ในปีนี้หนังที่เล่นประเด็นเรื่องการเหยียดสีผิวหรือกดขี่ไม่มีเข้าชิงในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
ไม่เหมือนปีก่อนๆ แต่ประเด็นเรื่องความอบอุ่นในครอบครัว และการต่อสู้ให้ได้ความเท่าเทียมทางสังคม
การแปลกแยกในสังคม กลับเป็นประเด็นหลักในปีนี้ ได้แก่ Joker, Parasite, Marriage
Story, Little Women ส่วนหนังแนวเสียดสีประชดสังคมที่มักมีแทรกมาทุกปี
ปีละเรื่อง 2 เรื่อง แต่ปีนี้ก็มี 3 เรื่อง
และกลายมาเป็นตัวเต็งในสาขาหลัก ได้แก่ Joker, Parasite และ Once
Upon a time…in Hollywood ,หนังแนวอัตชีวประวัติหรือหยิบเอาประเด็นชีวิตคนดังก็มีมาทุกปี
ปีนี้ก็ได้แก่ Irishman ,Ford v Ferrari , หนังที่กะเทาะเปลือกสงคราม
ได้แก่ 1917 และ JoJo Rabbitอีกแนวนึงที่ออสการ์ชอบมากในช่วงหลังๆ
ก็คือ งานด้านกำกับภาพหรือโชว์องค์ประกอบศิลป์หรือเทคนิคงานด้านภาพ
ในปีนี้ก็คือ 1917 และสุดท้ายหนังที่โชว์วิชวลเอ็ฟเฟ็คท์ล้ำๆ
ในปีนี้ ไม่มีเรื่องใดได้เข้าชิงในสาขาหนังเยี่ยม
ในบรรดาหนังที่เข้าชิงในปีนี้ที่โดดเด่นด้านการแสดงมากๆ
ก็ได้แก่ สาขานักแสดงนำชายแทบจะไม่มีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อเลย
หากไม่มีการแหกโผแบบชนิดพลิกล็อคมโหฬารแล้ว รางวัลนี้ต้องเป็นของJoaquin Phoenix จาก Joker เพราะกวาดรางวัลนี้มาจากแทบทุกสถาบันหลัก
สำหรับสาขานักแสดงนำหญิงก็เช่นเดียวกัน
รางวัลนี้ต้องเป็นของ Renée Zellwegerจาก Judy คล้ายๆ
รางวัลนำชาย เพราะเธอกวาดรางวัลนี้มาจากแทบทุกสถาบันหลักเช่นเดียวกัน
อาจมีตัวสอดแทรกที่พอจะเป็นคู่แข่งอยู่บ้างก็คือ Scarlett Johanssonจาก Marriage Storyรางวัลนักแสดงสมทบชายปีนี้เห็นทีออสการ์ควรจะมอบให้กับ
Brad Pitt เสียทีจากผลงาน Once Upon a Time… in
Hollywood เพราะ Brad Pitt พลาดรางวัลออสการ์มาหลายปี
หลายครั้งแล้ว ทั้งบทนำและสมทบ ปีนี้น่าจะเป็นปีของเขา แม้คู่แข่งของสาขานี้ในปีนี้จะเป็นระดับตัวพ่อทุกคนเลย
ไม่ว่าจะเป็น Tom Hanks จาก A Beautiful Day in the Neighborhood,Anthony Hopkins จาก The Two Popes, Joe Pesci และ Al Pacino จาก Irishman แต่ว่าบทเด่นจริงๆ ของเรื่อง Irishman กลับไปอยู่ที่ Robert De Niro ซึ่งแกไม่ได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงแม้แต่ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมด้วยซ้ำ
รางวัลสมทบในปีนี้ จากบทของ Brad Pitt ในเรื่อง Once
Upona Time…in Hollywood จึงโดดเด่นกว่าใคร
และเชื่อขนมกินได้ว่า น่าจะได้รับรางวัลไปในที่สุด