วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เกมออฟทน (นิยายแปลง) ตอนที่ 7





จากนวนิยายแฟนตาซี/ซีรีส์อันโด่งดัง Game of Thrones มหาศึกชิงบัลลังก์ สู่การแปลงเป็นนิยายแสบๆ คันๆเรื่อง เกมออฟทน มหาศึกปากมัน ณ แดนสาระขัณฑ์

เมื่อบทสรุปแห่งเกมอำนาจ และการแก้แค้น ใกล้เข้ามา เมื่อฤดูหนาวใกล้จะมาถึง

บทสรุปรวบยอดแบบยาวมาก จากองก์ที่แล้ว (สรุปเหตุการณ์รวบยอดจนจบซีซั่นที่ 6 ) ก่อนจะเข้าสู่องก์ที่ 7
-เอ็ดดิสัน  พบศพของลอร์ดสโนว์นอนจมกองเลือดตาย พร้อมกับป้ายไม้ที่เขียนว่า คนทรยศอยู่ข้างๆศพเซอร์ดาวอสแนะนำให้เอ็ดไปหาเหล่าคนเถื่อนให้มาช่วย แต่เอ็ดต้องรีบไปกลับเพียงลำพังให้รวดเร็วที่สุด บรรดาไนท์วอซที่ภักดีต่อจอนไม่กี่คนและเซอร์ดาวอสรวมถึงโกสท์ เฝ้าศพจอนไม่ให้ใครมาแตะต้องได้

-เรือสำเภาของเจมี่ก็แล่นกลับมาจากดอร์น เซอซี่เห็นเรือก็ดีใจมาก แต่เมื่อเห็นหน้าของเจมี่บนเรือบด เซอซี่ก็รู้ทันทีว่า เธอเสียลูกสาวไปอีกคนแล้ว จึงเหลือคิงทอมเมนเพียงคนเดียว ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามคำทำนายที่แม่มดแม็กกี้เคยทำนายเอาไว้ และสองพี่น้องฝาแฝดเซอซี่เจมี่สาบานว่า จะเอาคืนพวกมันทุกคนที่ทำร้ายแลนนิสเตอร์ให้สาสม ที่บังอาจพรากทุกอย่างไปจากทั้งคู่..
-อาณาจักรดอร์น เอลลาเรีย แซนด์ และลูกๆแซนด์สเน็คทั้งสามของเธอ ก็ร่วมกันก่อกบฏ เอลลาเรียสังหารเจ้าชาย โดแรน มาร์เทล  เพราะเอลลาเรียมองว่าเจ้าชายโดแรนอ่อนแอ ไม่กล้าเปิดศึกกับแลนนิสเตอร์แก้แค้นให้เจ้าหญิงอีเลียในตอนนั้น และไม่แก้แค้นให้เจ้าชายโอเบอรินในตอนนี้ แซนสเน็คทั้งสามยังได้บุกเข้าไปหา ทริสเตน มาร์เทล เพื่อฆ่าทิ้งอีกคน เอลลาเรียลั่นวาจาว่า ตั้งแต่บัดนี้ อาณาจักรดอร์นจะไม่มีบุรุษอ่อนแอปกครองอีกต่อไป นับแต่นี้สตรีจะปกครองดอร์นเอง โอเลนน่าหอบความเจ็บแค้นที่มีกับแลนนิสเตอร์ไปตกลงกับเอลลาเรีย อาณาจักรดอร์นกับอาณาจักรรีซจึงจับมือกันเพื่อยกทัพตีคิงส์แลนดิ้งของควีนเซอร์ซี่ ด้านทางแวเรียสก็แอบกลับไปเวสเทอรอส เพื่อเปิดตัวว่าเดเนอรีสเป็นพันธมิตรกับดอร์นและรีซ
-อาณาจักรเมียร์รีน ทวีปเอสซอส และแวเรียสก็เดินทางมาถึงปีรามิดแห่งนี้ แวเรียสและทีเรี่ยนจะคอยอยู่ช่วยพยุงสถานการณ์ในเมืองเมียร์รีนตอนที่เดเนอรีสหายไป โดยมีเกรย์วอร์มกันมิสซานเดคอยช่วย ส่วนจอรากับดาริโอ ตกลงว่าจะออกเดินทางร่วมกัน เพื่อแกะรอยเดเนอรีสและมังกรโดรกอน เพื่อพาเดเนอรีสกลับเมียร์รีน และพวกบุตรแห่งฮาร์ปี้ก็อาศัยช่วงชุลมุนนี้ เผาเรือของเดเนอรีสเกลี้ยงอ่าว ตอนนี้เดเนอรีสจึงไม่เหลือเรือแม้แต่ลำเดียว 
-บริเวณอ่าวทะเลโดธราคี ทวีปเอสซอส เดเนอรีส หรือ คาลีซี่ของ คาล โดรโก้ ที่ถูกโดธราคีกลุ่มอื่นจับตัวมา ก็ได้รับการยืนยันจากคาลคนอื่นๆ ว่าจะไม่มีใครในเผ่าโดธราคีแตะต้องคาลีซี่ม่ายของ คาล โดรโก้ เด็ดขาด นั่นคือกฎ  เดเนอรีสยื่นข้อเสนอให้เหล่าคาลอารักขานางกลับเมียร์รีน แล้วเดเนอรีสจะให้ม้าหนึ่งพันตัวเป็นการตอบแทน แต่ คาล โมโร ก็ตอบว่า คาลีซี่ม่าย มีที่เดียวต้องไปเท่านั้น ไปที่อื่นไม่ได้ ซึ่งคาลีซี่ม่ายต้องไปใช้ชีวิตร่วมกับคาลีซี่ม่ายคนอื่นๆที่เมืองวาส โด ธร้าก ในวิหารดอซคาลีน เดเนอรีสจึงต้องหาทางอื่นกลับเมียร์รีนให้ได้   แวเรียสรายงานที่เรี่ยนว่า บัดนี้เมืองเอสทาปอร์และเมืองยุนไคกลับไปค้าทาสเช่นเดิมแล้วตั้งแต่เดเนอรีสไม่อยู่ เกรย์วอร์มแม่ทัพผู้ไร้มลทินก็รายงานทีเรี่ยนว่า ยังจับตัวผู้เผาเรือของเดอเนอรีสไม่ได้ส่วนทางด้านมิสซานเดก็รายงานทีเรี่ยนว่า มังกรทั้งสองตัวที่ถูกขังอยู่ใต้ปีรามิด ไม่ยอมกินอะไรเลยตั้งแต่เดเนอรีสไม่อยู่ ทีเรี่ยนซึ่งรู้อะไรๆหลายๆอย่างมาเยอะ จึงบอกสิ่งที่ตนเองรู้เกี่ยวกับมังกรอย่างนึง นั่นก็คือมังกรไม่ชอบถูกล่ามโซ่  ทีเรี่ยนจึงมีความคิดแผลงๆ โดยการลงไปปลดโซ่ตรวนมังกรทั้งสองด้วยตนเอง จะได้ให้มังกรทั้ง 2 อารมณ์ดีกินอาหารบ้าง ซึ่งน่าแปลกมาก ที่ทั้งวีเซอเรี่ยนและเรียกัลต่างก็ฟังทีเรี่ยนทั้งสองตัว และทีเรี่ยนก็ปลดตรวนที่คล้องคอมังกรทั้งสองออกไปจริงๆ ทางด้านจอรากับดาริโอก็สะกดรอยตามเดเนอรีสมาจนถึงที่นี่ จนลอบเข้าไปถึงตัวเดเนอรีส เดเนอรีสแปลกใจมากที่จอรากลับมาช่วยเธอ แม้เธอจะขับไล่ไปหลายรอบ และเดเนอรีส ก็มีแผนที่จะยึดเผ่าโดรธราคีแล้ว เดเนอรีสจัดการเผาค่ายที่เหล่าคาลประชุม จึงทำให้คาลผู้นำทุกกลุ่มตายหมด หลังจากนั้นเดเนอรีสก็เดินออกมาจากกองไฟ ทำให้เหล่าโดธราคีนั้นก้มหัวให้เดเนอรีสทั้งเผ่า  เดเนอรีสก็นำทัพโดธราคีมุ่งหน้ากลับเมียร์รีน จอรานั้นไม่ขอติดตามไปด้วย เพราะตนเองติดเชื้อเกล็ดเทา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลายเป็นสัตว์ประหลาด เดเนอรีสจึงสั่งให้จอราทำทุกวิถีทาง เพื่อหาทางรักษาโรคนี้ แล้วกลับมารับใช้ตนเองเช่นเดิม จริงๆลูกสาวของสแตนนิสก็เป็นโรคนี้และหายดีมาแล้ว แต่ในเรื่องยังไม่เฉลยว่ารักษาวิธีใด  ทีเรี่ยนเชิญให้ คินวาร่า ผู้นำสูงสุดของนักบวชผู้นับถือเทพแห่งแสงเข้ามาหารือ เพื่อควบคุมมวลชนในเมียร์รีนไม่ให้แตกตื่น  ซึ่งคินวาร่าก็เชื่ออยู่แล้ว ว่าเดเนอรีสคือผู้มาปลดปล่อยผู้คนจากความมืดมิด คินวาร่าจึงสั่งให้นักบวชในนิกายทุกคนของทวีปเอสซอสเผยแพร่คำสอนให้เชื่อถือเดเนอรีส ทุกอย่างจึงเบาลง คงเหลือแต่นายทาสที่ยกกองทัพเรือมาประชิดอ่าวค้าทาสเมืองเมียร์รีน เพื่อยึดปีรามิดแห่งเมียร์รีนคืน  ในกลางดึก กองทัพเรือของนายทาส ก็โจมตีปีรามิดเมียร์รีนอย่างหนักหน่วง ทันใดนั้นเดเนอรีสก็ขี่โดรกอนกลับมาถึงพอดี  รุ่งเช้าในวันรุ่งขึ้น เดเนอรีสจึงขอเจรจากับหัวหน้านายทาสทั้งสาม ที่อยู่เบื้องหลังบุตรแห่งฮาร์ปี้ และการโจมตีเมียร์รีน เดเนอร์รีสสั่งให้เกรย์วอร์มสังหารหัวหน้าไปสองคน และไว้ชีวิตหนึ่งคนเพื่อให้กลับไปบอกนายทาสที่เหลือให้ยอมศิโรราบซะโดยดี พวกนักรบเผ่าโดธราคีสังหารบุตรแห่งฮาร์ปี้จนเกลี้ยง และมังกรทั้งสามของเดเนอรีส ก็ทำลายกองเรือนายทาสส่วนนึงเพื่อข่มขวัญ แต่ยังคงเหลือกองเรือไว้ส่วนนึง เอาไว้เดินทางไปทวีปเวสเทอรอสเพื่อตีเจ็ดอาณาจักร  ยาร่า เกรย์จอย และ ธีออน เกรย์จอย ก็นำกองทัพเรือของตระกูลเกรย์จอยมาสมทบ และขอติดตามเดเนอรีสกลับไปตีเจ็ดอาณาจักรด้วย เดเนอรีสปลดดาริโอไม่ให้รับใช้ตนเองอีกต่อไป และแต่งตั้งให้ทีเรี่ยนเป็นพระหัตถ์ กองทัพเรือเดเนอรีสพร้อมมังกรทั้งสาม ซึ่งมีทั้งผู้ไร้มลทิน และนักรบโธราคี รวมถึงตระกูลเกรย์จอยแห่งหมู่เกาะเหล็ก จึงยกทัพเรือข้ามทะเลแนโรว์มาเพื่อบุกตีเจ็ดอาณาจักร แวเรียสแอบหนีกลับเวสเทอรอส โดยคาบข่าวไปบอกว่าเดเนอรีสเป็นพันธมิตรกับดอร์นและรีซ และมีแนวร่วมเป็นกองเรือจากเกาะเหล็กของยาร่าและธีออน เกรย์จอยอีกด้วย
-เมืองบราวอส ทวีปเอสซอส อาร์ย่า ซึ่งตาบอดเพราะอำนาจของจาเก้น ฮาก้าร์ ก็ได้รับการทดสอบอย่างต่อเนื่อง อาร์ย่าต้องมานั่งขอทานกลางเมือง  อาร์ย่าถูก The Waif หรือสาวผมบ็อบ ลูกน้องของจาเก้นคอยตามท้าต่อสู้รังแกทำร้ายตลอดทุกวี่ทุกวัน เพราะทุกอย่างยังคงอยู่ในเส้นทางการฝึกฝนของอาร์ย่าอยู่ เพื่อให้อาร์ย่ากลายเป็นนักฆ่าไร้รูปลักษณ์อย่างสมบูรณ์นั่นเอง..อาร์ย่า สตาร์ค ได้รับบทเรียนพอสมควรแล้ว จาเก้น ฮาก้าร์ จึงคืนดวงตาให้อาร์ย่ากลับมามองเห็นอีกครั้ง เพื่อฝึกฝนเป็นนักฆ่าไร้รูปลักษณ์ต่อไป อาร์ย่า สตาร์ค โดนหญิงผมบ็อบลอบฆ่า แต่ก็รอดมาได้ และฆ่าหญิงผมบ็อบซะเอง จากนั้นอาร์ย่าก็ไปหาจาเก้น และบอกว่าเธอชื่อ อาร์ยา สตาร์ค ไม่ใช่คนไร้ลักษณ์ ก่อนจะออกไปจากเมืองบราวอสทันที
-ที่คาสเทิลแบล็ค เดอะวอลล์ ผ่านมาเกือบ 24 ชั่วโมงแล้วที่ลอร์ด จอน สโนว์ ถูกรุมฆ่า และเซอร์ดาวอสนำศพลอร์ดสโนว์มาเก็บในห้อง เซอร์อัลลิเซอร์ ก็มาเกลี้ยกล่อมให้เซอร์ดาวอสเปิดประตูห้องและมอบศพลอร์ดสโนว์ โดยให้เวลาเซอร์ดาวอสและพรรคพวกไนท์วอซที่ภักดีถึงตอนเย็นเท่านั้น หาไม่จะพังประตูเข้าไปจับกุมตัว มาถึงตอนเย็น เซอร์อัลลิเซอร์สั่งให้ลูกน้องใช้ขวานจามประตูห้องที่มีศพของลอร์ดสโนว์ แต่เอ็ดก็นำคนเถื่อนที่นำโดยทอร์มุนด์และยักษ์บุกมาถึงคาสเทิลแบล็คพอดี  พวกไนซ์วอซสู้กับยักษ์ไม่ได้ จึงยอมแพ้อย่างง่ายดาย เอ็ดจึงสั่งให้จับกุมตัวเซอร์อัลลิเซอร์และพรรคพวกข้อหาก่อกบฏ เพื่อรอตัดสินความผิดในภายหลัง  เซอร์ดาวอสขอร้องให้เมอลิซานเดร (แม่มดสีแดง) ลองใช้เวทย์มนต์ของเทพแห่งแสง และชุบชีวิตลอร์ดสโนว์ขึ้นมา ถึงแม้ว่าเซอร์ดาวอสจะไม่เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์เวทย์มนต์ก็ตาม แต่เขาคิดว่าเมอลิซานเดร (แม่มดแดง) เคยมีประสบการณ์ชุบชีวิตคนอื่นฟื้นขึ้นมาได้ เขาจึงอยากลอง ให้ชุบชีวิตจอน สโนว์ขึ้นมาบ้าง และแล้วก็ทำสำเร็จ ลอร์ดคอมมานเดอร์ จอน สโนว์ ก็ฟื้นขึ้นมาจากความตายได้ด้วยเทพแห่งแสงจริงๆ ลอร์ดสโนว์จึงเป็นคนแรกที่เมลิซานเดรอธิษฐานขอให้เทพแห่งแสงคืนชีพให้ได้ เหล่าไนท์วอซและคนเถื่อนที่อยู่ในเดอะวอลล์ จึงคิดว่าลอร์ดสโนว์คือเทพเจ้าชนิดหนึ่งที่ฟื้นจากความตายได้  หลังจากนั้นจอน สโนว์ ก็ทำการลงโทษพรรคพวกของเซอร์อัลลิเซอร์ ธอร์น ในข้อหาก่อกบฏและทำร้ายลอร์ดคอมมานเดอร์ โทษสถานเดียวคือ ประหารชีวิต แค่ขัดคำสั่งลอร์ดคอมมานเดอร์ก็ต้องโทษประหารแล้ว โดยใช้วิธีแขวนคอให้ตายทั้งหมดทุกคน รวมถึงหนุ่มน้อยออลลี่ที่ร่วมก่อกบฏก็โดนแขวนคอด้วย เมื่อ จอน สโนว์ แขวนคอผู้ก่อกบฏทุกคนตามกฏเรียบร้อย จอนก็มอบตำแหน่งรักษาการณ์ลอร์ดคอมมานเดอร์ให้ เอ็ดดิสัน ทอลเล็ต ดูแลต่อไป ขณะที่จอนกำลังจะเก็บข้าวของลงใต้ไปตามเรื่องตามราว เอ็ดก็มาทะเลาะเถียงกับจอน เพื่อให้จอนทบทวนอีกครั้ง ทันใดนั้นหน้าประตูทางเข้าคาสเทิลแบล็คก็มีม้าสามตัวมาหน้าประตู และผู้อยู่บนหลังม้าทั้งสามคือ ซานช่า บริแอน และพ้อดริก จอนดีใจมากที่เห็นซานช่า จอนบอกซานช่าว่า นับตั้งแต่นี้ จอนจะปกป้องซานช่า ไปไหนไปกัน และซานช่ามีความตั้งใจเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือให้จอนกับตัวซานช่าเอง รวบรวมตระกูลที่ยังภักดีกับสตาร์ค เพื่อยึดวินเทอร์เฟลและแดนเหนือกลับมาจากแรมซี่ ซานช่าย้ำกับจอนว่า ถึงอย่างไร จอนก็คือลูกเน็ด จอนคือหนึ่งในสตาร์ค ถ้าจอนไม่ทำ แดนเหนือก็จะไม่ปลอดภัย เพราะไวท์วอร์คเกอร์ก็กำลังจะมา ซึ่งถ้าให้คนอย่างแรมซี่ปกครองแดนเหนือ ก็ไม่มีทางหยุดไวท์วอร์คเกอร์ได้แน่นอน ส่วนพวกคนเถื่อนและไนท์วอซก็จะไม่ปลอดภัย ถ้าแรมซี่ยังปกครองอยู่ ด้านทางบริแอนก็เดินมาบอกเซอร์ดาวอส ว่าเธอคือผู้สังหารสแตนนิสเอง จอนได้จดหมายจากแรมซี่ ให้คืนตัวชานช่าคืนให้ตน มิเช่นนั้นแรมซี่จะถล่มไนท์วอซให้ราบคาบ และแรมซี่ยังบอกด้วย ว่าตนเองจับตัวริคค่อนไว้ได้แล้ว จอนจึงเริ่มจะตัดสินใจได้แล้วว่า ควรจะทำตามที่ซานช่าแนะนำ คือยึดแดนเหนือคืนมาจากแรมซี่ ด้านซานช่า ก็ได้จดหมายลับจากลอร์ดปีเตอร์เบลิซ ให้ลอบออกไปพบที่หมู่บ้านโมลใกล้ๆปราสาท ซานช่าจึงพาบริแอนน์ไปด้วย  ลอร์ดปีเตอร์เบลิซมาขอโทษซานช่า แต่บัดนี้ซานช่ารู้แล้วว่า ไว้ใจคนอย่างลอร์ดปีเตอร์เบลิซไม่ได้ ก่อนจะกลับ ลอร์ดปีเตอร์เบลีซบอกซานช่าว่า ปลาดำรวบรวมคนที่จงรักภักดีตระกูลทัลลี่ ยึดปราสาทริเวอร์รันกลับคืนมาจากแลนนิสเตอร์ได้แล้ว จอน สโนว์ พากองทัพคนเถื่อนและสองสามตระกูลในแดนเหนือสู้กับโบลตัน  แรมซี่ยิงธนูสังหารริคค่อนต่อหน้าต่อตาจอน และกองทัพของจอนทำท่าจะพ่ายแพ้ ทันใดนั้น ทหารม้าของอาณาจักรเวลล์หุบเขาแห่งอาร์รีนก็บุกมาช่วย เพราะซานช่าไปขอให้ลอร์ดปีเตอร์เบลีซยกทัพมาช่วยนั่นเอง (ลอร์ดปีเตอร์เบลิซก็ไปขอลอร์ดโรบิ้นอีกที ลูกชายของไลซ่านั่นละ) เท่ากับตอนนี้หุบเขาแห่งอาร์รีนประกาศชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายสตาร์ค  แรมซี่หนีเข้าไปในปราสาทวินเทอร์เฟล จอนก็ตามไปจับตัวได้ แต่ยังไม่ฆ่า จอนปล่อยให้ซานช่าตัดสินโทษแรมซี่ด้วยตนเอง และซานช่า ก็ให้หมาล่าเนื้อของแรมซี่กัดกินเจ้านายตนเองอย่างสยดสยอง ตระกูลโบลตัน จึงจบสิ้นตระกูลลงที่รัชสมัยของแรมซี่ โบลตัน , เซอร์ดาวอสรู้ว่า เมลิซานเดรหรือสตรีแดง คือผู้สั่งเผาลูกของสแตนนิส จอน สโนว์ จึงขับไล่แม่มดแดงให้เดินทางลงใต้ และห้ามมาให้เห็นหน้าอีก  ลอร์ดในตระกูลต่างๆ ถกเถียงกันเรื่องที่คนเถื่อนมาอาศัยอยู่ด้วย แต่เลดี้ลีอันน่า มอร์มอนท์ แห่งแบร์ไอร์แลนด์ ก็ช่วยพูดให้เครดิต จอน สโนว์ ลอร์ดตระกูลต่างๆจึงยกให้ จอน สโนว์ เป็นกษัตริย์แห่งแดนเหนือคนใหม่
-ที่โพรงต้นเวียร์วูดใหญ่ ถ้ำของเรเว่นสามตา ในแดนเหนือนอกเดอะวอลล์ แบรน ก็เริ่มที่จะควบคุมการถอดจิต และย้อนอดีตไปกับเรเว่นสามตาได้อย่างคล่องแคล่ว (ไม่ใช่แค่มองเห็นอดีตนะ จิตไปที่อดีตจริงๆเลย)และในอดีตสามสิบกว่าปีก่อน แบรนก็ถอดจิตไปที่วินเทอร์เฟล แบรนเห็นเลดี้ลีอันน่า สตาร์ค เห็นเบนเจน สตาร์ค สมัยที่น้าๆทั้งสองยังคงเป็นเด็กวัยรุ่น และเห็น วิลลิส ที่ยังพูดจารู้เรื่องอยู่ (วิลลิสก็คือโฮดอร์ มีเชื้hอสายยักษ์จึงตัวใหญ่)  แต่เรเว่นสามตาต้องรีบให้แบรนนำจิตออกมาจากอดีต เพราะถ้าหลงอยู่ในพลังอำนาจเหล่านี้นานเกินไป จะทำให้แบรนมีภัยอันตรายได้ โดยมีเด็กแห่งพงไพร/โฮดอร์/และมีร่า คอยดูแลร่าของแบรนกับร่างของเรเว่นสามตาขณะถอดจิตอย่างไม่คลาดสายตา เรเว่นสามตาก็พาแบรนถอดจิตย้อนอดีตอีกครั้ง คราวนี้ไปอยู่ในสมัยยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ณ ทาวเวอร์ออฟจอยในอาณาจักรดอร์น ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว.. เซอร์เอ็ดดาร์ด สตาร์ค พากองกำลังของตนบุกทาวเวอร์ออฟจอย เพื่อชิงตัวเลดี้ลีอันน่าน้องสาวของตน เซอร์เอ็ดดาร์ดปะทะกับคิงส์การ์ดของเจ้าชายเรก้าร์  เมื่อเซอร์เอ็ดดาร์ดผ่านคิงการ์ดไปได้ เรเว่นสามตาก็ดึงจิตแบรนกลับปัจจุบัน เพราะจิตแบรนไปรบกวนอดีตโดยการตะโกนเรียกพ่อตนเอง แบรนนั้นแอบถอดจิตเข้าสู่นิมิตโดยลำพัง และไปพบกับไนท์คิงพอดี ซึ่งไนท์คิงไม่เหมือนกับผู้อื่น ด้วยอำนาจอันลึกลับของไนท์คิง จึงล่วงรู้ถึงจิตของแบรน และไนท์คิงก็จับแขนแบรนในจิต เมื่อแบรนฟื้นขึ้นมา รอยที่ไนท์คิงจับแขนจึงยังคงอยู่ เรเว่นสามตาจึงบอกแบรนว่า บัดนี้ไนท์คิงรู้แล้วว่าพวกเราอยู่ที่นี่ และไวท์วอร์คเกอร์ก็กำลังบุกมาที่ต้นเวียร์วูด และถึงเวลาแล้ว ที่แบรนจะเป็นเรเว่นสามตาคนต่อไป ทั้งสองจึงถอดจิตไปอดีตครั้งสุดท้ายด้วยกันไม่กี่นาทีต่อมา ไนท์คิงและกองทัพไวท์วอร์คเกอร์ ก็บุกมาที่โพรงต้นเวียร์วูดใหญ่ และที่พวกมันสามารถเข้ามาได้ ก็เพราะตีตราไว้กับร่างแบรน ซึ่งเป็นเรเว่นสามตานั่นเอง (ปกติไวท์วอร์คเกอร์ไม่สามารถเข้าไปในเขตเวทย์มนต์โบราณนี้ได้) แบรนนั้นเข้าสิงโฮดอร์ในปัจจุบัน เรเว่นสามตาถูกไนท์คิงสังหาร ซัมเมอร์ก็ตาย เด็กแห่งพงไพรก็ตาย แต่จิตแบรนนั้นกำลังวุ่นวาย จิตแบรนที่ได้ยินมีร่าสั่งว่า โฮล เดอะ ดอร์ จึงเข้าไปรบกวนโฮดอร์ในอดีตด้วย วิลลิสในอดีตจึงช็อคและล้มชักไป ตั้งแต่นั้น วิลลิสก็พูดแต่คำว่า โฮดอร์ มาตลอด จนวันสุดท้ายในชีวิตคือวันนี้ และมีร่ากับแบรน จึงเป็นผู้รอดชีวิตเพียงสองคน มีร่าเข็นรถเลื่อนพาแบรนหนีไวท์วอร์คเกอร์มากลางป่า ขณะที่มีร่าเริ่มสิ้นหวังที่พาแบรนหนีไม่ทัน ก็มีชายขี่ม้าลึกลับมาไล่ฆ่าไวท์วอร์คเกอร์ที่ไล่ตามมีร่ากับแบรนมา และชายลึกลับผู้นั้น ก็พาแบรนกับมีร่าขึ้นม้าขี่หนีไปได้ เค้าก็คือ เบนเจน สตาร์ค นั่นเอง เบนเจนเล่าให้มีร่าและแบรนฟังว่า ตนเองถูกดาบแห่งน้ำแข็งแทง และกำลังจะเปลี่ยนเป็นไวท์วอร์คเกอร์ แต่เด็กแห่งพงไพรปักกริซเข้าหัวใจ เบนเจนหยุดกระบวนการแปรสภาพ ทำให้กลายเป็นกึ่งผีดิบกึ่งมนุษย์ในตอนนี้ ซึ่งเบนเจนจะพามีร่ากับแบรนเดินทางไปส่งที่เดอะวอลล์ ,ที่ป่าแห่งการหลอกหลอน ใกล้ๆเดอะวอลล์ เบนเจนก็มาส่งมีร่ากับแบรนได้แค่นี้ เพราะเบนเจนมิอาจข้ามเดอะวอลล์ที่มีเวทมนต์โบราณแฝงไปได้ คนตายมิอาจข้ามกำแพงนั่นเอง (เบนเจนยังมีความเป็นผีดิบอยู่) เบนเจนบอกแบรนว่า บัดนี้แบรนคือเรเว่นสามตาแล้ว แบรนต้องใช้อำนาจวิเศษของตนช่วยเหลือฝ่ายมนุษย์ แบรนสัมผัสต้นเวียร์วูดเพื่อถอดจิตอีกครั้ง และครั้งนี้ แบรนก็เห็นน้าลีอันน่าของตนเองคลอด จอน สโนว์ ออกมา และน้าลีอันน่าก็ตายหลังคลอด โดยพ่อของจอน ก็คือ เจ้าชายเรก้าร์ ทากาเรี่ยน นั่นเอง..
-ที่เกรท เซป ออฟ เบลอร์ อาณาจักรคราวแลนด์ ไฮสแปร์โรว์ ทำให้คิงทอมเมนอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด ด้วยการสั่งไม่ให้คิงทอมเมนอนุญาติให้เซอร์ซี่เข้าไปเคารพศพเมย์เซลล่า คิงทอมเมนนั้นจิตตกตั้งแต่ไม่สามารถช่วยแม่(เซอร์ซี่) ช่วยเมีย(ควีนมาเจอร์รี่) ที่ถูกสแปร์โรว์จับขังแล้ว  เจมี่จึงต้องคอยเตือนสติคิงทอมเมนว่า คิงทอมเมนเป็นราชา จะทำอะไรก็ได้ และให้คิงทอมเมนไปเยี่ยมแม่ซะ ตราบใดที่เจมี่ยังอยู่ในเมืองหลวง จะไม่มีใครจับเซอซี่ไปขังได้อีก (ตั้งแต่เซอซี่ถูกปล่อยตัว คิงทอมเมนก็ไม่กล้าไปหาแม่ เพราะกลัวไฮสแปร์โรว์) คิงทอมเมนผู้อ่อนแอต้องร้องขอให้เซอร์ซี่ช่วยตนเองหาทางออก เซอร์ซี่จึงคิดจะจบทุกอย่างที่เธอก่อขึ้นให้สิ้นซาก  อดีตเมสเตอร์ไคเบิน ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองคนใหม่ แทนที่ลอร์ดแวเรียส และไคเบินก็รวบรวมเหล่านกน้อยของแวเรียสมาอยู่ในอาณัติของตนได้ทั้งหมดในคิงส์แลนดิ้ง แต่เซอร์ซี่ต้องการนกน้อยกระซิบทั่วอาณาจักรเวสเทอรอส , ลอร์ดเมส ไทเรล และเซอร์เจมี่ แลนนิสเตอร์ ก็นำทัพบุกเข้ามาถึงหน้าเกรท เซป ออฟ เบลอร์ เพื่อขู่ให้ปล่อยควีนมาจอรี่และเซอร์ลอราส มิเช่นนั้นสแปร์โรว์ทั้งหมดจะถูกฆ่าทิ้งทั้งหมด แต่ควีนมาจอรี่ที่ถูกทรมานมานาน ก็ทำท่าว่ายอมรับกับความผิดของตน ควีนมาจอรี่และคิงทอมเมนจึงประกาศยอมรับในศาสนา ไม่ต้องโดนตัดผมและเดินแก้ผ้าเหมือนเซอซี่ แผนการณ์ที่จะสังหารไฮสแปร์โรว์ของเซอซี่จึงล้ม แต่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน ไฮสแปร์โรว์รอดไปอย่างหวุดหวิด แต่ควีนมาจอรี่นั้นก็ยังไม่เป็นอิสระอย่างสมบูรณ์ เพราะแม่ชีในลัทธิสแปร์โรว์ยังตามติด ควีนมาจอรี่ส่งสัญญาณให้โอเลนน่าหนีออกไปจากคิงส์แลนดิ้งทันที โอเลนน่าจึงเชื่อหลาน และยอมกลับไฮการ์เด้นบ้านของตนเอง ด้านทางเซอซี่ก็ส่งให้เจมี่ไปยึดปราสาทริเวอร์รันคืนมาจากปลาดำ โดยเจมี่ต้องประสานงานกับกองทัพของลูกๆทั้งสองของลอร์ดเฟรย์ เพราะเซอร์ซี่รู้ว่า ถ้าเจมี่ยังอยู่ในเมืองหลวง เจมี่ต้องคัดค้านในสิ่งที่นางกำลังคิดจะทำแน่นอน  ในวันไต่สวน ลอราส ไทเรล และ เซอซี่ บาราเธี่ยน แต่เซอซี่ไม่ไปร่วมฟังคำพิพากษา เซอร์ซี่ยังห้ามไม่ให้คิงทอมเมนไปร่วมฟังการไต่สวนนี้ด้วย เพราะเซอร์ซี่วางไวด์ไฟร์ไว้ทั่วทั้งใต้ดินศาสนสถาน และสั่งให้นกน้อยกระซิบสังหารแกรนด์เมสเตอร์ไพเซล  นกน้อยกระซิบของไคเบิน ยังได้จุดระเบิดไวด์ไฟร์ ทำให้สแปร์โรว์ทั้งหมดตายทันที รวมถึงควีนมาจอรี่ บาราเธี่ยน / เซอร์ลอราส ไทเรล / ลอร์ดเมส ไทเรล / และ ไฮสแปร์โรว์ / ล้วนตายในเกรท เซป ออฟ เบลอร์ กันหมด เมื่อควีนมาจอรี่ตาย คิงทอมเมนก็กระโดดหอคอยของวังตายตามไป ลูกของเซอซี่ทั้งสามจึงตายตามคำทำนายแม่มดแม็กกี้ หลังจากนั้น เซอร์ซี่ก็สถาปนาตนเองเป็น ควีนเซอร์ซี่ที่ 1 ปกครองคิงส์แลนดิ้งนับตั้งแต่นั้น โดยเจมี่กลับมาจากริเวอร์แลนด์เห็นเซอร์ซี่นั่งบัลลังค์เหล็ก จึงรู้ว่าเซอร์ซี่สถาปนาตนเองขึ้นเป็นควีนของคิงแลนดิ้งแล้ว
-ที่วินเทอร์เฟล ลอร์ดรูส โบลตัน กับเมียใหม่ (ซึ่งเป็นลูกสาวตระกูลเฟรย์) ก็ได้ลูกชาย ซึ่งลอร์ดโบลตันก็ประกาศไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า จะยกทุกอย่างให้ลูกชายคนใหม่ แรมซี่ถือโอกาสที่รูสเผลอ แทงรูส ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงและชุบเลี้ยงตนเองจนตาย เพราะแรมซี่ไม่อยากเสียทุกอย่างไป แรมซี่ยังจับแม่เลี้ยงและทารกน้องชายต่างมารดาของตนเข้าไปยังกรงขังสุนัข และแม่เลี้ยงกับลูกชายของนางก็โดนหมาที่หิวโหยของแรมซี่รุมกินอย่างสยดสยอง บัดนี้ ตระกูลโบลตันจึงเหลือเพียงแรมซี่คนเดียว ลอร์ดอุมเบอร์ ตระกูลในแดนเหนือที่แปรพักตร์มาเข้ากับโบลตันรายงานกับแรมซี่ว่า พวกคนเถื่อนเข้ามาอยู่ในแดนเหนือแล้ว เพราะลอร์ดสโนว์แห่งไนท์วอซยกที่ดินให้ และลอร์ดอุมเบอร์ ก็ยังรายงานอีกว่า เค้าสามารถจับตัว ริคค่อน สตาร์ค กับโอช่าได้  สิ่งยืนยันคือหัวของแช็คกี้ด็อก ไดร์วูฟประจำตัวของริคค่อนที่ลอร์ดอุมเบอร์ตัดหัวมา ต่อมา โอช่าก็ถูกแรมซี่ฆ่าทิ้งไปอีกคน แต่แรมซี่ยังไว้ชีวิตริคค่อน

-ที่หมู่เกาะเหล็ก ยูรอน เกรย์จอย น้องชายของคิงเบลอน เกรย์จอย ก็กลับมาจากการท่องทะเลที่ยาวนาน  ยูรอนสังหารคิงเบลอนผู้พี่ด้วยการผลักตกปราสาทลงไป เพราะต้องการเป็นกษัตริย์ปกครองหมู่เกาะเหล็กคนใหม่ โดยไม่มีใครรู้ว่ายูรอน คือคนที่สังหารคิงเบลอน แต่ยังมีอีกคนที่ขวางทางการครอบครองหมู่เกาะเหล็กของยูรอนอยู่ นั่นก็คือ ยาร่า เกรย์จอย ซึ่งตามกฏหมู่เกาะเหล็ก ต้องมีการคัดเลือกราชาคนใหม่ ยาร่าไม่อาจขึ้นครองตำแหน่งกษัตริย์ สืบทอดอำนาจต่อจากพ่อได้โดยอัตโนมัติ เหมือนอาณาจักรอื่นๆ (เนื่องจากตนเองเป็นหญิง ส่วนธีออน น้องชาย ถูกทำลายความเป็นชายไป) ธีออน เกรย์จอย ในที่สุดก็เดินทางกลับมาถึงบ้านยาร่านั้นแม้จะโกรธที่ธีออนไม่ยอมตามตนเองมาในตอนนั้น แต่ถึงยังไง ธีออนก็เป็นน้องของเธอ และสองพี่น้องจะต้องชิงตำแหน่งผู้ปกครองหมู่เกาะเหล็กกลับคืนมาให้ได้ จึงยอมให้อภัยต่อน้องชาย ในวันคัดเลือกราชาของหมู่เกาะเหล็กคนใหม่ ยาร่ากำลังจะได้รับเลือกให้เป็นราชินีนั่งบัลลังค์เกลือ แต่ยูรอนก็โผล่เข้ามาท้าชิง และบอกตรงๆเลยว่าเป็นผู้สังหารคิงเบลอนด้วยตนเอง และยูรอนก็ได้ตำแหน่งราชาไป ยูรอนมีแผนจะนำเรือทุกลำของหมู่เกาะเหล็กไปมอบให้เดเนอรีส เพื่อช่วยเดเนอรีสชิงเจ็ดอาณาจักรในขณะทำพิธีจมน้ำเพื่อตำแหน่งราชาหมู่เกาะเหล็ก ยาร่าและธีออนพร้อมด้วยผู้จงรักภักดี จึงนำเรือทุกลำแล่นหนีคิงยูรอนไป และยาร่ากับธีออน ก็มุ่งหน้าไปหาเดเนอรีสที่เมียร์รีน
-ที่กลางป่าบริเวณอาณาจักรริเวอร์แลนด์ ฮาวด์ ใช้ชีวิตแบบชาวบ้านปกติ ช่วยนักบวชสร้างโบสถ์อยู่ดีๆ พวกแหกคอกของกลุ่มภารดรไร้สังกัดก็มาสังหารชาวบ้านและนักบวช ฮาวด์จึงตามล้างแค้นพวกภราดรนอกแถวเหล่านั้น และได้พบกับโทรอสกับเบอดี้คอีกครั้ง เบอดี้คจึงชวนฮาวด์เข้ากลุ่มภราดรไร้สังกัดซะเลย
-ที่ปราสาทริเวอร์รัน อาณาจักรริเวอร์แลนด์ เจมี่กับบรอนน์ยกทัพเดินทางมาสมทบกับโลธ่าและวาลเดอร์ ลูกชายทั้งสองของลอร์ดเฟรย์ ซึ่งยังไม่มีปัญญายึดปราสาทริเวอร์รันคืนมาได้ ในขณะเดียวกัน บริแอนกับพ้อดดริกก็เดินทางมาถึงปราสาทริเวอร์รันเช่นกัน และปลาดำก็ไม่ยอมตามบริแอนไปด้วย ปลาดำขอตายเพื่อปกป้องริเวอร์รันจนวินาทีสุดท้าย เจมี่ใช้วิธียึดแบบละมุนละม่อม คือกล่อมให้ลอร์ดเอ็ดมัวร์ ทัลลี่ ผู้มีสิทธิชอบธรรมในการสั่งทหารมากกว่าปลาดำลุงของตน ให้ลอร์ดเอ็ดมัวร์มอบปราสาทริเวอร์รันให้ดีๆ มิเช่นนั้นลูกของลอร์ดเอ็ดมัวร์จะต้องตาย ลอร์ดเอ็ดมัวร์จึงยอม ทหารของตระกูลทัลลี่เปิดประตูให้ลอร์ดเอ็ดมัวร์อย่างง่ายดาย ลอร์ดเอ็ดมัวร์จึงสั่งให้จับปลาดำทันที ปลาดำไม่ยอมถูกจับจึงขอสู้ตาย ปลาดำให้บริแอนน์แอบออกไปจากปราสาทก่อนที่จะหันไปสู้  และปลาดำก็ตาย ปราสาทริเวอร์รันจึงกลับไปเป็นของลอร์ดเฟรย์อีกครั้ง   บริแอนน์จึงคว้าน้ำเหลวในการหากองทัพไปหนุนสตาร์ค หลังจากกองทัพแลนนิสเตอร์ยกทัพกลับไปคิงส์แลนดิ้ง อาร์ย่า สตาร์ค ที่แฝงตัวอยู่นาน ก็ลอบฆ่าลูกทั้งสองของลอร์ดเฟรย์ และเชือดคอลอร์ดเฟรย์แก้แค้นให้พี่ชายและแม่ อาณาจักรริเวอร์แลนด์ จึงกลับไปเป็นของตระกูลทัลลี่อีกครั้ง
-ที่บ้านตระกูลทาร์ลี่ อาณาจักเดอะรีซ แซม ทาร์ลี่ พากิลลี่และลูกชายมาพักที่บ้านของตระกูลทาร์ลี่ แต่ลอร์ดเรนแดลล์ ทาร์ลี่ ก็แสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจกิลลี่ที่เป็นคนเถื่อน แซมจึงพากิลลี่เดินทางออกไปกลางดึก และหยิบดาบ Heartsbane ของตระกูลไปด้วย ซึ่งเป็นดาบที่ทำมาจากเหล็กกล้าวาลีเรี่ยน  ที่ชิคาเดล แซม ทาร์ลี่ และกิลลี่กับแซมน้อย ก็เดินทางมาถึงที่นี่ แซมจึงเริ่มศึกษาตำรามากมายในชิทาเดลตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา..


เกมออฟทน (ภาคที่ 3 ซากศพ วิญญาณคืนชีพ อีกา 3 ตา และผีดิบ) องก์ที่ 7 ฉากที่ 1 ที่บ้านของลอร์ดวัลดา เฟรย์ แห่งปราสาทริเวอร์รัน  อาร์ย่าปลอมตัวมาเป็นเด็กรับใช้ในบ้านเพื่อที่จะแก้แค้น
วัลดา เฟรย์  :   “อีหนู แกหน่ะ รู้ใจฉันจริง ๆ แกเป็นคนปรุง่สตูว์เนื้อวัวจานนี้ เหรอ ฉันไม่เคยเห็นใครทำได้รสชาติ ดีขนาดนี้มาก่อน นี่แกเป็นเด็กครัวคนใหม่เหรอ”
อารย่า “ใช่ค่ะ หนูเพิ่งเข้ามาทำงานในครัวได้ 2 วัน หนูเคยเป็นเด็กโรงครัวมาก่อนค่ะ ก็เลยทำสตูว์เป็น”
วัลดา เฟรย์  :   “เคยเป็นเด็กโรงครัวจากที่ไหน ทำไมฝีมือดี ฉันไม่ยักรู้”
อาร์ย่า  :   “ตระกูลสตาร์คค่ะ แห่งแดนเหนือ”
วัลดา เฟรย์  :   “ฮึ...ตระกูลคาร์สตาร์คเหรอ”
อาร์ย่า  “ไม่ใช่ค่ะ ตระกูลสตาร์คแห่งวินเทอร์เฟลค่ะ”
วัลดา เฟรย์  “เฮ้ย....นังหนู แกโกหกหรือเปล่า ตระกูลสตาร์คมันตายห่าหมดแล้ว ทำไมยังเหลือรอดมาได้อีกวะ หรือแกหนีออกมาได้”
อาร์ย่า  “ฟังให้ดีๆ นะ ไอ้แก่ ฉันเนี่ยแหละคือ อาร์ย่า บุตรสาวคนนึงของเน็ด เอ็ดดาร์กสตาร์ค กับคุณแม่แคทลิน น้องสาวของร็อบบ์ สตาร์ค ที่แกเป็นหมาลอบกัด สังหารคนในครอบครัวของฉัน”
วัลดา เฟรย์  “ฮะ....อีนังนี่ มึงเป็นลูกของไอ้เน็ดกับแคทลิน หรอกเหรอ”  วัลดา เฟรย์ เตรียมลุกจะหนี
อาร์ย่า  :   “ไปไหน ไอ้แก่อำมหิต ฉันจะเลาะเนื้อกับกระดูกของแก มาทำสตูว์ ไว้ให้เจ้าโกสท์ สุนัขในตระกูลของฉันกินเป็นอาหาร รสชาดอย่างที่แกได้ชิมเมื่อกี๊นี้นั่นแหละ”   จากนั้นอาร์ย่า ใช้มีดปาดคอ สังหารวัลดา เฟรย์ ที่เป็นคนทรยศ สังหารแม่และพี่ชายของเขา รวมถึงพี่สะใภ้ กองกำลังทหารตระกูลสตาร์คตายทั้งหมด ในคืนเรดเวดดิ้ง  รวมถึงอาร์ย่ายังสังหารลูกสาวอีก 2 คนของวัลดา เฟรย์ไปก่อนหน้านี้แล้ว เป็นการจบภารกิจแรกแก้แค้นให้กับวงศ์ตระกูล และก่อนหน้านั้น อาร์ย่ายังปลอมตัวไปสังหารเซอร์เมอร์ริน ทรานซ์ องครักษ์ตระกุลแลนนิสเตอร์ คนที่สังหารบิดาของเขาไปแล้วด้วย



เกมออฟทน (ภาคที่ 3 ซากศพ วิญญาณคืนชีพ อีกา 3 ตา และผีดิบ) องก์ที่ 7 ฉากที่ 2 ทุ่งหญ้าหิมะขาวโพลน นอกเขตวินเทอร์เฟล การเผชิญหน้ากันของแรมซี่ ที่ส่งจดหมายถึงจอน ว่าให้คืนซานซ่า (เมียแต่ง) ของตนคืนมา เพื่อแลกกับริคค่อน ที่ถูกจับตัวไป
แรมซี่  “ลอร์ดจอน ขอให้ท่านคืนซานซ่า เมียของข้ากลับคืนมา เพื่อเราจะได้ไม่ต้องทำสงครามกัน”
จอน  “ถามซานซ่าหรือยัง ว่าเขาอยากกลับไปอยู่กับแกหรือเปล่า.....ฉันรู้มาว่าแกกระทำกับซานซ่า ราวกับทาสและสัตว์เลี้ยง ไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลก อยากเป็นเมียแกหรอก จงรู้ไว้”
แรมซี่  “แต่สำหรับซานซ่าแล้ว เธอคือเมียที่วิเศษสุดของข้า จริงมั๊ยจ๊ะ ซานซ่า เมียรักจ๋า กับมาอยู่กับผัวที่รักเถอะนะ ผัวคิดทึ้ง คิดถึง มากๆ เลย”
ซานซ่า  “แรมซี่ ถ้าแกเหงานัก ก็สมสู่กับสุนัขเลี้ยงของแกไปสิ มันคงเชื่องและเหมาะกับคนอย่างแกมากกว่า ใช่มั๊ย”
แรมซี่  “ซานซ่า ตั้งแต่ไม่อยู่กับผัว ก็วิ่งแร่ไปหาหนอนเขื่องตัวใหม่เลยนะ ไม่เคยเหลียวแลหนอนเขื่องตัวนี้เลย”
ซานซ่า “เก็บหนอนชาเขียวของแกไว้จิ้มกับขี้เถ้าร้อนๆ เถอะ ไอ้สารเลว คงจะฟินสมใจอยากมึงบ้างหล่ะนะ ไอ้สุนัขชั่วพันธุ์โบลตัน”
แรมซี่  “นี่เธอยังไม่ได้ลิ้มรสความดุเด็ดเผ็ดมันส์ของฉันมากพอหล่ะสิ ถึงได้คันคะเยอ ปากสั่นเช่นนี้”
ซานซา  “คันคะเยอ พ่อมึงหล่ะสิ ไอ้สัตว์นรกสันดานชั่ว วันพรุ่งนี้ แกจะกลายเป็นศพอยู่ตรงนี้ มีอะไรจะสั่งเสียก็รีบว่ามา”
แรมซี่  “เอาซิ.....ถ้าคิดว่าไอ้ลอร์ดสโนว์ รูปหล่อคนนี้มันจะช่วยเธอได้ เราจะได้เห็นดีกัน ฉันจะบดขยี้พวกแกให้กลายเป็นสุสานที่ฝังตระกูลสตาร์ค ไว้ในวินเทอร์เฟลแห่งนี้ทั้งหมดเลย”
จอน  :   “แรมซี่ คืนนี้มึงกลับไปแปรงฟันรอไว้เลยนะ เพราะพรุ่งนี้มึงจะต้องใช้ฟันมาขบดาบของกู เพื่อดื่มเลือดชั่วของมึงเสียที”
แรมซี่  “เอาเลย มึง 2 คนพี่น้อง คิดว่าเก่งกว่ากูงั้นเหรอ มึงจะได้เห็นฤทธิ์กองทัพแห่งแดนเหนือที่แท้จริง”
จอน  :   “แล้วกูจะรอดู”



เกมออฟทน (ภาคที่ 3 ซากศพ วิญญาณคืนชีพ อีกา 3 ตา และผีดิบ) องก์ที่ 7 ฉากที่ ที่บริเวณอ่าวทะเลโดธราคี ทวีปเอสซอส เดเนอรีส หรือ คาลีซี่ของ คาล โดรโก้ ที่ถูกโดธราคีพิจารณาคดีจำนำข้าว ก็ได้รับการยืนยันจากคาลที่เป็นหัวหน้าเผ่า ว่าจะไม่มีการจับกุมตัวเธอ โดยอาจให้ประกันตัวได้ 
แต่เดเนอรีสไม่มั่นใจ ยื่นข้อเสนอ/ติดสินบนให้เหล่าคาล (ตุลาการศาลและอัยการ) ล้มคดี คืนความเป็นธรรม เพื่อให้เธอไปเมียร์รีน (ดูไบ) แล้วเดเนอรีสจะให้ม้าหนึ่งพันตัวเป็นการตอบแทน แต่ คาล โมโร ก็ตอบว่า คาลีซี่ม่าย มีที่เดียวต้องไปเท่านั้น ไปที่อื่นไม่ได้ ซึ่งคาลีซี่ม่ายต้องไปใช้ชีวิตร่วมกับคาลีซี่ม่ายคนอื่นๆที่เมืองวาส โด ธร้าก ในวิหารดอซคาลีน (คุกเรือนจำบางขวาง) เดเนอรีสจึงต้องหาทางอื่นกลับไปเมียร์รีน (ดูไบ) ให้ได้
เดเนอริส “ท่านยินดีที่จะช่วยเหลือคดีจำนำข้าวแก่ข้าได้หรือไม่ คาล โดธราคี”
คาล โดธราคี  “ข้าจะตัดสินไปตามพยานหลักฐาน ในเมื่อหลักฐาน และพยานชี้ชัดว่า เจ้าบกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรง ที่ปล่อยให้มีการทุจริตจำนำข้าว จนเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงกว่า 5 แสนล้านบาท อีกทั้งเจ้าอย่าเพิกเฉยต่อสัญญา จีทูจี เก๊ อีกกว่า 20,000 ล้านบาท เช่นนี้ คาลอย่างข้า จะตัดสินเป็นอื่นได้อย่างไร แต่เอาเป็นว่า วันรุ่งขึ้น เจ้ามาฟังการตัดสินก็แล้วกัน บางทีเราอาจจะให้โอกาสเจ้าอุทธรณ์คดีได้ตามกฏหมายใหม่ (รธน.ฉบับใหม่) เปิดโอกาสให้จำเลยสามารถอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน แต่เจ้าจะต้องมาฟังคำตัดสินก่อน และมีสิทธิ์ที่จะยื่นอุทธรณ์ได้ แต่ต้องยื่นด้วยตนเอง ต่อหน้าศาลฯ”
เดเนอริส :   “แล้วท่านจะเปิดโอกาสให้ข้าประกันตัวเลยได้มั๊ย หากว่าท่านตัดสินให้ข้ามีความผิด”
คาล โดธราคี  “อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของที่ประชุมศาล ตุลาการทั้งองค์คณะ เนื่องจากกฎหมายลูกยังร่างไม่เสร็จ การประกันตัวได้หรือไม่ จะอยู่ในบทบัญญัติของกฎหมายลูก ซึ่งข้ายังให้คำตอบเจ้าไม่ได้”
เดเนอริส  :   “แล้วเหตุใด ท่านจึงให้คำตอบข้าเลยไม่ได้หล่ะ ก็ในเมื่อท่านเป็นประธานศาล ท่านคือผู้ที่จะเป็นประธานขององค์คณะตุลาการทั้งหมด”
คาล โดธราคี   “เอาเป็นว่า ข้ารับปากได้แต่เพียงตัวข้าคนเดียวก็แล้วกัน ว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าอย่างถึงที่สุด เพราะเห็นแก่เจ้าที่มาศาลเพื่อให้การ อยู่เป็นประจำ และไม่เคยมีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี”
เดเนอริส   :   “งั้น ข้าก็จะมาฟังคำตัดสินจากท่าน ในวันพรุ่งนี้”
วันรุ่งขึ้น บรรดานกกระจอกข่าว มาตั้งรถโมบายถ่ายทอดสด และรายงานข่าวกันอย่างคับคั่งร่วมร้อย ยังไม่รวมมวลชน ชาวทาสบนเกาะ และในอ่าวโดธราคี ร่วมพันคน มาออกันแน่น เพื่อจะให้กำลังใจ เดเนอริส แต่รอจนถึงเกือบเที่ยงแล้ว ก็ยังไม่ปรากฏเงาของเดเนอริส มาปรากฏตัวที่ศาลเลย ทั้งๆ ที่ได้นัดหมายกับศาลไว้ว่าจะมาฟังคำตัดสินเวลา 9.00 น.

ที่เผ่าโดธราคี ทวีปเอสซอส สายข่าวได้มาแจ้งต่อคาล โดธราคีว่า

สายข่าวของชนเผ่า  :  "คาลลิซี เดเนอริส ให้คนมาแจ้งว่า เธอมาฟังคำตัดสินไม่ได้แล้ว เพราะป่วย เนื่องจาก น้ำในหูไม่เท่ากัน"

คาล โดธราคี  :   "พาตัวเธอมาให้ข้าตบบ้องหูเดี๋ยวนี้ ปัญหาแค่นี้ เหตุใดจึงไม่บอกข้าหล่ะ แล้วมีใบรับรองแพทย์มาหรือเปล่า"
  
สายข่าวของชนเผ่า  :  "ไม่มีขอรับ และไม่พบเธอที่ซุ้มกระโจมของเธอแล้ว คาดว่าเธอไปแล้วขอรับ
มีคนพบเห็นเดเนอรีสได้เดินทางมุ่งหน้าลงเรือจากอ่าว ไปขึ้นยังชายแดน จ.ตราด เข้าผ่านช่องทางธรรมชาติเข้าไปยัง ปท.กัมพูชา โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้ใหญ่ของฝ่ายเราและที่นั่นให้การช่วยเหลือพาหลบหนี ไปขึ้นมังกรโดรโก เพื่อบินไปลงจอดยังสิงคโปร์ จากนั้นจึงมุ่งหน้าสู่แคว้นเมียร์รีน (ดูไบ) แล้ว" 

คาล โดธราคี  :  "ถ้าวันนี้ยังไม่มา ปรากฏตัวให้ข้าเห็น ข้าจะอ่านคำตัดสินลับหลังเธอแน่ๆ คิดว่าจะหนีความผิดไปได้ตลอดชีวิตงั้นเหรอ"

จอรา (ตู่ จตุพร) นั้นไม่ขอติดตามไปด้วย เพราะตนเองติดเชื้อเกล็ดเทา (รอติดคุก) ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลายเป็นสัตว์ประหลาด (มีอิสรภาพ) เดเนอรีสจึงสั่งให้จอราทำทุกวิถีทาง เพื่อหาทางรักษาโรคนี้ แล้วกลับมารับใช้ตนเองเช่นเดิม จากนั้นชาวเผ่าโดธราคี บนอ่าวทะเลใต้ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่ ถึงพฤติกรรมของเดเนอริส ที่หนีความผิด หนีคดี ไปยังต่างแดน ไม่ต่างอะไรกับกระทำของพี่ชาย ที่ก็เคยหนีคดีออกจากทวีปเอสซอสไป






วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2560

10 พฤติกรรมน้ำเน่าของนักการเมืองไทย (วงจรอุบาทว์ของนักการเมืองประเทศสาระขัณฑ์)

10 พฤติกรรมน้ำเน่าของนักการเมืองไทย ที่เข้ามาปกครองประเทศ มักทำกันเวลาเป็นรัฐบาล (วงจรอุบาทว์ของนักการเมืองประเทศสาระขัณฑ์)



1.ตั้งรัฐบาลโดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกประชาชน คือเห็นโผ ครม.แล้วต้องร้องยี้ แบบที่เรียกว่า ตั้งคนไม่เหมาะสมกับงาน หรือไม่เหมาะกับความรู้ความสามารถ โดยชอบอ้างความเหมาะสม

2.งานแรกของการเข้ามาเป็นรัฐบาลก็คือ ต้องแก้รัฐธรรมนูญ (คือถ้ารัฐธรรมนูญมันพูดได้ มันก็คงบอกว่า กูผิดอะไรเนี่ย เอะอะ จะแก้กูอยู่นั่น ทุกยุคทุกสมัย) ของมันดีอยู่แล้ว แต่หากมันมีกฏหมายใดมาขวางการใช้อำนาจของตน ก็จะหาทางแก้หรือปรับเปลี่่ยน โดยยุคหลังนิยมฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แล้วร่างใหม่ โดยหาความชอบธรรมด้วยการ ให้มีการลงมติรับรองรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ร่างเสร็จแล้ว โดยที่คนที่ร่างรัฐธรรมนูญคือกลุ่มคนเดิมๆ หน้าเก่าๆ ตั้งแต่ยุคพระเจ้าเหา ประชาชนไม่เคยมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ หรือเป็นคนกำหนดกรอบโครงสร้างแต่อย่างใด

3.ข้ออ้างในการเข้ามาเป็นรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ลำดับแรกมักจะอ้างเรื่องการคอร์รัปชั่นของรัฐบาลก่อน และตามมาด้วยการโยกย้ายข้าราชการ โดยอ้างว่าเพื่อจะได้ทำให้รัฐบาลใหม่ทำงานสะดวก ราบรื่น เพราะข้าราชการชุดเดิมเป็นคนของรัฐบาลก่อน หรือไม่สนองนโยบาย เกียร์ว่างกันบ้าง คือ ข้าราชการเป็นอาชีพที่เล่นเก้าอี้ดนตรีมากที่สุดของประเทศนี้ แต่พยายามจะไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่นของรัฐบาลตัวเอง โดยชอบพูดว่า ถ้ามีหลักฐานก็เอามาให้ดู จะไม่ละเว้น ไม่ว่าจะเป็นใคร ใหญ่ขนาดไหน แต่ก็ไม่เคยมีขบวนการคิดที่จะเล่นงานไอ้คนใหญ่คนโตเหล่านี้ได้เลย เพราะเป็นบิ๊กเนมผู้มีอำนาจใกล้ตัว หรือเป็นคนที่จัดตั้งรัฐบาลนั่นแหละ จึงเข้าอิหรอบ ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเองอยู่ร่ำไป

4.พอทำงานไปซักระยะ จะถูกติดตามตรวจสอบจากสื่อในทุกเรื่อง ทุกโครงการของรัฐบาล จนรัฐบาลรู้สึกอึดอัดที่ถูกจับตาและจับผิด สิ่งที่รัฐบาลมักทำก็คือ
-มุกทะเลาะกับสื่อ อ้างว่าสื่อถามคำถามไม่สร้างสรรค์ หรือมักตั้งคำถามชี้นำ หรือใส่ความรัฐบาล
-มักอ้างว่ารัฐบาลทำงานหนัก กว่าผลงานจะปรากฏ ต้องใช้ระยะเวลา หรือขอเวลาให้รัฐบาลทำงานก่อน อย่ามาจี้ หรือใจร้อน

5.พอสื่อขุดคุ้ย นักวิชาการออกมาติง กระแสเรื่องราวฉาวโฉ่เกี่ยวกับการทุจริต หรือการทำงานของรัฐที่ผิดพลาดมากขึ้น รัฐบาลโดยผู้นำรัฐบาล จะออกมาเกรี้ยวกราดใส่สื่อ เกิดความไม่พอใจสื่อนั้น สื่อนี้ ที่คอยขุดคุ้ย วิเคราะห์เจาะลึก นำเสนอ วิพากษ์วิจารณ์การทำงานรัฐบาลแบบเกาะติด สาวไส้อย่างตรงไปตรงมา เกิดอาการงอนสื่อ ในบางรัฐบาลถึงกับแทรกแซงการทำงานของสื่อ สั่งปิดสื่อ หรือกลั่นแกล้งไม่ให้สื่อนั้นเข้าทำเนียบ หรือตัดงบโฆษณา ที่เคยลงในสื่อนั้นออก สรุปคือสื่อคือคนผิด? เวลามีข่าวเสียๆ หายๆ เกี่ยวกับรัฐบาล หรือบ้านเมือง

6.พอไม่มีผลงานหนักๆ เข้า หรือผลงานไม่เข้าตาประชาชน

-ด้านเศรษฐกิจ จะโทษเศรษฐกิจโลกหรือต่างประเทศเป็นต้นตอที่ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศไม่ดีไปด้วย และมักแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคือง ด้วยการแจกเงินประชาชน เพราะคิดอะไรไม่ออก แจกเงินคนจน ง่ายดี (ซึ่งเป็นประชานิยม ประชารัฐ หรือประชาสงเคราะห์ แล้วแต่จะใช้คำอะไร ก็อีหรอบเดียวกัน)
-ด้านการเมือง จะโทษนักการเมืองเก่า หรือรัฐบาลก่อนหน้า ว่าเป็นคนสร้างปัญหาเอาไว้ ให้ตนมาแก้ไข จึงยาก แล้วในบางรัฐบาลถึงกับกลาวว่า เป็นเพราะประชาชนโง่ เลือกนักการเมืองแบบเก่าๆ เข้ามา สร้างปัญหา โดยไม่มองตัวเองว่าก็ไม่ต่างกัน
-ด้านสังคม เวลามีปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งในสังคม ข่าวอาชญากรรมในสื่อมากมาย จะโทษอิทธิพลของภาพยนตร์/ละครทางทีวี หรือละครน้ำเน่า เป็นต้นตอที่ทำให้คนในสังคมเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ซึ่งในความเป็นจริงคนที่ก่ออาชญากรรมโดยอ้างว่าได้รับอิทธิพลมาจากการดูละครหรือภาพยนตร์มีน้อยมาก ส่วนใหญ่มันเลวโดยสันดาน หรือตั้งใจที่จะก่ออาชญากรรมอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่หยิบยืมวิธีการจากภาพยนตร์หรือละครมาใช้เท่านั้น

7. ซื้อเวลาด้วยการปรับ ครม.ก่อน ในด่านแรก (ด้วยหน้าตาของโผ ครม.ใหม่ที่อาจจะหน้าตาดีกว่าเดิม แต่ประชาชนยังคงร้องยี้เหมือนเดิม) สาเหตุมักมาจากโพลสำรวจความนิยมชี้ว่าความนิยมในตัวรัฐบาลหรือผู้นำตกต่ำลง ไม่มีผลงาน หรือมีข่าว กระแสการทุจริตคอร์รัปชั่นในรัฐบาลมากมาย แต่การปรับคณะรัฐมนตรีที่ได้ใหม่นี้ ยังคงเอาคนที่ไม่เหมาะสมกับงาน หรือความรู้ความสามารถมาเป็นเหมือนเดิม เพราะเงื่อนไขในการปรับครม.นั้น แท้ที่จริงก็คือ การสับเปลี่ยนเพื่อคานอำนาจกันภายในมุ้ง เนื่องจากมีการเลื่อยขาเก้าอี้ หรือแทงข้างหลัง พร้อมที่จะทิ้งลำเรือรัฐนาวากัน หรือกลุ่มก้อนที่มีหลายกลุ่มที่หนุนหลังการจัดตั้งรัฐบาลนั่นเอง หรือ ปรับ ครม.ตามที่เคยให้สัญญากันไว้ ไม่ได้ปรับเพราะคำนึงถึงประชาชน หรือเพื่อสร้างผลงานใหกับประเทศชาติหรือประชาชนอย่างแท้จริง

8.เริ่มสร้างอีเว้นต์ เดินสาย เยือนต่างประเทศ หรือมีผู้นำจาก ตปท.มาเยือน จะออกข่าวใหญ่โต สร้างเครดิตด้วยการไปกล่าวปาฐกถา ตามงานซัมมิท มีทติ้ง ในเวทีสากลระดับโลก หรือเวทีสัมมนาในประเทศ สร้างภาพลักษณ์ ด้วยการมีซีนโชว์กึ๋น โชว์วิสัยทัศน์ ตามมาด้วยโปรเจ็คท์ขายฝัน เมกะโปรเจ็คท์ ที่จะผลาญเงินงบประมาณ สร้างหนี้สาธารณะในระยะยาว เพื่อสนอง need สนองกึ๋นตนเองว่าเป็นผู้นำที่มองการณ์ไกล สร้างอนาคต (หนี้บานตะไท) ไว้ให้ลูกหลาน

9.พอปลายรัฐบาล (ช่วงขาลง) เมื่อทำทุกอย่างแล้วไม่ได้ผล ก็จะงัดไม้เด็ด ที่จะเอาชนะใจ เอาคะแนนจากประชาชน ด้วยการออกมาพูดว่าจะปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ, ปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ อย่างจริงจัง (ซึ่งก่อนหน้านี้ อยู่มาจวนจะสิ้นรัฐบาล พูดให้ตายยังไง ก้นก็ไม่ขยับ ไขลานหยอดน้ำมันก็แล้ว ก็ยังเข้าเกียร์ว่าง เดินถอยหลังอยู่เป็นประจำ แต่พอมาช่วงนี้ จะขมีขมันออกข่าวเรื่องการปฏิรูปอย่างเป็นจริงเป็นจัง แต่ก็ไม่วายซื้อเวลาต่ออีก ด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษางาน หรือตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้นมาเพื่อทำงาน ทั้งๆ ที่ ถ้าตั้งใจจะปฏิรูปจริง มึงควรผ่านพ้นช่วงเวลาศึกษางานไปนานแล้ว และมันเป็นช่วงที่ต้องรื้อ ต้องลงมือทำเลย มิใช่ตั้งคณะกรรมการบ้าบอคอแตกอะไรอีก ขึ้นมาทำงาน แถมคนที่ตั้งมายังเป็นคนหน้าเดิมๆ ที่อยู่ในปัญหาเองนั่นแหละ หาใช่คนที่อยู่วงนอก หรือภาคประชาชน นักวิชาการที่รู้จริงเรื่องปัญหามาทำงานหรือทำหน้าที่ปฏิรูปแต่อย่างใด สรุปคือซื้อเวลาต่อจนวินาทีสุดท้ายของรัฐบาล เพื่อจะได้จบรัฐบาลไปก็ยังไม่ได้ทำห่าอะไรเลย เหมือนเดิม

10.ปลายรัฐบาลของจริง ทนเสียงโห่ไล่ โพลทุกโพลรวมหัวกันขยันทำกันจัง ออกมาชี้ว่า หมดความนิยม กระแสขาลงเต็มที่ เสียงยี้ เสียงกร่นด่าเต็ม 2 รูหู งัดไม้ตาย กลยุทธ์สุดท้าย เพื่อซื้อใจประชาชนหนสุดท้าย ด้วยการเดินสาย ประชุม ครม.สัญจร ไปตามต่างจังหวัด เพื่อให้ดูเหมือนรัฐบาลเข้าถึงประชาชน เป็นรัฐบาลติดดิน ลงไปรับฟังปัญหา แก้ไขปัญหาให้ประชาชนถึงถิ่น (แต่ทำไมมึงคิดช้า ทำช้าขนาดนี้ อยู่จนคนเขาโห่ไล่แล้ว ค่อยลงไปโอ๋ เอาใจเขา) ยังจำโมเดลอาจสามารถ ของรัฐบาลทักษิณได้มั๊ย และแล้วรัฐบาล คสช.ก็เลียนแบบเขาบ้าง ครม.สัญจรโคราชและภาคอีสาน (ภาคอีสานจะเป็นสมรภูมิที่นักการเมืองจะไปทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ขอคะแนนสงสาร และพูดตอแหลให้ฟังมากที่สุด สงสารคนอีสานที่สุด)  เพราะเห็นว่าทักษิณทำแล้วได้ผล ทางที่ดี ควรมีซีน กินไก่โชว์ นั่งช้าง ทำพิธีไสยศาสตร์ต่อกรรม ต่อดวงชะตาด้วย นะท่านผู้นำ ถึงจะครบสูตรสำเร็จ

ต่อคำถามที่ว่า แล้วรัฐบาลนี้กระแสความนิยมจะลดลงเหมือนที่โพลเขาทำสำรวจมาจริงเหรอ ก็ดูว่า รัฐบาลนี้มีพฤติกรรมอะไรที่มันต่างจากนักการเมืองเก่า ที่ตนเองไปทำรัฐประหารมาบ้างหล่ะ คำตอบมันก็ชัดเจนอยู่ในพฤติกรรมของรัฐบาลอยู่แล้ว 

โอ้ มายกอด , โอละพ่อ , เอวัง ด้วยประการฉะนี้







บทวิเคราะห์โดย หยิกแกมหยอก

วันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เกมออฟทน (นิยายแปลง) ตอนที่ 6






จากนวนิยายแฟนตาซี/ซีรีส์อันโด่งดัง Game of Thrones มหาศึกชิงบัลลังก์ สู่การแปลงเป็นนิยายแสบๆ คันๆเรื่อง เกมออฟทน มหาศึกปากมัน ณ แดนสาระขัณฑ์

เมื่อคนดีถูกทรยศหักหลัง คนชั่วลุ่มหลงมัวเมาเอาแต่ประโยชน์ฝ่ายตน ก็ถึงเวลาต้องแตกหัก รักสุดรักแค่ไหน ก็ต้องจำต้องทำลายกันให้สิ้นซากกันไปข้างหนึ่ง 

บทสรุปรวบยอดแบบยาวมาก จากองก์ที่ 4-5 (ตอนที่แล้ว) ก่อนจะเข้าสู่องก์ที่ 6





-ซานซ่าหนีตามปีเตอร์เบลิซไปยังปราสาทเอียรี่ ได้พบกับไลซ่า แอริน กับโรเบิร์ต บุตรชาย ที่ไม่สมประกอบนัก ไลซ่ายังคงรักในตัวปีเตอร์เบลิซ เธอคาดหวังว่าปีเตอร์จะกลับมาแต่งงานกับเธอ แต่เธอแอบเห็นปีเตอร์แสดงความรักต่อซานซ่าด้วยการจูบ เธอเกิดความหึงหวง และต้องการจะกำจัดซานซ่าในทันที แต่ปีเตอร์เบลิซ เข้ามาช่วยไว้ได้ทัน ปีเตอร์ตัดสินใจผลักไลซ่าตกจากหอคอยปราสาท จบชีวิตไป จากนั้นซานซ่ากับปีเตอร์ร่วมกันโกหกต่อสภาขุนนางในแคว้นแอริน ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการตายของไลซ่า เพื่อความอยู่รอด จากนั้นปีเตอร์ยังหลอกให้ซานซ่าไปยังวินเทอร์เฟล เพื่อไปแต่งงานกับแรมซีย์  โดยอ้างว่าตระกูลโบลตันเป็นพันธมิตรกับร็อบบ์ จะช่วยเธอได้ โดยปีเตอร์พาเธอไปพบกับแรมซีย์  คืนแต่งงาน ซานซ่าถูกแรมซีย์ข่มขืน กระทำชำเราจนเธอทุกข์ระทม ซานช่าเมื่อพบเจอธีออน อีกครั้งก็ไม่ไว้ใจ เพราะธีออนเคยทรยศต่อครอบครัวของเธอ และข่มขืนอยู่หลายคืนติดๆ โดยให้ธีออนได้แต่ฟังเสียงอยู่นอกห้อง แต่ธีออนสงสารในชะตากรรมของซานซ่าที่ถูกกระทำย่ำยีจากแรมซีย์เหมือนตน จึงพยายามที่จะช่วยเหลือซานซ่าหลบหนี โดยฉวยโอกาสตอนที่แรมซีย์ไม่อยู่ (แรมซีย์ยกทัพไปบดขยี้กองกำลังของสแตนนิสที่บุกมา) พาซานซ่ากระโดดหน้าผากำแพงแล้วหลบหนีไป แต่แรมซีย์พอรู้ก็ส่งหน่วยไล่ล่าและสุนัขจิ้งจอกของตนออกล่า ดีว่าบริแอนน์มาพบเจอแล้วช่วยเหลือไว้ได้ทัน
-ลอร์ดปีเตอร์เบลิซก็เดินทางมาพบเซอซี่ที่คิงส์แลนดิ้ง และบอกว่าตนเองรู้แล้วว่าซานช่าอยู่แดนเหนือ (แกล้งทำเป็นว่า รู้มาจากที่อื่น) ซึ่งซานช่ากำลังจะแต่งงานกันแรมซี่ลูกของลอร์ดรูส โบลตัน และนั่นจะทำให้โบลตันมีสิทธิ์ชอบธรรมในแดนเหนือทันที  ปีเตอร์เบลิซเสนอว่า ให้รอแสตนนิสกับโบลตันตีกันเองก่อน และถ้าฝ่ายใดชนะ คิงส์แลนดิ้งค่อยบุกไปตีฝ่ายที่รอด ซึ่งในตอนนั้นกำลังทัพของฝ่ายที่รอดส่วนใหญ่ ต้องอยู่ในสภาพอิดโรยและบาดเจ็บ ง่ายที่จะตีซ้ำ ซึ่งในตอนนี้ คิงส์แลนดิ้ไม่มีแม่ทัพเหลืออยู่เลย คิงทอมเมนยังเด็ก อาของเซอซี่ก็ขี้ขลาด(เซอซี่ว่างั้น) เจมี่ก็ไม่อยู่(ไปดอร์นชิงตัวเมย์เซลล่า) ปีเตอร์เบลิซ จึงอาสานำทัพอาณาจักรเวลล์ ของหุบเขาแห่งอารีนไปทำศึกครั้งนี้เอง โดยปีเตอร์เบลิซขอปกครองแดนเหนือถ้าทำสำเร็จ เซอซี่ก็ตกลง.. (ซึ่งถ้าเป็นไปตามแผนนี้ ลอร์ดปีเตอร์เบลิซก็จะมีสองอาณาจักรอยู่ในมือ คือ เดอะเวลล์ และ เดอะนอร์ธ) เจ้าตัวละครตัวนี้มันฉลาดเป็นกรด ตามตำราคือคบไม่ได้ คล้ายๆ ลิโป้ ในสามก๊ก
-อาร์ย่าเมื่อหลบหนีจากเงื้อมมือของเดอะฮาวน์ กับบริแอนน์ที่จะมาพาเธอกลับบ้าน เธอก็ออกเดินทางเพื่อที่จะข้ามเรือไปยังเมืองบราวอส เพื่อไปหานักฆ่าไร้หน้า จาเค็น โดยเมื่อตอนที่อยู่คิงแลนด์ดิ้ง จาเค็นเคยให้เหรียญแก่อาร์ย่าไว้ตามหาเขาให้เจอ เพื่อให้เขาสอนวิชาการต่อสู้ให้กับเธอ อาร์ย่าข้ามทวีปมาที่เมืองบราวอส เซอร์เมอริน ทรานท์ ยังคงสุขสำราญกับการทรมานเด็กสาว 3 คน ใช้ไม้ทุบตีเรียงคน แต่มีเด็กสาวคนหนึ่งทนเจ็บยืนนิ่งเฉยจนน่าแปลกใจ เซอร์เมอริน จึงไล่เด็กสาวอีก 2 คนออกไปก่อน จากนั้นก็กระทุ้งหมัดใส่เด็กสาวคนนี้ทรุดลงไปนั่ง แต่แล้วทันใดนั้น เด็กสาวคนนี้ก็แปลงโฉมเป็น อาร์ยา สตาร์ค ! กระโดดใช้มีดพุ่งแทงเข้าไปที่เบ้าตาเซอร์เมอริน จนบอดสนิททั้งสองข้าง กระหน่ำแทงอีกหลายแผล แล้วค่อยสาธยายเผยตัวตนเล่าความแค้นให้อัศวินชะตาขาดฟัง จากนั้นค่อยจับปาดคออย่างเลือดเย็น! หลังจากนั้น อาร์ยา กลับไปที่วิหารพหุพักตรเทพ ปรากฏว่า จาเค็น ฮาการ์ จับได้และรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว เพื่อเป็นการลงโทษที่นำหน้าคนจากวิหารนี้ไปใช้สังหารคน หนึ่งชีวิตที่เสียไปต้องแลกด้วยหนึ่งชีวิต จาเค็น นำยาพิษขึ้น เด็กสาวอีกคนจับอาร์ยาไว้แน่น แต่แล้ว จาเค็น กลับซดยาพิษตายคาที่เสียเอง! อาร์ยา ถึงกับช็อก วิ่งไปดูจาเค็นปรากฏว่า เด็กสาวที่ยืนจับเธออยู่เมื่อกี้ กลายเป็น จาเค็น!  (งงในงง กูยอมแล้ว) ชีวิตสับสน อาร์ยา งงเป็นไก่ตาแตก เธอจับหน้าศพที่นอนตาย ปรากฏว่าเปลี่ยนไปหลายหน้าเป็นใครก็ไม่รู้ (เปลี่ยนหน้าอย่างกับจับหน้าจอไอแพดเลยนะเธอว) สุดท้ายกลายเป็นหน้าตัวเอง!! จาเค็น บอกว่า "คนที่นอนตายตรงนั้น ไม่ใช่ใครและไม่มีตัวตน แต่ อาร์ยา ยังมีตัวตน ยังเป็นบางคน สำหรับคนที่มีตัวตน ใบหน้าก็เปรียบเสมือนยาพิษ" ทันใดนั้น อาร์ยา ก็ตาบอดเป็นต้อหินทันที
-แบรนผู้มีญาณหยั่งรู้ สืบทอดพลังจาก อีกา 3 ตา หลังจาก โฮดอร์ ยอมสละชีวิต เพื่อช่วยให้ มีรา รีด พา แบรน สตาร์ค หลบหนีจากกองทัพผีห่าภูติหิมะ แต่พวกเขาก็ยังเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่โชคดี เบนจิน สตาร์ค อาของแบรน ที่ตอนนี้เป็นครึ่งปีศาจครึ่งมนุษย์ โผล่มาช่วยไว้ได้ทัน และนำทั้งสองคนลงใต้มายังผากำแพง
-ยาร่า เกรย์จอย เมื่อรู้ว่าน้องชายถูกตระกุลโบลตันจับตัวไป จึงขอร้องให้พ่อ (บาลอน) ส่งกองกำลังไปช่วย แต่พ่อไม่เห็นด้วย ยาร่าจึงตัดสินใจบุกไปเดรดฟอร์ท เพื่อช่วยธีออน ด้วยตนเอง ลงเรือไปกับลูกน้องหลายคน แต่เมื่อไปถึง ธีออนไม่ยอมหลบหนี โดยอ้างว่าตนไม่ใช่ธีออน แต่เป็นริค ขณะแรมซีย์ต้องการจับตัวยาร่าที่บุกมาติดกับ ยาร่าตัดสินใจถอนกำลัง เมื่อเห็นว่าน้องชายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน และยอมเป็นทาสของแรมซีย์แล้ว เธอจึงกล่าวว่า ธีออนไม่ใช่น้องชายของเธออีกต่อไป  ยูรอน เกรย์จอย ลุงของยาร่ากับธีออน ทำการโค่นล้มอำนาจบารอน (บิดาของตน) ด้วยการสังหาร แล้วกะว่าจะเข้ามาฟื้นฟูเกาะเหล็ก ให้มีกองเรือที่ยิ่งใหญ่ แต่ธีออนสนับสนุนให้พี่สาวของเขาเป็นลอร์ดผู้หญิง แต่ยูรอนไม่ยินยอม โดยอ้างว่าหากมีผู้นำเป็นหญิงหรือผุ้นำที่ไม่มีกระจู๋ (ธีออน) ก็จะไม่สามารถเป็นผู้นำที่มีศักยภาพได้ ยาร่ากับธีออนตัดสินใจชิงกองเรือออกจากเกาะเหล็กทั้งหมด ตัดหน้ายูรอนที่กำลังหมดสติอยู่ โดยยาร่ากับธีออนตัดสินใจจะนำกองเรือไปเข้าร่วมเป็นพันธมิตรและสวามิภักดิ์ต่อกองทัพของเดเนริส เพื่อแลกกับการให้เดเนริสสนับสนุนเธอเป็นผู้นำแห่งเกาะเหล็ก
-ภายในราชสำนักคิงแลนด์ดิ้ง เมื่อต้องสูญเสียคิงจ็อฟฟรีย์ไป ก็จัดให้มีการสถาปนากษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นแทน ก็คือคิงทอมเมน พระอนุชาของจ็อฟฟรีย์เอง จากนั้นมาเจอร์รี่ก็ได้อภิเษกสมรสกับคิงทอมเมนด้วย เนื่องจากตระกูลแลนนิสเตอร์กับไทเรล ผูกสัมพันธ์กันแล้ว ที่จะให้ดองกันตั้งแต่รุ่นจ็อฟฟรีย์ พอจ็อฟฟรีย์ตายก็เปลี่ยนมาเป็นทอมเมน ดูเหมือนมาเจอร์รี่จะชื่นชอบและประทับใจในตัวทอมเมนมากกว่าเสียอีก เนื่องจากทอมเมนรูปร่างหน้าตาดีกว่า และอุปนิสัยใจคอดี เป็นเด็กหัวอ่อน ว่านอนสอนง่ายกว่าจ็อฟฟรีย์มาก  
-เซอร์บาริสตัน อดีตอัศวินฝีมือเยี่ยมที่เคยรับใช้คิงโรเบิร์ต ถูกปลดออกจากคิงแลนด์ดิ้ง เขาจึงเดินทางไปรับใช้แดเนอริส เนื่องจากสืบทราบว่าเดเนริส เป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลทาร์กาเรียนที่หลงเหลืออยู่ แล้วเขาเคยรับใช้ตระกูลนี้มาก่อน เซอร์บาริสตันเข้ามาถูกจังหวะ ช่วยชีวิตเดเนริสไว้ได้ เมื่อเธอเกือบจะถูกทำร้ายจากข้าทาสรับจ้างที่ไม่ชอบเธอ
-ทีเรียนถูกปรักปรำว่าเป็นคนฆ่าจ็อฟฟรีย์ โดยคนที่ให้การเป็นพยานคือเช หญิงสาวคนรักของเธอเอง เขารู้สึกผิดหวังและเสียใจมาก เมื่อถูกคุมขังรอการประหารชีวิต เจมี่บุกเข้าไปช่วยเหลือเขาให้หนีออกจากคุก แต่ก่อนที่ทีเรียนจะหนีออกจากคิงแลนด์ดิ้ง เขาไปยังห้องนอนของพ่อ (ไทวิน) พบว่าเช กำลังนอนเปลือยกายอยู่บนเตียงของพ่อ จึงรู้ว่าที่แท้เช แอบเป็นชู้กับพ่อตนเอง ซึ่งพ่อเคยกีดกันเขา ไม่ให้มีอะไรกับโสเภณีคนนี้ ทีเรียนโกรธแค้นจัด จึงลงมือสังหารเชจนเสียชีวิต และเดินเข้าไปยังห้องส้วม พบเห็นพ่อกำลังนั่งปลดทุกข์ ตัดสินใจใช้หน้าไม้ธนูยิงสังหารบิดาตนเองจนเสียชีวิต เป็นการจบชีวิตแบบปิตุฆาตของไทวิน ภายใต้เงื้อมมือลูกชังของตนเอง จากนั้นทีเรียนลงเรือหลบหนีไปพร้อมกับลอร์ดแวเรียสมุ่งหน้าสู่เอสซอส ที่เตรียมการหนีให้กับทีเรียนไว้แล้ว ระหว่างทางที่เขามาขึ้นฝั่ง เขาเผชิญกับการตกระกำลำบาก เกือบถูกจับไปขายเป็นทาส ดีว่าจอห์ร่า เมอร์มองค์มาช่วยไว้ได้ จอร่าห์พยายามกลับเข้าไปในกองทัพของเดเนริสอีกครั้ง ลอร์ดแวเรียสแนะนำให้ทีเรียนเสนอตัวเองเป็นที่ปรึกษาให้กับเดเนริส
-ในงานศพของลอร์ดไทวิน  เซอซี่ก็ได้พบกับอดีตญาติชู้รักของตนเองที่ชื่อ แลนเชล (แลนเชลยังเป็นคนรินไวน์จนทำให้คิงโรเบิร์ตเมาขาดและบาดเจ็บจนตาย) ซึ่งบัดนี้ แลนเชลคือหนึ่งในนักบวชลัทธิสแปร์โรว์ ซึ่งคลั่งการชำระบาปอย่างมาก สแปรโรว์นั้นมีอุดมการณ์แรงกล้าที่คิดว่า ทุกๆคนล้วนมีบาป ไม่เว้นแม้แต่ชนชั้นสูงอย่างราชวงศ์กษัตริย์ เซอซี่จึงคิดแผนการเลวร้ายบางอย่างได้ โดยคิดหาประโยชน์จากลัทธิคลั่งนี้ เพื่อกำจัดพวกไทเรลออกไปให้พ้นๆ ,เซอซี่ได้รับของขวัญที่ส่งมาจากดอร์น เป็นรูปปั้นงูที่คาบสร้อยของเมย์เซลล่า  (เอลลาเรีย แซนด์ ส่งของขวัญชิ้นนี้มา) เจมี่และเซอซี่รู้ทันที ว่านี่คือคำขู่ฆ่าลูกสาวของเธอเอง เจมี่จึงอาสาแอบไปอาณาจักรดอร์น เพื่อลอบชิงตัวเมย์เซลล่ากลับบ้านด้วยตนเอง และเจมี่ก็พาบรอนน์ไปดอร์นด้วย เซอซี่สั่งให้ลอร์ด เมส ไทเรล (พ่อของลอราสกับมาจอรี่) ไปเจรจากับธนาคารเหล็กในเมืองบราวอสทวีปเอสซอส เรื่องหนี้สินที่คิงส์แลนดิ้งติดค้าง โดยเซอซี่ส่งเซอร์เมอร์ลีนเดินทางไปอารักขาลอร์ดไทเรลด้วย เซอซี่นั้นปลดไฮเซปตัน หรือผู้นำสูงสุดทางศาสนาคนก่อนออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ ไฮสแปร์โรว์ ขึ้นเป็นไฮเซปตันคนใหม่ เซอซี่ให้อำนาจไฮสแปร์โรว์เต็มที่ในการจัดตั้งกองทัพศาสนา และมอบ เกรท เซปท์ ออฟ เบลอร์ ให้กับไฮสแปร์โรว์ไว้เป็นศูนย์กลางบัญชาการศาสนาด้วย เท่านั้นยังไม่พอ เซอซี่ยังชี้นำเบาะแสเรื่องราวของเซอร์ลอราสที่เป็นชายรักชาย ผิดจารีตของศาสนาอย่างแรง บรรดาสแปโรว์ (พวกนักบวชในลัทธิ) จึงไปจับตัวเซอร์ลอราสและขังทรมาน เพื่อให้เซอร์ลอราสสารภาพบาป
-แคว้นดอร์น เจ้าชายดอรัน มาร์เทล พร้อมด้วยเจ้าหญิงเอลลาเรีย แซนด์ มาส่งแขก เจมี แลนนิสเตอร์, เจ้าหญิงเมอร์เซลลา และ บรอนน์ ลงเรือกลับคิงส์แลนดิ้ง ก่อนจากกัน เจ้าหญิงเอลลาเรีย เดินมาขอโทษและจูบลาเจ้าหญิงเมอร์เซลลา อย่างเป็นมิตรหลังจากเรือออกจากฝั่ง ในห้องพัก เจมี ได้สนทนาอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหญิงเมอร์เซลลา และแล้วความลับก็เฉลย เจ้าหญิงเมอร์เซลลา สารภาพว่าเธอรู้แล้วว่า เจมี เป็นพ่อแท้ๆ แต่ช่วงเวลาความสุขนั้นแสนสั้น ระหว่างพ่อ-ลูกได้พูดคุยโอบกอดกันด้วยความปิติ เจ้าหญิงเมอร์เซลลา ก็เลือดออกจมูกช็อกตายต่อหน้า เจมี !!! ที่แท้เป็นเพราะจูบอาบยาพิษนั่นเอง !
-สแตนนิส บาราเทียน และกองกำลังของเขาบุกไปช่วยเหลือจอน สโนว์ ที่กำลังถูกพวกเผ่าคนเถื่อนรุมทำร้าย โดยแมนซ์ หน.คนเถื่อนถูกจับตัวได้ สแตนนิสต้องการให้เหล่าคนเถื่อนเป็นพวกไปร่วมรบกับตระกูลโบลตันที่ยึดวินเทอร์เฟลอยู่ จึงบอกจอนให้เกลี้ยกล่อมแมนซ์ให้ยอมเป็นพวก แต่แมนซ์ไม่ยอมก้มหัวให้ จึงถูกนำตัวไปเผาทั้งเป็น จอนตัดสินใจยิงธนูปลิดชีพแมนซ์ เพื่อไม่ให้เขาต้องทรมาน ท่ามกลางสายตาของคนเถื่อนอื่นๆ สแตนนิสต้องการให้จอนสโนว์เป็นจิ๊กซอว์สำคัญเกลี้ยกล่อมพรรคพวกที่หน่วยพิทักษ์ราตรี มาเป็นพันธมิตรกับตน เพื่อบุกยึดครองคิงแลนด์ดิ้งกลับคืนมา โดยจะเสนอให้จอน ได้ขึ้นเป็นราชันย์แห่งแคว้นเหนือ ที่ตำแหน่งว่างลง (เนื่องจากร็อบบ์ตาย) ซึ่งจอนรู้ดีว่า ภัยร้ายกำลังจะมาในไม่ช้า (คือกองทัพของพวกเหมันตภูติ white walker) แต่การที่สแตนนิสสังหารแมนซ์ หน.เผ่าคนเถื่อน ย่อมไม่เป็นผลดีต่อเขา เพราะเหล่าคนเถื่อนย่อมจะเข้าใจผิดตน
-ที่เดอะวอลล์ เมื่อเรื่องวุ่นๆจบลง และอีกไม่กี่ชั่วโมง จะถึงเวลาเลือกตั้งลอร์ดคอมมานเดอร์ไนท์วอซคนใหม่ คิงสแตนนิสเสนอให้ จอน สโนว์ คุกเข่ายกแดนเหนือให้ตนเอง แล้วตนจะอนุญาติให้ใช้นามสกุลสตาร์ค และเป็น จอน สตาร์ค ลอร์ดแห่งวินเทอร์เฟลที่แท้จริง ดีกว่าที่จอนต้องเป็นไนท์วอซ ที่ อาจจะได้อัลลิเซอร์เป็นลอดคอมมานเดอร์ เพราะสิ่งแรกที่อัลลิเซอร์จะทำหลังจากได้รับการเลือก คือกำจัดจอนแน่นอน แต่จอนก็เลือกที่จะยอมรับชะตา เพราะให้สัตย์สาบานตนเป็นไนท์วอซแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาเลือกตั้ง จอน สโนว์ ก็ได้รับเลือกให้เป็นลอร์ดคอมมานเดอร์คนใหม่ ได้คะแนนที่มากกว่าอัลลิเซอร์เพียงคะแนนเดียว (เมสเตอร์เอมอน ทากาเรี่ยน มอบผลโหวตสุดท้ายของตนเองให้จอน สโนว์) ลอร์ดคอมมานเดอร์ จอน สโนว์ แห่งไนท์วอซ คิดที่จะให้ทอร์มุนด์กลับไปรวบรวมคนเถื่อนที่อยู่นอกกำแพง และหนีเข้ามาอยู่หลังกำแพงให้หมด แล้วลอร์ดสโนว์จะยกที่ดินในแดนเหนือส่วนนึงให้คนเถื่อนอาศัย ลอร์ดสโนว์ต้องการกำลังคนมากที่สุดเพื่อสู้กับไวท์วอร์คเกอร์ และ ถ้าไวท์วอร์คเกอร์มา คนเถื่อนที่อยู่นอกกำแพงจะโดนเป็นพวกแรก ลอร์ดสโนว์สาบานตนปกป้องดินแดนมนุษย์ และคนเถื่อนก็คือมนุษย์เช่นกัน ทอมุนจึงออกความเห็นว่า ลอร์ดสโนว์ต้องไปที่ฮาร์ดโฮม ซึ่งเป็นดินแดนคนเถื่อนกับทอมุนด้วย ซึ่งการที่ลอร์ดสโนว์จะสงบศึกกับคนเถื่อนและให้ที่พักพิง ก็ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากไนท์วอซส่วนนึง แต่ลอร์ดสโนว์ก็ยังดึงดันจะทำตามความคิดนี้อยู่ดี  เรื่องที่ลอร์ดสโนว์จะรับคนเถื่อนมาอยู่ด้วยนั้น สร้างความเจ็บปวดให้กับหนุ่มน้อย ออลลี่ เป็นอย่างมาก เพราะครอบครัวตนเองทั้งหมดต้องตายด้วยคนเถื่อน และหนึ่งในคนเถื่อนที่สังหารยกครอบครัวออลลี่ก็คือ ทอร์มุนด์ นั่นเอง
 -ศึกทางเหนือ แม่มดแดงเมลิซานเดร เห็นน้ำแข็งเริ่มหลอมละลายจึงมโนเอาว่าเป็นลางดี นางเลยรีบเดินจ้ำอ้าวไปแจ้งต่อ แสตนนิส บาราเทียน ว่า "เทพแห่งแสงได้ทำตามสัญญาที่มอบไว้ ไฟของเทพช่วยหลอมละลายหิมะ หนทางจึงปรอดโปร่ง เทพแห่งแสงทรงให้ข้าเห็นธงโบลตันมอดไหม้" ส่วน แสตนนิส ไม่สนใจ เดินสะบัดบ๊อบออกไปอย่างไร้เยื่อใย เนื่องจากยังคงไม่สบอารมณ์ที่นังแม่มดแดงเป็นคนเสนอให้ตนต้องจับลูกสาวมาเผาทั้งเป็น แต่พอออกมาจากเต๊นท์ นายทหารทูลแจ้งว่ามีทหารรับจ้างหนีทัพไปกว่าครี่ง! แถมทหารอีกคนมาทูลแจ้งด้วยว่า ราชินีเซลีสตรอมใจผูกคอตาย ! สถานการณ์พลิกผัน นังแม่มดแดง ทำงามหน้าเปิดตูดขี่ม้าหนีออกจากค่ายไปยังปราสาททมิฬเฉย ส่วน แสตนนิส ได้แต่ยืนอึ้งมืดแปดด้าน แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นกษัตริย์ขี่หลังเสือแล้ว ยังไงก็ต้องเดินหน้าลุยต่อ! ปรากฏว่ายังไม่ทันตั้งขบวนทัพ ตระกูลโบลตันก็ยกพลมารุมสกรัมยำตีนกองทัพแสตนนิสเละเป็นโจ๊กแตกพ่ายภายในพริบตา ไม่เหลือรอดสักราย แต่ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์นักรบ แสตนนิส บาราเทียน เอาตัวรอดมาได้แบบหมดสภาพ เหมือนจะโชคดี สุดท้ายกรรมก็มาตามสนอง พอดริค เห็นความเคลื่อนไหวกองทัพของแสตนนิส จึงมาแจ้ง อัศวินสาวบริแอนน์ ถึงข่าวศึกครั้งนี้ พอรู้ว่าเป็นกองทัพแสตนนิส เธอจึงตัดสินใจผละออกมาและตามไปปลิดชีพแสตนนิส บาราเทียน ล้างแค้นให้ เรนลี บาราเทียน ได้ตามคำสาบาน
-เดอเนริส ได้ปกครองแคว้นมีรีน และขยายกองกำลังทหารฝ่ายของตนเพิ่มขึ้น ทั้งอ่าวค้าทาส กิสคาร และคาร์ธ จนกลายเป็นราชินีคาลิซีแห่งดินแดนเอสซอส เดเนอรีสยึดปีรามิดอันยิ่งใหญ่ของเมียร์รีนเป็นวังหลวงของตนเอง แต่แล้ว.. ก็มีกลุ่มนักฆ่าที่เรียกตนเองว่า Sons of the Harpy ซึ่งใส่หน้ากากทองปิดบังใบหน้า ทำการลอบฆ่าผู้ไร้มลทินของเดเนอรีส  การปะทะครั้งใหญ่ของบุตรแห่งฮาร์ปี้ ทำให้ผู้ไร้มลทินล้มตายไปหลายคน เกรย์วอร์มแม่ทัพของผู้ไร้มลทินบาดเจ็บหนัก และ เซอร์เซลมี่ก็ตายไปในการลอบฆ่าครั้งนี้ (ตอนนี้โดรกอนมังกรแดงนั้นบินหายไปแล้ว ส่วนอีกสองตัวถูกขังอยู่ใต้ปีรามิดเมืองเมียร์รีน) เดเนอรีสเสียใจมาก ที่เซอร์เซลมี่ตายไปเพราะคนขลาดที่ลอบฆ่าและซ่อนตัวอยู่ใต้หน้ากาก เดเนอรีสจึงจับนายทาสที่เหลือทุกคนในเมืองมาไต่สวน โดยการพาลงไปหาวีเซอเรี่ยนและเรียกัล (มังกรอีกสองตัวที่ถูกล่ามไว้ใต้ปีรามิด) นายทาสหนึ่งคนก็ถูกย่างสดด้วยเพลิงมังกร ก่อนจะถูกฉีกร่างแบ่งกันกิน และเดเนอรีสจะทำเช่นนี้ทุกวันกับนายทาสวันละคน จนกว่าจะมีใครสารภาพ ว่าใครอยู่เบื้องหลังการกระทำบุตรแห่งฮาร์ปี้
-ในวันไต่สวนความผิดเซอร์ลอราส ไทเรล ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนของเซอซี่ เมื่อไฮสแปร์โรว์สั่งให้จับกุมตัวควีนมาจอรี่ไปทรมานอีกคน ข้อหามีส่วนร่วมในการปิดบังให้เซอร์ลอราสพี่ชายของตน สร้างรอยร้าวที่ยากจะเหมือนเดิมให้กับคุณย่าโอเลนน่า ไทเรล ที่เซอซี่บังอาจทำให้หลานๆทั้งสองของโอเลนน่าต้องถูกพวกบ้าศาสนาจับ คุณย่าโอเลนน่า ไทเรล พยายามจะไปเจรจากับไฮสแปร์โรว์ให้ปล่อยตัวหลานทั้งสอง แต่ก็ไม่เป็นผล ระหว่างทางกลับ คุณย่าโอเลนน่าก็ได้สาส์นลับจากดอร์น



เกมออฟทน (ภาคที่ 2 บัลลังก์ดาบเหล็กสั่นสะเทือน) องก์ที่ 6 ฉากที่ 1 ที่เกรท เซปท์ ออฟ เบลอร์ อาณาจักรคราวแลนด์ 
ด้านเซอร์ซี่ ก็ถูกไฮสแปร์โรว์สั่งจับไปอีกคน ด้วยข้อหาสมรู้ร่วมคิดสังหารคิงโรเบิร์ต ข้อหาผิดประเวณีสมสู่กับน้องชายสายเลือดเดียวกัน ทุกอย่างที่เซอร์ซี่คิดไม่ดีมุ่งร้ายคนอื่นด้วยการให้อำนาจไฮสแปร์โรว์ จึงย้อนกลับมาเล่นงานตัวเธอเอง อย่างคาดไม่ถึง
เซอร์ซี่ “นี่มันอะไรกัน ไฮสแปร์โรว์ นี่แกจะเล่นงานฉันด้วยงั้นเหรอ ฉันเป็นคนอุปถัมภ์ค้ำจุนแกให้ได้ขึ้นมาเป็นสังฆราชนะ”
ไฮสแปร์โรว์  : “ไม่เกี่ยวกัน เซอร์ซี่ สิ่งที่เธอทำมันถือเป็นความผิดบาป เธอก็รู้ว่า วันนึงเธอก็ต้องชดใช้บาปกรรมนั้นเสีย ไม่เกี่ยวกับว่าเธอเป็นคนแต่งตั้งฉันเป็นสังฆราช แล้วจะไม่ต้องรับผิดใดๆ”
เซอร์ซี “แล้วที่ฉันบริจาคเงินช่วยเหลือวัดของแกให้ได้เงินทอดกฐินหลายพันล้าน นี่แกไม่รู้สึกสำนึกบุญคุณฉันเลยหรือไง ที่ดินที่ใช้สร้างวัด ฉันก็เป็นคนบริจาคให้แก อีกทั้งฉันยังยอมเป็นภิกษุณีแม่ชีจันขนนกยูง หรือสานุศิษย์ในระดับชั้นเทพให้กับแกอีก แกยังมีหน้าจะมาจับกุมฉันเพื่ออะไร”
ไฮสแปร์โรว์ : “ผิดเลยเซอร์ซี่ การที่แกบริจาคเงินให้กับทางวัดเยอะ มันเป็นการส่งเสริมบุญให้แกได้ไปนิพพานได้เร็วขึ้น อานิสงส์ผลบุญมันเกิดกับแกไปแล้ว ทางวัดไม่ได้บุญไปกับแกด้วย ส่วนชุดขนนกยูงเป็นกุศโลบายเพื่อไว้หลอกเศรษฐีโง่ๆ อย่างแก ให้มาบริจาคเงินกับทางวัดเราเยอะๆ ถ้าฉันให้แกแต่งชุดเซลาร์มูน แกจะเชื่อถือทางวัดของเราเหรอ ดังนั้นอย่ามารำเลิกบุญคุณ มันไม่เกี่ยวกัน”
เซอร์ซี่ “ไอ้แก่ มึงทรยศกู คอยดูเถอะ กูจะต้องเอาคืนมึงให้ได้คอยดู.....”
ไฮสแปร์โรว์  “เซอร์ซี่ กลิ่นคาวอสุจิ คาวเลือด และกลิ่นสาปแห่งความโลภ ละโมบ ตัณหาราคะในตัวเธอ มันส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งตลบอบอวล ไปทั่วเวสเทอรอส จำเป็นที่คณะลูกขุนแห่งเบลอร์จะต้องจับเธอลงตะกร้าล้างน้ำ เพื่อชำระบาปให้กลายเป็นคนบริสุทธิ์เสียที”
เซอร์ซี่ถูกคณะลูกขุนของศาสนจักรลงโทษ แห่ประจานความผิด ด้วยการกล้อนตัดผมให้สั้น และจับเดินแก้ผ้าไปตามท้องถนนตั้งแต่ เกรท เซปท์ ออฟ เบลอร์ ไปจนถึงปราสาทเรดคีฟในคิงส์แลนดิ้ง พร้อมด้วยชาวบ้านแห่มามุงดู และส่งเสียงตะโกนด่า สาปแช่ง ด่าทอของชาวบ้าน และถูกขว้างปาของสิ่งของใส่ ตามทางโรยด้วยกุหลาบให้เธอเดิน ทำเอารถติดไปทั่วสี่แยกราชประสงค์ ผู้คนกร่นด่าขบวนอีเว้นต์แห่แหนนี้เต็มทน แต่เมื่อรู้ว่าเป็นการแห่ประจานเซอร์ซี ราชินีตัวแสบ ผู้คนก็เข้าใจ
เวลานี้ภายในใจของเซอร์ซีเธอทั้งอับอาย ทั้งอัปยศอดสูใจ จนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี น้ำตาแห่งความช้ำสะเทือนใจ ไม่คิดว่า ชะตากรรมของราชินีหญิงแกร่งแห่งบัลลังก์เหล็ก จะต้องมีวันนี้



เกมออฟทน (ภาคที่ 2 บัลลังก์ดาบเหล็กสั่นสะเทือน) องก์ที่ 6 ฉากที่ 2 ลานหิมะ ด้านล่างของเดอะวอลล์ 
ที่เดอะวอลล์ แซม ทาร์ลี่ ขอให้ลอร์ดสโนว์อนุญาติให้ตนเองและกิลลี่กับลูกของนาง เดินทางไปที่โอลด์ทาวน์ในอาณาจักรเดอะรีซ เพราะในโอลด์ทาวน์นั้นคือที่อยู่ของ ชิทาเดล สถานที่ฝึกฝนเมสเตอร์ แซมต้องการเป็นเมสเตอร์มากกว่าเป็นไนท์วอซ และทั้งสามคนก็ออกเดินทางลงใต้ไปทันที  ด้านทางเซอร์ดาวอสที่กำลังถกเถียงกับลอร์ดสโนว์ เรื่องที่จะให้คนเถื่อนยกทัพลงไปช่วยสแตนนิส แต่สตรีแดงก็ขี่ม้ากลับมาคนเดียว และบอกว่าบัดนี้สแตนนิสพ่ายแพ้และถูกสังหารแล้ว ลูกเมียก็ไม่รอด โดยสตรีแดงยังไม่บอกความจริงกับเซอร์ดาวอส ว่านางเป็นคนสั่งเผาลูกสาวของสแตนนิสเอง
ลอร์ดสโนว์ : “ฮะ..แกพบคุณอาเบนเจน สตาร์ค แล้วงั้นเหรอ เขาอยู่ไหน”
อัลลิเซอร์ ธอร์น “นี่ไง....ฉันเจอดาบของอาแกในร่างของแก”   อัลลิเซอร์แทงดาบเข้าที่ช่องท้องของสโนว์
ในคืนนั้น ออลลี่เข้ามาหลอกลอร์ดสโนว์ว่า หนึ่งในคนเถื่อนเคยเห็น เบนเจน สตาร์ค  ข่าวว่าคนเถื่อนบอกว่าเห็นท่านอาของเจ้าอยู่แถวๆ HardHome ในคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งล่าสุด ลอร์ดสโนว์รีบลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็วโดยไม่ระวัง แต่พอ จอน สโนว์ ไปถึงจุดนัดพบ ปรากฏว่าไม่มีคนเถื่อน มีเพียงแค่ไม้กางเขนเขียนคำว่า "ทรยศ" ปักอยู่ พอหันมา แอลลิเซอร์ ธอร์น ก็ใช้มีดจ้วงแทง จอน สโนว์ เป็นคนแรก จากนั้นก็ตามด้วยสมาชิกหน่วยพิทักษ์ราตรีอีก 4 คน ปิดท้าย ไอ้หนูออลลี่ จ้วงแผลที่ 6 ทุกคนที่จ้วงพูดคำว่า "For The Watch" หรือ "เพื่อหน่วยพิทักษ์ราตรี" จากนั้น จอน สโนว์ ก็นอนตาค้างจมกองเลือด ..และนี่คือแผนการลอบสังหารลอร์ดสโนว์ โดยอัลลิเซอร์คือผู้อยู่เบื้องหลัง  ลอร์ดคอมมานเดอร์ จอน สโนว์ จึงตายลงด้วยน้ำมือผู้ใต้บังคับบัญชาของตน


จบองก์ที่ 6 แต่เพียงเท่านี้