แรงหนุน ต่อต้าน พรบ.ปรองดอง หรือ กฏหมายปรองดอง ซึ่งเปลือกนอกใช้คำสวยหรูว่าเป็นการปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติ ด้วยกันทุกฝ่าย แต่ใส้ในนั้นก็คือต้องการนิรโทษความผิดให้กับคนเพียงบางกลุ่มที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดทั้งทางอาญา และทางแพ่ง ในขณะที่บางคนบางกลุ่มถูกลากมาให้ได้รับความผิดร่วมด้วยอย่างไม่เป็นธรรม แล้วก็จะอภัยโทษแบบยกเข่ง โดยไม่ให้มีการสืบสาวหาที่มาที่ไปหรือต้นตอของการกระทำในเหตุการณ์ต่างๆ โดยเอาข้ออ้างเรื่องการปรองดองมาบังหน้า เพื่อฟอกความผิดให้กับใครบางคน กำลังเริ่มขึ้นแล้ว
สืบเนื่องจาก รัฐบาลได้ยืมมือ หน.พรรคมาตุภูมิ เป็นประธานยกร่าง พรบ.ปรองดอง และเป็นผู้ผลักดัน พรบ.ฉบับนี้เข้าสภา (เป็นคนเดียวกับที่ทำรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย.2549 โดยอ้างว่ารัฐบาลทักษิณทำการทุจริตคอรัปชั่น สร้างความแตกแยกในบ้านเมือง และอีก 2 ข้อ เสมือนการเขียนด้วยมือ และลบด้วยเท้า) และประธานรัฐสภาก็รับลูกทันที ได้บรรจุร่าง พรบ.ปรองดองนี้ เข้าสภาวันที่ 30 พ.ค.นี้ เพื่อที่จะให้มีการพิจารณาอนุมัติร่าง พรบ.ฉบับนี้ ซึ่งเป็นการกระทำที่ลุกลี้ลุกลน และเร่งรีบ เสมือนมีใบสั่งจากผู้มีอำนาจในรัฐบาล บงการแผนวาระซ่อนเร้นนี้ให้เป็นไปตามหมายกำหนดการของใครบางคน ที่อยู่ต่างประเทศและต้องการกลับประเทศมาอย่างเท่ห์ๆ ไร้มลทิน ไม่มีความผิด กลายมาเป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนไม่เคยกระทำความผิดใดๆ มาก่อน จึงอยากจะถามผู้รักความเป็นธรรมในบ้านเมืองนี้ทุกคน ว่า คุณจะยอมให้มีการทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม หรือหลักความยุติธรรมในบ้านเมืองนี้กันเหรอ ถ้าเรื่องนี้เกิดเป็นไปตามแผนที่เขาได้วางเอาไว้ได้สำเร็จ ในอนาคตใครๆ ในประเทศนี้ก็จะลุกขึ้นมาทำความผิดกันอย่างไม่ยำเกรง แล้วก็จะขอใช้บรรทัดฐานในแบบเดียวกัน คือใช้ พรบ.ปรองดอง เพื่อล้างความผิด กันได้ แล้วประเทศนี้จะอยู่กันอย่างไร คนที่กระทำความผิด พอเมื่อตนเองได้เข้ามามีอำนาจแล้ว ก็จะมาใช่กฏหมายนี้ เพื่ออภัยโทษให้ตนเอง ซึ่งจะกลายเป็นบรรทัดฐานที่ชั่วร้ายสืบต่อกันไปในอนาคตได้
พันธมิตรฯ แถลง เสนอร่างหลักการปกครองประเทศ 15 ข้อ “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน” พร้อมต้าน พ.ร.บ.ปรองดองล้างผิด “นช.ทักษิณ” นัดรวมพล 9 โมงเช้า 30 พ.ค.นี้ ที่ลานพระรูป ก่อนเคลื่อนขบวนยื่นหนังสือคัดค้านต่อประธานรัฐสภา จี้ถอนจากวาระ
ร่างหลักการปกครองประเทศ “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน”
1.หลักการปกครองประเทศต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ : องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้
2.หลักการปกครองประเทศต่อความมั่นคงแห่งรัฐ : กองทัพมีหน้าที่ในการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตยและบูรณภาพ แห่งเขตอำนาจรัฐ ความมั่นคงของรัฐ และผลประโยชน์แห่งชาติ ตลอดจนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
3.หลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย : อำนาจการปกครองเป็นของประชาชนและเพื่อประโยชน์ของประชาชนในทุกวันเวลา ไม่ใช่เฉพาะวันหย่อนบัตรเลือกตั้งผู้แทนประชาชน ดังนั้นประชาชนจึงมีอำนาจในการตัดสินใจ มีอำนาจในการตรวจสอบ และมีอำนาจเข้าถึงข้อมูลของรัฐ
4.หลักการถ่วงดุลและตรวจสอบ ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ มีหน้าที่และความรับผิดชอบต่ออำนาจอธิปไตยที่ต้องสามารถตรวจสอบถ่วงดุลกันได้จริง โดยให้มีที่มาจากเบ้าหลอมที่แตกต่างกัน และผู้แทนของประชาชนมีความหลากหลายทั้งในมิติทางพื้นที่ มิติทางวิชาชีพ และมิติทางสังคม
5.หลักการปกครองประเทศต่อระบบพรรคการเมือง: ขจัดเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งโดยทุนสามานย์ที่เข้ามาครอบงำประเทศในทุกรูปแบบ และผู้แทนประชาชนไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง
6.หลักการปกครองประเทศในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง : การทุจริตต้องไม่มีอายุความ ผู้เสียหายคือประชาชนที่ฟ้องร้องได้ในทุกคดี และการทุจริตให้มีบทลงโทษสถานหนักสูงสุดคือประหารชีวิต
7.หลักการปกครองประเทศเพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม : ประชาชนสามารถเข้าถึงและพึ่งพิงกระบวนการยุติธรรมได้โดยสะดวก รวดเร็ว และทั่วถึง ปฏิรูปอัยการให้ปลอดจากอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง ปฏิรูปตำรวจให้ขึ้นกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และบุคคลและกระบวนการยุติธรรมต้องถูกตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
8.หลักการปกครองส่วนท้องถิ่น : กระจายการบริหาร กระจายระบบข้าราชการ กระจายการจัดการและรับผิดชอบประเทศ กระจายงบประมาณสู้ท้องถิ่นโดยตรงอย่างเป็นรูปธรรมโดยปราศจากการสกัดกั้นหรือครอบงำจากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นหรือจากรัฐบาลส่วนกลาง
9.หลักการอยู่ร่วมกันของคนในชาติ : ประชาชนในประเทศอยู่ด้วยกันอย่างมีภราดรภาพ มีความเป็นพี่น้องกัน มีความเท่าเทียมกันทั้งในศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์
10.หลักการระบบเศรษฐกิจ : ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและงบประมาณของประเทศ
11.หลักการปกครองในโอกาสของระบบเศรษฐกิจ: ให้ประชาชนทุกระดับและทุกท้องถิ่นต้องมีโอกาสและที่ยืนในระบบเศรษฐกิจตามความสามารถและศักยภาพของตนเอง
12.หลักการปกครองเพื่อสร้างความเป็นธรรมในการใช้ทรัพยากรของประเทศ: ผู้ที่ได้ใช้ทรัพยากรมากทำลายสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมมาก จำเป็นต้องจ่ายภาษีคืนกลับประเทศมากกว่าผู้ที่ใช้ทรัพยากรน้อยกว่าหรือทำลายสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมน้อยกว่า
13.หลักการปกครองประเทศในทรัพยากรธรรมชาติ: ทรัพยากรธรรมชาติรวมถึงน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ถือเป็นสมบัติของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ต้องมีไว้เพื่อประโยชน์กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศอย่างคุ้มค่าสูงสุด และสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับประเทศอย่างโปร่งใส ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มทุนเพียงไม่กี่คน
14.หลักการปกครองประเทศในด้านการศึกษา : ปฏิรูปการศึกษาให้ชุมชนและท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการตัดสินหลักสูตรการศึกษาให้สอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศ เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษานักเรียนให้ได้สูงสุดตามศักยภาพของเด็กโดยให้ควบคู่ไปกับคุณธรรม และรัฐมีหน้าที่สร้างมาตรฐานกลางและวัดผลมาตรฐานของทุกโรงเรียนในประเทศ
15.หลักการปกครองประเทศในด้านสื่อสารมวลชน: ดำเนินการขจัดความเท็จออกจากสังคม สร้างความจริงให้เกิดขึ้น สร้างพื้นที่และสนับสนุนทั้งนโยบายและงบประมาณให้กับสื่อมวลชนที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศอย่างแท้จริง
ภายใต้หลักปกครองประเทศทั้ง 15 ประการข้างต้นนี้ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเห็นสมควรให้ดำเนินกิจกรรมต่อเนื่องต่อไปดังนี้
ประการแรก ให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในแต่ละจังหวัดให้จัดการประชุม เสวนา และประชาพิจารณ์และระดมความคิดเห็นเพิ่มเติมในหลักปกครองประเทศ และให้หาทิศทางกำหนดหลักปกครองประจำจังหวัด เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนของจังหวัดตนเองต่อไป
ประการที่สอง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าบัดนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งได้ยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตราพระราชบัญญัติปรองดองขึ้น โดยจะเริ่มมีการพิจารณาวาระดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวมีเนื้อหาในการล้างผลความผิดให้กับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรและพวก ทั้งๆ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ตัดสินให้นักโทษชายทักษิณ ชินวัตรมีโทษต้องจำคุกไปแล้ว อันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ และนิติธรรม อีกทั้งยังละเมิดหลักการที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ประกาศแล้วว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็นเงื่อนไขที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะเคลื่อนไหวชุมนุมอีกประการหนึ่งด้วย
อนึ่ง ผู้เขียนไม่ได้เป็นแนวร่วมหรือสมาชิกแฟนคลับของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นแต่เพียงผู้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองและเป็นประชาชนผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สถาบันสำคัญของชาติคนนึง แต่เห็นด้วยในแนวคิดของกลุ่มพันธมิตรฯ ในหลายประเด็น หลายวาระ ซึ่งหลักการใหญ่ๆ ส่วนใหญ่จะเห็นด้วย และมีบางครั้งก็อาจไม่เห็นด้วยในหลักการ วิธีการ หรือตัวบุคคล แต่ในเมื่อกลุ่มพันธมิตรฯ ได้พิสูจน์ให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้เห็นในหลากหลายวาระ ว่าทำการเคลื่อนไหวทางการเมืองส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อบ้านเมืองอย่างแท้จริง ไม่ได้มีผลประโยชน์เคลือบแฝงใดๆ ในแง่ตัวบุคคล ที่เป็นแกนนำ และในหลากหลายครั้งมีประเด็นใหเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยก็สามารถชี้แจงแก้ต่างในประเด็นที่เป็นที่สงสัยได้อย่างมีเหตุผลข้อมูลรองรับ ทำให้ผู้เขียนไม่ได้ติดใจในเรื่องประเด็นโจมตี หรือข้อกล่าวหาที่ผ่านมาไม่ว่าจะในประเด็นใดๆ และค่อนข้างมั่นใจ เชื่อใจได้ว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ทำเพื่อชาติ และราชบัลลังก์จริงๆ และครั้งนี้ก็เห็นด้วยที่ออกมาเคลื่อนไหวท้วงติงในประเด็น พรบ.ปรองดอง และขอมีส่วนร่วมในการรณรงค์ต่อต้าน พรบ.ปรองดองฉบับนี้ด้วยใจจริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น