เอเจนซีส์ - หนังสือพิมพ์เดอะซัน สื่อแทบลอยด์อังกฤษลงภาพหน้าปก ผลการลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปด้วยผลคะแนนตัวเลขสนับสนุนการแยกตัว 52% ในขณะฝ่ายต้องการให้คงอยู่ 48% ด้านสกอตแลนด์และไอร์แลนด์ถือโอกาสจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ ประกาศเรียกร้อง “การแยกตัวออกมาจากสหราชอาณาจักร” มีรายงานตลาดการซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐฯ ถูกสั่งพักชั่วคราว บีบีซีสื่ออังกฤษรายงานผลต่อเนื่อง ฝ่ายสนับสนุนการลาออกล่าสุด 17,061,744 เสียง ต่อฝ่ายยังคงอยู่กับอียูต่อไป 15,864,555 เสียง ซึ่งมีให้นับคงเหลืออีกเพียงแค่ 4 จุดเท่านั้น พบว่าข่าวผลประชามติลงปกสื่ออังกฤษในวันศุกร์ (24 มิ.ย.) อย่างคึกคัก เช่น หนังสือพิมพ์เดอะซัน สื่อแทบลอยด์อังกฤษลงภาพหน้าปกของวันนี้ ผลการลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปด้วยผลคะแนนตัวเลขสนับสนุนการแยกตัว 52% ในขณะฝ่ายต้องการให้คงอยู่ 48% และพบว่าหลังจากที่กระแส BREXIT พลิกผันทำให้ 72% ของชาวอังกฤษทั้งหมดที่มีสิทธิร่วม 46 ล้านคนลงคะแนนเข้าสู่คูหา ชี้ชะตาเมื่อวานนี้ (23) ทำการประกาศให้อังกฤษแยกตัวออกมาจากสหภาพยุโรป โดย จิเซลา สจวร์ต (Gisela Stuart) สมาชิกรัฐสภาอังกฤษ พรรคแรงงานอังกฤษ และเป็นแกนนำแคมเปญสนับสนุน BREXIT ได้ประกาศว่า “ประชาชน 33 ล้านคนได้ใช้หนทางประชาธิปไตยตัดสินแล้ว” เดลีเทเลกราฟรายงาน นอกจากนี้ เดลีเทเลกราฟยังรายงานต่อว่า จากผลการลงคะแนนประชามติประกาศแยกตัวครั้งนี้ ทำให้ไอร์แลนด์เหนือและสก็อตแลดน์ต่างอ้างสิทธิ์ เรียกร้องให้ดินแดนทั้งสองแยกออกจากสหราชอาณาจักรด้วยเช่นกัน โดยสื่ออังกฤษชี้ว่า คาดว่าน่าจะมีแถลงการณ์ในเรื่องนี้ออกมาจากพรรคการเมืองชาตินิยมไอริช ชินเฟน (Sinn Fein) ในไอร์แลนด์เหนือ และพรรคการเมืองสก็อต SNP ภายในวันนี้ (24) ซึ่งพบว่าล่าสุดในไอร์แลนด์เหนือ ฝ่ายสนับสนุน BREXIT 349,422 ต่อฝ่ายสนับสนุนการคงอยู่ 440,437 ส่วนสกอตแลนด์ สนับสนุน BREXIT 1,018,322 ต่อฝ่ายยังต้องการให้คงอยู่กับอียูต่อไป 1,661,191 ในขณะเดียวกัน สถานการณ์การเงินและตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก ล่าสุดพบว่า ห้องค้าหลักทรัพย์ซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐฯ ได้ถูกสั่งให้หยุดพักชั่วคราว ซึ่งพบว่า S&P 500 และ Nasdaq futures ต่ำลง 5% ในช่วงเช้าวันศุกร์ (24) ตามเวลาทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ และคาดว่าตลาดหุ้นดาวน์โจนส์จะตกลงไปต่ำกว่า 700 จุดตั้งแต่การเปิดตลาด
เอเอฟพี/เอเจนซีส์
- สหราชอาณาจักรออกเสียงลงประชามติ แยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ผลการนับคะแนนระบุในวันนี้
(24 มิ.ย.) นับเป็นการหวดกระหน่ำอย่างรุนแรงใส่อียู
อีกทั้งกำลังแพร่กระจายความตื่นตระหนกไปยังตลาดการเงินต่าง ๆ ทั่วโลก
โดยที่เงินปอนด์สเตอร์ลิงลดค่าวูบลงมาสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 31 ปี ขณะที่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ประกาศจะขอลาออกจากตำแหน่ง บรรดานักลงทุนพากันวิ่งวุ่นอลหม่านเทขายเงินปอนด์,
น้ำมัน และหุ้น
ขณะที่สหราชอาณาจักรเดินซวนเซเข้าสู่ดินแดนซึ่งไม่เคยเป็นที่รู้จักมาก่อน
เมื่อกลายเป็นชาติแรกที่ลาออกจากในประวัติศาสตร์ 60 ปีของอียู ภายหลังเขตรวมคะแนนทั้ง 382 เขต
ประกาศผลการนับคะแนนในเขตของพวกตนครบถ้วน ปรากฏว่า ผู้ออกเสียงที่เลือก “แยกตัว” ชนะผู้ที่ต้องการ “คงอยู่”
ในอียู 51.9% ต่อ 48.1% โดยผู้โหวตให้ออกจากอียูมี
17.4 ล้านคน ส่วนผู้ลงคะแนนให้เป็นสมาชิกต่อไปมี 16.1
ล้านคน ทางด้านนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ผู้นำการต่อสู้ที่พ่ายแพ้ในการชักชวนเกลี้ยกล่อมผู้ออกเสียงชาวสหราชอาณาจักรให้ยึดมั่นอยู่กับอียูต่อไป
เผชิญกับแรงบีบคั้นให้เขาลาออกจากตำแหน่งในทันที อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา คาเมรอน
ก็ออกมาแถลงข่าวที่ด้านนอกทำเนียบอย่างเป็นทางการของเขาบนถนนดาวนิงสตรีท ในลอนดอน
ว่า เขาจะลาออก คาเมรอนให้สัญญาว่า
จะพยายาม “ประคับประคองเรือให้นิ่ง” ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
แต่ก็ระบุว่าควรจะมีการแต่งตั้งผู้นำคนใหม่ก่อนต้นเดือนตุลาคมนี้ “ผมไม่คิดว่าจะเป็นการถูกต้องสำหรับผมที่จะพยายามเป็นกัปตันซึ่งนำพาประเทศชาติของเราไปยังจุดหมายปลายทางข้างหน้า”
คาเมรอน กล่าว เขาบอกว่า
ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเขาควรที่จะเป็นผู้กดปุ่มเริ่มกระบวนการอย่างเป็นทางการสำหรับการที่สหราชอาณาจักรจะถอนตัวจากสหภาพยุโรป “ผมคิดว่าเป็นการถูกต้องที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องที่ว่าเมื่อใดจะกดปุ่มมาตรา
50 (กระบวนการถอนตัวจากอียู)” “ผมใคร่จะขอย้ำยืนยันอีกครั้งต่อชาวสหราชอาณาจักรซึ่งกำลังพำนักอาศัยอยู่ในประเทศยุโรปต่าง
ๆ และพลเรือนยุโรปซึ่งกำลังพำนักอาศัยอยู่ที่นี่ว่า ยังจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
ในทันทีในสภาวการณ์ของพวกท่าน” เขากล่าว คาเมรอนแถลงข่าวคราวนี้ โดยที่มี
ซาแมนธา ภรรยาของเขาอยู่เคียงข้าง เขาบอกว่า
เขาได้ต่อสู้เพื่อรักษาให้สหราชอาณาจักรยังคงเป็นสมาชิกของอียูต่อไป โดยทุ่มเททั้ง
“หัวสมอง, หัวใจ และจิตวิญญาณ -
ผมไม่ได้เก็บรั้งอะไรไว้เลย” เขากล่าวต่อไปว่า แต่เมื่อ “ประชาชนชาวสหราชอาณาจักรได้กระทำการตัดสินใจอย่างชัดเจนมาก
ๆ ด้วยการเลือกเดินทางในเส้นทางที่แตกต่างออกไป ด้วยเหตุนี้เอง
ผมจึงคิดว่าประเทศชาติต้องการคณะผู้นำที่สดใหม่เพื่อนำพาสหราชอาณาจักรไปในทิศทางนี้”
พวกบ่อนพนันถูกกฎหมายในสหราชอาณาจักรต่างให้แต้มต่อรอง
ซึ่งชี้ว่า ตัวเต็งที่จะเข้าดำรงตำแหน่งแทนคาเมรอน ได้แก่ อดีตนายกเทศมนตรี บอริส
จอห์นสัน คู่ปรับคนสำคัญที่สุดภายในพรรคคอนเซอร์เวทีฟของเขา
และเป็นเสมือนหัวหน้าของฝ่าย “แยกตัว”
คราวนี้ ขณะที่เขตรวมคะแนนต่าง ๆ ทยอยประกาศผลการนับลงคะแนนลงประชามติ
โดยในช่วงท้าย ๆ ฝ่ายที่ต้องการให้แยกตัวมีเสียงดีขึ้นเรื่อย ๆ ไนเจล ฟาราจ
หัวหน้าพรรคยูเค อินดิเพนเดนซ์ ปาร์ตี กล่าวอย่างปลาบปลื้มว่า “ขอให้วันที่ 23 มิถุนายน
ได้รับการจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของเราว่าเป็นวันประกาศเอกราชของเราเถิด”
ฟาราจ เป็นหนึ่งในผู้นำนักรณรงค์ต่อต้านอียู
ซึ่งให้สัญญาแก่ชาวสหราชอาณาจักร ว่า นี่เป็นโอกาสที่จะยึดอำนาจคืนมาจากบรัสเซลส์
(สำนักงานใหญ่ของอียูตั้งอยู่ในกรุงบรัสเซลส์, เบลเยียม)
และจำกัดควบคุมผู้อพยพที่เข้าประเทศมาอย่างมากมาย “ถ้าการทำนายผลเท่าที่เห็นกันอยู่ในตอนนี้ถูกต้องแล้ว
นี่ก็จะเป็นชัยชนะสำหรับประชาชนอย่างแท้จริง เป็นชัยชนะสำหรับประชาชนคนสามัญ
เป็นชัยชนะสำหรับประชาชนผู้มีเกียรติน่ายกย่องนับถือ” เขากล่าวกับกลุ่มผู้สนับสนุนของเขาในย่านเวสต์มินสเตอร์
ของลอนดอน ขณะที่ฝูงชนซึ่งอยู่ในอาการลิงโลด ตะโกนตอบรับเขาว่า “ออก! ออก! ออก!” ออกจากสหภาพยุโรป
ทางด้านจุดรวมพลของฝ่าย “อยู่ต่อ” ใน รอยัล เฟสติวัล ฮอลล์ ของลอนดอน กลุ่มผู้สนับสนุนที่มีท่าทีเซื่องซึม ถูกดึงดูดติดแน่นอยู่กับจอทีวีที่กำลังรายงานผลการลงประชามติ ในมือหลายต่อหลายคนกำกระป๋องเบียร์เอาไว้แน่น ขณะที่บางคนเอามือปิดปาก ข่าวเรื่องสหราชอาณาจักรจะถอนตัวจากอียูส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินอย่างรุนแรงในทันที เงินปอนด์อังกฤษดำดิ่งลงกว่า 9% สู่ระดับ 1 ปอนด์แลกได้ 1.33 ดอลลาร์ ถือเป็นมูลค่าต่ำที่สุดในรอบ 31 ปี ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกก็ไหลรูดลงกว่า 6% ดัชนีสำคัญของตลาดหุ้นโตเกียวหล่นแรง
ไม่ใช่ทั่วทั้งสหราชอาณาจักรต้องการแยกตัว จากคะแนนประชามติที่ออกมาคราวนี้ ไม่ใช่ว่าทั่วทั้งสหราชอาณาจักรเลยที่ประชาชนต้องการให้ถอนตัวจากยุโรป อันที่จริงแล้ว ลอนดอน, สกอตแลนด์ และ ไอร์แลนด์เหนือ เสียงเกินครึ่งโหวตให้อยู่ต่อไป ทว่า เวลส์ และหลายบริเวณของเขตการปกครองอังกฤษ (อิงแลนด์) โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกอดีตศูนย์อุตสาหกรรมทางตอนเหนือของอังกฤษ ซึ่งมีคนงานที่ได้รับผลกระทบหนักจากการไหลหลั่งเข้ามาของผู้อพยพ เป็นพวกซึ่งหนุนหลัง “เบร็กซิต” ทั้งนี้ เขตการปกครองอังกฤษ สนับสนุนให้ “ถอนตัว” 53.4% ขณะที่พวกหนุนให้อยู่ต่อได้ 46.6% ทางเขตการปกครองสกอตแลนด์ ผู้ที่อยากให้อยู่ต่อมี 62% ส่วนพวกต้องการให้แยกตัวมี 38% เขตการปกครองเวลส์ พวกที่โหวต “เบร็กซิต” มีชัย ได้ไป 52.5% ต่อ 47.5% ถึงแม้เมืองคาร์ดิฟฟ์ เมืองหลวงของเวลส์ ฝ่ายหนุน “อยู่ต่อ” ได้เสียงถึง 60% ก็ตามที ส่วนเขตการปกครองไอร์แลนด์เหนือ ผู้โหวต “อยู่ต่อ” ได้ 55.8% ขณะพวกต้องการให้ถอนตัวมี 44.2% อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมเสียงทั่วทั้งหมดแล้ว ฝ่ายหนุน “เบร็กซิต” ชนะไป 51.9 % ต่อ 48.1%
ทางด้านจุดรวมพลของฝ่าย “อยู่ต่อ” ใน รอยัล เฟสติวัล ฮอลล์ ของลอนดอน กลุ่มผู้สนับสนุนที่มีท่าทีเซื่องซึม ถูกดึงดูดติดแน่นอยู่กับจอทีวีที่กำลังรายงานผลการลงประชามติ ในมือหลายต่อหลายคนกำกระป๋องเบียร์เอาไว้แน่น ขณะที่บางคนเอามือปิดปาก ข่าวเรื่องสหราชอาณาจักรจะถอนตัวจากอียูส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินอย่างรุนแรงในทันที เงินปอนด์อังกฤษดำดิ่งลงกว่า 9% สู่ระดับ 1 ปอนด์แลกได้ 1.33 ดอลลาร์ ถือเป็นมูลค่าต่ำที่สุดในรอบ 31 ปี ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกก็ไหลรูดลงกว่า 6% ดัชนีสำคัญของตลาดหุ้นโตเกียวหล่นแรง
ไม่ใช่ทั่วทั้งสหราชอาณาจักรต้องการแยกตัว จากคะแนนประชามติที่ออกมาคราวนี้ ไม่ใช่ว่าทั่วทั้งสหราชอาณาจักรเลยที่ประชาชนต้องการให้ถอนตัวจากยุโรป อันที่จริงแล้ว ลอนดอน, สกอตแลนด์ และ ไอร์แลนด์เหนือ เสียงเกินครึ่งโหวตให้อยู่ต่อไป ทว่า เวลส์ และหลายบริเวณของเขตการปกครองอังกฤษ (อิงแลนด์) โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกอดีตศูนย์อุตสาหกรรมทางตอนเหนือของอังกฤษ ซึ่งมีคนงานที่ได้รับผลกระทบหนักจากการไหลหลั่งเข้ามาของผู้อพยพ เป็นพวกซึ่งหนุนหลัง “เบร็กซิต” ทั้งนี้ เขตการปกครองอังกฤษ สนับสนุนให้ “ถอนตัว” 53.4% ขณะที่พวกหนุนให้อยู่ต่อได้ 46.6% ทางเขตการปกครองสกอตแลนด์ ผู้ที่อยากให้อยู่ต่อมี 62% ส่วนพวกต้องการให้แยกตัวมี 38% เขตการปกครองเวลส์ พวกที่โหวต “เบร็กซิต” มีชัย ได้ไป 52.5% ต่อ 47.5% ถึงแม้เมืองคาร์ดิฟฟ์ เมืองหลวงของเวลส์ ฝ่ายหนุน “อยู่ต่อ” ได้เสียงถึง 60% ก็ตามที ส่วนเขตการปกครองไอร์แลนด์เหนือ ผู้โหวต “อยู่ต่อ” ได้ 55.8% ขณะพวกต้องการให้ถอนตัวมี 44.2% อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมเสียงทั่วทั้งหมดแล้ว ฝ่ายหนุน “เบร็กซิต” ชนะไป 51.9 % ต่อ 48.1%
กระแส “ไม่เอาอียู”
โหมแรง ชาวสหราชอาณาจักรดูเหมือนไม่แยแสกับคำเตือนอันน่าหวาดหวั่นที่ว่า
การออกจากกลุ่มพันธมิตรยุโรป 28 ชาติเช่นนี้ จะทำให้เกิดรูโหว่เบ้อเริ่มทางด้านงบประมาณ
ซึ่งจำเป็นที่จะต้องอุดด้วยการตัดลดรายจ่ายและเพิ่มการจัดเก็บภาษี
ในทันทีที่พวกเขาสูญเสียช่องทางการทำการค้าอย่างเสรีไร้ข้อผูกมัดกับอียู ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการตัดสินใจของพวกเขายังจะเป็นการปลุกความหวาดกลัวที่ว่า
จะเกิดกระแสเรียกร้องให้จัดการลงประชามติในรัฐอียูรายอื่น ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกชาติสมาชิก ซึ่งกลุ่มข้องใจการรวมอยู่ในสหภาพยุโรป
กำลังมีความเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ
และนั่นย่อมเป็นอันตรายต่อความเป็นหนึ่งเดียวของอียู
ในยามที่ต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์หนักหนาสาหัสถึง 2 อย่างพร้อม
ๆ กันอยู่แล้ว อันได้แก่ วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และวิกฤตการณ์ผู้อพยพลี้ภัย “ยักษ์จินี่แห่งความข้องใจไม่เอาอียู
ได้หลุดออกมาจากขวดที่ขังมันไว้แล้ว และตอนนี้มันจะไม่ยอมถูกนำลงไปในขวดอีก”
ฟาราจ ประกาศ ขณะที่ ส.ส.ขวาจัดของเนเธอร์แลนด์ กีร์ต วิลเดอร์ส และ มารีน เลอ เปน
หัวหน้าพรรคเนชั่นแนลฟรอนต์ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นพรรคแนวทางขวาจัด
ได้ออกมาเรียกร้องในทันที
ให้ประเทศของพวกตนจัดการลงประชามติว่าจะยังเป็นสมาชิกอียูต่อไปหรือไม่
ก้าวเดินไปเดียวดาย ผลการลงประชามติคราวนี้หมายความว่า ต่อไปนี้ประเทศเจ้าของเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก จะต้องก้าวเดินไปคนเดียวแล้วภายในแวดวงเศรษฐกิจโลก โดยจะต้องเริ่มต้นเปิดการเจรจาถอนตัวออกจากอียู ซึ่งคาดหมายกันว่าจะดำเนินไปอย่างยืดเยื้อใช้เวลายาวนาน อีกทั้งจะต้องหาทางทำข้อตกลงฉบับใหม่ ๆ กับทุก ๆ ประเทศซึ่งสหราชอาณาจักรในเวลานี้ติดต่อค้าขายด้วยภายใต้ร่มธงของอียู ฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) องค์กรบริหารของอียู กล่าวเตือนเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่า อียูจะ “ไม่โอนอ่อนยอมก้าวถอยหลัง” เพื่อช่วยเหลือสหราชอาณาจักรในการเจรจาเหล่านี้ ขณะที่พวกนักวิเคราะห์บางคนมองว่าสหราชอาณาจักรอาจจะต้องใช้เวลาถึงสิบปีทีเดียวกว่าจะสามารถจัดทำข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ ๆ กับทั่วโลกเสร็จสิ้น ทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ก็ได้เตือนโดยฉายภาพสมมติสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการถอนตัวออกจากอียู โดยในกรณีที่เลวร้ายที่สุดนั้น ไอเอ็มเอฟมองว่าเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรอาจจมดิ่งลงสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า และเมื่อไปถึงปี 2019 จีดีพีโดยรวมของสหราชอาณาจักรจะต่ำลงมา 5.6% จากระดับซึ่งเคยทำนายกันไว้ในกรณีที่ยังเข้าร่วมอียู ขณะที่อัตราการว่างงานจะตีกลับขึ้นไปเหนือระดับ 6% ฐานะความเป็นศูนย์กลางทางการเงินของ “เดอะซิตี้” หรือศูนย์การเงินในกรุงลอนดอน ก็จะถูกคุกคาม โดยที่พวกบริษัทระดับท็อปเตือนไว้แล้วว่า อาจจะโอนย้ายตำแหน่งงานหลายพันหลายหมื่นตำแหน่งในลอนดอน ไปยังศูนย์กลางการเงินแห่งอื่นในยุโรป อย่างเช่น แฟรงก์เฟิร์ต หรือ ปารีส อย่างไรก็ตาม ทางฝ่าย “เบร็กซิต” หรือพวกที่เชียร์ให้ออกจากอียูนั้น โต้แย้งว่า โลกธุรกิจจะสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยที่เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรซึ่งออกมาจากสหภาพยุโรป จะกลายเป็นเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่นสูงและมีพลวัตสูง และได้รับการหนุนส่งจากหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจหน้าใหม่ ๆ ตลอดจนจากแรงงานอพยพที่ผ่านการคัดสรรเอาเฉพาะที่มีคุณภาพตามต้องการ
ในส่วนความปั่นป่วนผันผวนเฉพาะหน้า รัฐมนตรีคลัง ทาโร อาโสะ ของญี่ปุ่น ซึ่งเรียกประชุมแถลงข่าวฉุกเฉินในวันนี้ ภายหลังประชามติ “เบร็กซิต” ส่งผลให้ตลาดหุ้นโตเกียวดำดิ่ง ขณะที่เงินเยนซึ่งนักลงทุนมองว่าเป็นแหล่งหลบภัยชั้นดีในยามผันผวน กลับมีค่าแข็งโป้ก ได้ยืนยันว่า ถึงแม้ญี่ปุ่นมี “ความวิตกกังวลอย่างยิ่งยวด” เกี่ยวกับความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกและตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก แต่ก็เตรียมตัวพรักพร้อมที่จะตอบรับ “อย่างมั่นคง” อย่างไรก็ตาม การรณรงค์หาเสียงที่เป็นไปด้วยความดุเดือดเร้าอารมณ์ ก่อนจะมีการโหวตลงประชามติ ได้ทำให้สหราชอาณาจักรแตกออกเป็น 2 เสี่ยง โดยเห็นได้ชัดเจนที่สุดจากกรณี โจ ค็อกซ์ คุณแม่ลูกสองที่เป็น ส.ส. ฝ่ายสนับสนุนให้ “อยู่ต่อ” ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม 1 สัปดาห์ก่อนหน้าวันออกเสียง
สกอตแลนด์อาจแยกตัว-ไอแลนด์เหนือก็มีปัญหา
ผลลงประชามติคราวนี้ ยังกำลังคุกคามความเป็นเอกภาพหนึ่งเดียวของสหราชอาณาจักรด้วย เมื่อ 2 ปีที่แล้วภายหลังสกอตแลนด์ออกเสียงในการลงประชามติว่าจะคงอยู่ในสหราชอาณาจักรต่อไป
นิโคลา สเตอร์เจียน รัฐมนตรีคนที่หนึ่งของสกอตแลนด์
และก็เป็นผู้นำทางการเมืองของเขตการปกครองแห่งนี้ แถลงว่า
การลงประชามติเรื่องแยกตัวเป็นเอกราชของสกอตแลนด์ครั้งใหม่จะยังคงเกิดขึ้นได้
ถ้าหากสหราชอาณาจักรโหวตขัดแย้งกับสิ่งที่เสียงส่วนข้างมากของชาวสกอตต์ต้องการ ภายหลังการลงประชามติคราวนี้
สเตอร์เจียน กล่าวย้ำกับโทรทัศน์สกายนิวส์ ว่า “สกอตแลนด์มองเห็นว่าอนาคตของตนเองนั้นต้องเป็นส่วนหนึ่งของอียู”
ทางด้านไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเป็นดินแดนตอนเหนือของเกาะไอร์แลนด์
แต่เป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร
เวลานี้กำลังเผชิญกับความเป็นไปได้ที่จะถูกตั้งด่านจัดเก็บภาษีศุลกากรจากสาธารณรัฐไอร์แลนด์
ซึ่งเป็นสมาชิกของอียู พรรคซินน์เฟน
ที่เคยนำการต่อสู้ด้วยอาวุธในไอร์แลนด์เหนือมาหลายสิบปี
เพื่อให้ไอร์แลนด์เหนือไปรวมประเทศกับไอร์แลนด์
ได้ออกมาเรียกร้องให้จัดการโหวตเกี่ยวกับการรวมไอร์แลนด์
ภายหลังทราบผลการลงคะแนนแยกตัวจากอียู
บรรดาผู้นำของสหภาพยุโรป มีกำหนดจัดการประชุมซัมมิตเป็นเวลา 2
วันเริ่มตั้งแต่วันอังคาร (28) เพื่อรับมือกับสิ่งที่ติดตามมาภายหลงการตัดสินใจของชาวสหราชอาณาจักรก้าวเดินไปเดียวดาย ผลการลงประชามติคราวนี้หมายความว่า ต่อไปนี้ประเทศเจ้าของเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก จะต้องก้าวเดินไปคนเดียวแล้วภายในแวดวงเศรษฐกิจโลก โดยจะต้องเริ่มต้นเปิดการเจรจาถอนตัวออกจากอียู ซึ่งคาดหมายกันว่าจะดำเนินไปอย่างยืดเยื้อใช้เวลายาวนาน อีกทั้งจะต้องหาทางทำข้อตกลงฉบับใหม่ ๆ กับทุก ๆ ประเทศซึ่งสหราชอาณาจักรในเวลานี้ติดต่อค้าขายด้วยภายใต้ร่มธงของอียู ฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) องค์กรบริหารของอียู กล่าวเตือนเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่า อียูจะ “ไม่โอนอ่อนยอมก้าวถอยหลัง” เพื่อช่วยเหลือสหราชอาณาจักรในการเจรจาเหล่านี้ ขณะที่พวกนักวิเคราะห์บางคนมองว่าสหราชอาณาจักรอาจจะต้องใช้เวลาถึงสิบปีทีเดียวกว่าจะสามารถจัดทำข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ ๆ กับทั่วโลกเสร็จสิ้น ทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ก็ได้เตือนโดยฉายภาพสมมติสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการถอนตัวออกจากอียู โดยในกรณีที่เลวร้ายที่สุดนั้น ไอเอ็มเอฟมองว่าเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรอาจจมดิ่งลงสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า และเมื่อไปถึงปี 2019 จีดีพีโดยรวมของสหราชอาณาจักรจะต่ำลงมา 5.6% จากระดับซึ่งเคยทำนายกันไว้ในกรณีที่ยังเข้าร่วมอียู ขณะที่อัตราการว่างงานจะตีกลับขึ้นไปเหนือระดับ 6% ฐานะความเป็นศูนย์กลางทางการเงินของ “เดอะซิตี้” หรือศูนย์การเงินในกรุงลอนดอน ก็จะถูกคุกคาม โดยที่พวกบริษัทระดับท็อปเตือนไว้แล้วว่า อาจจะโอนย้ายตำแหน่งงานหลายพันหลายหมื่นตำแหน่งในลอนดอน ไปยังศูนย์กลางการเงินแห่งอื่นในยุโรป อย่างเช่น แฟรงก์เฟิร์ต หรือ ปารีส อย่างไรก็ตาม ทางฝ่าย “เบร็กซิต” หรือพวกที่เชียร์ให้ออกจากอียูนั้น โต้แย้งว่า โลกธุรกิจจะสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยที่เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรซึ่งออกมาจากสหภาพยุโรป จะกลายเป็นเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่นสูงและมีพลวัตสูง และได้รับการหนุนส่งจากหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจหน้าใหม่ ๆ ตลอดจนจากแรงงานอพยพที่ผ่านการคัดสรรเอาเฉพาะที่มีคุณภาพตามต้องการ
ในส่วนความปั่นป่วนผันผวนเฉพาะหน้า รัฐมนตรีคลัง ทาโร อาโสะ ของญี่ปุ่น ซึ่งเรียกประชุมแถลงข่าวฉุกเฉินในวันนี้ ภายหลังประชามติ “เบร็กซิต” ส่งผลให้ตลาดหุ้นโตเกียวดำดิ่ง ขณะที่เงินเยนซึ่งนักลงทุนมองว่าเป็นแหล่งหลบภัยชั้นดีในยามผันผวน กลับมีค่าแข็งโป้ก ได้ยืนยันว่า ถึงแม้ญี่ปุ่นมี “ความวิตกกังวลอย่างยิ่งยวด” เกี่ยวกับความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกและตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก แต่ก็เตรียมตัวพรักพร้อมที่จะตอบรับ “อย่างมั่นคง” อย่างไรก็ตาม การรณรงค์หาเสียงที่เป็นไปด้วยความดุเดือดเร้าอารมณ์ ก่อนจะมีการโหวตลงประชามติ ได้ทำให้สหราชอาณาจักรแตกออกเป็น 2 เสี่ยง โดยเห็นได้ชัดเจนที่สุดจากกรณี โจ ค็อกซ์ คุณแม่ลูกสองที่เป็น ส.ส. ฝ่ายสนับสนุนให้ “อยู่ต่อ” ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม 1 สัปดาห์ก่อนหน้าวันออกเสียง
หวั่นอียูจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ รัฐมนตรีต่างประเทศ แฟรง-วอลเตอร์ สไตน์เมเออร์ ของเยอรมนี กล่าวเตือนเมื่อต้นเดือนนี้ว่า หากสหราชอาณาจักรตัดสินใจผละจากไป ก็จะเกิดการช็อก ซึ่งจำเป็นต้องมีปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงป้องกันไม่ให้สหภาพยุโรปแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เขาเขียนลงในทวิตเตอร์วันนี้ (24) ว่า “ดูเหมือนจะเป็นวันเศร้าสำหรับ#ยุโรป+สหราชอาณาจักร” ขณะที่ คาร์สเตน นิกเคิลส์ แห่งกลุ่มนักวิเคราะห์ “ทีนีโอ” ในบรัสเซลส์ แสดงทัศนะว่า พวกประเทศเล็ก ๆ ลงมาที่มีเศรษฐกิจดี อย่างน้อยที่สุดก็มั่งคั่งใกล้เคียงกับสหราชอาณาจักร คือกลุ่มซึ่งมีความเสี่ยงมากที่สุดว่าจะแตกออกไปอีก “โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดนมาร์ก และสวีเดน ก็มีความเป็นไปได้เช่นเดียวกัน”
เอเอฟพี - ราคาน้ำมันโลกปิดลบราว 5 เปอร์เซ็นต์และดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 600 จุดในวันศุกร์(24มิ.ย.) หลังชาวอังกฤษก่อความตกตะลึงด้วยการลงประชามติถอนตัวจากสหภาพยุโรป ซึ่งกระพือความตื่นกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ปัจจัยนี้ดันทองคำทะยานเกือบ 60 ดอลลาร์ นักลงทุนขวัญกระเจิงแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 2.47 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ผลประชามติ Brexit ผลักความไม่แน่นอนระดับใหม่เข้าสู่ตลาด ขณะที่เหล่านักเศรษฐศาสตร์คาดหมายว่าการแยกตัวจากอียู จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอังกฤษอย่างรุนแรง และเป็นไปได้ที่จะดิ่งสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า และจะฉุดลากการเติบโตโดยรวมของยุโรปด้วย ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของยุโรป ตามหลังอังกฤษลงประชามติถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอียู ฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันศุกร์(24มิ.ย.) ร่วงลงอย่างหนัก เคลื่อนไหวตามตลาดทุนโลก ดาวโจนส์ ลดลง 611.21 จุด (3.39 เปอร์เซ็นต์) ปิด 17,399.86 จุด ปรับลงวันเดียวหนักหน่วงที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี เอสแอนด์พี ลดลง 75.91 จุด (3.60 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,037.41 จุด แนสแดค ลดลง 202.06 จุด (4.12 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,707.98 จุด แม้วอลล์สตรีทจะดิ่งลงอย่างกว้างขวาง แต่ภาคธนาคาร พลังงาน การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม เป็นภาคที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด การตัดสินใจถอนตัวจากอียูของอังกฤษยังก่อความผันผวนรุนแรงไปทั่วตลาดการเงินอื่นๆเช่นกัน โดยฉุดให้เงินปอนด์ร่วงหนัก ช่วงหนึ่งของการซื้อขายแตะระดับต่ำสุดรอบ31ปี ขณะที่เหล่านักลงทุนพากันหนีตายมุ่งหน้าสู่สินทรัพย์ที่มีควาเสี่ยงต่ำ ดันราคาทองคำพุ่งทะยานเกือบ 5 เปอร์เซ็นต์ในวันศุกร์(24มิ.ย.) ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 59.30 ดอลลาร์ หรือ 4.7 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 1,322.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นการปรับขึ้นวันเดียวในรูปแบบดอลลาร์และเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2013
รอยเตอร์ -
ไฟป่าแถบตอนกลางของมลรัฐแคลิฟอร์เนียที่ทำลายสิ่งปลูกสร้างไปแล้วกว่า 100
หลัง คร่าชีวิตชาวบ้าน 2 ศพ
ได้ลุกลามอย่างรวดเร็วมากกว่า 2 เท่าในวันศุกร์(24มิ.ย.) ขณะที่เจ้าหน้าที่เผยจะต้องขยายคำสั่งอพยพในพื้นที่ห่างไกลแห่งนี้ เจ้าหน้าที่เผยว่าเหตุไฟป่าปะทุขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี(23มิ.ย.) ในแถบตีนเขาในเคิร์น เคาน์ตี ห่างจากเบเคอร์สฟิวด์
ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 68 กิโลเมตร และมีหน่วยดับเพลิง 3
นายต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลหลังสำลักควันไฟ
"ไฟไหม้เป็นเหตุให้ต้องอพยพชาวบ้านหลายร้อยคน" เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุ สถานการณ์ดูเลวร้ายไปอีก
เมื่อดูเหมือนว่าอุณหภูมิจะพุ่งเหนือ 32 องศาเซลเซียสในวันศุกร์(24ม.ย.) โดยพืชผักที่แห้งเหี่ยวตายจากภัยแล้งในแคลิฟอร์เนียนานกว่า 5
ปี กลายเป็นเชื้อไฟชั้นดีที่โหมกระพือเพลิงป่าให้ลุกลามอย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงที่แผ่ลามอย่างรวดเร็วห่างจากลอสแองเจลิส ไปทางเหนือราว 240
กิโลมตร ได้ทำลายสิ่งปลูกสร้าง ในนั้นรวมถึงบ้านเรือ
สิ่งปลูกสร้างภายนอกและโรงรถ กว่า 100 หลัง ขณะที่อีกราว 1,500
หลังตกอยู่ในความเสี่ยง
คาดหมายว่าขนาดของไฟป่าจะขยายวงจาก 20,000 ไร่ในตอนเช้าวันศุกร์(24มิ.ย.) เป็นมากกว่า 47,500
ไร่ในช่วงก่อนเที่ยงตามเวลาท้องถิ่น ในวันศุกร์(25มิ.ย.) เจ้าหน้าที่เตือนชาวบ้านมากกว่า 3,000 คนของชุมชนเลค
อิซาเบลลา ตามริมฝั่งของอ่างเก็บน้ำแห่งหนึ่งให้เตรียมพร้อมอพยพ InciWeb เว็บไซต์ติดตามไฟไหม้ของรัฐบาลระบุว่าเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิง
600 นายกำลังช่วยกันดับไฟตามจุดต่างๆมากกว่า 100 จุด "เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเรากำลังต่อสู้กับไฟป่า
ในความพยายามปกป้องสิ่งปลูกสร้างทุกหลังเท่าที่จะเป็นไปได้"ไบรอัน มาร์แชล
จากหน่วยดับเพลิงเคิร์น เคาน์ตีระบุ
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีชาวบ้านเสียชีวิตในไฟป่าบริเวณหรือไม่
ขณะที่เหตุไฟป่าที่ยังควบคุมไม่ได้นี้
เป็นหนึ่งในไฟป่าขนาดใหญ่อีกหลายแห่งที่กำลังโหมกระพืออยู่ในแคลิฟอร์เนีย ลงไปทางใต้
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็กำลังพยายามควบคุมไฟป่าในแถบตีเขาของลอสแอเจลิส เคาน์ตี
โดยจนถึงวันศุกร์(24มิ.ย.) มันเผาผลาญป่าครอบคลุมเนื้อที่ไปแล้ว
14,000 ไร่
เอเอฟพี -
เหตุอุทกภัยในมลรัฐเวสต์เวอร์จิเนียของสหรัฐฯ ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อบ 14
ศพและทำชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งติดค้าง
เจ้าหน้าที่ต้องพาตัวลงจากหลังคาและช่วยเหลือให้พ้นจากกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก
จากการเปิดเผยของผู้ว่าการรัฐในวันศุกร์(24มิ.ย.) "เกิดความเสียหายอย่างกว้างขวาง
เป้าหมายสำคัญของเรายังเป็นการค้นหาและช่วยเหลือ" เอิร์ล เรย์ ทอมบลิน
ผู้ว่าการรัฐเวสต์เวอร์จิเนียเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับภัยพิบัติน้ำท่วมที่มีต้นตอจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
"ผมมีแผนบินสำรวจรอบๆพื้นที่ได้รับผลกระทบด้วยตนเองในวันนี้
แต่ยังไม่สามารถทำได้เพราะว่าปัจจุบันเครื่องบินของรัฐทุกลำถูกใช้ในปฏิบัติการช่วยเหลือ"เขากล่าว
ในบรรดาผู้เสียชีวิตรวมไปถึงเด็กชายวัย 8 ขวบซึ่งถูกน้ำซัดหายไประหว่างเดินอยู่ริมตลิ่งคลองแห่งหนึ่งพร้อมกับแม่ของพี่สาว
ขณะที่สำนักข่าว WSAZ รายงานว่าศพของหนูน้อยรายนี้ถูกพบหลังจากใช้เวลาในการค้นหานาน
3 ชั่วโมง ผู้ว่าการรัฐบอกว่ามีอย่างน้อย 6 เคาน์ตีที่สิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหายอย่างกว้างขวางและชาวบ้านราว 66,000
คน ต้องอยู่โดยปราศจากไฟฟ้าใช้ สมาชิกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิราว 200
นาย กระจายกำลังกันไปตามเคาน์ตีต่างๆ 8 แห่ง
เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
ขณะเดียวกันก็ได้มีการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว 17 แห่งแก่ผู้ประสบภัยที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายหรือพังถล่ม เอบีซีนิวส์รายงานว่ามีประชาชนราว
500 คน ติดค้างอยู่ภายใต้ห้างสรรพสินค้าในเอล์ควิว
ใกล้ชาร์ลสตัน เมืองเอกของรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย
หลังจากสะพานแห่งหนึ่งที่มุ่งสู่ถนนสายหลักถูกน้ำซัดหายไป ในวิดีโอที่โพสต์ลงบนอินสตาแกรมของสำนักข่าว
WCHS/WVAH พบเห็นบ้านหลังหนึ่งถูกไฟลุกท่วมและกำลังถูกซัดลอยไปตามกระแสน้ำโคลนในเมืองเล็กๆไวท์ซัลเพอร์
สปริงส์
(เครดิตอ้างอิง : คัดลอกจากข่าวแปล คอลัมน์ข่าวต่างประเทศ MGR online)
(เครดิตอ้างอิง : คัดลอกจากข่าวแปล คอลัมน์ข่าวต่างประเทศ MGR online)