วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2561

รหัสสังหาร หักเหลี่ยมทรชน ตอนที่ 22


รหัสสังหาร ภาค 2 ตอนหักเหลี่ยมทรชน ep.22


                                                            22.


ที่ห้องนิทรรศการ แสดงผลงานของมูลนิธิฮาซาโระ  ทานากะและอิวาสะ เดินชมภาพกิจกรรมต่างๆ ที่มูลนิธิได้มีส่วนสร้างประโยชน์ให้กับสังคม มีการนำเงินไปบริจาคให้กับเด็กกำพร้า ค่ายผู้อพยพ ที่เป็นผู้ประสบภัยจากสึนามิ ให้ทุนการศึกษาแก่เด็กผู้ยากไร้ นำเงินไปสร้างชุมชน โรงเรียนให้แก่ชุมชนผู้ประสบภัยจากสึนามิ แม้แต่ช่วยเหลือโรงงานเคมีที่ประสบการขาดทุนจากความเสียหายของสึนามิ ฯลฯ  ซี่งภาพถ่ายในนิทรรศการแสดงถึงกิจกรรมต่างๆ มากมายที่มูลนิธิฮาซาโระ ได้เป็นผู้ช่วยเหลือ นำเงินไปบริจาค หรือมีส่วนในการระดมเงินทุน และร่วมจัดงานกิจกรรมเพื่อสังคมหลายอย่างเพื่อระดมทุนไปช่วยเหลือให้แก่องค์กรเอกชน ราชการ ที่ร้องขอความช่วยเหลือ มายังมูลนิธิของนางฮาซาโระ  ทานากะเดินชมดูด้วยความสนใจ

“คุณเจฟฟรีย์ ท่านนี้คือใครเหรอ”

“ก็นี่ไง คุณฮาซาโระ คูนิคาวะ ไง ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ และเป็นเจ้าของออฟฟิซแห่งนี้ และยังเป็นลูกค้าของฉันด้วย”

"ใบหน้า มีความเหมือนมาก ราวกับคนๆ เดียวกัน”

“นี่นายหมายถึงใคร ใบหน้าท่านเหมือนใครอย่างนั้นเหรอ”

“คัตสึยูริ เป็นน้องสาวของฮิทารุ ในอดีตชาติ คนในโลกอดีต ที่ฉันเพิ่งจากมา”

“จริงๆ ด้วย หากว่าเพ่งพินิจอย่างตั้งใจ ก็จะรู้สึกว่าใบหน้าคล้ายกัน ราวกับคนเดียวกัน”

“เอวา นี่เจ้าก็เคยเห็นบุคคลในอดีตด้วยงั้นเหรอ”
“การกลับไปในโลกอดีตครั้งล่าสุดนี้ ทานากะมาขอร้องให้ฉันช่วย และฉันก็ต้องมอนิเตอร์เขาอยู่บริเวณหน้าจอตลอดเวลา เพื่อว่าจะสามารถช่วยคอนโทรลเรื่องเวลา ฉันจึงเห็นสตรีผู้นี้อยู่ตลอดเวลา สตรีผู้นี้เป็นเกอิชา ที่อาศัยอยู่ในเมืองเกียวโต ในช่วงยุคสมัยเอโดะ ส่วนทานากะสวมร่างของเคนจิโร่ กลับไปสุ่ยุคเอโดะ และได้พบเจอกับนาง และนางยังเป็นคนเล่าเรื่องความหลังฝังใจ เกี่ยวกับครอบครัวของนางให้เด็กๆ ชาวบ้านในละแวกนั้นได้รับฟัง”

“คุณเจฟฟรีย์ คุณพอจะมีที่อยู่ของคุณคูนิคาวะ หรือเปล่า ผมอยากจะไปพบเจอตัวท่านหน่อย”

“มีสิ แต่ว่า นางเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยที่จะให้ใครไปพบได้ง่ายๆ หรอกนะ  นายจะไปหาเธอทำไม”

“ผมอยากจะพูดคุยกับเธอเสียหน่อย”

“ก็ได้ เดี๋ยวฉันจะให้ยูกาตะ ค้นหาที่อยู่ของนาง ให้กับนาย”


ในเวลาต่อมาทานากะได้โทรศัพท์ไปหาท่านผู้การคันวา ผู้บัญชาการหน่วยสืบสวนสอบสวนกลางของกรมตำรวจ เพื่อส่งมอบเอกสารบางอย่าง อันเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน สอบสวน ในคดีเงินผลประโยชน์จากยาเสพติด

“ท่านผู้การใช่มั๊ยครับ ผมมีเอกสารสำคัญจะส่งมอบให้กับท่านครับ”

“คุณเป็นใครกัน”

“ผมร้อยตำรวจเอกทานากะ นายตำรวจประจำสถานีตำรวจอาคาซากะครับผม”

“แล้วมันเป็นเอกสารอะไรกัน”

“ผมคงจะอธิบายให้ท่านได้ไม่สะดวกทางโทรศัพท์ครับ”

“งั้นนายแวะมาหาฉันได้มั๊ย ที่หน่วยสอบสวนสืบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฉันจะอยู่รอนายที่นี่”

“งั้นผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
เมื่อถึงยังหน่วยสืบสวนสอบสวนกลางของกรมตำรวจ ทานากะได้ติดต่อขอเข้าพบท่านผู้การคันวา ซี่งในตอนนี้กำลังนั่งประชุมอยู่กับทีมงาน โดยมี ร.ต.ท.หญิงอากาเนะ จนท.ระดับสูงจากกองพิสูจน์หลักฐาน และมัตสึคุง ผู้ช่วย หน.ทีม ผู้เชียวชาญด้านข้อมูลสารสนเทศ ประจำหน่วย

“เชิญคุณทานากะ พวกเขาเหล่านี้เป็นทีมงานของผม พวกเขาไว้ใจได้ คุณมีเอกสารมามอบให้กับผมใช่มั๊ย”

“นี่ครับท่านผู้การ เป็นเอกสารแสดงการเคลื่อนไหวของบัญชีกองทุน SM-REF ของบริษัทจัดการลงทุนในเครือของธนาคารซูมิโตโม มิตซุยแบ็งค์ครับ”

“แล้วมันมีอะไร เอามาให้ฉันทำไม”

“ในรายงานเอกสารฉบับนี้ครับ มีการโอนเงินเข้ามาจำนวนมาก จาก 3 บัญชีหลัก นับเป็น 100 ทรานแซคชั่น นับรวมกว่า 100 ล้านเยน เป็นการแยกยอดการโอนเงินเข้ามา เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบที่มาของเงิน โดยไม่ต้องรายงานในใบแจ้งยอด ถึงที่มาของเงิน ตามกฏของธนาคารชาติญี่ปุ่น (Bank of Japan)

“นายกำลังบอกว่า มีเงินผิดกฎหมายโอนเข้าไปลงทุนในกองทุนความเสี่ยงสูง (Hedge Fund) จำนวนมากงั้นเหรอ”

“นี่ครับ แสดงแหล่งที่มาของสถานที่โอนเงิน มาจากธนาคารเดียวกัน คือธนาคารชินเซ จาก 3 สาขา คือสาขามินาโตะ สาขาคิวชู และสาขาอาคารอิวาเตะ มากที่สุดครับ”

“โป๊ะเชะ! เลย เอาไปตรวจสอบดูซิ มัตสึคุง ว่าใช่หรือเปล่า ที่เรากำลังหากันอยู่”  มัตสึคุงรีบหยิบเอาเอกสารรีพอร์ตจากมือของผู้การคันวา ที่รับมาจากทานากะ มาเปิดดู และรีบให้โอซากะ เพื่อนสนิทในทีมเดียวกัน รีบเปิดจอคอมพ์เพื่อเช็คลิสต์ดู ว่าตรงกับบางสิ่งที่ตนเองกำลังสืบค้น และกำลังหาจิ๊กซอว์บางตัวมาต่อให้ครบเป็นภาพใหญ่ ที่ตนเองกับทีมงานได้ตั้งเป็นข้อสันนิษฐานไว้หรือเปล่า”

“แล้วนายไปได้เอกสารฉบับนี้มาจากไหน”

“พอดีประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัทบริหารจัดการการลงทุน SMF corp เป็นเพื่อนของผมเองครับ เราเป็นพันธมิตรกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และช่วยเหลือเกื้อกูลกันในการปฏิบัติงานครับ คุณเจฟฟรีย์ได้ให้อำนาจเซ็นต์ยินยอมที่จะส่งมอบเอกสารชุดนี้ให้แก่กรมตำรวจใช้เป็นประโยชน์ เป็นหลักฐานในการสืบสวนสอบสวนคดียาเสพติด โดยมอบอำนาจให้ผมนำมามอบให้ท่านครับ”

“ท่านหัวหน้าครับ ใช่แล้วครับ นี่เป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่เรากำลังหาอยู่จริงๆ ด้วยครับ” มัตสึคุงตะโกนบอกต่อท่านผู้การคันวา ทันทีที่โอซากะนำมันตรวจสอบในโปรแกรมระบบ และพบว่ามันคือบัญชีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเงินจากการค้ายาเสพติดที่กรมตำรวจกำลังติดตามอยู่จริงๆ”

“ทานากะ ฉันขอบใจนายมากๆ นะ ผลงานนี้ จะเป็นผลงานชิ้นโบแดง ฉันจะนำเสนอผู้ใหญ่ในกรมตำรวจ ให้เลื่อนขั้นนายแน่ๆ”

“หากว่าท่านต้องการความช่วยเหลือจากผม ติดต่อผมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ เบอร์นี้เลยนะครับ ผมขอตัวก่อน”


ทานากะได้นำเอาที่อยู่ที่ได้จากยูกาตะ มาค้นหาตามแผนที่อีกที เพื่อค้นหาถิ่นที่อยู่ของนางฮาซาโระ คูนิคาวา จึงได้พบว่าเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ ใจกลางถิ่นคนรวย ย่านชินจูกุ เป็นบ้านเดี่ยวเรือนไม้หลังใหญ่ ตกแต่งท่ามกลางสวนญี่ปุ่น มีบึงน้ำล้อมรอบ ตกแต่งคล้ายประติมากรรมยุคโบราณ เป็นบ้านทรงแบบสมัยยุคเอโดะ มีปราสาทหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่เคียงข้างบ้านเดี่ยว ภายในมีเนื้อที่กว่า     เอเคอร์ เมื่อไปถึงหน้าบ้าน ทานากะได้แจ้งต่อคนรับใช้ภายในบ้านว่า ต้องการมาติดต่อคุณคูนิคาวา โดยแจ้งชื่อว่า เป็น ร.ต.อ. ทานากะ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจอาคาซากะ

“คุณคูนิคาวา อนุญาตให้เข้าพบแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดินตามดิฉันมาทางนี้นะคะ”  ทานากะเดินตามคนรับใช้ของบ้าน เข้าไปยังตัวบ้าน เพื่อพบกับคุณคูนิคาวา

“เรียนเชิญ คุณทานากะ นั่งรอตรงนี้นะคะ เดี๋ยวนายหญิงท่านจะลงมาพบกับท่านค่ะ”
ทานากะมองไปรอบๆ บ้าน พบว่า มีการตกแต่งอย่างหรูหราอลังการ มูลค่าของตัวบ้าน สิ่งปลูกสร้าง และเนื้อที่ของที่ดินในย่านนี้ ก็ต้องถือว่า คนที่จะอยู่อาศัยต้องเป็นถึงระดับอัครมหาเศรษฐีเท่านั้น แต่มองไปรอบๆ แล้ว ไม่พบผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในบ้านแห่งนี้เลย มีเพียงคนรับใช้ และพ่อบ้าน แม่บ้าน คนดูแลสวน กระจายอยู่รายรอบบ้านเท่านั้น

“อาริกาโตะ ยินดีต้อนรับค่ะ คุณทานากะ”

“คุณคือ คุณนายฮาซาโระ คูนิคาวาะ  ผมคือ ร.ต.อ.นากาโมโต ทานากะ จนท.ตำรวจ จากสถานีตำรวจอาคาซากะ ครับ”

“คุณยังดูเป็นนายตำรวจรุ่นใหม่ ยังดูเด็กอยู่มาก (Rooky) เลย เพิ่งจบมาเหรอ”

“อ๋อ....ผมทำงานมาได้ 2 ปีเศษแล้วครับ และก็ ผมผ่านหลักสูตรนายร้อยตำรวจ จากกรมตำรวจครับ”

“คงจะไฟแรงน่าดูเลยสินะ”

“ขอเข้าเรื่องเลยนะครับ ผมอยากจะขอให้คุณคูนิคาวา มอบตัว และยินยอมให้จับกุมตัวไปสอบปากคำที่กรมตำรวจหน่อยครับ”

“ฉันกระทำความผิดอะไรอย่างนั้นเหรอ แล้วคุณมีหมายจับมาหรือเปล่า”

“นี่ครับเป็นหมายจับ ออกโดยหน่วยสืบสวนสอบสวนกลาง กรมตำรวจ ข้อหาที่คุณคูนิคาวา ได้รับก็คือ 1.เป็นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่ทางกรมตำรวจต้องการตัว  2.กระทำการฟอกเงินผ่านบัญชีกองทุน Emergency Fund และ Hedge Fund โดยมีธุรกรรมในการดำเนินการกว่า 137 ครั้ง จำนวนเงินมูลค่ากว่า 135 ล้านเยน และ,3.เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการฆาตกรรมบุคคลสำคัญในแก๊งค์ซูมิโยชิ-ไค ถึง 4 คนด้วยกัน คือ โชวซารุ ,เทจิชิโร่ ,ฮาจิโมโตะ และนาโตะซัง ทั้ง 4 คนนั้น คุณคือผู้อยู่เบื้องหลังในการสังหารพวกเขา”

“ยังมีข้อหาเพิ่มเติมอีกมั๊ย คุณตำรวจหนุ่ม”

“แค่ 3 ข้อหานี้ คุณก็คงต้องติดคุกไปตลอดชีวิตหรืออาจจะต้องโทษประหารชีวิตแล้วหล่ะครับ”

“คุณมีหลักฐานอะไร ถึงมากล่าวหาฉันเช่นนั้น”

“คุณมีสิทธิ์สู้ความในชั้นศาลเพื่อปกป้องการกระทำความผิดของคุณได้ แต่หลักฐานทั้งหมดอยู่ในมือหน่วยสืบสวนสอบสวนกลางหมดแล้ว มีอะไรก็ไปต่อสู้แก้ต่างในกระบวนการยุติธรรมเถิด”

“คุณหาว่าฉันอยู่เบื้องหลังในการสังหารคน 4 คนในแก๊งค์ซุมิโยชิ-ไค ทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้รู้จักกับคนพวกนั้นเลย”

“คุณอย่ามาไขสือเลย คุณคือ The Boss  พวกเขาคงล่วงรู้แผนการของคุณ ที่ต้องการฮุบเอาผลประโยชน์ทั้งหมดจากการค้ายาเสพติด และเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายทั้งหมด เอาเข้าบัญชีของคุณเพียงคนเดียว พวกเขาคงเป็นก้างขวางคอคุณ คุณจึงบงการสังหารพวกเขา ไม่เว้นแม้แต่เด็กหนุ่มอนาคตไกลคนหนี่งด้วย”

“ดูเหมือน คุณจะล่วงรู้เรื่องราวของแก๊งค์ซูมิโยชิ-ไค เป็นอย่างดีด้วยสินะ”

“คุณยอมรับแล้วใช่มั๊ย เหตุใดต้องฆ่าพวกเขาด้วย ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นแขนขา เป็นเครือข่าย หาผลประโยชน์ให้แก่คุณ แต่คุณกลับฮุบเอาผลประโยชน์ของพวกเขาไปทั้งหมด”

“พวกมันเป็นข้าทาส บริวารของฉัน เงินทุกเหรียญ ทุกเยน ในที่สุดก็ต้องเป็นของฉันอยู่ดี พวกมันจะมีเอี่ยวก็เฉพาะที่ฉันจะแบ่งปันให้เท่านั้น”

“คุณต้องการผลประโยชน์ทั้งหมด ก็สามารถอธิบายให้พวกเขาเข้าใจได้ แล้วเหตุใดจึงต้องใช้สารเคมีมีพิษอำมหิตสังหารพวกเขาด้วย”

“ก็เพราะว่า ใช้อธิบายแล้ว พวกมันไม่เข้าใจ และยังต้องการยื้อเอาผลประโยชน์ที่ควรจะได้ในเงินก้อนนี้ ฉันไม่มีทางเลือก แล้วนายรู้ได้อย่างไรว่าฉันใช้สารเคมีมีพิษสังหารพวกมัน”

“ผมมีโอกาสไปชมภาพนิทรรศการ กิจกรรมช่วยเหลือทางสังคมของมูลนิธิฮาซาโระต่างๆมากมาย และก็ พบว่า แม้แต่โรงงานผลิตสารเคมี ขึ้นก็เข้าไปช่วยเหลือ ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดคุณต้องไปช่วยเหลือโรงงานผลิตสารเคมีที่ได้รับผลขาดทุนจากเหตุการณ์สึนามิ แต่เมื่อผมลองไปสืบดูว่าโรงงานแห่งนี้ผลิตสารเคมีอะไรบ้าง จึงค้นพบว่า มีสารเคมีอยู่ 1 ตัว มีส่วนผสมที่สามารถสังหารชีวิตคนด้วย และได้นำตัวอย่างไปให้คุณหมอสุ่มตรวจดู ก็พบว่าเป็นยาพิษชนิดเดียวกับที่สังหารนาโตะซัง นายน้อยของแก๊งค์สาขา 3 ผมจึงมั่นใจว่าคุณคือผู้ที่สังหารนาโตะซังและคนในแก๊งค์อีก 3 คนด้วย”

“แล้วไง คุณจะมาจับกุมตัวฉัน ด้วยตัวคุณเพียงคนเดียวนี่หน่ะเหรอ”

“คุณฮาซาโระ คูนิคาวา ผมอยากให้คุณ ยอมให้ความร่วมมือกับทางการ ผมจะได้ไม่ต้องออกแรงบังคับ”

“งั้นก็ลองเข้ามาจับฉันเสียสิ”


ทานากะทำท่าจะลุกจากเก้าอี้ญี่ปุ่น แต่ว่าในทันใดนั้น ปรากฏกายของซาคาว่า อาคิเตะ และยิออนมารุ สมาชิกคนสำคัญของแก๊งค์สาขา 3 มาปรากฏกาย และแต่ละคนมีอาวุธคู่กาย เป็นมีดดาบ และปืนถืออยู่ ในขณะที่นางคูนิคาวา เดินหลบฉากถอยออกไป

บรรดาลูกน้องคนสำคัญของนางคูนิคาวา รุมเข้าทำร้ายทานากะ ทานากะต้องต่อสู้ด้วยมือเปล่า เพื่อป้องกันตัว อาคิเตะใช้ดาบคันตานะ เข้าฟาดฟันทานากะที่หลบเลี่ยงคมดาบที่ฟาดฟันเข้าใส่ตนเองอย่างบ้าคลั่ง เขาหลบฉากได้ทัน และโต้ต้อบกลับด้วยการ ชกเข้าที่ใบหน้าของอาคิเตะ ส่วนซาคาวาใช้ปืนยิงเข้าใส่ทานากะทันที ลูกกระสุนพุ่งตรงเฉียดแขนข้างขวาของเขา ทำให้ได้รับบาดเจ็บ เลือดกระเซ็น ทานากะตอบโต้ด้วยการชักปืนเข้ายิงตอบโต้ จนซาคาวาต้องปลบเข้ายังที่กำบัง ด้านยิออนมารุที่หาจังหวะตอนที่ทานากะกำลังต่อสู้กับอาคิเตะและซาคาว่า ใช้ไม้พลองหนา ตีเข้าที่คอของทานาะจนสลบเหมือดไป

ทานากะ สลบไสลไม่ได้สติ แต่เขากลับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นทันที กรีดร้องเสียงหลงโอดโอยขึ้น คล้ายสิ่งมีคมกำลังทิ่มแทงเข้าสู่ผิวหนังของเขา แต่เขากลับมองไม่เห็น คล้ายอยู่ในโลกมืด เนื่องจากร่างของเขาถูกจับตรึงกับพันธนาการในเวลานี้ มือแขนทั้ง 2 ข้างถูกมัดตรึงกลับรอกเชือกบนขื่อคา ปลายขาก็ถูกมัดข้อเท้าทั้ง 2 ข้างตรึงกับพื้นไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้ เสื้อผ้าถูกดึงฉีกขาดออกจากตัว เหลือเพียงกางเกงในเตี่ยวเพียงตัวเดียว ส่วนดวงตาที่มองไม่เห็น เพราะว่าถูกเชือกผ้าสีดำคาดรัดปิดตาเอาไว้ จึงมองไม่เห็นอะไร แต่บนผิวหนังด้านหลัง กลับถูกเข็มสักลายทิ่มแทงอยู่ คล้ายกับเขากำลังถูกช่างสักลายอยู่บนผิวหนังด้านหลังลำตัว ทั้งเจ็บแปลบทรมาน มันทิ่มแทงบนผิวหนังถี่ๆ รัวๆ และเป็นไปตามจังหวะจังโคน จนเขาร้องตะโกนขึ้น

“แกทำอะไรกับฉัน ไอ้พวกชั่วชาติ ฉันไม่ใช่ข้าทาสของแก”

“นายตำรวจหนุ่ม คุณคงไม่รู้หรอกนะ ว่าใครก็ตามที่ฉันเลือกให้เป็นราชันย์แห่งนักรบ ก็ต้องผ่านพิธีกรรมที่ถูกต้อง ก็คือสักลายราชสีห์น้ำตาล เสือดาวสีทอง มังกรสีเขียว และสุนัขจิ้งจอกสีเทาลงบนตัวของเขาเสียก่อน สำหรับคุณ ดิฉันให้เกียรติสูงสุดแก่คุณ คุณได้สักลายมังกรเขียว ซึ่งในยุคหลังมานี้ ไม่เคยมีใครได้รับเกียติสูงสุดเช่นนี้มาก่อน มันคือตำแหน่งประมุขสูงสุดของพวกเรา”

“ฮะ....แกสักลายบ้าๆ อะไรลงบนตัวฉัน ฉันไม่ต้องการ”

“แกคือทายาทของฉัน แกจะเป็นราชันย์แห่งนักรบของแก๊งค์ซูมิโยชิ-ไค แกควรจะภูมิใจได้แล้วนะ ไม่มีใครเคยได้สิทธิ์นี้เท่าแกอีกแล้ว”

“ไม่..... ไอ้สารเลว ฉันไม่ต้องการเป็นพวกเดียวกับแก”

“แกจะต้องเป็นพวกเดียวกับฉัน ทั้งกาย ใจ และวิญญาณ ฉันได้เลือกแล้ว”
ร่างกายของทานากะ ถูกสักเป็นลายราชสีห์ เสือดาว มังกร และจิ้งจอก ทั่วทั้งแผ่นหลัง ตามลำตัวด้านหน้า และไหล่ แขน ลามไปถึงช่วงต้นขา ร่างกายหยาดซึมไปด้วยเหงื่อไคล และเลือดที่หยาดซึมออกมา ท่ามกลางความเจ็บปวด อ่อนล้าหมดแรง จากการดิ้นสู้ แต่ก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้ โดยช่างสักลายถึง 2 คน ช่วยกันลงมือสักไปพร้อมๆ กัน เนื่องจากต้องแข่งกับเวลา และเสร็จให้ทันก่อนเที่ยงคืน ที่จะเป็นเวลาทำพิธีบวงสรวง พิธีกรรมนำส่งวิญญาณของเทพปกรณัมที่เป็นสัตว์เทพเจ้าทั้ง 4 ชนิดเข้าสู่ร่างของผู้ถือเลือกที่เรียกว่าราชันย์แห่งนักรบ ซึ่งจะมีศักดิ์เป็นนายใหญ่สูงสุดของแก๊งค์แทนนางฮาซาโระ คูนิคาวา เพราะเธอรู้ชะตากรรมแล้วว่า เธอจะต้องถูกจับ และหมดอายุขัย มนต์วิชาของเธอกำลังเสื่อมลง ตามอายุขัยและคดีความที่เธอถูกกรมตำรวจเล่นงาน จำต้องหาทายาทมารับช่วงต่อ โดยที่เธอได้สืบหาข้อมูลมาแล้วว่า นายตำรวจทานากะ คนนี้มีพื้นฐานของดวงตรงกับคุณลักษณะที่เธอต้องการ ดวงแข็งและเหมาะสมกับตำแหน่งนายใหญ่สูงสุดของแก๊งค์ซูมิโยชิ-ไค คนใหม่ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้สมัครใจหรือไม่ได้เป็นพวกของตนมาก่อน แต่เธอเลือกใช้วิธีบังคับ และทำพิธีกรรมส่งวิญญาณเพื่อเข้าควบคุมร่างกาย ใจ และจิตวิญญาณของบุคคลที่ถูกเลือกแทน  แม้แต่ฮาจิโมโตะ เซโตะ สมัยหนุ่มๆ และนาโตะซัง ก็ไม่เคยมีใครสมัครใจอยากเข้าร่วมกับแก๊งค์ซูมิโยชิ-ไค มาก่อน แต่สถานการณ์และเหตุการณ์บางอย่างที่พัดพาให้ชีวิตคนเหล่านี้ต้องพลิกผันเดินเข้าสู่ด้านมืดของชีวิต และเข้ามาอยู่ในแก๊งค์อาชญากรรมโดยไม่ได้ตั้งใจทั้งสิ้น


เวลา 12.00 p.m. ซึ่งเป็นฤกษ์งามยามดี ที่จะทำพิธีกรรมส่งดวงวิญญาณเทพ ทานากะซึ่งในเวลานี้เหนื่อยล้าอ่อนแรงเป็นอันมาก เพราะถูกรุมสักลายบนตัวนานกว่า 12 ชั่วโมง และเพิ่งจะสักเสร็จก็ถูกหามร่างมายังห้องโถงของคฤหาสน์เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิธีกรรม ทานากะถูกนำตัวไปยังปรัมพิธีในสภาพอิดโรย ถูกบังคับให้ย่อเข่า คุกเข่าลงต่อหน้า เทวรูปซามูไร ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของตระกูลฮาซาโระ ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดแก๊งคซูมิโยชิ-ไค นางคูนิคาวะจุดธูปไว้บรรพชนของตน และอธิษฐานจนเสร็จพิธี จากนั้นจึงนำกำธูปที่ตนถืออยู่ส่งต่อให้กับทานากะ ได้คำนับ แลไหว้ถวายแสดงความเคารพต่อเทวรูปบรรพชน ซึ่งเป็นพิธีกรรมรับสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าคนต่อไป ซึ่งทานากะอยู่ในสภาพอิดโรย และไม่รู้สึกตัวอะไร เนื่องจากถูกฤทธิ์ยาเข้าควบคุมประสาทการรับรู้ (เขาถูกวางยาภายหลังทำการสักลายจนเสร็จ) ทานากะรับธูปมาถือกับมือ แสดงความเคารพเทวรูปบรรพชนและปฏิญาณตนไปตามการกล่าวนำของนางคูนิคาวา จนเสร็จพิธี จากนั้นจึงมีพิธีกรรมเซ่นไหว้ มีการเชือดไก่ วัว เพื่อเอาเลือดเซ่นไหว้ และเป็นการบูชายัญเทวรูปของบรรพบุรุษ และยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้รับสืบทอดทายาทเป็นหัวหน้าแก๊งค์คนต่อไป หากเป็นบุรุษจะต้องกระทำ ซึ่งในขณะนี้ทานากะยังไม่รู้สึกตัว


ที่สถานีตำรวจอาคาซากะ ภายหลังเสร็จจากการเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ภายในสถานี เพื่อรับฟังการรายงาน การปฏิบัติงานของลูกทีม และเจ้าหน้าที่ในส่วนอื่นๆ ประจำวันแล้ว ท่านผู้กำกับอาชิโยดะ นั่งอยู่ในห้องทำงาน หยิบแฟ้มงานของทานากะขึ้นมาดู และกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่นั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานของท่านดังขึ้น มีการโอนสายมาจาก จนท.ร้อยเวรที่รับเรื่องไว้แล้วโอนสายเข้ามา

“ท่านหัวหน้าครับ ท่านผู้การคันวา โทรศัพท์มาหาท่านครับ”

“โอนสายมาเลย”

“สวัสดี ท่านผู้กำกับอาชิโยดะ ผมผู้การคันวา จำได้มั๊ย”

“จำได้ครับ ท่านมีอะไรจะให้ผมรับใช้หรือครับ”

“โอ้โห อย่าใช้คำพูดนี้เลยครับ ผมจะโทร.มาขอขอบคุณท่านต่างหาก ที่มีลูกน้องเก่งเช่นนี้”

“ท่านหมายความว่าอย่างไรครับ”

“ก็ ร.ต.อ.ทานากะ ไง  ลูกน้องของท่านหน่ะ เอาเอกสารสำคัญมาส่งมอบให้ผม ทำให้ผมคลี่คลายคดียาเสพติดได้สำเร็จทันเวลา ผมต้องขอขอบใจท่านเป็นอันมาก”

“ทานากะ เอาเอกสารอะไรมาให้ท่านเหร อครับ”

“ก็เอกสาร รายงานการเคลือนไหวทางบัญชีเงินลงทุนในกองทุน Emergency Fund และ Hedge Fund ของนางฮาซาโระ คูนิคาวา ไง ประธานมูลนิธิฮาซาโระ นั่นไง”

“ท่านหมายความว่า ตัวการในคดีเงินผลประโยชน์จากการค้ายาเสพติด ที่แท้ก็คือ นางฮาซาโระ คูนิคาวา อย่างนั้นเหรอครับ”

“ใช่แล้ว ตอนนี้ผมจึงอนุญาตออกหมายจับให้แก่คุณไง เพื่อไปจับเธอ”

“ฮะ....ออกหมายจับแล้วงั้นเหรอ ท่านบอกว่าออกหมายจับให้ทางผมไปจับงั้นเหรอ แล้วเหตุใดผมจึงไม่ทราบเลย”

“เอ้า...ก็ทานากะ บอกว่าจะไปแจ้งต่อท่าน และนำกองกำลังหน่วยสวาท ไปจู่โจมจับกุมนางไง”

“แต่ทานากะ ยังไม่ได้กลับมายังสถานีเลย และไม่ได้โทร.บอกผมในเรื่องนี้ด้วย นี่ท่านอนุมัติหมายจับไปนานแค่ไหนแล้วครับ”

“ก็ตั้งแต่ช่วงสายของวันนี้แล้ว”

“แย่แล้วครับท่าน ทานากะ ยังไม่ติดต่ออะไรมาเลย”

“แล้วเขาเอาหมายจับไปทำไมเพียงคนเดียว”

“ท่านครับ แสดงว่าทานากะ รู้ถิ่นที่อยู่ของนางฮาซาโระ คูนิคาวา แล้วใช่มั๊ย เขารู้ได้อย่างไร”

“อ้อ....หรือว่า คนที่ชื่อ คุณเจฟฟรีย์ เป็นคนให้ที่อยู่ของนาง เพราะคนที่ชื่อเจฟฟรีย์ เขาอ้างว่าเป็นเพื่อนของเขา และเป็นผู้บริหารเงินกองทุนที่นางฮาซาโระเป็นลูกค้าอยู่ คงจะมีที่อยู่ของนาง และคาดว่าทานากะก็คงจะรู้ด้วย”

“ท่านครับ ถ้าท่านบอกผมว่า นางฮาซาโระ คูนิคาวา เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเงินผลประโยชน์จากยาเสพติด ก็แสดงว่า เธอต้องเป็น The Boss  ของแก๊งค์ซูมิโยชิ- ไค แล้วการที่ทานากะจะบุกเดี่ยวไปจับกุมเธอถึงรังของพวกมัน โดยไม่มีกองกำลังหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจไปด้วย มันจะเป็นไปได้อย่างไร”

“ถ้าอย่างนั้น ผมจะสั่งหารให้หน่วย seal และไทเกอร์ค็อป สแตนบายเอาไว้ และคุณก็ระดมหน่วยจู่โจม ไปช่วยเหลือทานากะโดยทันที ส่วนที่อยู่ก็ติดต่อสอบถามเอาจากคุณเจฟฟรีย์ ผมเกรงว่าทานากะอาจไม่ปลอดภัย”


ภายหลังวางหูโทรศัพท์ของท่านผู้การคันวาแล้ว อาชิโยดะรีบโทรศัพท์ไปหาเจฟฟรีย์ เพื่อขอที่อยู่ของนางฮาซาโระ คูนิคาวา และได้สั่งการให้ทีมจู่โจม และทีมสืบสวนเดย์วูล์ฟ เตรียมการเอาไว้ พร้อมที่จะบุกจู่โจมได้ทันที

“คุณเจฟฟรีย์ ผมผู้กำกับอาชิโยดะ ผมขอที่อยู่ของนางฮาซาโระ คูนิคาวา ผมเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับเขา เพราะตอนนี้เขาได้รับหมายจับ ที่ออกโดย ท่านผู้การคันวา ไปลุยเดี่ยวจับกุมตัวฮาซาโระ คูนิคาวา โดยไม่ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทั้งของสถานีและหน่วยสืบสวนสอบสวนกลาง”

“ฮะ....ทานากะ ทำเช่นนั้นเหรอครับ เขาไม่ได้บอกผมว่าจะทำเช่นนั้น ผมเพียงแต่มอบเอกสารสำคัญให้เขาไปส่งมอบให้กับท่านผู้การคันวาเท่านั้น”
ภายหลังจากที่เจฟฟรีย์แจ้งที่อยู่ของนางฮาซาโระ คูนิคาวาแล้ว ก็ได้โทร.หาเซโตะทันที

“เซโตะ นายรู้เรื่องทานากะ หรือเปล่า”

“มีเรื่องอะไรเหรอ”

“ทานากะ บุกเดี่ยวจะไปจับกุมตัวนางฮาซาโระ คูนิคาวา ที่บ้าน  ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้”

“ฮะ....พวกคุณออกหมายจับนายสูงสุดของพวกเรางั้นเหรอ”

“เซโตะ ฉันมีหลักฐานทั้งหมดว่า นางเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเงินผลประโยชน์ของแก๊งค์นาย เอามาลงทุนในบริษัทของฉัน เพื่อต้องการฟอกเงิน และนางยังยักยอกเงินของพวกแกไปทั้งหมด ตอนนี้แกรู้หรือยังว่า นางก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังสังหาร นายใหญ่และนายน้อยของพวกแกด้วย”


ที่คฤหาสน์ของนางฮาซาโระ คูนิคาวา ทานากะเริ่มฟื้นคืนสติจากฤทธิ์ยากล่อมประสาท เขาถูกนำตัวไปอาบน้ำชำระร่างกายจนสดชื่นแล้ว และหลับไปบนที่นอนนุ่ม ภายในห้องนอนที่มีไฟสลัวๆ ท่ามกลางสาวงาม 2 คนที่นอนเคียงข้าง ตลอดคืน สาวงามทั้ง 2 คน ได้ชื่อว่ามีรูปโฉมงามที่สุดในแก๊งค์ และมีรอยสักที่สวยงาม ตามแบบฉบับของสาวงามในแก๊งค์ ทานากะตื่นขึ้นในอ้อมกอดมีหญิงงาม 2 คน นอนซบอกอยู่บนเตียงนอน เขาผวาตกใจตื่น และตกใจมากที่ตนเองมานอนอยู่ในสถานที่ ที่แปลกตา และอยู่ในสภาพนอนเปลือยกายอยู่กับสาวงามถึง 2 คน

“นี่พวกคุณเป็นใคร แล้วเหตุใด ผมจึงมาอยู่ที่นี่ได้”

“คุณทานากะ ตอนนี้คุณคือนายใหญ่ของพวกเรา เรามีหน้าที่ปรนนิบัตินายใหญ่ให้มีความสุขค่ะ”

“นายใหญ่งั้นเหรอ แกพูดบ้าอะไรกัน ฉันเป็นนายใหญ่ของพวกแกได้อย่างไร แล้วที่นี่มันคือที่ใดกันแน่”

“อะรั้ย เพิ่งผ่านไปแค่คืนเดียว จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ว่าอยู่ในสถานที่ใด”  เสียงของนางฮาซาโระ คูนิคาวา ลอยมาตามลม ก่อนจะเปิดประตูห้องนอนเข้ามา   2 สาวข้างกายทานากะ รีบเอาผ้าห่มตัว แล้วเดินออกจากห้องนอนไปในทันที

“นางฮาซาโระ คูนิคาวา นี่แกยังไม่ได้ถูกจับกุมอีกเหรอ?

“จับกุมดิฉันเหรอคะ.....ตอนนี้คุณเป็นสามีของดิฉันแล้ว คุณยังคิดจะจับกุมดิฉันอีกเหรอคะ”

“สามีแกเนี่ยนะ แกคืออีแก่ตัณหากลับ แกคิดจะทำอะไรฉันงั้นเหรอ”

“ไม่ใช่แค่คิด แต่ได้ทำลงไปแล้ว ....เอ้า...เอาคลิปไปเปิดดู”   นางฮาซาโระ คูนิคาวาโยนโทรศัพท์ให้แกทานากะ ลงบนเตียงนอน ภายในนั้นมีคลิปเหตุการณ์เมื่อคืน ที่ทานากะถูกฤทธิ์ยากล่อมประสาท แต่ถูกบังคับมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาว 2 คนข้างกาย เมื่อสักครู่นี้ และเขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง เขามีเพศสัมพันธ์กับนางฮาซาโระ คูนิคาวาด้วย โดยที่เขาเป็นฝ่ายถูกรุกเร้าก่อน จนสำเร็จความใคร่ และในคลิปนั้น เขายังเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเปลือยกายล่อนจ้อน ยืนอยู่เคียงข้างเขาด้วย แต่คลิปจบอยู่แค่นั้น โดยที่ไม่ทราบว่าเด็กหนุ่มคนนั้นคือใคร และเกี่ยวข้องอะไรกับเขา

“นี่แกมอมยาฉัน และบังคับให้ฉันมีเพศสัมพันธ์กับพวกแกงั้นเหรอ”

“ในคลิป มีตรงไหนที่สื่อให้เห็นว่า ดิฉันหรือคนของดิฉันบังคับให้คุณมีเพศสัมพันธ์งั้นเหรอ เป็นคุณต่างหากที่มีความต้องการเช่นนั้นเอง”

“ฉันจะฆ่าแก อีแก่ตัณหากลับ ทานากะมองหาวัตถุรอบตัว ดูว่าพอจะมีสิ่งใดใช้เป็นอาวุธได้ ก็รีบคว้าเอาไม้ราวตากผ้าในห้องนอน มาเป็นอาวุธ ง้างมือเตรียมจะฟาดใส่ตัวของนางฮาซาโระ คูนิคาวา แต่ยังไม่ทันจะทำอะไรลงไป ซาคาว่าก็คว้าปืนมาเล็งจ่อไปที่ศีรษะของเขาไว้

“ถ้าแกทำร้ายนายท่าน แกก็ต้องตายเช่นกัน”

“อย่าบังอาจล่วงเกิน นายใหญ่ของพวกแก ตอนนี้เขายังไม่ล่วงรู้ตัวว่าเป็นราชันย์แห่งนักรบของพวกเราแล้ว เดี๋ยวฉันจะเตือนสติให้ท่านได้ล่วงรู้เอง”  จากนั้นอาคิเตะ กับยิออนมารุมาจับกุมตัวของทานากะเอาไว้ ในขณะที่นางฮาซาโระ คูนิคาวา กำลังสวดมนต์หรือท่องคาถาอะไรบางอย่างขึ้น ซึ่งเป็นผลให้ทานากะดิ้นสุดกำลัง เพราะว่าเป็นบทสวดเพื่อเชิญดวงวิญญาณเทพมังกรพญาเขียวเข้าสู่ร่างของทานากะ ทานากะสั่นสะท้านไปทั้งร่าง และร่างกายคล้ายมีพลังงานบางอย่างเคลื่อนเข้าสุ่ร่างกายของตน มันเป็นพลังงานที่วิ่งไปทั่วร่างภายในร่างกาย ขับเอาเลือดลม พละกำลังวังชาฟื้นคืนกลับมาสู่ร่างกายของเขา เลือดลมไหลเวียนเร็วไปทั่วร่าง และรวมถึงเกิดอารมณ์กำหนัดที่ทำให้องคชาติลุกชูชันขึ้นอีกครั้ง

ร่างกายพอเริ่มนิ่ง หยุดการสั่นไหวแล้ว อาคิเตะและยิออนมารุก็ยอมปล่อยมือจากการจับกุมตัวของทานากะให้เป็นอิสระ นางฮาซาโระ คูนิคาวากระชากเสื้อคลุมของทานากะออก และกระตุกกางเกงในเตี่ยวของเขาออก จนเผยให้เห็นสรีระของร่างกายอันเปลือยเปล่าของทานากะ ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสวยงาม อกล่ำกำยำ กล้ามเนื้อแขนและต้นขาเกร็ง องคชาติขยายใหญ่ชูชันโค้งตั้งลำขึ้น ซึ่งเป็นสรีระร่างกายของราชันย์แห่งนักรบที่สมบูรณ์แบบที่สุด ตามจินตนาการที่เธอคิดไว้ แต่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน กล้ามเนื้อปูดโปนคล้ายจะปริแตก ร่างกายของทานากะแดงกร่ำด้วยเลือดลมที่สูบฉีดไปทั่วทั้งร่างกาย เกล็ดเหงื่อกาฬเม็ดเล็กผุดขึ้นตามร่างกายเป็นเงางาม ส่วนซาคาว่า อาคิเตะ และยิออนมารุ ก็ย่อตัวลง โค้งคำนับ เป็นการยอมรับอย่างกลายๆ ในสถานภาพ และความแข็งแกร่งองอาจ ของนายใหญ่คนใหม่ของพวกมัน นางฮาซาโระ คูนิคาวาเดินเข้าไปสวมกอดทานากะ แสดงความยินดี และปิติสุข เธอค้นพบบุรุษในฝัน ซึ่งเป็นบุรุษหนุ่มตามอุดมคติของเธอแล้ว ที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดอุดมการณ์ของซูมิโยชิ-ไค ต่อไป แม้ว่าเธอจะต้องมีชะตากรรมที่ไม่คาดฝันในอนาคตก็ตาม ถือว่าเธอได้กระทำภารกิจได้เสร็จสิ้นตามที่บรรพชนได้มอบหมายให้แล้ว


นางคูนิคาวาจูงมือทานากะออกไปยังห้องโถงของคฤหาสน์ ซึ่งในเวลานี้ใช้เป็นที่ประชุมของบรรดาสมาชิกแก๊งค์ซูมิโยชิ-ไค สาขา 1 กับสาขา 2 และมีสมาชิกของสาขา 3 มาร่วมเพียง 3 คน คือซาคาว่า,อาคิเตะ และยิออนมารุ เพราะว่าเซโตะไม่ล่วงรู้ว่ามีการจัดประชุมและเลือกนายใหญ่สูงสุดคนใหม่ ซึ่งในเวลานี้คือทานากะ ซึ่งเป็นเพื่อนของเขาเอง ทุกคนในที่ประชุมเมื่อเห็นโฉมหน้าของนายใหญ่คนใหม่ ก็ได้แต่ส่งเสียงแสดงความยินดี นอกเหนือจากยังเป็นหนุ่มอายุน้อย รูปงาม ร่างกายแข็งแกร่งกำยำ เครื่องเคราใหญ่ แล้ว พวกมันยังไม่เคยพบเห็นว่า นายใหญ่สูงสุดจะเป็นเด็กหนุ่มกว่าพวกมันอีก เพราะในอดีตส่วนใหญ่ นายใหญ่ของพวกมันจะเป็นขรัวเฒ่าอาวุโส มีอายุอานามรู่นปู่ทั้งสิ้น  

“ฉันขอประกาศว่า คุณทานากะ คนนี้ จะเป็นประมุขสูงสุดของซูมิโยชิ-ไค ของเรา เขาคือสามีของฉัน สมาชิกทุกคนต้องให้เกียรติและเคารพ คุณทานากะ เสมอเหมือนหรือเทียบเท่าฉัน และถ้าหากฉันไม่อยู่ คุณทานากะ จะเป็นนายใหญ่สุงสุดของสมาชิกทุกเครือข่าย”

จากนั้นนางฮาซาโระ คูนิคาวาทำการสวมสร้อยคอประจำตำแหน่งหัวหน้าแก๊งค์ให้กับทานากะ โดยที่บริวารได้นำชุดซามูไรตามแบบโบราณ ชุดเสื้อเกราะเต็มยศ มาสวมใส่ให้แก่ทานากะ รวมทั้งหน้ากากปีศาจ หมวก ดาบคาตานะ ส่งมอบถึงมือทานากะ เป็นอันเสร็จพิธี


ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่ของหน่วยสืบสวนสอบสวนกลาง ทั้งหน่วยซีล ไทเกอร์ค็อป หน่วยสวาทจู่โจมเร็ว ของสถานีตำรวจอาคาซากะ และหน่วยสืบสวนเดย์วูล์ฟ ได้ล้อมคฤกาสน์ของนางฮาซาโระ คูนิคาวาเอาไว้หมด และได้ให้หน่วยซีล โรยตัวลงจากเฮลิค็อปเตอร์เพื่อบุกเข้าสู่ห้องโถงของคฤหาสน์ มีการยิงกระสุนแก๊ส ที่มีฤทธิ์ทำลายเนื้อเยื่อ และทำให้สลบ เข้าสู่ห้องโถงประชุม ที่มีบรรดาสมาชิกกว่า 100 คน มาประชุมกันอยู่ โดยเป็นระดับแกนนำสาขาเท่านั้น เมื่อรู้ตัวว่าถูกจู่โจมแล้ว นางคูนิคาวาสั่งการให้คุ้มครองตัวทานากะหลบออกจากห้องโถงออกไป และสั่งการให้บรรดาสมาชิกเข้าต่อสู้ บางส่วนยิงปืนใส่หน่วยจู่โจม จึงถูกยิงตอบโต้ จนเสียชีวิตทันที และเกิดการระดมยิงต่อสู้ ตะลุมบอนกันในห้องโถงอย่างดุเดือด เสียงดังสนั่นหวั่นไหว นางคูนิคาวา เตรียมตัวที่จะหนีหลบฉากออกทางด้านประตูหลัง เธอถูกกระสุนยิงเข้าที่ต้นขา จนล้มลง ส่วนบริวารคนอื่นก็หนีตาย และบางส่วนยิงตอบโต้กับกองกำลังของตำรวจที่อยู่ทั้งภายในและภายนอกคฤหาสน์


เซโตะปรากฏตัวขึ้น ทำการจับกุมตัวนางฮาซาโระ คูนิคาวา แล้วส่งมอบตัวให้กับผู้กำกับอาชิโยดะ ควบคุมตัวขึ้นรถตู้ของกองกำลังตำรวจของหน่วยสืบสวนสอบสวนกลางไป ในขณะที่ซาคาว่าและอาคิเตะพยายามต่อสู้ ดิ้นรนไม่ให้ถูกจับกุมตัว จึงถูกตำรวจยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้น ก็ถูกควบคุมตัวขึ้นรถพยาบาลของหน่วยนิติเวช กรมตำรวจ เพือ่ไปทำแผลก่อนที่จะถูกควบคุมตัวไปดำเนินคดีร่วมกับนางฮาซาโระ คูนิคาวา ส่วนยิออนมารุหลบหนีไปได้ พร้อมๆ กับหน.แก๊งค์สาขา 1,2  

เซโตะพบเห็นคนแต่งกายคล้ายชุดนักรบซามูไรโบราณ สวมหมวกและหน้ากากปีศาจ ดูน่ากลัวยิ่งนัก แต่ล้มลงนอนแข็งทื่ออยู่ที่พื้นจึงตัดสินใจเข้าไปสอบถามดู เขากระชากหน้ากากปีศาจออก จึงพบว่าเป็นทานากะ เขาจึงรีบพยุงตัวทานากะลุกขึ้น และพยายามสอบถามพูดคุยกับทานากะ

“นายเป็นอย่างไรบ้าง ทานากะ ได้รับบาดเจ็บบ้างมั๊ย” แต่ทานากะไม่มีปฏิกิริยาตอบรับเขาเลย ซึ่งเขาสันนิษฐานว่า ทานากะน่าจะถูกวางยากล่อมประสาท จนไม่รู้สึกตัวอะไรเลย จึงรีบพาตัวทานากะขึ้นรถพยาบาล เพื่อไปปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยมีเพื่อนๆ จากทีมเดย์วูล์ฟ เข้ามาช่วยกันประคองร่างของทานากะ ขึ้นรถพยาบาล

“ลูกพี่ เป็นอย่างไรบ้าง ลูกพี่ เกิดอะไรขึ้นกับลูกพี่ บอกฉันได้มั๊ย”  เสียงยุนสุเกะ พยายามจะสอบถามทานากะ ไปตลอดทาง แต่ทานากะกลับนิ่งเฉย ราวกับไม่รู้เรื่องราวใด  
     
   
 หมายเหตุ ตอนหน้าเป็นตอนจบของนวนิยายชุดนี้แล้ว โปรดติดตามต่อไป
  







วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2561

กาเหว่าอึกทึก EP. 3


กาเหว่าอึกทึก 


EP.3  คดีลุงยุติ (หรือลุงยุทธ) 


ที่นิติเวช กรมตำรวจ หมอแล็บแพนด้า นำทีมสารวัตรเดช และคณะเข้าร่วมฟังการวิเคราะห์ชันสูตรพลิกศพสามเณรขวัญ ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรมอำพราง และนำศพไปฝังไว้อยู่ใต้ฐานพระพุทธรูป ในอุโบสถหลังเล็ก ภายในวัด

“มีร่องรอยการถูกทำร้ายหลายจุด ทั้งถูกแทงที่ลำตัว ถูกทุบด้วยของแข็งที่ศีรษะ และยังมีร่องรอยของการถูกบีบคออีกด้วย”

“แสดงว่า ผู้ลงมือสังหาร อาจมีมากกว่า 1 คน ใช่มั๊ยหมอ”

“คาดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น เนื่องจากดูจากร่องรอยแล้ว ผู้กระทำ ไม่น่าจะลงมือได้คนเดียว หรือถ้าเป็นการลงมือเพียงคนเดียว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำหลายอย่าง เพราะเท่าที่ดูแล้ว ผู้ตายน่าจะเสียชีวิตตั้งแต่ถูกแทงแล้ว เพราะบาดแผลที่แทงทะลุเข้าที่ตำแหน่งสำคัญคือหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักให้เสียชีวิต ส่วนการกระทำที่เหลือน่าจะเป็นการย้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ตายเสียชีวิตจริง”

“ผู้กระทำน่าจะต้องโกรธแค้นผู้ตายเป็นอันมาก เพราะการกระทำเป็นการลงมือด้วยความเหี้ยมโหด และมีการวางแผนมาอย่างดี”

“สารวัตรครับ หมวดแชนบอกว่า สายสืบของเขาพบร่องรอยของโลหิตตามทาง บริเวณสวนหลังวัด พอเอาโลหิตเหล่านั้นไปตรวจสอบดู พบว่าน่าจะเป็นโลหิตของผู้ตาย จึงสันนิษฐานว่าผู้ตายถูกลวงไปสังหารนอกวัด และนำศพมาฝังไว้ที่ฐานพระพุทธรูปในวัด เพื่ออำพรางศพไว้ ไม่ให้ตรวจสอบเจอ”

“ดีที่ว่าโจ๋ตีนขโมย มันลักลอบเข้ามาขโมยพระและเศษเงินบริจาคใต้ฐานพระพุทธรูป จึงได้กลิ่นศพ และพอล้วงมือเข้าไปก็พบว่าเป็นเนื้อมนุษย์ พอมันถูกจับได้ มันเลยบอกเล่าให้สมภารน้อย เวรยามประจำคืนนั้น ให้ได้ทราบข้อเท็จจริง แล้วสมภารน้อย ก็มาแจ้งต่อพระมหาสุชีพ แล้วพระมหาสุชีพได้โทร.มาบอกผมในคืนนั้นเลย”

“สารวัตรครับ จากการที่ผมสอบปากคำเหรัญญิกผัวเมีย (นายเด่น,นางปีย์) รู้สึกจะให้การวกวนไปมา อ้างว่าไม่รู้ไม่เห็น และไม่ได้พบเจอหน้าของสามเณรขวัญเลยมาร่วมอาทิตย์แล้ว”

“สารวัตรครับ ส่วนพระมหาสฤษฏิ์ กับสามเณรโทน ก็มีท่าทีที่เป็นพิรุธ พอเจ้าหน้าที่สอบถามไปถึงการเบิกเงินค่าก่อสร้างอุโบสถที่ค้างจ่ายจำนวน 22 ล้าน โดยบอกว่าได้เดินทางไปเบิกเงินที่ธนาคาร พระมหาสฤษฏิ์บอกว่า ตอนไปเบิกเงินไปกับนายเด่น  แต่สามเณรโทนบอกว่านายเด่นไปกับสามเณรขวัญ ให้การไม่ตรงกัน พอถามย้อนกลับไปกลับมาหลายครั้ง ก็ให้การเปลี่ยนไปอีก เป็นว่า พระมหาสฤษฏิ์ กับสามเณรขวัญไปด้วยกัน แล้วนายเด่นตามมาสมทบ จากนั้นขากลับอ้างว่าสามเณรขวัญมีกิจธุระทางบ้านจึงขอแยกทางกลับก่อน หลังจากตอนนั้น ก็ไม่พบหน้าสามเณรขวัญอีกเลย”

“เห็นทีคดีนี้ น่าจะมีกลิ่นตุๆ เรื่องเงิน ผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องแน่ๆ หมวดกบี่ ผมอยากให้คุณไปสืบดูว่าสมุดบัญชีของเหรัญญิกผัวเมีย และพระมหาสฤษฏิ์ กับสามเณรโทน มีเงินเพิ่มขึ้นหรือโอนมาจากไหนหรือเปล่า แล้วสัปดาห์หน้า เราค่อยมาคุยกันอีกที”

“ครับผม”


จากนั้นสารวัตรเดช เดินทางไปยังโรงพยาบาลศิริราช เพื่อเยี่ยมอาการของนายเลี่ยม ซึ่งได้รับแจ้งจากคุณหมอแล็บแพนด้า ว่า อาการของนายเลี่ยมดีขึ้นแล้ว

“นายเลี่ยม จำได้มั๊ย ว่าใครทำร้ายนาย

“กลัวๆ ไม่.......”  นายเลี่ยมทำท่าเหมือนหวาดกลัว เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่มีคนมาทำร้ายตน

“นายเลี่ยม ไม่ต้องกลัวนะ ผมเป็นตำรวจ ผมมาช่วยคุณ นายเลี่ยมฟังผมดีๆ นะ วันนั้นหลังจากนายเลี่ยมให้อาหารสุนัขภายในวัดแล้ว นายเลี่ยมไปเจอใคร ที่มีพฤติกรรมแปลกๆ ลับๆ ล่อๆ มั๊ย”

“พระ ๆ ....”

“เจอพระงั้นเหรอ เป็นพระลูกวัดใช่มั๊ย จำหน้าเขาได้มั๊ย”  นายเลี่ยมบ่ายสีหน้าปฏิเสธ เป็นการแสดงความหมายว่าจำไม่ได้  ......”โอ๊ยๆๆๆ ปวดหัว”   นายเลี่ยมร้องตะโกนว่าปวดหัวกำเริบขึ้นมาอีก

“สารวัตรเดชครับ ผมว่าพอแค่นี้ก่อนดีกว่าครับ คนไข้เริ่มมีอาการปวดหัว คงจะยังให้ปากคำไม่ได้ในตอนนี้”

“โอเคครับ ไว้นายเลี่ยมออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผมค่อยไปสอบถามอีกที ขอขอบคุณคุณหมอมากครับ ผมลาแล้วครับ”


สารวัตรเดช กลับไปที่กุฏิของพระมหาสุชีพ ทีวัดประยูรฯ อีกครั้งเพื่อสอบถามพูดคุยประเด็นเพิ่มเติม

“ท่านมหา ผมสารวัตรเดชครับ”

“โยม มีธุระอะไรกับอาตมาหรือเปล่า”

“ผมอยากจะขอพูดคุยกับท่านมหา เกี่ยวกับเหตุการณ์ในคืนนั้นครับ .....ท่านบอกกับผมว่า ในคืนวันนั้น ภายหลังจากทำวัตรเย็นเสร็จ พระทุกรูปต่างแยกย้ายกลับกุฏิของตน พอวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่ามีพระลูกวัดมาตามพระทุกรูปในคณะ 11 เนื่องจากไม่มีพระรูปใดในคณะ 11 ออกไปบิณฑบาตซักรูป พอพระทุกรูปตื่นขึ้นก็ปราฏกว่าสายโด่งแล้ว เสมือนว่าพระทุกรูปถูกวางยานอนหลับ เหตุใดท่านจึงสันนิษฐานเช่นนั้น

“ก็เพราะว่า อาตมารู้สึกว่าพอหลังทำวัตรเย็น พระทุกรูปในคณะ 11 ได้ดื่มน้ำปานะร่วมกัน โดยมีสามเณรโทนนำมาวาง โดยอ้างว่า เป็นน้ำใจของพระมหาสฤษฏิ์มามอบให้ ที่พระทุกรูปไปร่วมลงแรง ช่วยกันปลูกสร้างอุโบสถ และร่วมแรงร่วมใจจัดงานวัดเพื่อหาเงินบริจาคมาสร้างอุโบสถใหม่ อาตมาจึงสันนิษฐานว่า ในน้ำดื่มปานะ อาจมีการวางยานอนหลับใส่ไว้ เมื่อดื่มลงไปในคืนนั้น ก็ทำให้ทุกคนนอนสลบไสล ไม่ยอมตื่นมาบิณฑบาตกันเลย ถ้าไม่มีพระลูกวัดมาปลุก ก็ยังไม่ตื่นจนถึงเที่ยงแน่ๆ”
จากนั้นสารวัตรเดชรับสายโทรศัพท์ที่หมอแล็บแพนด้า โทร.มาแจ้งว่า จากตัวอย่างน้ำดื่มปานะที่ทางสารวัตรเดชให้หมอแล็บช่วยนำไปตรวจสอบดูว่ามีสารอื่นใดเจือปนอยู่หรือไม่ ก็พบว่ามีสาร ที่คล้ายยานอนหลับผสมอยู่จริงๆ ตามที่สารวัตรและพระมหาสุชีพสันนิษฐาน

“ท่านมหาครับ จริงอย่างที่ท่านสันนิษฐานครับ เพราะหมอแล็บโทร.มาบอกแล้วว่าน้ำดื่มปานะ มีส่วนผสมของยานอนหลับจริงๆ ด้วย.....แล้วเขาทำเช่นนี้เพื่ออะไรครับ”

“ก็เพื่อที่จะดำเนินการกับศพของสามเณรขวัญ โดยนำศพลำเลียงมาฝังไว้ที่ฐานพระพุทธรูป พระประธานในอุโบสถหลังเล็ก โดยจะไม่มีพระรูปใดจากคณะ 11 ได้เห็น แม้แต่เวรยามในคืนนั้น เพราะว่าสลบไสลจากยานอนหลับกันหมด”

“ถูกต้องแล้วครับ ท่านมหา ท่านเก่งมากครับ ข้อสันนิษฐานนี้ผมเห็นด้วย เพราะว่า การที่พวกมันจะนำศพเข้ามาฝังไว้ใต้ฐานพระพุทธรูป ต้องเลือกอาศัยเวลายามวิกาล และก็ต้องทำให้พระทุกรูปในคณะ 11 มองไม่เห็น เนื่องจากคณะ 11 ดูแลพื้นที่บริเวณพระอุโบสถหลังเล็ก และก็ใกล้ที่สุด ถ้ามันไม่ทำเช่นนี้ ก็จะไม่มีทางนำศพมาฝังไว้ได้”

“อีกทั้งเป็นวันเดียวกับที่นายเลี่ยมหายตัวไปด้วยเช่นกัน”

“นายเลี่ยม ต้องเป็นผู้ที่ไปพบเห็นการกระทำของพวกมันเป็นแน่ จึงถูกทำร้าย ตีศีรษะ แล้วนำร่างของนายเลี่ยมผลักให้จมลงในบ่อน้ำ แต่เดชะบุญ ที่ไอ้ตูบ มันจำนายของมันได้ ไอ้ตูบพยายามดึงร่างของนายเลี่ยมให้ศีรษะพ้นจากการจมในบ่อน้ำ มิเช่นนั้น นายเลี่ยมจะเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ จนพอรุ่งเช้าจึงมีพระลูกวัดมาเจอร่างนายเลี่ยม จึงรีบพาส่งโรงพยาบาล”

“แล้วตอนนี้คดีความของสามเณรขวัญคืบหน้าไปถึงไหนแล้วครับ ท่านสารวัตรเดช”

“ตอนนี้ผมได้ประเด็นสงสัย ว่ามูลเหตุจูงใจน่าจะมาจากการขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์เงินในบัญชีทรัพย์สินของวัด หรือไม่ก็การขัดแย้งเกี่ยวกับอำนาจหรือตำแหน่งภายในวัดครับ แต่ยังอยู่ในช่วงตามสืบสวนอยู่”

“อาตมาขอให้ได้ความคืบหน้าโดยเร็ว หากมีอะไรที่อาตมาจะพอช่วยได้ สารวัตรมาหาอาตมาได้ทุกเมื่อครับ”


สัปดาห์ต่อมา หมวดกบี่ได้มาแจ้งความคืบหน้าในการสืบสวนทางลับเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากของผู้ต้องสงสัย 4 คน ก็คือ พระมหาสฤษฏิ์, สามเณรโทน พระลูกวัด นายเด่นและนางปีย์ ศิษย์ฆราวาสที่ดูแลบัญชีทรัพย์สินของวัด ในฐานะเหรัญญิกวัด ปรากฏว่ามีเงินเพิ่มในบัญชีของทั้ง 4 คน ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ

สารวัตรครับ มันชัดเจนที่สุดครับ 4 คนนี้เอี่ยวผลประโยชน์ หรือยักยอกเงินในบัญชีทรัพย์สินของวัดไปเป็นเงินส่วนตัว ผมได้ดำเนินการเพื่อออกหมายเรียกทั้ง 4 คนมารับข้อกล่าวหาแล้วครับ แต่ดูเหมือนพระมหาสฤษฏิ์ จะหายออกไปจากวัดแล้ว จึงได้ดำเนินการออกหมายจับแล้วครับผม

“ดูท่า เงื่อนงำนี้ จะเป็นมูลเหตุจูงใจที่ทำให้ มีใครคนใดคนหนึ่งในนี้ หรือร่วมกัน ลงมือสังหารสามเณรขวัญ เพราะสามเณรขวัญอาจไปล่วงรู้ความลับนี้เข้า และไม่ยินยอมร่วมอยู่ในขบวนการ”

“ดูเหมือนพวกมันคงเกรงว่าสามเณรขวัญจะเปิดโปงความจริงเรื่องนี้ จึงฆ่าปิดปาก แล้วโยนความผิดให้กับสามเณรขวัญ ว่าเป็นผู้ที่ยักยอกเงินในบัญชีทรัพย์สินของวัดไปเสียเอง”

“สารวัตรครับ ตอนนี้นายเลี่ยมออกจาโรงพยาบาลแล้ว และตอนนี้อยู่ที่กุฏิของพระมหาสุชีพแล้ว เราจะไปสอบปากคำนายเลี่ยมมั๊ยครับ”

“ไปสิ หมวดกบี่ ไปกับผม”


ที่กุฏิของพระมหาสุชีพที่วัดประยูรฯ

“นายเลี่ยมบอกว่า คนที่ตีศรีษะของตนคือ พระ แต่จำใบหน้าไม่ได้งั้นเหรอ งั้นผมจะให้เอาพระทุกรูปในวัด มายืนเรียงให้นายเลี่ยมชี้ตัวดีมั๊ย.....”

“ไม่ต้องหรอกโยม อาตมาคิดว่า นายเลี่ยมรู้จักพระทุกรูปในวัดดี ถ้าเป็นใคร เขาย่อมระบุตัวได้ .....เลี่ยม บอกอาตมา มาซิว่า พระรูปนั้น ใช่พระในวัดหรือไม่”   นายเลี่ยมส่ายหน้า แสดงอาการตอบว่าไม่ใช่พระรูปใดในวัดทั้งสิ้น

“ไม่ใช่แม้แต่พระมหาสฤษฏิ์ หรือสามเณรโทน ด้วยเหรอ”   นายเลี่ยมก็ยังส่ายหน้าอีก

“แสดงว่าเป็นพระจากที่อื่น งั้นสิ.....แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นใคร”

“ไหนเลี่ยมบอกอาตมาสิ ว่ารูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างไร อาตมาจะลองวาดรูปผู้ต้องสงสัยในกระดาษดู ลองบอกสิว่าใช่หรือไม่ใช่”  จากนั้นพระมหาสุชีพ จึงลองวาด รูปเค้าโครงผู้ต้องสงสัยในกระดาษตามลักษณะที่นายเลี่ยมบอก  หน้าตอบๆ ผมไม่มี จมูกโด่ง ดวงตาเล็ก มีแววประกาย รูปปากเล็ก คิ้วเป็นอย่างไร....?     “จำได้แล้ว มีคิ้วหนา โค้ง”  

“ฮะ...พระมีคิ้วงั้นเหรอ จะเป็นไปได้อย่างไร?  สารวัตรเดช แสดงอาการประหลาดใจ

“ก็แสดงว่า มันไม่ใช่พระ แต่สวมจีวรพระ เพื่ออำพรางตน ว่าเป็นพระ เพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย”

“เป็นคนนอกที่ไม่ใช่พระ ถ้าอย่างนั้นจะใช่นายเด่นหรือเปล่า”   นายเลี่ยมส่ายหน้าอีก

“ไม่ใช่นายเด่น เพราะนายเด่นก็คุ้นเคยกับนายเลี่ยมเป็นอย่างดี....”

“แสดงว่า คนๆ นี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแก๊งค์ที่ลวงสามเณรขวัญไปสังหาร....?

“ฉันรู้แล้ว มันคือคนที่ลอบเข้ามา สักรอยบนตัวของ สามเณรขวัญ ไง คล้ายศพของเด็กหญิงแดง น่าจะเป็นคนๆ เดียวกันด้วย”

“มันลงมือสักรอยสักบนศพของเด็กหญิงแดง แล้วยังมาสักอีกบนศพของสามเณรขวัญ เพื่ออะไร แสดงว่ามันต้องการบอกอะไรเรางั้นเหรอ”

“มันต้องการสื่อสารกับเราไง ก็เราเป็นผู้ที่ดูแลคดี และจะต้องเป็นผู้ที่ค้นพบศพในที่สุด”

“บุคคลคนนี้ น่าจะเป็นคนที่เราเองก็ต้องรู้จัก หรืออยู่ใกล้ๆ เรานี่แหละ ที่มันไม่ยอมโกนคิ้ว เวลาปลอมตัวเป็นพระ ก็เพราะกลัวว่าเราจะทักมัน หรือสงสัย จับได้ว่าเป็นมัน เพราะฉะนั้น มันคือคนที่อยู่ใกล้เราที่สุด”

“อาตมาไม่รู้นะ ว่ารอยสักมันเกี่ยวอะไรกับการที่จะสื่อความกับเจ้าหน้าที่ทางการ แต่คดีของสามเณรขวัญ อาตมาต้องขอขอบคุณ สารวัตรกับพวก ที่ช่วยกันคลี่คลายคดีได้สำเร็จ”

“เช่นกันครับ หากไม่ได้ท่านมหาสุชีพ คดีนี้ คงไม่สามารถคลี่คลายได้โดยเร็วเช่นนี้”

จบคดีสามเณรขวัญ ณ วัดประยูรวงศาวาส


EP.3  เริ่มคดีลุงยุติ (หรือลุงยุทธ) 

ที่บ่อนของนายฮวด ภายหลังจากที่เด็กหญิงแดงหนีรอดจากการถูกเพื่อนชายวัยโจ๋ 4 คนลวงไปข่มขืนและเกือบถูกฆ่าอำพรางศพ แต่หนีตายมาได้ เธอได้พบเจอหน้าพ่อ ก็คือนายฉมอีกครั้ง แต่ว่านางเรือนแจ้งว่า เด็กหญิงแดงถูกขายให้นายฮวด เพื่อแลกกับการชำระหนี้ที่นายฉมและนางเรือน บิดาและมารดาเลี้ยงของตนไปก่อไว้กับนายฮวด ทำให้เด็กหญิงแดงต้องไปทำงานใช้หนี้ในตึกโคมเขียวของนายฮวด จนได้ไปเจอกับกิมท้อ ซึ่งกิมท้อก็มีชะตากรรมเดียวกับเด็กหญิงแดง ถูกนายฮวดซื้อตัวมาจากพ่อแม่บุญธรรมตั้งแต่เด็ก ถูกชุบเลี้ยงอย่างดี โดยหวังว่าจะให้เป็นเถ้าแก่เนี้ยของนายฮวด และได้อภิสิทธิ์เหนือนางโลมคนอื่นๆ ในสำนักโคมเขียว แต่กิมท้อไม่มีความสุขเลย เธอบอกกับตนเองว่าสักวัน ถ้าหาเงินไถ่ตัวเองได้ จะบอกลานายฮวด ปลดแอกตนเองให้เป็นไทให้ได้ เพื่อไม่อยากเป็นนางโลมไปตลอดชีวิต จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้เผอิญเจอกับลุงยุติ (หรือลุงยุทธ) ซึ่งแม้วัยจะสูงกว่าเธอมาก และเป็นชายพิการขากระเผก แต่มีจิตใจดี เป็นคนสุภาพอ่อนน้อม มีน้ำใจไม่ถือตัว และพูดจาให้เกียรติเธอมาก ลุงยุติเป็นพ่อครัวร้านขนมเบเกอรี่ ที่ทำงานในภัตตาคารอาหารจีนแถบเยาวราชมาหลายปีแล้ มีฝีมือทำขนมจีนได้อร่อยมาก ร้านของลุงยุติ เป็นที่รู้จักในย่านเยาวราช และมีชื่อเสียงมายาวนาน จนทำให้นายฮวดติดใจในขนมร้านนี้ และมักจะสั่งขนมมาให้ลูกน้องและบริวารได้กินกันเป็นประจำ และลุงยุติ ไม่บ่อยครั้งจะมาส่งขนมเอง หากลูกน้องไม่ได้ลาออกไปกะทันหัน หรือว่าลุงยุติว่างจากงานครัวจริงๆ ก็จะเป็นคนมาส่งขนมด้วยตนเอง จนได้มาเจอกับกิมท้อ จึงเกิดเป็นความประทับใจในไมตรีกัน และแอบมีใจให้กัน จนวันหนึ่ง กิมท้อแอบให้พ่อบ้านนัดแนะลุงยุติมาเจอกันที่หอโคมเขียว และแอบได้เสียกัน ลุงยุติก็คือหนุ่มโสด ในชีวิตไม่เคยคิดว่าตนเองจะมีแฟน หรือสาวใดมาแล เพราะคิดแต่เพียงว่าตนเองเป็นหนุ่มพิการ ไม่ได้มีรูปโฉมงดงาม จึงไม่เคยคิดที่จะกล้าจีบใครเป็นเรื่องเป็นราว แต่การที่กิมท้อ ซึ่งเป็นหญิงสะคราญ เป็นถึงนางโลมเบอร์ 1 ประจำหอ ที่มีลูกค้าทั้งภายใน ภายนอกรอคิวนัด อย่างไม่ว่างเว้น จะชายตามาเหลียวแล และยอมเปิดโอกาสให้ตนได้มีสัมพันธ์ด้วย ก็เหมือนฟ้าประทานนางฟ้าลงมาให้ ทำให้ลุงยุติเองก็ตื่นเต้น กระชุ่มกระชวย ปลุกไฟสวาทที่ซ่อนอยู่ภายในให้ลุกโชนขึ้นมาได้ และแม้รางจะพิการ แต่สิ่งนั้นซึ่งเป็นเครื่องแสดงความเป็นชาย มีรูปโฉมหนุ่มฉกรรจ์และลีลาเด็ดเหลือเกิน สามารถสร้างความสุขเติมเต็มให้สาวสวยวัยระหงส์อย่างกิมท้อได้ไม่ยิ่งหย่อนกว่าหนุ่มฉกรรจ์แถบๆ นี้ที่มักแวะเวียนมาชายตาแลไม่รู้เบื่อ แต่ท่ามกลางความสุขเล็กๆ ในโลกสีชมพูที่ปกคลุมด้วยความมืดหม่น หารู้ไม่ว่าคนทั้ง 2 กำลังติดหล่มไปในหุบเหวนรก เมื่อเรื่องระแคะระคายถึงหูของนายฮวด นายห้างเจ้าของบ่อนและสำนักโคมเขียว วันหนึ่งนายฮวดจับได้ว่ากิมท้อแอบคบชู้กับลุงยุทธ (แต่นายฮวดเรียกนายยุทธ เพราะวัยใกล้เคียงกัน) จึงจับกิมท้อมาคุมขัง ส่วนลุงยุติหนีรอดไปได้หวุดหวิดจากการช่วยเหลือของพ่อบ้านร่วมกับกิมท้อ ที่เอาชีวิตตนเข้าขวาง หากนายฮวดไม่ยอมปล่อยลุงยุติไป ก็จะใช้มีดทำร้ายตนเองจนตาย เมื่อกิมท้อนำมุกนี้มาขู่ จึงทำให้นายฮวดต้องยอมปล่อยตัวลุงยุติไป แต่ก็ได้สั่งการลูกน้องมือขวาคนสนิทคือนายลิ่ว ให้นำเด็กโจ๋ในสังกัดตนเอง ไปตามเล่นงานลุงยุติให้ถึงตาย


จึงเป็นที่มาของคดีความลุงยุติ เมื่อมีคนพบศพของลุงยุติ ถูกเหล่าวัยรุ่นขาโจ๋ 6 คน รุมทำร้ายจนเสียชีวิต โดยผู้ต้องหาวัยรุ่นขาโจ๋ทั้ง 6 คน ถูกรวบตัวได้ในเวลาต่อมา โดยอ้างว่าที่ลงมือสังหาร เป็นเพราะกระทำไปด้วยความโกรธ เนื่องจากคุณลุงยุติ ด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรง อีกทั้งลุงยุติคว้ามีดมาไล่ฟัน ด้วยความจวนตัว ต้องการป้องกันตัว จึงใช้อาวุธตอบโต้ จนเป็นเหตุให้ลุงยุติเสียชีวิต ไม่ได้มีเจตนาฆ่า เหมือนอย่างที่ทนายความได้ฟ้องร้อง


ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล สารวัตรเดช ได้รับรายงานจากร้อยเวรประจำ สำนักงานทีรับเรื่องว่า พบศพชายพิการ อายุราว 52 ปี ถูกโจ๋รุมทำร้าย ฟันแทงจนเสียชีวิต ในสภาพศพที่มีบาดแผลเต็มร่าง เลือดอาบร่าง และมีรอยสักบนตัว 5 ที่ เหมือนๆ กับคดีศพก่อนหน้านี้ 2 คดี จึงรีบรุดไปยังนิติเวช เพื่อดูสภาพศพ

“มีรอยสักบนตัวอีกแล้วเหรอ มีคำว่า    “ใด ได้ มา แต่ – watch

“มีคำภาษาอังกฤษด้วย ช่างน่าประหลาดใจนัก”

“คุณหมอแล็บ ศพรายนี้ เป็นอย่างไรเหรอ”



โปรดติดตามใน EP. ต่อไป


คดีลุงยุติ (หรือลุงยุทธ) ผู้เขียนได้แรงบันดาลใจมาจาก คดีลุงพิการโดน 6 โจ๋รุมทำร้ายจนเสียชีวิต ซึ่งกลายเป็นคดีโด่งดัง และมีนัยยะเกี่ยวกับลูกหลานคนมีสี (6 โจ๋เป็นลูกหลานตำรวจ) เมื่อกระทำผิด จะมีขบวนการทำคดีที่ช่วยเหลือ,เอื้อประโยชน์,หรือรวบรัดตัดตอน เพื่อช่วยเหลือจำเลยหรือไม่ จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมและโลกโซเชียลอยู่พักนึง