที่ไม่มีมีใครรู้เบื้องหลังของรักครั้งนี้ นอกจากเขาทั้งสองคน

ปืน (ออฟ จุมพล อดุลกิตติพร) เจ้าของห้อง 410 หนุ่มโลกส่วนตัวสูง ไม่เว้นแม้กระทั่งกับ แอร์ (พัชชา พูนพิริยะ) แฟนสาวของตัวเอง แม้ภายนอกปืนจะเป็นผู้ชายที่ไม่โรแมนติก จำวันสำคัญไม่ได้ พูดจากระโชกโฮกฮาก ไม่รักษาน้ำใจ ไม่ดูแล ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ตอบข้อความ ไม่เคยไปรับไปส่ง แต่แอร์ก็ยังเชื่ออยู่เสมอว่าปืนยังรักตนเองอยู่ เธอจึงพยายามทำทุกวิธีให้ปืนกลับมาสนใจเธอบ้าง แม้กระทั่งวิธีที่ไม่มีใครคาดคิด ซึ่งก็ทำให้เขาและเธอต้องมาเจอกับทางออกที่ไม่คาดฝันเช่นกัน


 
บทวิเคราะห์วิจารณ์ภาพยนตร์เรื่อง คิดถึงวิทยา

คิดถึงวิทยา เล่าเรื่องราวของครูสองที่สมัครมาเป็นคุณครูที่โรงเรียนบ้านก้อจัดสรร อ.ลี้ จ.ลำพูน ซึ่งเป็นโรงเรียนกลางน้ำในอาณาบริเวณของเขื่อนชลประทาน (โรงเรียนนี้มีอยู่จริงด้วย) โรงเรียนที่นี่มีนักเรียนอยู่เพียง 5 คน เท่านั้น ซึ่งหาเอาจากเด็กที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงเท่านั้น ที่นี่คุณครูไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียงแค่ครูเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนเพื่อน เหมือนพี่ เหมือนพ่อแม่ของเด็กอีกด้วย ช่วงแรกที่ครูสองเพิ่งเข้าไปสอน เด็กนักเรียนยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือ หรือสนใจการเรียนการสอนของครูสองมากนัก เหตุเพราะว่ายังคงประทับใจกับครูแอน ซึ่งเป็นคุณครูคนเก่าอยู่ เมื่อมีคนใหม่มา ซึ่งเป็นคนแปลกหน้า แถมยังเป็นผู้ชายอีกด้วย ทำให้ช่องว่างของความใกล้ชิดสนิทสนมไม่เหมือนครูคนเก่า ช่วงแรกครูสองจึงต้องพยายามปรับตัวเข้าหาเด็กๆ มาก ต้องสร้างความครื้นเครงเป็นกันเอง เพื่อดึงดูดความสนใจของเด็กๆ มาอยู่ที่ตัวคุณครู พอผ่านช่วงนี้ไปได้ ครูสองต้องมาพบกับสภาพปัญหาส่วนตัวของเด็กแต่ละคนอีก มีอยู่คนหนึ่งไม่ยอมไปเรียนหนังสือ เนื่องจากพ่อให้ทำงานช่วยพ่อ ฝึกฝนการจับปลา เพื่อจะได้มีอาชีพแบบพ่อ เมื่อครูสองทราบจึงพยายามไปตามกลับมาเรียน และยังพูดคุยให้คุณพ่อเข้าใจว่า การให้ลูกตนเองได้รับการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ แม้จะไม่ใช่วิชาชีพที่นำไปใช้ประกอบอาชีพได้โดยตรง แต่ก็ทำให้เด็กมีวิชาติดตัว ไม่โง่ เมื่อโตขึ้นจะได้ไม่ถูกใครเขาหลอก ,หรืออย่างช่วงหนึ่งที่ครูสองพยายามอธิบายเรื่องรถไฟวิ่งจากที่นี่ไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่เด็กไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยเห็นรถไฟมาก่อน ครูสองจึงพานั่งลงเรือหางยาว แล้วพาเด็กไปสัมผัสกับความใกล้ไกลของระยะทาง มโนเอาว่ารถไฟวิ่งจากจุดนี้ไปยังอีกจุดหนึ่งได้อย่างไร ,ยังมีฉากทำกับข้าวเลี้ยงเด็ก,ฉากซ่อมหลังคา ห้องเรียนที่ชำรุดเสียหายอันเนื่องมาจากพายุ การเล่าเรื่องทีขนานทับซ้อนกันไปของตัวละคร 2 คน คือครูสองกับครูแอน ต่างเวลาแต่สถานที่เดียวกัน พฤติกรรมที่คล้ายคลึงกัน จุดที่เป็นตัวเชื่อมเรื่องราวและยังเป็นคีย์เวิร์ดของเรื่องเลยก็คือ สมุดโน้ตไดอารี่ของครูแอน ที่จดบันทึกกิจกรรมประจำวัน บอกเล่าความรู้สึก บอกเล่าเหตุการณ์ที่เธอทำ ช่วงเวลาที่อยู่บนโรงเรียนแพแห่งนี้ กลายเป็นการแชร์ประสบการณ์ผ่านสมุดโน้ตไดอารี่เล่มหนึ่ง ที่บังเอิญครูแอนลืมทิ้งเอาไว้ แล้วครูสองไปเจอเข้า เมื่อหยิบมาเปิดอ่านเข้า จึงรับทราบความเป็นไปของเหตุการณ์บางอย่าง และความรู้สึกบางอย่างที่ครูแอนได้ประสบพบเจอที่นี่ ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางบรรยากาศของสถานที่ ที่เป็นแพกลางน้ำในเขื่อน ไม่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้ เงียบสนิท ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี ต้องอาศัยเครื่องปั่นไฟ กลางคืนก็จุดเพียงตะเกียง ช่วงกลางคืน เมื่อเด็กๆ กลับที่พักกันหมดแล้ว คุณครูต้องอยู่ตามลำพัง เป็นบรรยากาศที่อ้างว้างเปล่าเปลี่ยว ให้ความรู้สึกของความเหงาเป็นอย่างดี ถ้าตัดเรื่องการจับผิด และความสมเหตุสมผล และตรรกะบางอย่างในชีวิตความเป็นจริงแล้ว ต้องถือว่าพล็อตเรื่องนี้ รวมถึงประเด็นที่ต้องการจะสื่อ ดูน่าสนใจ เริ่มจากเป็นหนังรักโรแมนติกที่ดีได้ บรรยากาศของฉาก การเล่าเรื่องซ้อนขนานกันไปของตัวละครทั้ง 2 คนที่ไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักกันมาก่อน แต่เรียนรู้ศึกษากันผ่านการอ่านไดอารี่เล่มหนึ่ง จนเกิดเป็นความประทับใจ อยากเจอตัว อยากเห็นหน้า (ในท้ายของหนัง ทั้ง 2 คนจะได้เจอกันจริงๆ หรือเปล่า ยังไม่อยากสปอยด์ เผื่อคนที่ยังไม่ได้ดู) ประเด็นที่ตัวหนังต้องการจะสื่อนอกเหนือจากความเป็นหนังรักโรแมนติกคอมเมดี้แล้ว ยังมีเรื่องสำนึกและจิตวิญญาณความเป็นครู ทั้งครูสองและครูแอนต่างเป็นมนุษย์ที่มีปัญหาส่วนตัวด้วยกันทั้งคู่ ต่างมีคนรัก มีสังคมเหมือนกับบุคคลอื่น ๆ แต่ด้วยอุดมการณ์ของความเป็นครู ทำให้ทั้งคู่เลือกที่จะมาสอนเด็กในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้ สำหรับครูแอนแล้ว เธอผ่านประสบการณ์ของการเป็นครูสอนในระบบโรงเรียนเอกชนที่มีกฏระเบียบเคร่งครัด มีการสปอยด์เด็กจากครูในโรงเรียน (รวมถึงแฟนของเธอในเรื่องเป็นครูใหญ่ในโรงเรียนที่ชักชวนเธอกลับไปสอนยังโรงเรียนของตน แต่เมื่อเธอเลือกที่จะสอนตามแบบฉบับของเธอ แต่ไปขัดแย้งกับกฏระเบียบของโรงเรียน เธอจึงเลือกที่จะหันหลังมา ลาออกแล้วกลับมาสอนที่โรงเรียนบ้านก้อจัดสรรเหมือนเดิม ที่แม้จะลำบาก แต่ก็มีความสุข มีอิสระที่จะวางโปรแกรมการสอนอย่างไรก็ได้ และอยู่กันแบบครอบครัว เป็นมากกว่าความเป็นครูของเด็ก ได้เห็นพัฒนาการของเด็กแต่ละคน) ครูสองก็เช่นกันเดินตามรอยคล้ายครูแอน เมื่อพบว่าแฟนของตนแอบคบชายอื่น ไม่ยอมที่จะรอคอยความสำเร็จของครูสอง จึงเดินหันหลังมา เลือกที่จะมาสอนเด็กที่โรงเรียนบ้านก้อจัดสรร จริงๆ ถ้ามองให้ลึกลงไป เรื่องนี้ยังมีประเด็นเรื่องของการใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามรอยทางที่พระเจ้าอยู่หัวฯ สอนอีกด้วย จุดเด่นอีกอย่างของเรื่องนี้ที่ทำให้ตัวหนังมีสีสัน ก็คือเด็กๆ แก็งค์ปลา ถ้าไม่ได้กลุ่มเด็กเหล่านี้ ตัวหนังคงจืดชืดไปเยอะเลย ยังไม่นับว่าการแสดงของตัวละครหลักอย่างคุณพลอย เฌอมาลย์ ,พี่บี้ สุกฤษฏ์ ที่เล่นได้เป็นธรรมชาติมากในเรื่องนี้ เข้ากับบทบาทเป็นอย่างดี การแสดงของเวียร์แม้ไม่ค่อยเด่นนัก แต่ก็ทำให้บทของแฟนครูแอนดูมีพลังขึ้นมาก พล็อตเรื่องนี้ทราบว่าถือกำเนิดจากไอเดียพี่เก้ง จิระ มะลิกุล ที่แกเล่าว่าต้นตอมาจากเพื่อนของแกที่ไปพบสมุดไดอารี่เล่มหนึ่งในโต๊ะที่ทำงาน เมื่ออ่านแล้วเกิดแรงบันดาลใจ ต้องการค้นหาเจ้าของไดอารี่เล่มนั้น แล้วก็หาจนเจอ ทำให้ได้รู้จักกัน สุดท้ายได้แต่งงานกันในชีวิตจริง นี่นับว่าเป็นสุดยอดของไอเดีย เป็นที่มาของพล็อต คีย์เวิร์ด และสารที่ต้องการจะสื่อให้คนดูรับทราบ พล็อตเรื่องนี้ดูเป็นสากลดี เหตุการณ์มีความเป็นไปได้ในทุกที่ ล่าสุดหนังเรื่องนี้จึงไปได้รับรางวัล The East Winds Audience Award จากเทศกาลหนังที่เมืองโคเวนทรี ประเทศอังกฤษ มาครองเป็นรางวัลแรก นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี และยังถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายทั่วเอเชีย โดยเฉพาะบริษัทสร้างหนังจากจีน มาเลย์ ซื้อลิขสิทธิ์ไปรีเมคเพื่อผลิตฉายในประเทศจีนอีกด้วย โดยส่วนตัวก็ถือว่าชอบหนังเรื่องนี้ในระดับที่น่าพอใจ แต่ถ้าโดยเปรียบเทียบกับผลงานก่อนหน้านี้ของผู้กำกับคนเดียวกัน คือคุณต้น นิธิวัฒน์ ธราธร ชอบเรื่องนี้มากที่สุด รองลงมาคือ Season Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย และ Dear Galileo หนีตามกาลิเลโอรั้งท้าย เนื่องด้วย 2 เรื่องหลังแก่นแกนของเรื่องดูเป็นวัยรุ่น ฟุ้งเกินไป ในขณะที่เรื่องนี้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ทั้งในแง่การตกผลึกทางความคิด และการให้คุณค่าประเด็นต่อสังคม มีมากกว่า  

Her     

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ปฏิบัติการค้นฟ้าหาเสียงจริงตัวจริงไปร้องสู้ไฟให้ได้ไมค์ทองคำแล้วกลับมาแจ้งเกิดในเวทีดันดารา


ตอนนี้ในบรรดารายการประกวดร้องเพลงหรือเรียลลิตี้ที่เฟ้นหานักร้อง ผู้เขียนชอบดูอยู่ 2 รายการ ก็คือ The Voice Thailand กับ Keep Your Light Shinning Thailand (ร้องสู้ไฟ) ซึ่งทั้ง 2 รายการเป็นรายการประกวดร้องเพลงแบบแฟรนส์ไชส์จากต่างประเทศด้วยกันทั้งคู่ แต่จุดเด่นและกติกาแตกต่างกัน แต่ถือเป็นเวทีคุณภาพมาตรฐานสูงที่สุดอยู่ในขณะนี้ เพราะได้เห็นผู้เข้าประกวดที่มีฝีไม้ลายมือ พรสวรรค์ ความสามารถทางการร้อง การเอ็นเตอร์เทน ศักยภาพทางการร้อง และเสียงร้อง ที่เรียกได้ว่า คัดเอาหัวกระทิ ผู้เก่งกล้า มืออาชีพ มาจากทั่วประเทศไทยได้เลย ไม่มีกฏเกณฑ์ข้อจำกัดด้านคุณสมบัติของผู้เข้าประกวดมากนัก ขอเพียงสามารถผ่านกฏเกณฑ์กติกาของรายการได้เป็นพอ ไม่เน้นหน้าตามากนัก เอาเสียงเป็นหลัก ตอบโจทย์รายการประกวดร้องเพลงได้ตรงดี ผู้เข้าแข่งขันต้องมีความสามารถทางการร้อง หรือทักษะด้านการร้องเพลงมาในระดับหนึ่ง บางคนสามารถร้องเพลงสากลได้ดีกว่าเพลงไทยเสียอีก แต่ไม่เข้าใจว่า ทำไมประเทศไทย จึงมีรายการประเภทประกวดร้องเพลงเยอะเสียเหลือเกิน ประเทศไทยเราขาดแคลนนักร้องเหรอ ก็ไม่น่าจะใช่ หรือหาคนไปประกวดในระดับจักรวาล โอลิมปิก ก็ไม่ใช่อีก เหตุใดจึงต้องเฟ้นหานักร้องกันพร่ำเพรื่อเช่นนี้ เห็นบางคนจบรายการไปก็ไม่เห็นมีซิงเกิ้ล หรือได้ออกอัลบั้มเสียที จนลืมไปแล้วว่าคนๆ นี้เคยผ่านเวทีประกวดร้องเพลงมาก่อน ฉะนั้น ผู้เขียนจึงสมมติฐานเอาเองว่า ที่เขายังจัดประกวด หรือชอบที่จะทำรายการประเภทนี้กันมากมาย เป็นเพราะต้องสร้างคอนเท็นต์รายการให้กับช่อง เติมเต็มให้มันครบๆ (เหมือนเช่นช่องทีวีช่องหนึ่งๆ ควรจะต้องมี รายการประเภท ข่าว กีฬา ละคร การ์ตูน ซีรี่ย์ เกมส์โชว์ และก็ต้องมีเรียลลิตี้โชว์หรือประกวดอะไรซักอย่าง ให้มันครบ) อีกประการหนึ่งก็คือ มันเป็นรายการประเภทที่หาสปอนเซอร์เข้ารายการได้ง่าย เหตุเพราะยังไงก็ต้องมีคนดู เรียกร้องความสนใจได้ และก็ช่วงหลังๆ หารายได้อีกต่างหาก ผ่านการส่ง sms โหวดผู้เข้าประกวด ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อน รายการประเภทอย่างนี้ เขาตัดสินผู้ชนะด้วยสายตากรรมการ คอมเมนเตเตอร์ หรือกูรูประจำรายการเท่านั้น ไม่ได้ให้โอกาสคนดูในห้องส่งหรือทางบ้านมีส่วนร่วมในการตัดสินเลย มีเพียงช่วง 10 ปีให้หลัง เทรนด์กระแสรูปแบบเรียลลิตี้ที่ฮิตในอเมริกาและยุโรป นิยมใช้ซุ่มเสียงจากการโหวตของคนดูทางบ้านมาร่วมตัดสินด้วย ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือเป็นช่องทางหารายได้เข้ารายการ สามารถหยั่งกระแสความนิยมจากคนดูได้ แต่ข้อเสียก็คือผลการตัดสินผู้ชนะบางครั้งพลิกความคาดหมาย พลิกโผแบบสุดๆ ไม่เป็นไปตามความสามารถหรือกระแสสังคมส่วนใหญ่ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของผู้ชนะในรายการ หรือมาตรฐานของทางรายการ บางครั้งไปไกลถึงความเคลือบแคลงในผลโหวต ถึงขนาดตั้งประเด็นเรื่องการทุ่มโหวต หรือล็อคผลการแข่งขัน ไปถึงขนาดนั้นก็มี ไม่ขอวิจารณ์ว่าเวทีใดเป็นอย่างไร แต่ต้องให้ความเป็นธรรมว่า ผู้เข้าแข่งขันหรือประกวด ย่อมไม่สามารถโกงผลการแข่งขันด้วยตัวของตนเองได้ คนที่ทำได้ก็คือกลุ่มคนดูกับผู้ผลิตรายการเท่านั้น ดังนั้นจึงป่วยการที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์ว่านักร้องหรือผู้ชนะจากเวทีประกวดแห่งนั้นดีกว่าผู้ชนะจากเวทีประกวดอีกแห่งหนึ่ง หรือเก่งกว่าอีกแห่งหนึ่ง ในเมื่อตัวแปรของการตัดสินไม่ได้อยู่ที่ตัวผู้เข้าแข่งขันหรือ ผู้ประกวดแต่เพียงอย่างเดียว ขึ้นอยู่กับฐานแฟนคลับคนดูประจำรายการนั้น ผู้ผลิตรายการ และกฏเกณฑ์กติกาของแต่ละรายการอีกด้วย อีกทั้งเราไม่ได้เฟ้นหานักร้องที่ร้องดีที่สุด เก่งที่สุดในประเทศไทยในแต่ละปี เพื่อไปแข่งขันชิงเหรียญทองโอลิมปิกที่ไหน การดูรายการประกวดประเภทนี้ ผู้เขียนจึงนั่งดูแบบขำๆ เอาใจช่วยผู้เข้าแข่งขันมันทุกเวที ทุกรายการที่เฝ้าดู ไม่ได้เชียร์ใครเป็นพิเศษ ไม่คิดโหวตให้เสียตังค์ อาจมีเอาใจช่วยน้องเป็นบางคนในแต่ละเวที เนื่องจากเดี๋ยวนี้ นักร้องมันเยอะเหลือเกิน ไอ้ที่มีอยู่ยังไม่เห็นผลงานเลย แล้วที่ประกวดกันอยู่นี่ มันคืออะไรกัน จำชื่อยังไม่ค่อยจะได้เลย ยกเว้นชื่อแปลกๆ พ่อแม่ขยันตั้งชื่อให้แปลกแหวกแนว ไม่ซ้ำใคร ตั้งข้อสังเกตว่าในช่วง 3-4 ปีมานี้ แทบหาเพชรเม็ดงามจากเวทีประกวดร้องเพลงไม่ค่อยมี หรือเท่าที่หามาได้ ยังไม่เห็นฉายแววที่จะเรียกใช้คำว่า “ศิลปิน” ได้เลยซักคน ส่วนใหญ่จะไปตกล่องปล่องชิ้นกับการเป็นนักแสดงหรือดารามากกว่าหรือด้านอื่น ในขณะที่มนต์ขลังของนักร้องเวทีประกวดมันเริ่มจางหายไปนับจากที่ไม่มีเวทีประกวดสไตล์ประเภทสยามกลการมิวสิคอวอร์ด,ซูบารุอวอร์ด  ยุคหลังมากลายเป็นรายการแบบเดอะสตาร์ ,เอเอฟ, เคพีเอ็นอวอร์ด  เพิ่งจะมามีรายการแบบเดอะว้อยส์ กับร้องสู้ไฟ ที่มันพอจะดึงเอาศักยภาพของนักร้องแบบเก่าๆ กลับมาได้บ้าง เพียงเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอ กติกา ที่สามารถดึงเอาจุดเด่น ศักยภาพ ไหวพริบของนักร้องออกมาได้มากกว่ารูปแบบการประกวดแบบเก่าดั้งเดิมได้  กล่าวโดยสรุปก็คือ การประกวดร้องเพลงในยุคสมัยปัจจุบัน กติกา หรือรูปแบบการนำเสนอ เกณฑ์การคัดเลือกมันโหดหิน และยากกว่าสมัยก่อนมาก จำนวนผู้เข้าแข่งขันก็มากกว่ายุคสมัยก่อนเยอะมาก แต่ดูเหมือนเรากลับได้เพชรเม็ดงามที่พร้อมนำมาเจียระไน ฉายแวว ส่องประกาย วาวสุกใส เจิดจรัสน้อยกว่า เมื่อเทียบกับเพชรเม็ดงามในยุคอดีต อาจเป็นการอุปทานของผู้เขียนหรือตั้งข้อสมมติฐานผิดก็เป็นได้ ดังนั้นบทความนี้จึงจะไม่ชี้ประเด็นไปที่ผู้เข้าประกวดแข่งขัน หรือผู้ชนะจากเวทีประกวดแข่งขันเวทีใดเก่งกว่ากัน หรือมีความสามารถทางการร้อง ศักยภาพ เสน่ห์เหนือกว่ากัน แต่จะไปเน้นเปรียบเทียบที่ตัวรายการเลยจะดีกว่า ว่าเวทีไหนที่สามารถปั้นเพชรเม็ดงาม หรือเสาะแสวงหาเพชรเม็ดงาม มาผ่านกระบวนการเจียระไนให้ออกมาได้เป็นเพชรเลอค่า เปี่ยมคณค่า ความงามได้มากกว่ากัน  ก่อนอื่นผู้เขียนจึงตั้งเกณฑ์คุณสมบัติที่จะต้องมีของรายการประกวดร้องเพลงขึ้นมาก่อน จากนั้นนำเอารายการต่างๆ มาวิเคราะห์ให้คะแนนเพื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติในแต่ละข้อ แล้วได้ผลสรุปที่ออกมาได้ดังนี้ 

รายการที่ลิสต์นำเอามาวิเคราะห์ใส่ค่าของคะแนนมีด้วยกัน 14 รายการ โดยแบ่งเป็นกลุ่มพรีเมียร์ลีค อยู่ 7 รายการ ได้แก่ รายการ ไทยแลนด์ก็อตทาเล้นท์,เคพีเอ็นอวอร์ด,ทรูอคาเดมีแฟนเทเชีย,เดอะสตาร์,เดอะว้อยส์,ร้องสู้ไฟ,เดอะวินเนอร์อีส
อีกกลุ่มหนึ่งเรียกว่ากลุ่มดิวิชั่น 1 มีอยู่อีก 7 รายการ ได้แก่  มาสเตอร์คีย์,ชิงช้าสวรรค์,ดันดารา,สงครามเพลงกิ๊กดู๋,จันทร์พันดาว,ชุมทางเสียงทอง,เสียงสวรรค์พิชิตฝัน ส่วนรายการที่นอกเหนือจากนี้ไม่ได้นำมาคำนวณใส่ค่าคะแนน ที่ต้องจัดแบ่งเป็น 2 เกรดหรือ 2 กลุ่มเพราะว่ามาตรฐานของเวที,ความหลากหลายของแนวเพลงและจำนวนของผู้เข้าประกวดเป็นสำคัญ และฯลฯ และจากการประเมินด้วยเกณฑ์คุณสมบัติทั้ง 10 ข้อ ในแต่ละหัวข้อ มี 5 คะแนนเต็ม พบว่า เวทีที่มีค่าคะแนนสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบ อันดับ 1 คือ รายการ The Voice Thailand ค่าคะแนนเฉลี่ย อยู่ที่ 45 คะแนน จาก 50 
          อันดับ 2 คือ รายการ Thailand Got Talent ค่าคะแนนเฉลี่ย อยู่ที่ 44 คะะแนน
          อันดับ 3 คือ มี 2 รายการเท่ากัน คือรายการ The Star กับ Keep Your Light Shinning Thailand อยู่ที่ 43 คะแนน

 
 
ซึ่งมีข้อน่าสังเกตว่า รายการ Keep Your Light Shinning Thailand เป็นรายการใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเป็นปีแรก แต่เข้ามาติดโผรายการชั้นนำลำดับต้นๆ เลย เหตุผลก็คือ ความสามารถของผู้เข้าแข่งขัน ,กติกาหรือความยากของโจทย์เพลง และเงินรางวัลนั่นเอง ในขณะที่รายการที่เหลือนั้นมีมาหลาย season แล้ว และยังคงมาตรฐานของตนเองเอาไว้ได้จึงยังจัดอยู่ในกลุ่มชั้นนำได้ จุดเด่นของรายการเดอะว้อยส์ ที่ทำให้ได้คะแนนเต็มหรือเกือบเต็มในทุกข้อ ยกเว้นเรื่องการโปรโมตศิลปินภายหลังจบรายการและผลงานภายหลังจบรายการนั่นเอง ในขณะที่รายการ Thailand Got Talent ก็คล้ายๆ กันกับ The Voice แพ้ตรงแค่ Commentator และทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง  ส่วนรายการ The Star มีจุดด้อยเรื่องศักยภาพผู้เข้าแข่งขัน (อันเนื่องมาจากโจทย์เพลงและกติกาบางอย่างกดทับเอาไว้) โปรดักชั่นบางอย่าง (เช่น 100 คะแนนเสียงในห้องส่งยังคงใช้กระดาษเขียนและนับมือ ในขณะที่รายการอื่นใช้ปุ่มกดอิเลคทรอนิคส์กันแล้ว) ,โจทย์เพลงและความหลากหลายของโชว์ด้วย นอกนั้นจัดอยู่ในเกณฑ์ดี และมีข้อได้เปรียบเหนือกว่าทุกเวทีอื่นๆ ก็คือ ไม่ได้ซื้อแฟรนส์ไชส์มา,การโปรโมตศิลปินและผลงานภายหลังจบการแข่งขัน ที่เรียกได้ว่ายังเหนือกว่ารายการคู่แข่งอื่นๆ ส่วนอันดับอื่น มีดังนี้ อันดับ 4 รายการ True Academy Fantasia ค่าคะแนนเฉลี่ยอยุู่ที่ 38 คะแนน ,อันดับ 5 รายการ The Winner is ค่าคะแนนเฉลี่ย 31 คะแนน ,อันดับ 6 รายการ KPN Award ค่าคะแนนเฉลี่ยอยูที่ 30 คะแนน (อันดับ 4-6 ไม่ได้นำมาลงในตาราง เนื่องจากจะกินพื้นที่เลยจากบทความนี้)  ข้อสังเกตสำหรับอันดับ 4-6 รายการทรูเอเอฟ จุดด้อยคือโจทย์เพลงและกติกาการแข่งขันมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ไม่มีความเสถียรในแต่ละปี ทำให้การวัดมาตรฐานคุณภาพของผู้เข้าแข่งขัน,ผู้ชนะในรายการในแต่ละปีมีความได้เปรียบเสียเปรียบแตกต่างกัน แม้นว่าจะเทียบเคียงกันเองในรายการเดียวกัน เช่นเดียวกับรายการ KPN Award ที่คล้ายๆ รายการทรูเอเอฟ แต่เพิ่มมาอีกข้อคือค่ายเพลงซัพพอร์ตภายหลังจากจบการแข่งขันรวมถึงผลงาน  ส่วนรายการ The Winner is  มีจุดด้อยตรง Commentator ทีมงานเบื้อหลัง และการโปรโมตศิลปินภายหลังจบการแข่งขันรวมถึงผลงาน  เป็นต้น

    Thailand Got Talent The Voice  The Star  Keep Your Light Shinning Thailand
  เกณฑ์คุณสมบัติของรายการ (ทุกข้อ 5 คะแนนเต็ม)   ตัวจริงเสียงจริง ค้นฟ้าคว้าดาว ร้องสู้ไฟ
1.1 เรียลลิตี้/วัดผลโหวต 3 1 4 5
1.2 ประกวดทั่วไป/ใช้คณะกรรมการตัดสิน 2 4 1 0
2 วัตถุดิบ/ผู้เข้าแข่งขัน/คาแร็กเตอร์ผู้ประกวด/เสน่ห์ 5 5 5 5
3 ศักยภาพ/ความสามารถผู้เข้าแข่งขัน 5 5 3 5
4 โจทย์เพลง/ความหลากหลายของโชว์ 5 5 2 5
5 องค์ประกอบด้านโปรดักชั่น/ฉากแสงสีเสียง 5 5 3 5
6 Commentator/ครูฝึก/ทีมงาน/ตัวช่วย 4 5 5 3
7 เงินรางวัล/สิ่งจูงใจ/แรงบันดาลใจให้ประกวด 5 5 5 5
8 เอกลักษณ์ของรายการ/กติกาแข่งขัน/ความนิยมในรายการ 4 4 5 4
9 Post Production การโปรโมตศิลปินหลังจบ 3 3 5 3
10 Single เพลง/ผลงานภายหลัง/ค่ายเพลงสนับสนุน 3 3 5 3
           
  คะแนนรวม 44 45 43 43

ทีนี้มาดูในกลุ่มของดิวิชั่น 1 ผลการวิเคราะห์ให้ค่าคะแนนเปรียบเทียบ พบว่า
รายการประกวดอันดับ 1 ในกลุ่มนี้ ได้แก่ ชิงช้าสวรรค์ ไมค์ทองคำ ได้ค่าคะแนนเฉลี่ยสูงถึง 42 คะแนน (เป็นรองแค่ 3 อันดับในกลุ่มแรกเท่านั้น)
                        อันดับ 2 คือรายการสงครามเพลงกิ๊กดู๋ ได้ 39 คะแนน
และอันดับ 3 รายการดันดารา ได้ 38 คะแนน  อันดับ 4 รายการมาสเตอร์คีย์เวทีแจ้งเกิด ได้ 27 คะแนน (รายการที่เหลือไม่ได้นำเอามาลงในตาราง เหตุผลเดียวกับข้างต้น)  ข้อสังเกตคือรายการชิงช้าสวรรค์ ค่าเฉลี่ยคะแนนสูงที่สุดในกลุ่มนี้ เหนือคู่แข่งทุกรายการ มีข้อด้อยเพียงข้อเดียวคือโจทย์เพลงและความหลากหลายของโชว์ เนื่องจากประกวดแนวเดียวนั่นคือลูกทุ่ง ซึ่งก็คล้ายๆ กันกับรายการอื่นๆ ในกลุ่มนี้ ที่ไม่ติดอันดับในตาราง ได้แก่ จันทร์พันดาว, ชุมทางเสียงทอง, เสียงสวรรค์พิชิตฝัน, คว้าไมค์คว้าแชมป์ เป็นต้น  ส่วนรายการสงครามเพลงกิ๊กดู๋ กับดันดารา คะแนนโดยเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์สูงทุกด้าน ยกเว้น ผลงานของผู้เข้าประกวดภายหลังจบรายการไปแล้ว ฮึ ขาดอยู่อย่างเดียวเอง ปัดโธ่ ดันไม่สุดนี่นา! หรือแค่นี้ก็ดังพอแล้ว

 
 


    MasterKey  ชิงช้าสวรรค์ ดันดารา สงครามเพลง
  เกณฑ์คุณสมบัติของรายการ (ทุกข้อ 5 คะแนนเต็ม) เวทีแจ้งเกิด ไมค์ทองคำ   กิ๊ก vs  ดู๋
1.1 เรียลลิตี้/วัดผลโหวต        
1.2 ประกวดทั่วไป/ใช้คณะกรรมการตัดสิน 4 5 5 5
2 วัตถุดิบ/ผู้เข้าแข่งขัน/คาแร็กเตอร์ผู้ประกวด/เสน่ห์ 3 3 5 5
3 ศักยภาพ/ความสามารถผู้เข้าแข่งขัน 3 5 5 5
4 โจทย์เพลง/ความหลากหลายของโชว์ 3 2 5 5
5 องค์ประกอบด้านโปรดักชั่น/ฉากแสงสีเสียง 3 5 2 3
6 Commentator/ครูฝึก/ทีมงาน/ตัวช่วย 5 5 5 5
7 เงินรางวัล/สิ่งจูงใจ/แรงบันดาลใจให้ประกวด 3 5 3 3
8 เอกลักษณ์ของรายการ/กติกาแข่งขัน/ความนิยมในรายการ 3 5 5 5
9 Post Production การโปรโมตศิลปินหลังจบ 0 4 3 3
10 Single เพลง/ผลงานภายหลัง/ค่ายเพลงสนับสนุน 0 3 0 0
           
  คะแนนรวม 27 42 38 39