วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2561

นาฏเละ ชำแหละผลรางวัลที่ค้านสายตาคนดูทีวีมาหลายปีแล้ว

นาฏเละ เวทีอันทรงเกียรติ ซึ่งเป็นปณิธานตั้งแต่เริ่มสถาปนาขึ้นมา ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ ลงท้ายเป็นบ้องกัญชา ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น สุดท้ายไม่ต่างจากเวที เมขโหล,โทรทัศน์มาลีนนท์ เป็นรางวัลที่ไว้อวยกันเองของบางวิก (พระราม 4 กับอโศก)  

ก็ไม่แปลกใจหรอก ที่ผลรางวัลของทุกปี จะออกมาแบบนี้ คือแบ่งๆ กันไประหว่างวิก 3 พระราม 4 กับแกรมมี่ ณ อโศก เพราะเป็นสถาบันแจกรางวัลที่ก่อตั้งโดย 3 เสาหลักคือ ช่อง 3 เอ็กแซ็กท์(ณ ตอนนั้นยังเป็นช่อง 5 ยังไม่มีช่อง One กับ Gmm25) และเจเอสแอล ของคุณจำนรรค์ ศิริตัน หนุนภักดี ซึ่งมีตำแหน่งนายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์พ่วงด้วย ซึ่งคุณจำนรรค์ มิใช่ตัวแทนของ ช่อง 7 ด้วย เพราะเจเอสแอล เป็นเพียงผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ ที่ผลิตป้อนให้กับทุกช่อง ดังนั้น การก่อตั้งรางวัลนี้ จึงเรียกไม่ได้ว่า เป็นรางวัลของบุคลากรทั้งวงการ เพราะขาดช่อง 7 สีไป ซึ่งจะว่าไป ช่อง 7 สี ต้องถือว่าเป็นผู้อาวุโสสุดของวงการ เพราะก่อตั้งมาก่อน เก่าแก่สุด แต่ไม่ได้มีส่วนในการเป็นผู้ก่อตั้งหรือสถาปนารางวัลนี้ คำถามคือ แล้วเขาจะมีเอี่ยวในผลประโยชน์ หรือมีสิทธิ์มีเสียงในการกำหนดกติกามาตั้งแต่เริ่มต้นมั๊ย คำตอบคือไม่มี นี่ก็เป็นความทะแม่งอย่างแรกๆ แล้วของการถือกำเนิดของสถาบันแจกรางวัลแห่งนี้

5 ปีแรกๆ เจ้าภาพจัดงานเป็นเอ๊กซ์แซ็กท์ ของคุณบอย ถกลเกียรติ รับหน้าเสื่อจัดงานกันไป รางวัลหลักใน 2 ปีแรกจึงค่อนข้างเทให้ไปทางเอ็กซ์แซ็กท์ได้รางวัลใหญ่ไป เพราะค่อนข้างเกรงใจและเป็นตั้วโผจัดงาน ลงเงิน และปีต่อมาก็เป็นทางเจเอสแอล รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดงาน มาจนถึงปัจจุบัน ช่วง 5 ปีแรก ภาพลักษณ์ของการจัดงานและการให้รางวัลดูดีมีมาตรฐาน ผู้ที่ได้รับรางวัลถูกกลั่นกรองออกมาได้น่าเชื่อถือ ทำให้เวทีแห่งนี้ การเป็นความหวังของบุคลากรในแวดวงการบันเทิงโทรทัศน์ และของคนดูโทรทัศน์โดยทั่วไป พอเริ่มเข้าสู่ช่วงปีที่ 6-9 ก็คือปีล่าสุด เริ่มมีกลิ่นตุๆ ของรางวี้ รางวัล ที่ค้านสายตาคนดู หรือผิดฝาผิดตัว และบางสาขา ผู้เข้าชิงบางท่านไม่เหมาะสม บางท่านเหมาะสม แต่ไม่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง และนับตั้งแต่ครั้งที่ 3/2554 เป็นต้นมา รางวัลหลักๆ ส่วนใหญ่ถูกเทมาให้วิก 3 พระราม 4 เพียงช่องเดียวแบบค้านสายตาคนดูมากๆ ในหลายสาขารางวัล ทั้งรางวัลหลักและไม่หลัก แบบ winner take all ซึ่งรายละเอียดจะได้กล่าวต่อไป

รางวัล “นาฏราช” จะไม่เป็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมทั้งในแวดวงบันเทิง หรือคนวงนอก อย่างคนดูทั่วไป ขนาดนี้ ถ้าไม่เคลมตนเองมาก่อนว่า “เป็นสถาบันแจกรางวัลทางด้านโทรทัศน์ที่ได้มาตรฐานที่สุดในประเทศไทย” ใช้ระบบเดียวกับ ออสการ์ เพราะใช้บริการการเก็บข้อมูล ผลรางวัลโดยจ้างบริษัทเดียวกับที่ทำให้ออสการ์ ก็คือบริษัท ไพรซ์วอเทอร์เฮ้าส์ คูเปอร์ (PWC) แต่บริษัทนี้เคยมีแผลจากการยื่นซองผิดให้ผู้ประกาศผลรางวัล ทำให้ประกาศรางวัลผิด ปีที่ Moonlight ได้รางวัล ภ.ยอดเยี่ยม แต่ จนท.ของไพรซ์วอเตอร์เฮ้าส์คูเปอร์ ดันยื่นซองรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม ซึ่งได้แก่ เอ็มมา สโตน จาก La La Land ให้ผู้ประกาศผลรางวัล (คือวอร์เรน เบ็ตตี้) ซึ่งทำให้เข้าใจผิด คิดว่าเป็นผลรางวัลของ ภ.ยอดเยี่ยม จึงประกาศผิดเป็น ภ. La La Land โชคดีที่กรรมการที่ดูแลภาพรวมของผลรางวัลเห็นความผิดพลาดและไหวตัวทัน ขึ้นไปทักท้วงทันที และมอบซองผลรางวัลที่ถูกต้องแล้วประกาศรางวัลที่ถูกต้องแทน อันนั้น ถือเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้ว และถือเป็นแผลฉกรรจ์ เป็นตราบาปที่คนทั้งโลกไม่มีทางลืม เพราะคนที่ถูกประกาศชื่อผิด ดีใจเก้อไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่ภายหลังขอประกาศใหม่ เป็นอีกเรื่อง ไม่ต่างกับการประกาศผลนางงามจักรวาล ปีที่มีปัญหาที่สุด ที่มิสฟิลิปปินส์ได้เป็นนั่นแหละ

กติกาดูโดยผิวเผิน ต้องถือว่าให้ความเคารพกับคนในแวดวงการโทรทัศน์ พิจารณาคัดเลือกและให้รางวัลกันเอง ต้องถือว่าเป็นวิธีคิดที่ก็น่าจะถูกต้องหรือน่าจะทำให้เป็นที่ยอมรับได้ในวงกว้าง เพราะอย่างไรเสียคนในวงการย่อมรู้ดีกว่าคนนอกวงการ ใครมีผลงานดีหรือไม่ดียังไง คนในแวดวงน่าจะตัดสินกันได้ออกมาเป็นที่ยอมรับได้ แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า วิธีคิดถูกต้องแล้ว แต่วิธีการกลับมีช่องโหว่ และคิดมาไม่รอบคอบพอ กลายเป็นจุดช่องโหว่ ที่ทำให้ผลรางวัลออกมา แย่กว่าสมัยที่ใช้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากแวดวงอื่นหรือนักวิชาการมาตัดสินเสียอีก เพราะเกณฑ์ที่กำหนดว่า คนที่ได้รางวัลจากปีล่าสุดหรือปีก่อนๆ  มีสิทธิ์มาตัดสินผลงานของคนปีถัดไป ทั้งๆ ที่คุณรู้ได้ไงว่า คนเหล่านั้นที่ได้รางวัลจากปีล่าสุดหรือปีก่อนๆ จะไม่ติดหนี้บุญคุณต้องตอบแทนเจ้าของช่อง หรือเจ้าของค่ายหรือไม่ ที่ทำให้ตนเองได้รับรางวัล เข้าใจประเด็นนี้มั๊ย คือไอ้คนที่ได้รางวัลในปีก่อนๆ อาจได้รับการผลักดันหรือเสนอชื่อโดยแวดวงของเจ้าของสื่อหรือเจ้าของสถานี ที่ต้องการผลักดันเด็กคนนี้หรือนักแสดง,ผู้กำกับในสังกัดของตน ได้รางวัลเพื่อให้มีชื่อเสียง ยกระดับเป็นนักแสดงเกรดเอ แต่พอแกได้ของปีนี้แล้ว ปีหน้าแกต้องไปโหวตให้อีกคนที่ฉันล็อกสเป็คเอาไว้แล้วนะ ว่าปีหน้าต้องได้ เป็นบุญคุณต้องทดแทน ก็จะมีคำถามว่า เอ้า ก็นี่มันเป็นการโหวตลับมิใช่เหรอ ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราโหวตรางวัลนี้ให้ใคร โถๆๆ อย่าโง่สิ ในบรรดารายชื่อผุ้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง 5 รายชื่อ (ส่วนใหญ่จะเป็น 5 รายชื่อ) มาจาก 3-4 ช่องเอง ก็คือไอ้ช่องที่เป็นผู้จัดตั้งรางวัล 2 ใน 5 ชื่อ ต้องล็อกไว้สำหรับโควตาช่องใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลอยู่แล้ว แล้วไอ้ 2 รายชื่อที่มาจากช่องใหญ่นั้น (ทำเสียงเหมือนพุดเดิ้ล ) จะมีตัวจริงกับตัวหลอกเสมอ หมายความว่า รายชื่อที่เป็นตัวจริง คือวางไว้ว่าจะให้รางวัล ส่วนตัวหลอก เป็นไปเพียงเพื่อให้ครบ 5 รายชื่อ และเขาเอาเข้ามาเพื่อให้ดูเหมือนมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นนะ แต่ตัวหลอก คือตัวที่ช่องไม่ได้กะจะให้รางวัลหรอก เอาไว้ให้พวกติ่งของดาราหรือแฟนคลับลุ้นแห้งๆ ไปตามระเบียบ

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วตกใจ แสดงว่าไอ้ผลรางวัลพวกนี้ มันสามารถล็อคสเป็ค ชี้เป้าได้เลยเหรอว่ารางวัลนี้จะให้ใคร ไม่ให้ใคร ผู้เขียนคิดว่า มันก็ไม่ถึงขนาดนั้น ที่ใครจะสามารถชี้นิ้ว ว่ารางวัลนี้ จะให้ใครไม่ให้ใคร แต่มันมีระบบล็อบบี้ และการที่ช่องที่ได้รางวัลเทยกครัว สมมติว่าปีล่าสุด ช่องใหญ่ช่องนี้ ได้รางวัลแบบเทยกครัว เหมาเกือบหมดแทบทุกรางวัล ถ้ารางวัลไหน ไม่ถึงขนาดว่าช่องเขาไม่มีบุคลากรเก่งเลย เขาอาจแบ่งๆ ให้ช่องอื่นไปบ้าง แต่ถ้าเขามีบุคลากรแบบเก่งๆ ดีๆ เขาไม่ปล่อยให้ใครหรอก เขาก็จะล็อบบี้ บรรดานักแสดง หรือบุคลากรในสังกัดของเขานั่นแหละ ที่ได้รางวัลปีล่าสุด ช่วยโหวตให้ผลงานของช่องนะ อย่าไปโหวตให้ช่องอื่นหรือผลงานของคู่แข่ง เป็นการขอความร่วมมือ ซึ่งจะทำหรือไม่ทำก็ได้ไง แต่บรรดาทาสนักแสดงหรือบุคลากรเหล่านั้น อยากเอาใจนายมั๊ย หรือยังอยากให้ตัวเองเป็นที่รักของผู้ใหญ่ในช่องมั๊ย ก็จะโหวตอวยกันไป โดยที่ไม่ดูเนื้องานของช่องตนเองเทียบกับของช่องชาวบ้านเลย ว่าไอ้รางวัลนี้ ของปีนี้ เราสู้เขาไม่ได้จริงๆ อย่างไรเสีย มันควรเป็นของคนอื่น หรือแม้แต่ช่องคู่แข่งทำได้ดีกว่า ก็ควรจะต้องโหวตให้ช่องคู่แข่งด้วยซ้ำ ตามมโนสำนึกหรือบรรทัดฐานแบบเดียวกับสากลหรือของฮอลลีวู้ด (ออสการ์) ที่ตัวเองกล้าไปยึดเป็นต้นแบบหรือเอามา แต่พอมาปฏิบัติจริงกลับยังคงใช้อคติหรือวิธีคิดแบบระบบอุปถัมภ์แบบไทยๆ ทำให้ผลรางวัลที่ออกมา มันสะท้อนวิธีคิดของบรรดากรรมการหรือที่คุณเรียกว่า เป็นบุคลากร หรือเชียวชาญในแวดวงการโทรทัศน์ ถุย!!!!!! น้ำเน่าไม่ใช่แต่ในละครนะ ยังน้ำเน่าทั้งวิธีคิด และระบบของวงการละครโทรทัศน์ไทยเลยทีเดียว ต่อไปนี้อย่ามาเคลมให้ข้าพเจ้าได้ยินเลยว่า เป็นเวทีอันทรงเกียรติ ขอใช้ เวทีอันทรงเกลียดมากกว่า

เอาหล่ะ ไม่ขอย้ำแผลที่เคยผิดพลาด ของพรรณ์นี้ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวหรือครั้ง 2 ครั้ง ยังพอให้อภัย แต่ถ้าเป็นการผิดพลาดเกือบทุกครั้งเสมอมา อย่างรางวัลนาฏราช แสดงว่ามันต้องมีปัญหาหรือเป็นระบบหรือวิธีคิดที่ผิดพลาดแล้วหล่ะ สำหรับการตั้งเกณฑ์ที่ว่า ให้ผู้ที่เคยได้รางวัลของปีล่าสุดแล้วมาโหวตให้กับคนที่ได้เข้าชิงในปีถัดไป ถ้าบังเอิญว่าคนที่ได้รางวัลปีล่าสุดเป็นศิลปินที่ไม่ได้สังกัดช่อง หรือสังกัดค่าย เหมือนสังคมฮอลลีวู้ด แบบออสการ หรือบังเอิญว่าคนที่ได้รางวัลของปีล่าสุดไม่ใช่กลุ่มคนชุดเดียวกัน มาจากสังกัดเดียวกัน แบบเทยกครัว แบบที่ช่อง 3 ผูกขาดการได้รางวัลนี้มานับตั้งแต่ครั้งที่ 3 เป็นต้นมา และถ้าบุคลากรเหล่านั้นที่ได้รางวัลปีล่าสุด จะมีวิจารณญาณที่จะคิดได้ว่า ควรใช้วิจารณญาณอย่างเป็นธรรมในการดูผลงานของช่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่ช่องที่ตนเองสังกัด และไม่มีอคติที่จะต้องเข้าข้างหรือเอนเอียงโหวตตามใจเจ้านายหรือเจ้าของช่อง แล้วหล่ะก็ ผลรางวัลมันไม่ควรออกมาอย่างที่เป็นอยู่
เดิมทีผู้เขียน (แอดมิน) ไม่ได้อคติอะไรกับบรรดาพวกเวทีแจกรางวัล ไม่ว่าวงการอะไรเลยนะ และไม่ค่อยได้ใส่ใจกับผลรางวัลอะไรพวกนี้มากเท่าไหร่ด้วย เพราะมันเยอะ และเกร่อ อีกทั้งเราเป็นคนที่เสพผลงานจากต่างประเทศเป็นหลักด้วย แต่มีความรู้สึกว่า ไหนๆก็อยากยกระดับวงการบันเทิง หรือผลงานในวงการบันเทิงบ้านเราให้มีมาตรฐานหรือเทียบเท่าบ้านเมืองอื่นที่เขาเจริญกว่าแล้ว ทำไมเราถึงปล่อยให้เกิดหลุมดำขนาดใหญ่ในเวทีแจกรางวัลที่พวกคุณยกยอกันเองว่า ทรงเกียรติ แบบนี้หล่ะ แล้วจะให้คนดูอย่างเรายอมรับในมาตรฐานหรือเวทีอวยกันเอง แจกกันเองได้อย่างไร อีกหน่อยควรถ่ายทอดสดให้ผู้บริหารช่อง ผู้บริหารค่าย หรือนักแสดง บุคลากรในแวดวงดูกันเองมั๊ย ประชาชนไม่ขอยุ่งเกี่ยวอะไรด้วย อีกหน่อย ผู้เขียนอาจพิจารณาที่จะไม่ขอนำเสนอข่าวผลการแจกรางวัลอะไรพวกนี้ อีกแล้ว ไม่ว่าเวทีอะไร เพราะมันช่างไร้ความโปร่งใส เต็มไปด้วยการเลือกข้าง และพวกมากลากไป แบบนี้ทุกปี และค้านสายตาคนดูทุกปี ให้ตายเถอะ












เขียนมาขนาดนี้ ยังไม่ได้ยกตัวอย่าง ประกอบการวิพากษ์วิจารณ์ จริงๆ มีตัวอย่างหลายๆ ปี แต่เอาเฉพาะผลการแจกรางวัลของปีนี้พอ เพราะเป็นแผลสด เพิ่งประกาศกันออกมา

เน้นโฟกัสไปที่ผลรางวัลประเภทละครโทรทัศน์ก็พอ ไม่เอารายการประเภทอื่น หรือข่าว เพราะรางวัลประเภทละครโทรทัศน์ประเภทเดียวก็สะท้อน ตรรกะ วิธีคิด ความไม่ชอบมาพากล หรือระบบโควตาของช่องได้ดี ไม่นับว่าต้องไปวิเคราะห์ผลของรางวัลประเภทอื่นอีก ก็อีหร็อบเดียวกัน วิธีคิดเดียวกัน
ขอเริ่มที่รางวัลใหญ่เลย คือ


1.ละครยอดเยี่ยม รางวัลนี้ถือเป็นรางวัลใหญ่ มีกลิ่นตุๆ มาตั้งแต่ปี 2559 แล้ว ที่ผลรางวัลให้แบบผิดฝา ผิดตัว ดังนี้ 5 เรื่องที่เข้าชิงปีนั้นคือ นาคี, ขมิ้นกับปูน, กำไลมาศ ,พิษสวาทและ O-Negative รักออกแบบไม่ได้ เอาจริงๆ มันเอียงกระเท่เร่มาก ช่อง 3 ได้เข้าชิงถึง 2 เรือง แต่ไม่เป็นไร อันนี้ยังไม่น่าค้านความรู้สึกได้เท่ากับว่า ผลการประกาศรางวัล ปรากฏว่า เรื่องนาคี ได้รับรางวัลละครยอดเยี่ยมไป อันนี้แหละที่ผู้เขียนคิดว่า มันเอามาตรฐานอะไรมาตัดสินวะ ทั้งๆ ที่ ปีนั้น พิศวาสโดดเด่นที่สุด จะเรียกได้ว่า เป็นละครแห่งชาติเลยก็ว่าได้ แบบเดียวกับที่ บุพเพสันนิวาส ถูกเรียกว่าละครแห่งชาติ เพราะไม่ว่าจะมองในมิติไหน พิษสวาทกินขาดเหนือ นาคีแทบทุกด้าน ยกเว้นสเปเชียลเอ็ฟเฟ็คท์ คือถ้ารางวัลนี้ เป็นรางวัล ซีจียอดเยี่ยม แล้วนาคีได้ ผู้เขียนจะไม่เถียงเลย แต่นี่คือรางวัลละครยอดเยี่ยม แต่ให้นาคี ผู้เขียนดูหนังมาก็เยอะ และเป็นนักอ่าน เรียกว่าช่ำชองการดูหนังก็แล้วกัน ปี 2559 ถ้าจะให้ตามเหมาะสม และด้วยใจที่เป็นธรรม บอกเลย พิศวาสต้องได้ แบบ landslide คือถล่มทลาย กวาดรางวัลหลักเกือบหมดในปีนั้นนั่นแหละ ทั้ง บท,ผู้กำกับ, นักแสดงนำชาย,หญิง ละครยอดเยี่ยม แต่พอไปดูผลรางวัลในปีนั้น สะเปะสะปะมากเลย บทคุณให้วัยแสบสาแหรกขาด แต่ไม่ให้ละครยอดเยี่ยมเขา มาให้นาคี พอเป็นนำชายคุณให้ป้อง ที่เล่นบทพระอรรค จากพิศวาส แต่บทเด่นคือนุ่น ในบทคุณอุบล จากนาคี คุณไม่ให้ ไปให้แต้ว จากนาคี แล้วผู้กำกับที่คุมภาพรวม คุณให้พี่อ๊อฟ จากนาคี ทั้งๆที่ นาคีได้แต่รางวัลด้านเทคนิค ถามว่าถ้าการทำหน้าที่ของผู้กำกับ คือ คุมการแสดง และภาพรวมคือบท ในส่วนซีจีจ้างบริษัทนอกทำ บทคุณก็ไม่ได้ การแสดง ก็มีเด่นแค่แต้ว แต่ของพิศวาส เขาได้ ทั้งป้อง นุ่น และบทของนุ่น คือหัวใจของเรื่อง ยังไม่นับว่าประเด็นของเรื่อง มันทัชคนดู และเป็นประเด็นที่ใหญ่กว่า คือการเสียสละ ความรักเพื่อเฝ้าสมบัติชาติ และเป็นเรื่องของการชี้ให้เห็นว่า คนคิดคดทรยศต่อชาติจะได้รับผลกรรมอย่างไร การตามหาข้ามภพข้ามชาติ เพื่อให้ฝ่ายชายสำนึกผิด คือพล็อตและประเด็นเหล่านี้ใหญ่และลึกในแง่ของบท มากกว่านาคีมาก นาคีเป็นเรื่องของรักล้วนๆ แล้วการพยาบาทอาฆาต มีอิงไปถึงนักโบราณคดีทะเลาะกับชาวบ้านที่มีเรื่องของความเชื่อ ไสยศาสตร์ห่อหุ้มอยู่มากทั้งเรื่อง แต่ของพิศวาส พระเอกก็เป็นนักโบราณคดีเช่นกัน เทียบทุกมิติแล้ว พิศวาสครับ  ดูละครหรือหนังกันเป็นหรือเปล่า จับพล็อต จับประเด็น วิเคราะห์อะไรไม่ออกเลย สำคัญและลึกกว่า ทั้งมิติการแสดง นุ่นก็แสดงได้ชนิด คนละเบอร์กับแต้วมาก ต้องขอโทษแต้วด้วย แต่เทียบกันตามเนื้อผ้าจริงๆ และเทียบจากบท หรือคาแร็กเตอร์ตัวละคร และที่มาที่ไป ชั่วโมงบิน ฯลฯ

พอมาปีนี้ ผลรางวัลที่ออกมามันยิ่งตอกย้ำวิธีคิด รางวัลนี้ ปีนี้ฉันจอง เป็นโควตาของฉัน ถ้าอันนี้ฉันอ่อน เธอแข็งกว่า เธอเอารางวัลนี้ไป ส่วนอันนี้ฉันสายแข็งเป็นรางวัลของฉันนะ คือห่วย และอัปยศมาก มาดูกัน ละครยอดเยี่ยมของปีนี้ มีผู้เข้าชิงคือ โปรเจ็คท์เอส ตอน พี่น้องลูกขนไก่, เพลิงพระนาง, เพลิงบุญ ,รากนครา และ ล่า (ช่อง 3 จะได้โควต้าเข้าชิง 2 เรื่องเสมอ)  ผู้ได้รางวัลคือ โปรเจ็คท์เอส ตอนพี่น้องลูกขนไก่ ผู้เขียนก็ชอบนะ แต่ถ้าคุณจะให้เรื่องนี้ได้รางวัล คุณต้องให้บทละครโทรทัศน์กับเขาด้วย แต่บทคุณไปให้รากนครา แล้วละครยอดเยี่ยมทำไม ไม่เป็นรากนคราหล่ะ กลัวคนด่าใช่มั๊ย เพราะแม้แต่รางวัลบทโทรทัศน์ รากนคราก็ไม่สมควรจะได้ เพราะบทพังมาก ถ้าไม่รู้ไปหาเอาในเว็บบอร์ดพันทิปหรือทวิตเตอร์ ที่เขาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่สมประกอบของละครเรื่องนี้ตอนช่วงที่ออนแอร์แล้ว แต่พอละครที่คุณวางหรือล็อคสเป็คไว้ มันไม่ดีจริงหรือเพอร์เฟ็กท์ที่สุดในทุกด้าน รางวัลก็เลยต้องเกลี่ยให้คนอื่นไป แต่แทนที่รางวัลที่คุณเกลี่ยมาให้ มันจะมาลงกับละครที่มันคู่ควร กลับไปลงกับละครที่ผิดฝาผิดตัวอีกแล้ว คือระหว่าง ล่า กับ พี่น้องลูกขนไก่ ผู้เขียนขอถามหน่อยเถอะ เรื่องไหนมันทัชใจคนดูกว่ากัน ระหว่าง ล่า กับ พี่น้องลูกขนไก่ และเรื่องไหนองค์ประกอบโดยรวม มันดีกว่า หรือมีประเด็น,พล็อตที่มันเข้าถึงคนมากกว่ากัน ก็ต้องบอกว่า ควรจะเป็นเรื่องล่า มั๊ย เพราะว่า เรื่องล่า ทุกองค์ประกอบกินขาดทุกเรื่องในปีนี้ เอาจริง ๆ ทั้ง บท,นักแสดงนำชาย,นักแสดงนำหญิง,ผู้กำกับ รวมถึงละครยอดเยี่ยม แต่คุณกลัวว่า ถ้าให้ล่า จะกลบบารมีของ รากนครา ที่เป็นละครที่คุณล็อคสเป็คไว้แล้วตั้งแต่ปีมะโว้ ว่าจะต้องกวาดรางวัลในปีนี้ แต่ผลการตอบรับมันไม่เป็นไปตามคาด จริงๆ ปีนี้ ต้องเป็นอีกปีที่ละครจากช่อง one ต้อง landslide เหมือนปี พิศวาส คือกวาดหมดทุกรางวัลหลัก แต่ที่ไม่ได้เพราะ ช่องทรงอิทธิพลกลัวเสียหน้า ทั้งๆ ที่ละครของเขาทั้ง 2 ปีสู้ไม่ได้ จึงเกลี่ยรางวัลมาให้ช่องคู่แข่งพันธมิตรอย่างวิกอโศกบ้าง แต่ดันให้ในแบบผิดฝาผิดตัว เพื่อทอนทั้งกระแสและเครดิตชื่อเสียง ไม่ให้มาทาบรัศมีเขาได้ หวยเลยมาลงที่ พี่น้องลูกขนไก่ ซึ่งมีดีตรงแค่ นักแสดงนำฝ่ายชายเท่านั้นเอง และควรได้แค่รางวัลนั้นแหละ รางวัลเดียว เพราะถ้าดีจริง ต้องได้รางวัลบทโทรทัศน์ด้วย แต่ไม่ให้ ไปให้ละครเจ้าปัญหาอย่าง รากนครา อุบาทว์จริงๆ

2.รางวัลผุ้กำกับละครยอดเยี่ยม ปรากฏว่า พี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ได้ไป 4 จาก 9 ครั้ง เฉพาะเวทีนี้ คือ ได้จาก รอยไหม (2554) , ทองเนื้อเก้า (2556) , นาคี (2559) ,รากนครา (2560) ถามว่าพี่อ๊อฟ ได้เหมาะสมหรือไม่ ขอตอบว่า เหมาะสมและรับได้ แต่กับบางปี และบางผลงานเท่านั้น เพราะว่า บางปี มีผลงานของผู้กำกับคนอื่นที่ทำดีกว่า เช่นปี 2559 พิศวาส ของผู้กำกับ สันต์ ศรีแก้วหล่อ เหมาะสมกว่า และของปีล่าสด ปี 2560 คิดว่า มีอย่างน้อย 3 คน เหมาะสมกว่าคือ คุณชนินทร จากเพลิงบุญ, ธงชัย ประสงค์สันติ จากนายฮ้อยทมิฬ และคุณสันต์ ศรีแก้วหล่อ จากล่า แต่พี่อ๊อฟ กำกับภาพได้สวย ถ้าได้รางวัลผู้กำกับภาพยอดเยี่ยม อันนี้ไม่เถียง กลายเป็นว่ารางวัลผู้กำกับละครยอดเยี่ยม โดนผูกขาดโดยผุ้กำกับจากช่อง 3 หรือพี่อ๊อฟ ไปแล้วในช่วงปีหลังๆ

3.รางวัลนักแสดงนำชาย,หญิง,สมทบชาย,สมทบหญิง ไม่ขอวิจารณ์ มันแล้วแต่มุมมอง ใครได้ ไม่ได้ ไม่ถือว่า เป็นสารัตถะอะไรมาก

4.รางวัลบทละครโทรทัศน์ยอดเยี่ยม

รางวัลนี้เป็นหัวใจของการทำละคร เป็นอีกรางวัลนึงที่ให้แบบผิดฝาผิดตัว และไม่เหมาะสมในบางปี แบบแบ่งโควตากัน อย่างที่วิเคราะห์ให้ฟังกันข้างต้น ดังนี้ ปีแรก ปี 2552 บทละครยอดเยี่ยมเป็นของ ผู้ใหญ่ลีกับนางมา ช่อง 3 แต่ที่คู่ควร ควรจะเป็นชิงชัง จากช่อง 5 มากกว่า ปี 2553 บทละครยอดเยี่ยมเป็นของ มาลัยสามชาย จากช่อง 5 แต่ที่คู่ควร ควรเป็น ระบำดวงดาว จากช่อง 3 คือเป็น 2 ปี ที่ช่อง 3,5 เล่นเก้าอีดนตรีกันเหรอ ปี 2556 บทละครยอดเยี่ยมเป็นของทองเนื้อเก้า ช่อง 3 แต่ที่คู่ควร ควรจะเป็น คือสุภาพบุรุษลูกผู้ชายของ ช่อง 7 หรือ เรือนเสน่หา จากช่อง 5 มากกว่า ปี 2558 บทละครยอดเยี่ยมเป็นของ ข้าบดินทร์ จากช่อง 3 แต่ที่คู่ควร ควรจะเป็นคือ สุดแค้นแสนรัก จากช่องเดียวกัน หรือบัลลังก์เมฆ,Hormone 3 the final season จาก ชอง ONE มากกว่า (ต้องเข้าใจนะว่า ละครบางเรื่องมันสร้างจากบทประพันธ์ที่ดีอยู่แล้ว แต่พอมาทำเป็นบทโทรทัศน์ มันไม่ได้ดีเท่าก็มี และไอ้ที่บางเรื่องมันดังเป็นกระแสได้ เป็นเพราะบทละครโทรทัศน์มีส่วนสำคัญอย่างมาก แต่บางเรื่องบทละครทำได้ไม่ดีเท่าบทประพันธ์ แต่กรรมการวิเคราะห์แยกแยะไม่ออก แต่ให้รางวัลว่าเป็นบทละครยอดเยี่ยมก็เยอะ) ปี 2559 บทละครยอดเยี่ยมเป็นของวัยแสบสาแหรกขาด แต่ที่คู่ควร และควรจะเป็น คือ พิศวาส มากกว่า คือถ้าคุณจะให้บทละคร ของวัยแสบสาแหรกขาด แล้วทำไมปีของ Hormones คุณไม่ให้เขาครับ บท และประเด็นในเรื่อง Hormones ถือว่าทัชคนดูทั้งวงการครูและนักเรียน เป็นที่พูดถึงเป็นกระแสวงกว้างกว่า วัยแสบสาแหรกขาดเสียอีก แต่มาให้วัยแสบสาแหรกขาด ก็ไม่ว่าอะไร ถือว่าโอเค แต่มาให้ในปีที่มันมีละครที่แข็งกว่าอย่าง พิศวาส ซึ่งสมควรจะได้มากกว่า ลองไปศึกษา ไดอะล็อกซ์ของเรื่องนี้ เปรียบเทียบกับ วัยแสบฯ ได้ ถ้าคนเรียนมาทางด้านการเขียนบท จะรู้ว่า อันไหนยากกว่า และลึกกว่า ฯลฯ ของปีล่าสุดนี้ อัปยศสุดแล้ว คือบทละครยอดเยี่ยมให้กับละครที่มีปัญหาเรื่องบทมากที่สุด ในบรรดา 5 รายชื่อที่เข้าชิง เรื่องที่เหลืออีก 4 เรื่อง เหมาะสมกว่ามาก ไม่ว่าเรื่องใดได้ไป เหมาะสมกว่าจริงๆ ได้แก่ เพลิงบุญ,น้ำเซาะทราย,ล่า,พี่น้องลูกขนไก่

5.รางวัลดาวรุ่งชาย,หญิงยอดเยี่ยม ถามจริงคนที่โหวตเลือกนี่ เข้าใจคำว่า ดาวรุ่ง,ยอดเยี่ยม,ยอดนิยม แบบเดียวกันหรือไม่ ทำไมรางวัลหรือผู้เข้าชิงมันถึงได้ผิดฝาผิดตัวได้ถึงเพียงนี้ เอาของปีล่าสุดก็พอ

รายชื่อผู้เข้าชิงนักแสดงดาวรุ่งหญิง ของช่อง gmm25 ส่งใบเฟิร์น พิมพ์ชนก จากเรื่อง หลงไฟ มา อันนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันหนักมากว่า เอาอะไรคิด น้องอยู่วงการมาได้เกิน 10 ปีแล้วนะ ยังจะมาชิงดาวรุ่งอะไรกันอีก แค่มีชื่อโผล่มานี่ก็ ฮาขำกลิ้งแล้ว พลอยทำให้ไม่อยากจะรับรู้ผลรางวัลอีกต่อไปเลย ผู้เขียนดูช่อง gmm25 เป็นประจำอยู่แล้ว จึงรู้ว่า ช่องนี้ มีนักแสดงวัยรุ่นทั้งหน้าเก่า หน้าใหม่ล้นจอ จะหาที่เป็นดาวรุ่งจริงๆ ไม่ยากหรอก แต่ที่ส่งชื่อนี้มา เพราะต้องการหวังดัน และหวังรางวัลจริงๆ ขนาดมีชื่อเข้าชิงในสาขานักแสดงนำหญิงแล้ว เหตุใดมาชิงในสาขานักแสดงดาวรุ่งอีก นี่กะว่าถ้าพลาดจากนำหญิงคงกะมาลุ้นจากดาวรุ่งหญิงอีก มันช่างน่ารังเกียจ ทุเรศจริงๆทั้งคนพิจารณาคัดเลือก และคนที่ผลักดันเข้ามา ปรากฏว่าน้องใบเฟิร์น พิมพ์ชนกได้ไปจริงๆ จากสาขาดาวรุ่งหญิง ซึ่งถือว่ากล้าส่งชื่อมา ก็กล้าโหวตให้ ซึ่งที่คู่ควรแล้วควรเป็นใบเฟิร์นอีกคน ทีชื่อน้องใบเฟิร์นอัญชสา จากกับดักเสน่หา ทางช่อง one มากกว่าที่เพิ่งเข้าวงการมาไม่นานและตัวบทบาทการแสดง (บทคารามายด์) ก็คู่ควรในรางวัลนี้มากกว่า

ส่วนนักแสดงดาวรุ่งชายนี่ก็ผิดฝาผิดตัวอีกเช่นกัน น้องไนน์ นภัทร นี่ก็เข้าวงการมาได้หลายปีแล้วนะ ไม่ถือว่าเป็นดาวรุ่ง คือมีทั้งผลงานโฆษณา และเล่นภาพยนตร์กับจีดีเอช (พรจากฟ้า) แต่ผลงานละครอาจจะเพิ่งมาออนปีนี้ก็เลยนับว่าเป็นหน้าใหม่ดาวรุ่ง คือแต่มันใช่มั๊ย ถ้าเล่นดีจะไม่ว่าเลย แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งผุ้เข้าชิงคนอื่น ผู้เขียนยังคิดว่า เจมส์ ธีรดนย์ จากบทคนเป็นโรคซึมเศ้า ใน โปรเจ็กท์เอส ตอน s.o.s skate ซึม ซ่าส์ เล่นได้ดีกว่า น้องไนน์ นภัทรมาก

ช่อง 7 สีและช่องอื่นๆ ที่ผลิตละครอยู่เหมือนกันในประเทศนี้อย่าง Mono29,workpoint,ช่อง 8,pptv,True4U น่าจะประท้วงนะ ว่ามีใครดูละครของพวกเขาบ้างหรือไม่ ทำไมแทบไม่ได้รางวัลอะไรเลย ช่อง 7 มีชื่อเข้าชิงเป็นไม้ประดับมาตลอด แต่แทบไม่เคยได้รางวัลเป็นชิ้นเป็นอันกลับบ้านเลย ได้แต่รางวัลประเภทรายการโทรทัศน์ หรือข่าวเท่านั้น
เอาแค่นี้พอ แค่นี้ก็กลายเป็น นาฏเละ ไม่รู้ว่า ปีหน้าจะเละกว่านี้อีกมั๊ย ขอไว้อาลัยให้กับรางวัลผุ้ทรงเกลียดในปีนี้

บทความโดย เพจหยิกแกมหยอก







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น