วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โลก 360 องศา - (เครื่องบินสายการบินแอลจีเรียตกที่มาลี,มาเลย์แอร์ไลน์โดนสอยกลางอากาศ,ยิวจู่โจมภาคพื้นดินในฉนวนกาซ่า,ไต้ฝุ่นรามสูรจ่อถล่มเวียดนามต่อ,กลุ่มอิสลามิสต์ยิงถล่มสนามบินลิเบีย)



ซากของเครื่องบินแม็กดอนเนลล์ดักลาส เอ็มดี-83 ซึ่งเช่ามาจากสายการบิน "สวิฟต์แอร์" ถูกพบในเขตกอสซี ของมาลี ห่างจากชายแดนบูร์กินาฟาโก ไปทางเหนือราว 50 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบจำนวนผู้อยู่บนเครื่องที่ถูกต้อง ด้วยสวิฟต์แอร์ บอกว่ามี 116 คน แต่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ระบุมีผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 118 คน  เครื่องบินลำนี้กำลังมุ่งหน้าสู่กรุงแอลเจียร์ เมืองหลวงของแอลจีเรีย โดยมันประสบอุบัติเหตุท่ามกลางรายงานข่าวเกิดพายุฝนฟ้ารุนแรงในพื้นที่ และยังเกิดขึ้นไม่นานหลังจากนักบินได้แจ้งขอเปลี่ยนเส้นทางสืบเนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย วิดีโอที่เผยแพร่ในวันศุกร์(25) พบเห็นเศษซากเครื่องบินชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดินทรายที่โดยรอบห้อมล้อมด้วยพุ่มไม้เตี้ยๆ ลักษณะดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ามันเกิดการกระแทกอย่างรุนแรง จนซากบนส่วนที่พบเห็นในคลิปแทบดูไม่ออกว่าเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบิน  ทางการบินเปิดเผยว่าผู้ที่อยู่บนเครื่องส่วนใหญ่ 51 คนเป็นชาวฝรั่งเศส ส่วนอื่นๆได้แก่ บูร์กินาฟาโซ 24 ราย, เลบานอน 8 ราย, แอลจีเรีย 6 ราย, แคนาดา 5 คน, เยอรมนี 4 คน, ลักเซมเบิร์ก 2 ราย, เบลเยียม 1 ราย, สวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย, ไนจีเรีย 1 ราย, แคเมอรูน 1 ราย, ยูเครน 1 ราย, โรมาเนีย 1 ราย ขณะที่ลูกเรือ 6 คนทั้งหมดเป็นชาวสเปน ในส่วนของฝรั่งเศส ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ เผยว่าไม่มีใครรอดชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้พบกล่องดำของเครื่องแล้วและกำลังนำมันมุ่งสู่เมืองเกา  เอเอฟพี - วิดีโอและภาพถ่ายชุดแรกจุดตกของเที่ยวบิน AH5017 ของสายการบินแอร์แอลจีเรียในมาลี ถูกเผยแพร่ในวันศุกร์(25) ซึ่งแสดงให้เห็นเศษซากของตัวเครื่องกระจัดกระจายไปตามภูมิประเทศ อันเชื่อได้ว่าเกิดจากกระแทกอย่างรุนแรง ขณะที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ชาติของผู้โดยสารส่วนใหญ่ ยอมรับไม่มีใครรอดชีวิตและพบกล่องดำแล้ว คลิปวิดีโอที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ฟร้องซ์ 2 เป็นภาพที่บันทึกโดยเหล่านายทหารของบูร์กินาฟาโก ซึ่งเป็นประเทศที่เที่ยวบิน AH5017 ขึ้นบินในตอนเช้าวันพฤหัสบดี(24) ก่อนหายไปจากจอเรดาร์


เอเอฟพี/รอยเตอร์ - หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯเชื่อเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส บรรทุกลูกเรือและผู้โดยสาร 295 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวเนเธอร์แลนด์ ถูกยิงตกเหนือท้องฟ้ายูเครนจากขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศในวันพฤหัสบดี(17) โดยไม่ได้พาดพิงว่าเป็นฝีมือใคร แต่มีแนวโน้มว่าฝ่ายกบฏอาจอยู่เบื้องหลัง เหตุอ้างเองเพิ่งสอยเครื่องบินทหารร่วงในพื้นเดียวกัน เลยถูกตั้งข้อสงสัยว่ายิงผิดลำ ขณะที่เหตุการณ์นี้สร้างความหวาดผวาแก่สายการบินต่างๆ จนมีคำสั่งให้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว เจ้าหน้าที่อเมริกาผู้ไม่ประสงค์เอ่ยนามรายหนึ่งเปิดเผยว่าหน่วยวิเคราะห์ข้อมูลข่าวกรองสหรัฐฯ เชื่ออย่างที่สุดว่าขีปนาวุธจากพื้นผิวสู่อากาศยิงเครื่องบินตกและกำลังทบทวนข้อมูลเพื่อสรุปว่าอาวุธดังกล่าวยิงโดยพวกแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียในยูเครน ทหารรัสเซียที่ข้ามพรมแดนเข้ามาหรือกองกำลังรัฐบาลยูเครนกันแน่ รัฐบาลยูเครนกล่าวหาพวกนักรบก่อการร้ายที่กำลังต่อสู้ทางภาคตะวันออกของยูเครนติดกับรัสเซีย ว่าเป็นคนยิงเครื่องบินโบอิ้ง 777 เที่ยวบินเอ็มเอช 17 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ด้วยอาวุธหนักขีปนาวุธจากภาคพื้นสู่อากาศ SA-11 ยุคสมัยโซเวียต ขณะที่เครื่องบินกำลังมุ่งหน้าจากอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ สู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย แต่ทางเหล่าแกนนำฝ่ายกบฏแห่งสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ ปฏิเสธความเกี่ยวข้องใดๆ ฮูอิบ กอร์เตอร์ รองประธานอาวุโสของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เปิดเผยว่าเครื่องบินลำดัวกล่าว มีชาวเนเธอร์แลนด์ อย่างน้อย 154 คน ออสเตรเลีย 27 คน มาเลเซีย 23 คน อินโดนีเซีย 11 คน อังกฤษ 6 คน เยอรมนี 4 คน เบลเยียม 4 คน ฟิลิปิปินส์ 3 คน และแคนาดา 1 คน อย่างไรก็ตามยังมีผู้โดยสารอีก 47 คนที่ยังไม่ทราบสัญชาติแน่ชัด ขณะที่ลูกเรือทั้งหมด 15 คนเป็นชาวมาเลเซีย พวกแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียทางภาคตะวันออกของยูเครน อ้างว่าพบบันทึกกล่องดำของเครื่องบินลำดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน นอกจากนี้แล้วแกนนำรายหนึ่งของพวกเขากล่าวหาว่ากองกำลังยูเครนเป็นคนยิงเอ็มเอช 17 ตก และอ้างว่าฝ่ายกบฏไม่มีอาวุธชนิดใดที่มีแสนยานุภาพยิงเครื่องบินที่บิน ณ ระดับความสูงถึง 10 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามคำปฏิเสธของพวกเขาถูกกัดเซาะโดยพฤติกรรมของนายกอร์ สเตรลคอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังฝ่ายกบฏเอง หลังจากนายคนนี้ เขียนลงบนเว็บเพจสื่อสังคมออนไลน์ของตนเอง เมื่อตอนประมาณ 13.37 จีเอ็มที(ตรงกับเมืองไทย20.37น.) หรือราวครึ่งชั่วโมงก่อนที่เที่ยวบินเอ็มเอช-17 จะสูญหายไปหลังการติดต่อครั้งสุดท้าย ระบุว่านักรบของเขายิงเครื่องบินอานโตนอฟ อาน-26 ตกในพื้นที่เดียวกัน ก่อข้อสัญนิษฐานถึงความเป็นไปได้ในการเข้าใจผิด เว็บเพจดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงอาวุธที่ใช้ยิงเครื่องบิน ซึ่งเจ้าหน้าที่รัสเซียระบุว่ากำลังบินอยู่ระดับความสูงราว 10,000 เมตร(33,000ฟุต) แต่พวกกบฏแบ่งแยกดินแดนเคยโพสต์ลงบนทวิตเตอร์บัญชี "สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์" ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี(17) ว่าพวกเขาสามารถยึดระบบยิงขีปนาวุธที่เรียกว่า "Buk" มาจากทหารยูเครน ที่มีแสนยานุภาพสามารถยิงเครื่องบินที่บินในความสูงระดับนั้นได้ นอกจากสาดโคลนกันไปมาระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับพวกกบฏแล้ว โศกนาฏกรรมครั้งนี้ยังโหมกระพือความตึงเครียดระหว่างเคียฟกับมอสโกด้วย หลังหัวหน้าหน่วยความมั่นคงของยูเครน กล่าวหาเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของกองทัพรัสเซียเกี่ยวข้องกับเหตุเครื่องบินโดยสารถูกยิงตก พร้อมเรียกร้องให้นำคนเหล่านั้นมาลงโทษต่ออาชญากรรมที่ก่อขึ้น วาเลนติน นาลีเวย์เชนโก หัวหน้าหน่วยความมั่นคงของยูเครน อ้างว่าคำกล่าวหาของเขามีพื้นฐานจากการดักฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเจ้าหน้าที่ทั้งสองคน "ตอนนี้คุณรู้แล้ว ว่าใครเป็นก่ออาชญากรรมนี้ เราจะทำทุกอย่างเพื่อนำทหารรัสเซีย ผู้ที่ก่ออาชญากรรมนี้มาลงโทษ"อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียก็ออกมาตอบโต้ในวันศกร์(18) ว่ายูเครนนั่นแหละที่ต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบต่อเหตุเครื่องบินโดยสารถูกยิงตก โดยบอกว่ามันจะไม่เกิดขึ้นเลย หากว่ายูเครนไม่กลับมาปฏิบัติการกวาดล้างทางทหารต่อฝ่ายกบฏอีกรอบ "ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารัฐบาลของดินแดนนั้นต้องรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมที่ตื่นตะลึงนี้" ปูตินกล่าว พร้อมเรียกร้องเจ้าหน้าที่รัสเซีย ดำเนินการทุกทางในความเป็นไปได้ที่จะเข้าช่วยเหลือการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   ความเห็นของนายปูติน มีขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่นายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติออกมาเรียกร้องให้เปิดการสืบสวนนานาชาติอย่างเต็มรูปแบบต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส "ชัดเจนว่ามันจำเป็นต้องมีการสืบสวนอย่างโปร่งใสและมีส่วนร่วมของนานาชาติอย่างเต็มรูปแบบ" เขากล่าวพร้อมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต เหตุการณ์อันเลวร้ายนี้กระพือความตื่นกลัวในอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก โดยสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) เปิดเผยว่าเหล่าสายการบินต่างๆของอเมริกา ยินยอมโดยสมัครใจหลีกเลี่ยงเส้นทางนี้ ส่วนทางยูโรคอนโทรล(ศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศของยุโรป) เผยว่าทางการยูเครนได้ปิดน่านฟ้าเหนือดินแดนทางตะวันออกของประเทศแล้ว ตามหลังโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบินเอ็มเอช 17

รอยเตอร์/เอเอฟพี - เครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส พร้อมลูกเรือและผู้โดยสาร 295 ชีวิต ประสบอุบัติเหตุทางภาคตะวันออกของยูเครน ใกล้ชายแดนรัสเซีย ดินแดนที่กบฏนิยมมอสโกกำลังสู้รบกับกองกำลังรัฐบาล สื่อมวลชนรัสเซียและยูเครนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวด้านการบินพลเรือนและความมั่นคง ด้านประธานาธิบดีเคียฟ สันนิษฐานว่ามันอาจถูกยิงตก สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของยูเครน รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวด้านความมั่นคงเปิดเผยว่าเครื่องบินโบอิ้ง กำลังบินเข้าใกล้เมืองชัคตาร์สก ในจังหวัดโดเนตสก์ ก่อนหายไปจากจอเรดาร์ ณ ความสูง 10,000 เมตรและเวลานี้คณะของหน่วยฉุกเฉินกำลังพยายามเข้าไปให้ถึงจุดดังกล่าว อินเตอร์แฟ็กซ์อ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อบอกด้วยว่าเที่ยวบินจากอัมสเตอร์ดัมสู่กัวลาลัมเปอร์ลำนี้ ประสบอุบัติเหตุก่อนเข้าสู่น่านฟ้าของรัสเซียราว 50 กิโลเมตร จากนั้นก็ถูกพบในสภาพไฟลุกท่วมอยู่บนพื้นดินในอาณาเขตของยูเครนในส่วนของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ยังไม่ยืนยันถึงอุบัติเหตุ แต่ยอมรับในทวิตเตอร์เมื่อวันพฤหัสบดี(17) ว่าพวกเขาขาดการติดต่อกับเที่ยวบิน MH17 จากอัมสเตอร์ดัม และตำแหน่งสุดท้ายของเครื่องบินก็คือเหนือน่านฟ้ายูเครน  เปโตร โปโรเชนโก ประธานาธิบดียูเครน บอกว่าเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส อาจถูกยิงตก "เราไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เครื่องบินถูกยิงตกและขอยืนยันว่ากองทัพยูเครนไม่ได้ยิงใส่เป้าหมายใดๆบนท้องฟ้า" นายโปโรเชนโก ระบุในถ้อยแถลงที่โพสต์บนเว็บไซต์ทำเนียบประธานาธิบดี ส่วนทางนายกรัฐมนตรีอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค สั่งดำเนินการสืบสวนโศกนาฏกรรมดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยยูเครนรายหนึ่งกล่าวโทษว่าพวกก่อการร้ายใช้ขีปนาวุธจากภาคพื้นสู่อากาศ แต่นายอเล็กซานเดอร์ โบโรดาอี ผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของประเทศยูเครน ตอบโต้กลับด้วยกล่าวหาว่าเหตุเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สตก เป็นฝีมือของกองกำลังรัฐบาล "ชัดเจนว่า เครื่องบินโดยสารถูกยิงตกโดยกองกำลังรัฐบาล" เขาให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์รอสซิยา 25 ของรัสเซีย

สื่อรัสเซีย อ้าง กบฏยูเครน เจอ “กล่องดำ” MH17 แล้ว และจะส่งต่อไปให้รัสเซียตรวจสอบหาสาเหตุเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์สตก จนก่อให้เกิดคำถามตามมา รัสเซียจะปกปิดข้อเท็จจริงหรือไม่ ขณะที่ทีมกู้ภัยพบศพเหยื่อเคราะห์ร้ายแล้ว 181 ศพ เมื่อ 18 ก.ค. สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ของรัสเซียรายงานความคืบหน้าโศกนาฏกรรมเครื่องบินโดยสารมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH 17 โดนขีปนาวุธยิงตกทางภาคตะวันออกของยูเครนว่า ขณะนี้ กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน ได้พบ ‘กล่องดำ’ บันทึกเสียงของนักบินและข้อมูลการบิน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาหาสาเหตุเครื่องบินตกแล้ว พร้อมกับจะส่งให้แก่ทางการกรุงมอสโกตรวจสอบต่อไป สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ รายงานอ้างการเปิดเผยของนายแอนดรีย์ เปอร์กิน รองนายกรัฐมนตรีคนแรกของรัสเซีย กล่าวว่า กล่องดำของเที่ยวบิน เอ็มเอช 17 จะถูกส่งมาตรวจสอบ และมอบให้แก่คณะกรรมการการบินระหว่างรัฐ หรือ Interstate Aviation Committe ( IAC) ของรัสเซียในกรุงมอสโก เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณภาพสูง และจะสามารถตรวจสอบหาสาเหตุของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นได้ ด้าน สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานอ้างการเปิดเผยของพยานหลายคนในที่เกิดเหตุเครื่องบินตก ว่า ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยในยูเครน มีทั้งคนงานเหมืองแร่ ตำรวจท้องถิ่น ได้พบกล่องดำอันที่ 2 ด้วย อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่มีภาพของกล่องดำเผยแพร่ออกมา เพื่อที่จะยืนยันและสร้างความน่าเชื่อถือว่าข่าวการพบกล่องดำเป็นเรื่องจริง อย่างไรก็ตาม ตามที่มีรายงานข่าวออกมาว่า กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในยูเครนอาจ เจอกล่องดำ และไปให้ทางการรัสเซียตรวจสอบนั้น ได้ก่อให้เกิดคำถามว่า ทีมเจ้าหน้าที่ต่างชาติที่จะถูกส่งไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุนั้น อาจไปถึงจุดที่เกิดเหตุช้าเกินไป รวมถึงก่อให้เกิดคำถามว่าทางการรัสเซียจะมีการปกปิดข้อเท็จจริงของโศกนาฏกรรมเอ็มเอช 17 หรือไม่ ด้าน กระทรวงการต่างประเทศยูเครน แถลงพบศพผู้เสียชีวิต เอ็มเอช 17 โดนขีปนาวุธยิงตกในแคว้นโดเนตสก์ แล้ว 181 ศพ จากจำนวนผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องบินทั้งหมด 298 ศพ

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเมื่อวันพฤหัสบดี(17) ออกคำสั่งให้กองทัพเริ่มต้นปฏิบัติการจู่โจมทางภาคพื้นในฉนวนกาซา หลังจากไล่ถล่มทางอากาศมานานกว่า 1 สัปดาห์ อ้างเพื่อปกป้องชีวิตพลเรือนยิว ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุว่า "นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมได้มีคำสั่งให้กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอล(ไอดีเอฟ) เริ่มต้นปฏิบัติการภาคพื้นในคืนนี้ เพื่อจัดการกับการลักลอบขุดอุโมงค์จากกาซาเข้าสู่อิสราเอล" ถ้อยแถลงที่เผยแพร่ออกมาในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี(17) อันเป็นวันที่ 10 ของปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพื่อสกัดการยิงจรวดออกมาจากฉนวนของชาวปาเสไตน์ "ตามหลัง 10 วันของการโจมตีทางอากาศและทางทะเล รวมถึงการปฏิเสธซ้ำๆต่อข้อเสนอลดขอบเขตสถานการณ์ของพวกฮามาส กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล จึงได้เริ่มต้นปฏิบัติการทางภาคพื้นภายในฉนวนกาซา" ถ้อยแถลงจากทำเนียบนายกรัฐมนตรีระบุ ในส่วนของกองทัพระบุในถ้อยแถลงว่าปฏิบัติการครั้งนี้มีเป้าหมายต่อปกป้องชีวิตประชาชนชาวอิสราเอล "เป้าหมายของกองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอลซึ่งถูกกำหนดโดยรัฐบาลอิสราเอล ก็คือสร้างสภาพความเป็นจริงที่พลเรือนอิสราเอลสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมั่นคง โดยปราศจากภัยคุกคามที่ไม่เลือกหน้า"ด้านพันโทปีเตอร์ เลอร์เนอร์ โฆษกของกองทัพชี้แจงกับผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่าปฏิบัติการรุกรานทางภาคพื้นของอิสราเอลต่อฉนวนกาซา ไม่ได้มีเป้าหมายโค่นล้มกลุ่มฮามาส ที่ควบคุมฉนวนกาซาอยู่ "มันไม่ใช่เป้าหมายของภารกิจนี้" อย่างไรก็ตามทางฮามาสก็ออกมาตอบโต้ทันที โดยเตือนว่าการรุกรานทางภาคพื้นของอิสราเอลเข้าสู่ฉนวนกาซา จะนำมาซึ่งผลย้อนกลับที่น่าสะพรึงกลัว "มันไม่ได้ทำให้เหล่าผู้นำฮามาสและประชาชนปาเลสไตน์รู้สึกกลัวเลย" โฆษกของฮามาสบอกกับรอยเตอร์ "เราขอเตือนนายเนทันยาฮู ถึงผลย้อนกลับที่น่าสะพรึงกลัวของพฤติกรรมโง่ๆเช่นนี้" อิสราเอล ลงมือปฏิบัติการปกป้องเขตแดน (Operation Protective Edge) มาตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม เพื่อหยุดยั้งการยิงจรวดข้ามพรมแดนออกมาจากฉนวนกาซาของฮามาส ขณะที่กองทัพเผยว่าปฏิบัติการใหม่นี้จะเป็นการโจมตีทั้งทางภาคพื้นและทางอากาศ มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 240 ในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศนับตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ขณะที่ฝั่งอิสราเอลมีผู้เสียชวิตแค่รายเดียว แต่ทางรัฐยิวก็กล่าวหาว่าพวกฮามาสใช้แหล่งชุมชนอำพรางที่ตั้งทางทหาร ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี(17) มีข่าวลือว่าอิสราเอลและฮามาส บรรลุข้อตกลงหยุดยิงระยะยาวที่มีอียิปต์เป็นคนกลางตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00 น.ของวันศุกร์(18) ตามเวลาท้องถิ่น(ตรงกับเมืองไทย 10.00น.) เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามต่อมาทั้งสองฝ่ายก็ออกมาปฏิเสธ

ไต้ฝุ่น รามสูร ยังคงแผ่อิทธิพลสร้างความเสียหายในประเทศเวียดนาม ล่าสุดทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย และทำไร่นาเสียหายอย่างหนัก...สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อิทธิพลจากพายุไต้ฝุ่น 'รามสูร' ที่เคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่ภาคเหนือของประเทศเวียดนามเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย และมีผู้สูญหายอีก 4 คน ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเมื่อวันจันทร์ (21 ก.ค.) ขณะที่ในประเทศจีน จำนวนผู้เสียชีวิตในเส้นทางผ่านของไต้ฝุ่นลูกนี้เพิ่มขึ้นเป็น 26 รายแล้ว คณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมน้ำท่วมและพายุ เผยเมื่อวันจันทร์ว่า พบผู้เสียชีวิต 5 ราย และมีผู้สูญหายอีก 2 หลังเกิดเหตุดินถล่มเนื่องจากฝนตกในช่วงเช้าวันจันทร์ ในจังหวัด ฮา เกียง (Ha Giang) ทางเหนือของเวียดนาม นอกจากนี้ ฝนที่ตกหนักยังทำให้เกิดดินถล่มที่จังหวัด หล่างเซิน (Lang son) ติดชายแดนประเทศจีน มีผู้เสียชีวิต 5 รายเช่นกัน ขณะที่ผู้เคราะห์ร้ายอีก 3 ราย เสียชีวิตเพราะถูกฟ้าผ่า นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่า บ้านเรือนอย่างน้อย 500 หลังได้รับความเสียหาย และพื้นที่ปลูกข้าวราว 4,000 เฮคตาร์ถูกน้ำท่วม หลังจากไต้ฝุ่นรามสูรทำให้เกิดฝนตกหนักในภาคเหนือ วัดปริมาณน้ำได้ระหว่าง 250-550 มม. ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ ไต้ฝุ่นรามสูรสร้างความเสียหายอย่างหนักแก่ภาคเหนือและภาคกลางของประเทศฟิลิปปินส์เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 94 ราย ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าสู่เกาะไหหลำของจีน เมื่อวันศุกร์ (18 ก.ค.) และเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายอย่างน้อย 51,000 หลัง พื้นที่เพาะปลูกถูกทำลาย 40,600 เฮคตาร์ พบผู้เสียชีวิตแล้ว 26 ราย   ไต้ฝุ่นรามสูรถล่มจีนดับ18เตรียมเข้าเวียดนามต่อ (ไอเอ็นเอ็น) พายุรามสูร ย้ายฟากจากฟิลิปปินส์เข้าจีน เสียชีวิตแล้ว 18 ราย ล่าสุด พายุรามสูร เตรียมถล่มเวียดนามต่อไป วันที่ 21 กรกฎาคม 2557 สื่อต่างประเทศรายงานว่า พายุรามสูรที่พัดมาจากฟิลิปปินส์ ได้เข้าถล่มชายฝั่งทางใต้ของจีนที่เกาะไหหนานตั้งแต่วันศุกร์ (18 กรกฎาคม) ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 9 ราย และสูญหายอีก 5 ราย ล่าสุด มีผู้เสียชีวิตจากพายุดังกล่าวในภูมิภาคกวางสีอีก 9 ราย และจะพัดเข้าเขตเวียดนามในเวลาต่อไปตามกรมอุตุนิยมวิทยาของจีนรายงาน อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายจากพายุรามสูร ทางการจีนได้สั่งระงับการเดินทางของขบวนรถไฟในพื้นที่ที่เกิดพายุแล้วกว่า 100 เที่ยว   Typhoon RAMMASUN ไต้ฝุ่น“รามสูร”ได้อ่อนกำลังเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 ที่ละติจูด 15.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 119.1 องศาตะวันออก และขณะนี้ มีศูนย์กลางอยู่***งประมาณ 114 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงมะนิลาประเทศฟิลิปปินส์ กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ 17 กิโลเมตร ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 115 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา จากภาพถ่ายดาวเทียม บ่งบอกว่าพายุมีการอ่อนกำลังลงจากไต้ฝุ่นระดับ2 เป็นระดับ1กำลังเคลื่อนตัวอยู่ที่ทะเลจีนใต้ตอนกลาง ซึ่งจะทวีกำลังขึ้นเป็นไต้ฝุ่นระดับ 2 อีกครั้ง ก่อนพัดเข้ากลางเกะไหหลำ ในช่วงวันที่ 18-19 กรกฎาคม 2557 และจะอ่อนกำลังลงบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน

นักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เสียงยิงกันด้วยอาวุธหนักนั้นได้ยินไปถึงใจกลางเมืองที่ห่างจากสนามบินออกไปประมาณ 25 กิโลเมตร ขณะที่เจ้าหน้าที่สนามบินระบุว่า มีการยิงจรวดเข้ามาในอาณาเขตของสนามบินเมื่อตอนเช้า ช่วงเวลาประมาณ 06.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (11.00 น.ตามเวลาประเทศไทย) ทำให้หลายเที่ยวบินไม่สามารถขึ้นบินได้ หลังจากนั้นก็มีการปะทะกันระหว่างกลุ่มกองกำลังซินตันที่ควบคุมพื้นที่สนามบิน กับอีกฝ่ายที่ต้องการจะขับไล่กลุ่มซินตัน อดีตกองกำลังฝ่ายกบฏจากเมืองซินตัน เมืองในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองหลวง คือกองกำลังสนับสนุนหลักของฝ่ายเสรีนิยมในรัฐสภาลิเบีย ที่ต่อต้านความพยายามของกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ ในการจะเข้ามาแย่งชิงอำนาจหลังการโค่นล้มจอมเผด็จการ มูอัมมาร์ กัดดาฟี “กลุ่มปฏิบัติการปฏิวัติลิเบีย” ที่เกิดจากการรวมตัวกันของบรรดากลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ และถือว่าเป็นกองกำลังของฝ่ายที่เคร่งศาสนาอิสลามในรัฐสภาลิเบีย ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการโจมตีครั้งนี้ โดยมีการระบุไว้ในหน้าเพจเฟซบุ๊กว่า กองกำลังปฏิวัติได้เข้าไปในพื้นที่ของสนามบินในกรุงตริโปลี แล้วปะทะกับกลุ่มติดอาวุธที่อยู่ภายใน การสู้รบกันครั้งนี้ ทิ้งช่วงเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์หลังจากการเลือกตั้งรัฐสภา ที่จะเข้ามาแทน “สมัชชาใหญ่แห่งชาติ” ซึ่งเดิมถูกกุมอำนาจโดยฝ่ายที่เคร่งศาสนาอิสลาม จนทำให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างหนักและถูกกล่าวหาว่าละโมบในอำนาจ  ทั้งนี้ ลิเบียกลายเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยอาวุธ หลังการลุกฮือขึ้นมาต่อต้านรัฐเมื่อปี 2011 แถมยังตกอยู่ในสภาวะบ้านป่าเมืองเถื่อนไร้กฏเกณฑ์ที่ระบาดไปทั่ว ขณะที่บรรดาคณะมนตรีก็มัวแต่แย่งชิงอำนาจกันสำหรับการปะทะกันในสนามบินครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ทางสหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งในลิเบียแค่ไม่กี่ชั่วโมง โดยสหรัฐฯ ระบุว่า ปัญหาความรุนแรงอาจจะลุกลามบานปลายไปทั่ว เว้นเสียแต่ว่ารัฐสภาชุดใหม่จะเข้ารับตำแหน่งและร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยเร็ว เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐอเมริกาเป็นห่วงอย่างมากเกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในลิเบีย รวมถึงเป็นห่วงทัศนคติที่เป็นอันตรายซึ่งอาจทำให้ความขัดแย้งกระจายไปทั่ว พร้อมยืนยันให้การสนับสนุนแก่ลิเบียในช่วงการเปลี่ยนผ่านของระบอบประชาธิปไตย รวมถึงขอให้สมาชิกสภาฯ ชุดใหม่เข้าประจำตำแหน่งโดยเร็ว ขณะเดียวกันการออกรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรจะได้รับการดำเนินการโดยที่ไม่มีเหตุรุนแรงหรือการแทรกแซง อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว (6 ก.ค.) คณะกรรมการเลือกตั้งของลิเบียประกาศไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งจาก 24 หน่วยเลือกตั้งเพราะมีการโกง พร้อมกับระบุว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมาจะยังไม่สามารถประกาศผลได้ไปจนถึงช่วงปลายเดือนนี้ แถมอาจจะได้ผู้แทนฯ แค่ 184 คนเท่านั้น จากทั้งสภา 200 คน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุท่าอากาศยานนานาชาติในกรุงทริโปลี ของลิเบีย ถูกยิงถล่มด้วยจรวดหลายลูกตั้งแต่เมื่อเย็นวานนี้ (14 ก.ค.57) นอกจากนั้นยังสร้างความเสียหายให้กับเครื่องบิน 12 ลำ ที่จอดอยู่ที่สนามบินแห่งนี้ รวมทั้งหอบังคับการบินด้วย ท้ังนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1 รายและได้รับบาดเจ็บอีก 6 ราย อีกทั้งเที่ยวบินทุกเที่ยวที่จะขึ้นลงที่ท่าอากาศยานแห่งนี้ ต้องยกเลิกการเที่ยวบินไปจนถึงวันพุธนี้ ด้านสหประชาชาติประกาศจะถอนเจ้าหน้าที่ในลิเบียกลับทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็เพิ่งเกิดเหตุโจมตีในเมืองเบงกาซี เป็นเหตุให้มีประชาชนเสียชีวิตไป 6 รายและบาดเจ็บอีก 25 ราย ด้านรัฐบาลลิเบียแถลงว่า ได้สั่งการให้ออกไล่ล่ากองกำลังติดอาวุธที่ก่อเหตุแล้ว พร้อมกับเตือนว่า หากกองกองกำลังฝ่ายต่อต้านกลุ่มใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง รัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด สำหรับเหตุปะทะกันระหว่างกองกำลังฝ่ายต่อต้านกับฝ่ายรัฐบาล ยืดเยื้อมาเป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว และที่ผ่านมา รัฐบาลลิเบียพยายามที่จะรักษาความสงบในประเทศ ภายหลังจากประธานาธิบดีโมอัมมาร์ กัดดาฟี ได้ถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อปี 2554 ก่อให้เกิดเหตุวุ่นวายในลิเบีย เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ในประเทศได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น