เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-กลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส)
เผยแพร่วิดีโอล่าสุดในวันอาทิตย์ (15 ก.พ.)
แสดงการประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะกลุ่มชาวอียิปต์ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์จำนวน 21
คนในลิเบีย คลิปวิดีโอความยาว 5 นาทีดังกล่าว
ซึ่งมีการนำออกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของพวกสุดโต่งแห่งหนึ่งในวันอาทิตย์ (15)
ถูกระบุว่า
เป็นการฆ่าตัดศีรษะแรงงานชาวอียิปต์ที่นับถือศาสนาคริสต์จำนวน 21 คนบริเวณใกล้ชายหาดแห่งหนึ่งในประเทศลิเบีย
โดยเหยื่อทั้งหมดถูกพวกไอเอสลักพาตัวไประหว่างเดินทางจากบ้านเกิดเข้าไปหางานทำในลิเบียเมื่อไม่นานมานี้ เนื้อหาบางช่วงบางตอนในคลิประบุว่า
การฆ่าตัดศีรษะแรงงานชาวอียิปต์ที่นับถือศาสนาคริสต์จำนวน 21 คน
เป็นการแก้แค้นที่ชาวมุสลิมในอียิปต์ถูกกดขี่จากผู้มีอำนาจที่เป็นพวกชาวคริสต์นิกายคอปติกในแดนไอยคุปต์ ทั้งนี้ ลิเบียได้กลายสภาพจากดินแดนที่เคยได้ชื่อว่ามีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจมากที่สุดในแอฟริกาตอนเหนือไปสู่การเป็นดินแดนที่ไร้ขื่อแปหลังการล่มสลายของระบอบการปกครองภายใต้การนำของมูอัมมาร์
กัดดาฟีเมื่อปี 2011
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึง
ชาวอียิปต์จำนวนหลายพันคนเดินทางเข้าไปหางานทำในลิเบียอย่างต่อเนื่อง
แม้จะมีคำเตือนจากรัฐบาลอียิปต์
ถึงภัยคุกคามของพวกนักรบอิสลามิสต์ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มไอเอสในซีเรียและอิรัก
ก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ (13) กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส)
เพิ่งประกาศการจับวัยรุ่นอิสราเอลเชื้อสายอาหรับรายหนึ่งไว้เป็นตัวประกัน
โดยไอเอสกล่าวหาว่าตัวประกันรายนี้แฝงตัวเข้าไปเป็นนักรบ
เพื่อสืบความลับให้แก่หน่วยข่าวกรอง “มอสซาด” ของอิสราเอล ขณะที่ครอบครัวเหยื่อชี้ “ถูกลักพาตัว”
บทสัมภาษณ์ มูฮัมหมัด มูซัลลาม วัย 19 ปี
ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงนิตยสารออนไลน์ภาษาอังกฤษ “ดาบิค”
(Dabiq) ของกลุ่มไอเอส
ระบุว่าได้เดินทางไปร่วมต่อสู้กับไอเอสในซีเรียเพื่อสืบข้อมูลเกี่ยวกับคลังอาวุธ
ฐานที่มั่น ตลอดจนแนวร่วมไอเอสที่เป็นชาวปาเลสไตน์ และรายงานให้รัฐบาลอิสราเอลทราบ
แต่ตัวตนของเขาถูกเปิดโปงในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม
ซาอิดซึ่งเป็นบิดาของเขาออกมายืนยันว่าลูกชายไม่ใช่สายลับ
แต่หายตัวไประหว่างเดินทางไปท่องเที่ยวในตุรกี
และมูซัลลามก็เคยโทรศัพท์กลับมาแจ้งคนที่บ้านว่าเขาถูกลักพาตัวไปยังซีเรีย
แต่ถ้ายอมจ่ายเงินให้คนร้ายก็อาจจะรอดชีวิต
กลุ่มไอซิส
สุดโหดอีกแล้ว...จับตัวประกันนักรบชาวเคิร์ด 17 คน
ใส่กรงขึ้นรถประจานไปตามท้องถนนในเมือง เคอร์คุก ในอิรัก พร้อมขู่จะ ‘เผาทั้งเป็น’ ตัวประกันเหล่านี้
เหมือนกับนักบินจอร์แดน เมื่อ 14 ก.พ.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความเหี้ยมโหดของกลุ่มติดอาวุธมุสลิมหัวรุนแรง ‘รัฐอิสลาม’ หรือไอซิส ว่า ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ
เหตุการณ์สุดป่าเถื่อนในโลกออนไลน์ครั้งล่าสุด ด้วยการจับตัวประกัน
นักรบชาวเคิร์ด 17 คน หรือรู้จักกันดีในชื่อ ‘เปชเมอร์กา’
ขังไว้ในกรงและถูกนำแห่ขึ้นรถประจานไปตามท้องถนน
ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นเมืองเคอร์คุก ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอิรัก เนื้อหาในคลิปวิดีโอล่าสุดของกลุ่มไอซิส
ซึ่งมีความยาว เกือบ 4 นาที ได้แสดงให้เห็นเหตุการณ์สุดป่าเถื่อน
ขณะกลุ่มไอซิสนำตัวประกัน นักรบชาวเคิร์ดในชุดนักโทษแบบจั๊มสูท สีส้มใส่ไว้กรงขัง
และบรรทุกไว้บนท้ายรถกระบะ คันละ 1 กรง โดยมีสมาชิกกลุ่มไอซิส
ซึ่งมีปืนอาก้าเป็นอาวุธ และ ถือธงสีดำของกลุ่มไอซิส คอยควบคุมตัวอยู่
ท่ามกลางเสียงเชียร์ไชโยโห่ร้องของผู้คนสองข้างทาง เมื่อขบวนรถแล่นผ่าน ข่าวแจ้งว่า
สิ่งที่น่าวิตกมากที่สุดต่อชะตากรรมตัวประกันนักรบชาวเคิร์ด หรือเปชเมอร์กา
เหล่านี้ ก็คือ กลุ่มไอซิส ยังขู่ด้วยว่า พวกตนจะเผาทั้งเป็น นักรบชาวเคิร์ดทั้ง
17 คน เหมือนกับ เรืออากาศโทมูอัธ อัล-คาซาสเบห์ นักบินจอร์แดน
ที่ถูกกลุ่มไอซิสเผาทั้งเป็นมาแล้วเมื่อ 3 ม.ค.และเพิ่งมีการนำคลิปวิดีโอสุดโหดเกินบรรยายเผยแพร่เมื่อ
3 ก.พ.ที่ผ่านมา จนสร้างความสะเทือนใจและโกรธแค้นให้แก่ชาวจอร์แดน
และชาวโลกอย่างมาก.
กองกำลังสหรัฐฯ ไม่ปล่อย... ส่ง ‘โดรน’ ทิ้งระเบิดปลิดชีพ ‘มูลเลาะห์ อับดุล ราอูฟ’ อดีตหนึ่งในผู้บัญชาการกองกำลังตาลีบันในอัฟกานิสถาน
ที่ผันตัวเองกลายเป็นแกนนำระดับสูงกลุ่มไอซิสในอัฟกานิสถาน
คอยเกณฑ์คนหนุ่มไปเข้าร่วมกองกำลังติดอาวุธสุดโหดในอิรักและซีเรีย เมื่อ 10 ก.พ.
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น
รายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทางการระดับสูงในอัฟกานิสถานว่า กองกำลังสหรัฐฯ
ได้ส่งอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ทิ้งระเบิดปลิดชีพ นายมูลเลาะห์ อับดุล ราอูฟ
อดีตหน่ึงในผู้บัญชาการกองกำลังตาลีบันในอัฟกานิสถาน
และกลายมาเป็นแกนนำระดับสูงของกลุ่มไอซิส โดยคอยเสาะหา, เกณฑ์นักรบจากอัฟกานิสถาน
ไปเข้าร่วมกับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม หรือไอซิส ในอิรักและซีเรีย จากการเปิดเผยของ นายโมฮัมเหม็ด จาน ราซูลา
รองผู้ว่าจังหวัดเฮลมานด์ ใต้ ในอัฟกานิสถาน ระบุว่า
นายราอูฟได้ถูกโดรนของกองกำลังสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดโจมตี
ขณะนั่งอยู่ในรถยนต์ที่กำลังแล่นข้ามทะเลทรายในจังหวัดฮัลมานด์
จนทำให้เขาเสียชีวิต พร้อมกับเหล่านักรบอีก 5 คน ซึ่งในจำนวนนี้ 4 คน
เป็นนักรบจากปากีสถาน การเสียชีวิตของนายราอูฟ
ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวระดับสูงด้านความมั่นคงในอัฟกานิสถานเช่นกัน
ซึ่งถือเป็นการสิ้นชีพของผู้ก่อการร้ายตัวเอ้ ซึ่งเคยถูกคุมขังที่เรือนจำสหรัฐฯ
บนอ่าวกวนตานาโม มาแล้ว ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวให้กลับมาอยู่ในอัฟกานิสถาน โดย
นสพ.นิวยอร์ก ไทมส์ ในสหรัฐฯ เรียกนายราอูฟว่า
เป็นเครือข่ายกลุ่มไอซิสใหม่ที่มีความสำคัญในจังหวัดเฮลมานด์เลยทีเดียว
เครื่องบินรบของจอร์แดน
ออกปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่กลุ่มไอซิสในประเทศซีเรียถึง 56 ครั้งในช่วง 3
วันที่ผ่านมา เอาคืนกรณีไอซิสฆ่าโหดนักบินแล้วอัดคลิปแพร่ลงอินเทอร์เน็ต... สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน
อ้างการเปิดเผยของพลเอก มานซูร์ อัล-เจบูร์ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศจอร์แดน ว่า
จอร์แดนส่งเครื่องบินรบโจมตีทางอากาศใส่ฐานที่มั่นสำคัญและคลังอาวุธ
ของกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศซีเรียถึง 56 ครั้ง
ในช่วงเวลา 3 วันที่ผ่านมา ประเทศจอร์แดนยกระดับการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มไอซิส
ภายใต้ปฏิบัติการของกลุ่มพันธมิตรซึ่งนำโดยสหรัฐฯ ตั้งแต่วันพฤหัสบดี
จนถึงวันเสาร์ที่ผ่านมา (5 ก.พ.) เพื่อตอบโต้หลังกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้เผยแพร่คลิปวิดีโอการสังหารร้อยโท
มูอัธ อัล-คาซาสเบห์ นักบินของกองทัพจอร์แดนอย่างโหดเหี้ยมด้วยการเผาทั้งเป็นขณะที่เขาถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก พลเอกเจบูร์
กล่าวในงานแถลงข่าวถึงการโจมตีทางอากาศที่เกิดขึ้นว่า
พวกเขาได้รับในสิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้ พวกเขาทำลายศูนย์การขนส่ง, คลังอาวุธ และที่ซ่อนของนักรบของกลุ่มไอซิส
"การโจมตีนี้ลดขีดความสามารถของกลุ่มติดอาวุธกลุ่มเกือบ 20%"
พลเอกเจบูร์กล่าว และเผยด้วยว่า ในภารกิจนี้มีเครื่องบินรบของสหรัฐฯ
คอยให้ความช่วยเหลือด้านข่าวกรองและการสอดแนมด้วย
เอเจนซีส์-เกิดเหตุ 2 มือปืนนิรนามก่อเหตุกราดยิงกลางกรุงโคเปนเฮเกน
เมืองหลวงของเดนมาร์กในวันเสาร์ (14) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย
1 คน และทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างน้อย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากการยิงปะทะกับคนร้ายก่อนที่จะคนร้ายจะหลบหนีลอยนวลออกจากจุดเกิดเหตุ
ทางด้านนายกรัฐมนตรีเฮลเล
ธอร์นิง-ชมิดท์แห่งเดนมาร์ก
ออกคำแถลงที่มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ไปทั่วประเทศประณามเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นบริเวณศูนย์วัฒนธรรม
“ครุดต์ตอนเดน” กลางกรุงโคเปนเฮเกนในครั้งนี้และว่าเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้าย ด้านฟรองซัวส์ ซิแมราย
เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำเดนมาร์กซึ่งเดินทางไปร่วมการแสดงวิสัยทัศน์
เกี่ยวกับการแผ่ขยายอิทธิพลของขบวนการอิสลามสุดโต่งอยู่ในจุดเกิดเหตุ
ออกมาเปิดเผยว่า
เหตุโจมตีที่เกิดเป็นความพยายามของคนร้ายที่ต้องการเลียนแบบการสังหารหมู่ที่กองบรรณาธิการนิตยสาร
“ชาร์ลี เอ็บโด” ที่กรุงปารีส เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำเดนมาร์กเปิดเผยเพิ่มเติมว่า
มือปืนที่คาดว่าจะมีจำนวน 2 คนได้ลงมือกราดยิงไม่ต่ำกว่า 50
นัดในที่เกิดเหตุ
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเดนมาร์กระบุพบร่องรอยของการกราดยิงมากกว่า 200
นัด จนถึงขณะนี้มีการยืนยันการพบผู้เสียชีวิตเพียง 1 รายเป็นชายไม่ทราบชื่อซึ่งถูกยิงมากกว่า
1 นัด ขณะที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างน้อย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากการยิงปะทะกับคนร้ายก่อนที่จะคนร้ายจะหลบหนีลอยนวลออกจากจุดเกิดเหตุด้วยรถยี่ห้อโฟล์คสวาเกน
รุ่น “โปโล” ซึ่งถูกพบว่าถูกจอดทิ้งไว้ในเวลาอีกราว
2 ชั่วโมงต่อมา ล่าสุดตำรวจเดนมาร์กเผยแพร่ภาพถ่ายของชายคนหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นหนึ่งในมือปืนที่ก่อเหตุในครั้งนี้
พร้อมระบุผู้ต้องสงสัยน่าจะมีอายุราว 25-30 ปีและมีส่วนสูงราว
185 เซนติเมตร
เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ข้อมูลล่าสุดชี้ ขยะพลาสติกน้ำหนักรวมมากกว่า 8 ล้านตันถูกทิ้งลงสู่มหาสมุทรทั่วโลกในแต่ละปี ส่งผลกระทบอย่างเลวร้ายต่อระบบนิเวศน์ ข้อมูลการวิจัยล่าสุดที่จัดทำโดยองค์กร “Association for Marine Science” ในมลรัฐแมสซาชูเซ็ตต์สของสหรัฐฯ และมีการตีพิมพ์ลงในนิตยสารดังอย่าง “Science” ระบุ ในเวลานี้ทั่วโลกมีปริมาณขยะพลาสติกรวมกันสูงถึงกว่า 275 ล้านตันซึ่งในจำนวนนี้มีราว 3 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่า 8 ล้านตันที่ถูกนำไปทิ้งลงสู่มหาสมุทร ข้อมูลระบุว่าภายในสิ้นปี 2015 นี้ มีแนวโน้มที่ปริมาณขยะพลาสติกในมหาสมุทรทั่วโลกจะเพิ่มจำนวนสูงขึ้นจนแตะระดับ 9 ล้านตัน และที่มาของขยะพลาสติกในมหาสมุทรส่วนใหญ่ถูกระบุว่ามาจาก “ประเทศกำลังพัฒนา” จากผลการวิจัยดังกล่าวอ้างว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนคือประเทศกำลังพัฒนาที่ปล่อยขยะพลาสติกลงสู่มหาสมุทรสูงที่สุดในโลก คิดเป็นสัดส่วนราว 30 เปอร์เซ็นต์ของขยะพลาสติกในมหาสมุทรทั่วโลก ตามมาด้วยอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ศรีลังกา ไทย อียิปต์ มาเลเซีย ไนจีเรียและบังกลาเทศ ซึ่งติดอันดับ 10 ประเทศที่พบการทิ้งขยะพลาสติกลงสู่มหาสมุทรสูงสุด ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้เรียกร้องให้รัฐบาลของ 192 ประเทศทั่วโลกที่มีอาณาเขตติดต่อกับทะเลเร่งหามาตรการที่เป็นรูปธรรมในการจัดการกับปัญหานี้ เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) รายงานในคืนวันพุธ (11 ก.พ.) ยืนยันการเกิดแผ่นดินไหวทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาร์เจนตินา ใกล้พรมแดนชิลี ซึ่งสามารถวัดความรุนแรงได้ที่ระดับ 6.7 ตามมาตราแมกนิจูด ข้อมูลของยูเอสจีเอสระบุ ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ลึกลงไปใต้ดินราว 190 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเมืองเอล อากิลาร์ของอาร์เจนตินาไปทางตะวันตกราว 93 กิโลเมตร โดยในเบื้องต้นยังไม่มีรายงานการพบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวระดับ 6.7 แมกนิจูดครั้งนี้ รวมถึงยังไม่มีรายงานถึงความเสียหายของสิ่งปลูกสร้างและอาคารบ้านเรือนแต่อย่างใด ด้านกองทัพเรือของชิลีได้ออกคำที่แถลงมีการยืนยันว่า ไม่มีความเป็นไปได้ใดๆทั้งสิ้นที่จะเกิด “คลื่นสึนามิ” ตามมาจากผลพวงของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบริเวณพรมแดนชิลี-อาร์เจนตินาครั้งนี้ อย่างไรก็ดี มีรายงานจากสื่อท้องถิ่นที่ระบุว่า แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ นอกจากจะรับรู้ได้ในหลายเมืองของอาร์เจนตินาและชิลีแล้ว ยังมีการยืนยันถึงการรับรู้ของแรงสั่นสะเทือนที่เมืองบิญาซอนของโบลิเวีย ที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางของแผ่นดินไหวครั้งนี้ราว 154 กิโลเมตรด้วยเช่นกัน |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น