Children of Men เป็นภาพยนตร์ไซไฟ-ดิสโทเปีย ที่ออกฉายในปี ค.ศ. 2006 เขียนบท กำกับ และตัดต่อโดยอัลฟอนโซ กัวร็อน ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวสเปน ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อ The Children of Men ของพี. ดี. เจมส์ ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1992 กล่าวถึงสังคมมนุษย์ในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร หากมนุษย์ไม่สามารถสืบพันธุ์ได้
ภาพยนตร์นำแสดงโดยไคลฟ์ โอเวน, จูเลียน มัวร์, ไมเคิล เคน และแคลร์-โฮป แอชทีย์ นักแสดงหน้าใหม่ชาวอังกฤษเชื้อสายกานา บทภาพยนตร์เขียนโดยทีมงานของกัวรอน ซึ่งรวมไคลฟ์ โอเวน นักแสดงนำอยู่ในทีมงานเขียนบทด้วย
ภาพยนตร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 3 สาขา จากบทภาพยนตร์ดัดแปลง, การกำกับภาพ และการตัดต่อ ได้รับรางวัลบาฟตา 2 รางวัล และรางวัลแซทเทิร์น สาขาภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยม
บทของ คี เป็นตัวละครที่ทีมงานผู้เขียนบทเพิ่มเติมขึ้นมาจากในนวนิยาย มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่าเรื่องราวตอนที่ ธีโอและคี อุ้มเด็กทารกกำลังร้องไห้ ท่ามกลางกองทหารกำลังรบกันอยู่ และฉากอื่นๆ เป็นสัญลักษณ์อ้างอิงถึงคัมภีร์ไบเบิล เปรียบเทียบคนทั้งคู่เหมือนนักบุญโยเซฟกับพระแม่มารี รวมไปถึงการเลือกวันเข้าฉายในสหรัฐอเมริกา ตรงกับวันคริสต์มาส
ภาพยนตร์กล่าวถึงเหตุการณ์อนาคตในปี ค.ศ. 2027 มนุษยชาติกำลังประสบความลำบากเนื่องจากความเสื่อมทรามทั้งในด้านสังคม สิ่งแวดล้อม การเมืองการปกครอง รัฐบาลของประเทศต่างๆ ล้วนล่มสลาย และตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองและการก่อการร้าย มีเพียงประเทศเดียวที่ยังคงอยู่ คือ ประเทศอังกฤษ ที่อยู่ในสถานะรัฐตำรวจ กลายเป็นจุดมุ่งหมายเดียวที่ผู้อพยพทั่วโลกลี้ภัยเข้ามา แต่เหล่าผู้อพยพกลับได้รับการปฏิบัติอย่างเข้มงวด สามารถฆ่าทิ้งได้โดยไม่เห็นคุณค่า รัฐบาลนี้ถูกต่อต้านโดนกลุ่มกบฏที่เรียกตัวเองว่า ฟิช ที่พยายามปลุกระดมประชาชนให้ลุกขึ้นปฏิวัติ
สืบเนื่องจากมลภาวะ ทำให้หญิงมีครรภ์ทุกคนพากันแท้งลูก และไม่มีทารกเกิดใหม่มาเป็นเวลา 18 ปีตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009 จนเกิดความกังวลว่ามนุษยชาติจะถึงที่สิ้นสุด ธีโอ (รับบทโดย ไคลฟ์ โอเวน) อดีตนักรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อม ได้รับการติดต่อจาก จูเลียน (รับบทโดย จูเลียน มัวร์) อดีตภรรยาที่แยกทางกันตั้งแต่ปี 2008 หลังจากลูกชายของทั้งคู่ ชื่อ ไดแลน เสียชีวิตเนื่องจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ให้ช่วยพา คี (รับบทโดย แคลร์-โฮป แอชทีย์) เด็กสาวแอฟริกันที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หลบหนีออกนอกอังกฤษ
ระหว่างการเดินทาง รถของธีโอ จูเลียน คี ลูค (รับบทโดย ชิววีเทล เอจิโอฟอร์) และมีเรียม (รับบทโดย แพม เฟอร์ริส) ถูกโจมตีโดยฝูงชนที่บ้าคลั่ง จูเลียนถูกกระสุนปืนเสียชีวิต สี่คนที่เหลือถูกตามล่าโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพากันไปหลบซ่อนในรังลับขององค์กรฟิช ธีโอได้ทราบว่าแท้ที่จริงจูเลียนเป็นหัวหน้าสาขาของฟิช และตั้งใจจะพาคี ซึ่งเป็นหญิงสาวคนแรกที่ตั้งครรภ์ในรอบ 18 ปี หลบหนีไปยังฐานลับกลางทะเลของ ฮิวแมนโปรเจก องค์กรวิจัยที่พยายามแก้ปัญหาการเป็นหมันของมนุษย์ และได้พบว่า ลูค ที่เป็นผู้นำรองจากจูเลียน เป็นผู้วางแผนการสังหารจูเลียน เพื่อเลื่อนเป็นผู้นำแทน และจะนำคีมาใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนลุกฮือขึ้นโค่นล้มรัฐบาล
ระหว่างหลบหนีไปยังค่ายกักกัน คีคลอดทารกหญิงออกมา ขณะเดียวกันค่ายกักกันถูกโจมตีโดยหน่วยรบใต้ดินของฟิช ที่ทำสงครามกับทหารฝ่ายรัฐบาลอย่างหนัก ผู้คนพากันล้มตาย แต่เมื่อทารกหญิงส่งเสียงร้องไห้ออกมา กองกำลังทหารทั้งสองฝ่ายและประชาชนผู้เป็นเหยื่อสงคราม เมื่อได้ยินเสียงร้องของเธอต่างตกตะลึง หยุดยิงชั่วคราว และหลีกทางให้ทีโอ คี และทารกน้อยเดินจากไป ราวกับรับรู้ว่าเด็กน้อยคนนี้คือ อนาคตของมนุษยชาติ คี ตั้งชื่อทารกน้อยว่า ไดแลน ตามชื่อลูกของธีโอและจูเลียนที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้จะเป็นแนวไซไฟ-ดิสโทเปีย แต่ก็ผูกโยงเข้ากับแนวคิดด้านการเมืองและศาสนาด้วย การใช้สัญลักษณ์ต่างๆ ในภาพยนตร์ อาทิ ที่เกี่ยวโยงกับการเมือง นั้น มีบรรยากาศของการต่อสู้แบบสงครามกลางเมือง การอพยพ การก่อการร้าย การรักษาความปลอดภัยทีก็ขัดแย้งและปิดกั้นเสรีภาพของมนุษย์ด้วย ซึ่งเรื่องราวทำนองนี้ช่างใกล้เคียงกับเหตุการณ์ที่เป็นจริงอยู่ในโลกยุคปัจจุบัน เช่น เหตุการณ์ในลิเบีย ยูเครน ฉนวนกาซ่า อียิปต์ อิรัก ซีเรีย เป็นต้น ที่เกี่ยวโยงกับศาสนา เช่น การใช้ชื่อเรื่องว่า Children of Men ที่เป็นคำที่นำมาจากคัมภีร์ไบเบิล, การเดินทางของธีโอกับคี ที่ดูคล้ายคลึงกับการเดินทางของโจเซฟกับพระแม่มารี (เพื่อเป็นการปกป้องเธอและลูกในท้อง ซึ่งเปรียบดังความหวังของมนุษย์ทั้งปวง) และฉากคีคลอดลูก ที่ไปพ้องกับตำนานการประสูติของพระเยซูคริสต์ เส้นเรื่องหลัก คือธีโอต้องการพาสาวท้องแก่ฝ่าด่านทหารไปสู่เรือแห่งอนาคต เพื่อคลอดลูกได้ปลอดภัยหรือไม่ ส่วนเส้นเรื่องรอง คือการต่อสู้กับผู้นำเผด็จการของกลุ่มผู้ประท้วง (ฟิช) ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่
จุดเด่นของหนังเรื่องนี้ นอกเหนือจากแง่คิดด้านปรัชญาการเมืองและหลักศาสนาที่สะท้อนแง่มุม ประเด็นปัญหาที่ทันและเข้ากับยุคสมัยแล้ว ส่วนที่เป็นไฮไลต์อีกอย่างก็คือซีนถ่ายลองเทค ในฉากที่ธีโอจะต้องช่วยคีหนีออกจากการสู้รบ ฝ่าฝูงชนกลุ่มกบฏฟิชเพื่อไปยังฐานลับกลางทะเล ซึ่งมุมกล้องที่ถ่าย เป็นมุมกล้องแบบ 360 องศา ซึ่งการณ์ต่อมา เราได้เห็นเทคนิคนี้ของอัลฟองโซ กัวร็องได้นำมาใช้ต่อยอดในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Gravity อีกครั้ง ซึ่งสร้างมิติใหม่และปรากฏการณ์ใหม่ของโลกภาพยนตร์จนได้รับการกล่าวขวัญถึงและได้รางวัลมากมาย กลายเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดของเขา
ประวัติชีวิตและผลงานของ อัลฟองโซ กัวร็อน
เกิด November 28, 1961 (age 52) Mexico City, Mexico เป็นชาวเม็กซิกัน
ปัจจุบันเขาพักและใช้ชีวิตอยู่ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ,เขาเป็นทั้งผู้กำกับ ,ผู้เขียนบท โปรดิวเซอร์ ,ผู้ตัดต่อลำดับภาพ
สถานภาพพ่อหม้าย คู่ชีวิต Mariana Elizondo (1980–1993) Annalisa Bugliani (2001–2008) เขาเคยมีอดีตภรรยาถึง 2 คน
ผลงานสร้างชื่อของเขาได้แก่ Y Tu Mamá También, Children of Men, Gravity, Harry Potter and the Prisoner of Azkaban ,Great Expectations
Feature films (Year Film Credited as Director ,Writer ,Producer ,Editor ,Assistant director ,Associate producer)
1986 Les Pyramides Bleues
1989 Romero
1991 Sólo con tu pareja
1995 A Little Princess
1998 Great Expectations
2001 Y Tu Mamá También
2004 Harry Potter and the Prisoner of Azkaban ,Crónicas ,The Assassination of Richard Nixon
2005 Black Sun
2006 Children of Men ,Pan's Labyrinth
2007 Year of the Nail
2008 Rudo y Cursi
2010 Biutiful
2013 Gravity
Short films
• Who's He Anyway (1983)
• Vengeance Is Mine (1983) Co-director
• Cuarteto para el fin del tiempo (1983)
• Paris, je t'aime (2006) (segment "Parc Monceau")
• The Shock Doctrine (2007) Co-writer and Producer (a short film directed by his son Jonás Cuarón, different than book with same name)
Documentary films
• The Possibility of Hope (2007) Short
TV
• La Hora Marcada (1986) (episodes "Ángel Pérez", "El taxi", "Zangamanga", "No estoy jugando" and "A veces regresa")
• Fallen Angels (1993) (episode "Murder, Obliquely")
• Believe (2014)