วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เมื่อหนังไทยปรับโหมดเข้าสู่ยุคหนังจิ้นวาย(ป่วง)ครองเมือง (เต็มตา ถึงใจ ถึงอารมณ์)

จากข่าวคราวที่อุตสาหกรรมหนังไทยในช่วง ปี 2 ปีมานี้อยู่ในภาวะซบเซาสุดขีด มีภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายตามโรงภาพยนตร์ในปี 2557 69 เรื่อง แต่มีเพียง 15 เรื่องที่ทำรายได้เกิน 10 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีเพียง 5 เรื่องที่ทำรายได้เกิน 50 ล้านบาท (ไอฟาย...แท้งค์กิ้วเลิฟยู,ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ยุทธหัตถี,คิดถึงวิทยา,ฝากไว้...ในกายเธอ,ไทม์ไลน์ จดหมายความทรงจำ) ส่วนปี 2556 มีหนัง 9 จาก 40 กว่าเรื่องเท่านั้นที่ทำรายได้เกิน 30 ล้านบาท (ข้อมูลจากสตาร์พิคส์สเปเชียลเยียร์บุ้ค)



 
มาถึงสถานการณ์ในปีนี้ 2558 (ช่วงครึ่งปีแรก มกรา-มิถุนา 2558) หนังไทยออกฉายโรงกว่า 20 กว่าเรื่อง แต่ทำรายได้รวมกันไม่ถึง 70 ล้านบาท (ข้อมูลจากเว็บผู้จัดการออนไลน์)..... (ไม่นับเรื่องไอฟายแท็งค์กิ้ว...ที่คาบเกี่ยวรายได้มาถึงต้นปีเพราะออกฉายปลายปี 2557) คิดถึงเพลงสาละวันเตี้ยลงเลย (ไม่ได้ล้อเลียนนะครับ) รู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์และภาพรวมของอุตสาหกรรมหนังไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะใน พ.ศ.นี้ หนังไทยเราพัฒนามาไกลมากแล้ว ไม่คิดว่าจะถอยหลังกลับไปสู่ยุคตกต่ำได้อีก จะอ้างเรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวก็ไม่น่าจะใช่ เพราะธุรกิจวงการเพลง กับทีวีดิจิตอลก็อยู่ในข่ายนี้ แต่ก็ยังเติบโตได้ แต่ประเด็นของบทความนี้คงไม่มานั่งตั้งคำถามถึงปัญหาหรือสาเหตุว่าเพราะเหตุใดผลลัพธ์ทางรายได้ของหนังไทยจึงทรุดฮวบลง คงมีหลายปัจจัยประกอบกัน (เศรษฐกิจรายได้ของคนไทยลดลง,ราคาค่าตั๋วหนังแพงขึ้น,ตัวเลือกของหนังจากต่างประเทศ,บท ประเด็นเนื้อหา โปรดักชั่น จุดขายของหนังไทยเริ่มถึงทางตัน,ความหลากหลายของแนวหนังไทย) แต่พอทางผู้กำกับ หรือผู้สร้างภาพยนตร์เริ่มคลำทางและเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ (หรือเปล่า?) กับหนังไทยแนวใหม่ (จริงๆ ก็ไม่ใหม่แล้ว แต่มีการเป่ลี่ยนมุมมองในการนำเสนอใหม่) จึงหันเห เทหน้าตักมาแนวนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน (เอาอีกแล้ว เหมือนเมื่อก่อนที่บ้านเราเคยแข่งกันทำแต่หนังวัยรุ่น กระโปรงบานขาสั้น, หนังผี ,หนังตลกคาเฟ่ ,หนังกระเทยเป็นตัวเอก) แต่ไม่ว่ามันจะกลายเป็นกระแสเพียงช่วงสั้นๆ หรือยืนระยะได้ยาวเป็นแนวหนังหลัก ทางเลือกใหม่ อยางไรก็ตาม ก็ขอให้มันช่วยมาฉุดหนังไทยให้กระเตื้องขึ้นหรือโผล่พ้นปากเหวในช่วงนี้ได้ก่อน ก่อนที่มันจะซึมยาวแล้วกลับไปสู่ยุคมืดในอดีตที่หนังไทย ไม่มีคนสนใจดู หรือเป็นหนังทางเลือกเฉพาะกลุ่มไป ยิ่งในภาวะที่การแข่งขันของอุตสาหกรรมหนังฮอลลีวู้ดก้าวไกลและพัฒนาถึงขีดสุด หนังเอเซียกลับมาบูมมากขึ้นอีก (จีน,อินเดีย,เกาหลี) จริงๆ ก่อนหน้านี้เมื่อซัก 2-3 ปีก่อนหน้านั้น หนังไทยโกอินเตอร์เป็นว่าเล่น และมีการคาดคะเนกันว่าอุตสาหกรรมหนังไทยจะครองความเป็นหนึ่งในอาเซี่ยนหรือ AEC แต่ช่วงหลังปีสองปีมานี้ อุตสาหกรรมหนังฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโด มาเลย์ เขาก็พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก ประเทศไทยจะย่ำอยู่กับที่ก็คงจะไม่ได้ แม้ว่าโมเมนตัมจะมุ่งมาสู่ไทยที่จะกลายเป็นศูนย์กลางของ AEC แต่ก็เป็นดาบสองคม หากว่าประเทศอื่นทำดีกว่า เขาก็มีสิทธิ์ที่จะมาเจาะตลาดบ้านเราได้อย่างสบายเช่นกัน   

ไม่รู้ว่าหนังวาย มันเป็นกระแสมาตั้งแต่เมื่อไร แต่ดูเหมือนว่าในช่วง ปี สองปีมานี้ มาแรงมาก นับจากหนังแนวเกย์กระเทยของพจน์อานนท์ ในตระกูล ปล้นนะยะ เพื่อนกูรักมึงหว่ะ หอแต๋วแตก แต๋วเตะตีนระเบิด,สตรีเหล็กตบโลกแตก ,วัยเป้งนักเลงขาสั้น ,ชุด ม.6/5 ถึงเรื่องล่าสุด เลิฟเฮี้ยวเฟี้ยวต๊อด ,หนังของผู้กำกับ กอล์ฟ ธัญญ์วาริน อย่างหนังต้องห้ามฉาย Insects in the Backyard,It Gets Better ไม่ได้ขอให้มารัก,เลิฟสุดจิ้นฟินสุโค่ย,ร.ด.เขาชนผีที่เขาชนไก่,คืนนั้น Red Wine in the Dark Night ยังมีหนังสั้นอีก..ฯลฯ  หนังในกลุ่มหนังเกย์ของจีทีเอช ตั้งแต่ สตรีเหล็ก แก๊งค์ชะนีกับอีแอบ ตั๊ดสู้ฟุด ,หนังเกย์ของค่ายสหมงคลฟิล์ม คู่แรด,โกยเถอะเกย์,รักแห่งสยาม, หนังหญิงรักหญิงชื่อดังอย่าง yes or no ,หมวยจิ้นดิ้นก้องโลก,คืนไร้เงา,She เรื่องรักระหว่างเธอ,เด็กสาว,TomGay มึนรักสลับขั้ว,Love Among us (1448 รักเราของใคร) หนังเกย์ในกลุ่มที่เลียบๆ เคียงๆ ที่ไม่ได้บอกตรงๆ ว่าเป็น เช่น รักฝังเขี้ยว,หล่อลากไส้ ฯลฯ หนังของมะเดี่ยว ชูพงศ์ นอกจากรักแห่งสยาม หนังสั้นๆ 1 ใน 3 พาร์ทในเรื่อง Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ หรือหนังในกลุ่มของเจ้ย อภิชาตพงศ์ เช่น สัตว์ประหลาด,หัวใจทระนง  หนังเกย์ที่บอกโจ้งๆ เลยก็มี อาทิ สีลมซอย 2,เกย์เว้ยเฮ้ย,เซ็งเป็ด,ไทม์ไลน์ เพราะรักไม่สิ้นสุด,Love's Coming ใช่รักหรือเปล่า,Vergin Am I รักแรกกระแทกจิ้น หนังเกย์ที่มาในรูปของหนังอินดี้ ขายพล็อต หรือเป็นหนังที่มีทางของหนังที่เป็นหนังอิสระ มีความเป็นหนังดราม่า โรแมนติก อาทิ  พี่ชาย My bromance, Teacher and Student ครูและนักเรียน,สัญญาแห่งคิมหันต์ Summer to Winter และพอมาปีนี้ หนังแนวจิ้นวาย มาเป็นล็อตใหญ่และออกฉายใกล้ๆ กัน อาทิ  My Hero (หนังไทยที่เขาว่ากันว่าดีที่สุดในปีนี้), คืนนั้น Red Wine in the Dark Night, อนธการ The Blue Hour ,love love you อยากบอกให้รู้ว่ารัก เป็นต้น
ลิ้งค์อ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับรายได้ของหนังไทยตรงนี้
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9580000068266 

http://news.thaipbs.or.th/content/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%96%E0%B8%94%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2

http://pantip.com/topic/33870720

อีกทางออกหนึ่งของหนังไทย สร้างหนังแนวเฉพาะกลุ่มแบบลงลึกทั้งประเด็นเนื้อหาและโปรดักชั่นดี การแสดงถึง

My Hero  ผลงานการกำกับของ Josh Kim
 
หนังบอกเล่าผ่านสายตาของโอ๊ต (โทนี่ รากแก่น) ที่ย้อนนึกถึงตอนวัยเด็ก (อิงครัต ดำรงค์ศักดิ์กุล) ที่อยู่กันลำพังกับพี่ชายชื่อเอก (ถิร ชุติกุล) ในช่วงที่เอกต้องเข้ารับการคัดเลือกเป็นทหารซึ่งจะทำให้ต้องห่างจากโอ๊ตถึง 2 ปี โอ๊ตพยายามหาทางที่จะช่วยไม่ให้เอกไปเป็นทหาร แต่กลับกลายเป็นนำพาไปสู่เหตุการณ์ร้ายที่ยากจะคาดเดาซึ่งได้สอนให้โอ๊ตได้เข้าใจโลกมากขึ้น  หนังได้รับแรงบันดาลใจจากเรื­องสั้น At the Café Lovely และ Draft Day จากหนังสือรวมเรื่องสั้น Sightseeing ของนักเขียน เชื้อชาติไทย-อเมริกัน รัฐวุฒิ ลาภเจริญทรัพย์ ภายใต้การกำกับของผู้กำกับชาวเกาหลี จอช คิม  ความเห็นจากผู้ชมและสื่อโดยรวมแทบจะเห็นพ้องกันเลยครับว่านี่น่าจะเป็นหนังไทยที่ดีที่สุดของครึ่งปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ชอบที่หนังวิพากษ์วิจารณ์สังคมไทยได้อย่างแสบสันต์ การทีบทหนังที่คมคาย ความสัมพันธ์ที่ซาบซึ้งของพี่น้อง และการแสดงอันยอดเยี่ยมของนักแสดงนำที่น่าจะได้เข้าชิงรางวัลในปีหน้าแน่ๆ ครับ ที่สำคัญก็คือถึงแม้จะมีตัวละครอย่างเอกที่เป็นเกย์ แต่หนังแทบไม่ได้แตะประเด็นเพศสภาพเลย ทำให้ตัวละครเกย์ในเรื่องเป็นเหมือนคนปกติทั่วไปแบบที่ยังไม่ค่อยได้เห็นในหนังไทย

อนธการ The Blue Hour จากหนึ่งในซีรี่ย์ชุดเพื่อนเฮี้ยนโรงเรียนหลอน ตอนคืนสีน้ำเงิน สู่การนำไปขยายความต่อยอดเป็นภาพยนตร์ โดยผู้กำกับ อนุชา บุญวรรธนะ ได้นักแสดงนำจากซีรี่ย์ชุดเดียวกันอย่างโอบ นิธิ,กัน อรรถพันธ์  ได้ไปฉายโชว์ในเทศกาลหนังเบอร์ลิน สาย panorama เห็นว่ากระแสดีใช้ได้   เรื่องย่อ คืนสีน้ำเงิน ในซีรี่ย์ชุดเพื่อนเฮี้ยนโรงเรียนหลอน คือชีวิตวัยรุ่นของ ตั้ม เต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียนหรือที่บ้าน ความสุขเดียวของตั้มกําลังจะเกิดขึ้นวันนี้ เพราะตั้มจะได้เจอกับ ภูมิ เพื่อนทางอินเทอร์เน็ต ทั้งสองคนนัดเจอกันที่สระว่ายน้ําร้างหลัง­โรงเรียน ที่สระร้างภูมิเล่าให้ตั้มฟังถึงเรื่องผีบังตาที่ทําให้มีคนจมน้ําตายทุกปี ทั้งภูมิและตั้มไม่เคยคิดว่าเรื่องผีที่เล่ากันในวันนี้จะอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด...­..

 
คืนนั้น Red Wine in the Dark Night  หนังของผู้กำกับ กอล์ฟ ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฏ์

เรื่องย่อ คืนนั้น Red wine in the dark Night คืนหนึ่ง "ไวน์" (ฟลุค) หนุ่มน้อยน่าใส เขาได้พบกับ ชายหนุ่มหล่อลึกลับคนหนึ่งซึ่งความจำเสื่อม ไวน์จึงพาเขากลับมาที่ที่พัก ชายลึกลับคนนี้มีดวงตาสีแดงก่ำ ไวน์หาอาหารให้เขากิน แต่เขาก็อ้วกออกจนหมด เขาเริ่มหมดแรง กำลังจะสิ้นลมหายใจ แต่เมื่อไวน์จะวิ่งไปขอความช่วยเหลือจนหกล้มลง เลือดออก กลิ่นเลือดทำให้ชายคนนั้นตื่นขึ้นมาและคลานมาดูดกินเลือดที่แผลของไวน์ ไวน์และชายคนนั้นจึงเริ่มรู้ว่า เขาไม่ได้กินอาหารเหมือนคนปกติ เขากินเลือดเป็นอาหาร!!! ไวน์สงสารเขาจึงให้กินเลือดตัวเองเพื่อเก็บเขาเอาไว้ และตั้งชื่อให้เขาว่า "ไนท์" (แมค) ในขณะเดียวกันนั้นไวน์ก็กำลังมีปัญหากับ "ตี๋" (วิน) หนุ่มคนรักที่กำลังจะเลิกกับไวน์เพราะ กัน (โดม) ระเบิด (แบงค์) ไม้ (มายด์) เพื่อนสนิทของตี๋ที่กดดันให้เขายอมรับว่าเป็นเกย์แต่เขาไม่ยอมรับ ส่วน "พี่บอย" (อาร์)หนุ่มนักธุรกิจที่รักไวน์มานานและมีบุญคุณกับไวน์มากก็เร่งเร้าให้ไวน์ตัดสินใจรับรักเขาเสียที ไวน์ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี ทั้งกับ ตี๋ คนที่ไวน์เคยรัก พี่บอยคนที่ไวน์ไม่เคยรัก และ ไนท์ คนที่ไวน์กำลังตกหลุมรัก ความรักของไวน์ครั้งนี้จึงเดิมพันด้วยเลือดและน้ำตา

 
 
ตัวอย่าง love love you อยากบอกให้รู้ว่ารัก
 
 
ยังมีหนังไทยที่สร้างโดยอิงฐานกลุ่มเป้าหมายภูมิภาคแบบป่าล้อมเมืองอย่าง ผู้บ่าวไทบ้าน ที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้อย่างคาดไม่ถึง หนังไทยที่มีพล็อตประเด็นหนักๆ สร้างอิงจากเรื่องจริง อย่าง ละติจูดที่ 6 ,หนังรักที่มีประเด็นอื่นสอดแทรก อาทิ เพื่อนขีดเส้นใต้  หรือหนังแนวอัตชีวประวัติบุคคลสำคัญอย่าง ฟ.ฮีแลร์ แต่ดูเหมือนไม่เป็นกระแส แต่หากว่าดีจริง ก็น่าจะยังได้รับการสนับสนุนจากผู้สร้างใหญ่ๆ หรือสปอนเซอร์ แต่หากไม่มีจุดขายใดที่เด่นชัดหรือพล็อต ประเด็นเนื้อหาที่น่าสนใจ อาจจะไม่ประสบความสำเร็จเหมือนอย่าง เรื่อง ศรีธนญชัย... 555 ,เลิฟสุดจิ้น ฟินสุโค่ย,หมวยจิ้นดิ้นก้องโลก,ฉลุยแตะขอบฟ้า เป็นต้น
นี่เป็นตัวอย่างของการหาทางออกให้กับหนังไทยรูปแบบหนึ่ง ไม่ได้บอกหรือสรุปว่านี่เป็นแนวทางที่มาถูกทางแล้วหรือไม่ หรือสร้างเพื่อเอาใจกลุ่มเป้าหมายหรือผู้ผลิตแต่อย่างใด มันจะเป็นเพียงกระแสที่พาไป วันหนึ่งก็เหมือนลมที่พัดผ่าน หรืออาจกลายเป็นกระแสหลัก เป็นทางเลือกที่มีผู้ชมกลุ่มใหญ่รอการสนับสนุนอยู่ก็เป็นได้ แต่อย่างน้อย ก็เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นของบท การตีความ การชี้ประเด็น โปรดักชั่น และการแสดงที่ดีของนักแสดงวัยุร่นหน้าใหม่ ที่หลายคนฉายแววรุ่งในอนาคต และก็น่าจะพัฒนาต่อยอดไปเล่นหนังแนวอื่นได้อีกมาก ในยุคที่ผู้สร้างไม่ค่อยกล้าเสี่ยงที่จะสร้างหนังแนวใหม่ๆ ที่ฉีกตลาดไปมาก หรือไม่กล้าสร้างหนังโปรเจ็คท์ใหญ่ หรือทุ่มทุนมหาศาลด้านโปรดักชั่น เพราะเสี่ยงจะแป้กหรือขาดทุนได้มากทีเดียวในยุคนี้ หากว่าไม่ทำการศึกษาแนวทางตลาดหรือทำการบ้านกับบทหรือประเด็นให้คมชัด ดูตัวอย่างหนังของท่านมุ้ย ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ที่ ภาคท้ายๆ (ยุทธหัตถี,อวสานหงสา) ก็ไม่ค่อยทำเงินแล้ว (เมื่อเทียบกับภาค 1,2) หรือหนังของคุณชายอดัม เรื่องล่าสุด (ผีห่าอโยธยา) ก็แป้กไม่เป็นท่า แม้จะมีพล็อตที่ใหม่ โปรดักชั่นดีแล้วก็ตาม   

อากับหลานคุยกัน ตอนที่ 3 (ดาราคือวาระแห่งชาติ,ทีวีดิจิตอลรายการเหมือนกันไปหมด,บ้านเมืองมีแต่ปัญหา,เด็กไทยเก่งหรือเกรียน,นายกเป็นกบแบบไหน)


อากับหลานคุยกัน  ตอนที่ 3 

(เรื่องของดาราเป็นวาระแห่งชาติ,ทีวีดิจิตอลรายการเหมือนกันไปหมด,บ้านเมืองมีแต่ปัญหา,เด็กไทยเก่งหรือเกรียน,นายกเป็นกบแบบไหน)

หลาน : ทำไมดาราสมัยนี้ถึงได้เป็นข่าวออกทีวีบ่อยจัง แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ผมไม่เห็นอยากจะรู้เลยว่าเขามีแฟนชื่ออะไร ไปรักกันตอนไหน แล้วเลิกกันเพราะอะไร ทำไมต้องมาบอกให้เรารู้ด้วยครับ

อา : นั่นหน่ะซิ อาก็ไม่เห็นอยากจะรู้เลย แต่นักข่าวก็พยายามจะไปขุดคุ้ยเอามาออกให้เราทราบจนได้ ถ้าเป็นสำนักข่าวบันเทิงก็คงจะไม่แปลก แต่นี่เดี๋ยวนี้แม้กระทั่งสำนักข่าวการบ้านการเมืองและสำนักข่าวสายเศรษฐกิจก็เล่นประเด็นข่าวดารากับเขาเหมือนกัน เพื่อเรียกเรตติ้งว่างั้น อ้างว่าชาวบ้านเขาอยากรุ้ เดี๋ยวนี้เรื่องของดารากลายเป็นวาระแห่งชาติไปแล้วหลานเอ้ย

หลาน :  สมัยคุณอามีเรื่องข่าวดารารักๆ เลิกๆ แบบนี้บ้างมั๊ยอ่ะครับ ที่มาออกข่าวได้ทุกวันเลย

อา : ก็มีนะ แต่ก็จะอยู่ในหมวดข่าวบันเทิง และก็รู้หรือติดตามกันแต่ในแวดวงคนทีชอบเสพข่าวบันเทิง หรือคอลัมน์ซุบซิบกอสซิบเท่านั้น อาจเป็นเพราะยุคสมัยนี้มันมีโซเชียลเน็ตเวิร์คด้วยมั้ง พอมีข่าวใครเป็นประเด็นก็เลยถูกแชร์ ถูกส่งแชร์กันไป จนกลายเป็นกระแสไปทั่ว นักข่าวก็อาศัยไปเจาะข่าวดาราจากกระแสจากโซเชียลมีเดียอีกทีนั่นแหละ

หลาน :  คุณอาครับ ทำไมทีวีดิจิตอลบ้านเรามีตั้ง 24 ช่อง แต่ทำไมทุกช่องเสนอรายการบันเทิงเหมือนกันไปหมดครับ มีข่าวเหมือนกัน มีละครเหมือนกัน มีเกมส์โชว์ ประกวดร้องเพลง ชกมวย ซีรี่ย์เกาหลี ซีรี่ย์อเมริกา การ์ตูน รายการอาหารเข้าครัว เหมือนกันไปหมดเลยครับ แล้วบางทีฉายชนกันด้วย เวลาเดียวกันอีกนะครับ แล้วอย่างนี้ ผมจะดูช่องไหนดีหล่ะครับคุณอา

อา : นั่นหน่ะสิ อาก็ไม่รุ้ เปลี่ยนไปตรงไหน เจอรายการดี หากถูกใจ ก็หยุดดูที่ช่องนั้นแหละ เลือกไม่ถูกเหมือนกัน นี่เป็นผลของการแข่งขัน ประชาชนก็เลยโชคดีที่มีช่องให้ดูเพิ่ม แต่ในความโชคดีนั้น ก็มีความโชคร้ายอยู่ด้วยก็คือ ทุกช่องก็แข่งกันทำรายการเนื้อหาที่คล้ายคลึงกัน เหตุเพราะว่า ถ้าช่องใดมีเรตติ้งสูงในช่วงเวลาใด เป็นรายการประเภทใด ช่องอื่นๆ ก็แห่ทำตามกันเป็นสูตรสำเร็จเหมือนๆ กัน นี่แหละที่ทำให้ สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีความหลากหลายของรายการทีวีให้เราเลือกดูมากนัก เพราะผู้ผลิตจำนวนมากเลือกที่จะทำรายการเหมือนกับช่องคู่แข่ง เพราะอิงกระแสเรตติ้งจากช่องหลัก แต่ก็มีอยู่บ้างที่เป็นช่องทางเลือก เลือกที่จะทำรายการที่แตกต่างออกไป แต่สุดท้ายหากไม่มีคนดู หรือคนดูน้อย เขาก็อยู่ไม่ได้ จึงหันมาทำรายการเหมือนคนอื่นบ้าง มันจึงวนกลับมาเป็นวงจรอุบาทว์อยู่อย่างนี้ไง วงการทีวีไทย

หลาน :  คุณอาครับ เห็นช่วงนี้ บ้านเมืองของเรามีแต่ปัญหา มีเต่เรื่องเสียหาย ถูกต่างชาติอย่างอเมริกาและยุโรปกดดัน ไหนจะเศรษฐกิจไม่ดีอีก นี่มันยุคตกต่ำของประเทศไทยหรือครับ

อา :   เฮ้อ....ถ้าพูดถึงปัญหานะ ประเทศไหนๆ ก็มีปัญหากันทั้งนั้นแหละ มีมากบ้างน้อยบ้าง และก็ขึ้นอยู่กับผู้บริหารประเทศจะเข้าใจปัญหาและดำเนินการแก้ไขอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพหรือไม่ก็แค่นั้นแหละ อย่างเรื่องปัญหา ภัยแล้ง น้ำท่วม พืชผลการเกษตรไม่ดี อันนี้ก็เห็นกันมาทุกปี ต้นตอของปัญหาเป็นอย่างไร คิดว่าถามเด็กๆ อย่างพวกหลานๆ ก็ยังตอบได้เลย แต่ที่มันยังมีปัญหาให้ตามแก้อยู่ทุกปี พูดถึงอยู่ทุกปี ก็เพราะผู้บริหารประเทศมีวิสัยทัศน์ที่จะมองปัญหาอย่างเข้าใจ และดำเนินการแก้ไขอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเกิดประสิทธิภาพแค่ไหน ในแต่ละยุคสมัย ถ้าเราได้รัฐบาลที่เก่ง และทำงานเป็นปัญหาที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของเราก็จะทุเลาเบาบางลง แต่คงต้องเผชิญไปแบบนี้แหละ ไม่มีทางที่แก้แล้วจะหายขาดกันไป ส่วนปัญหาประเภทที่เกิดจากเชื้อราหมักหมม หมกเม็ด ซ่อนขยะไว้ใต้พรม อย่างเรื่องมาตรฐานการบินของไทย , ปัญหาการค้ามนุษย์ , ปัญหาการทำประมงที่ไม่ถูกต้องตามหลักสากล , ปัญหาการปฏิบัติต่อชาวต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาประเทศไทยหรือผู้อพยพที่ต้องการเดินทางไปประเทศที่ 3 ,ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ,ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ , ปัญหาคดีอาชญากรรมที่เกิดกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ,ปัญหากระบวนการยุติธรรมที่ไม่โปร่งใสและล่าช้า ,ปัญหาการตีกันของเด็กอาชีวะ , ปัญหาการขับรถมอเตอร์ไซด์แข่งกัน (เด็กแว้น) ในทางสาธารณะรบกวนผู้อื่น, ปัญหาการเปิดแหล่งอบายมุขใกล้สถานศึกษาหรือวัด ,ปัญหาบ่อน หวย สถานบันเทิงผิดกฎหมาย ,ปัญหาคอร์รัปชั่น รับส่วยของเจ้าหน้าที่ของรัฐ  ฯลฯ เหล่านี้ มีมานานและปัญหาบางอย่างคั่งค้างถูกสะสมมานาน พอวันหนึ่งปะทุขึ้นมาที ก็กลายเป็นไฟไหม้ฟาง ตามแก้ กวาดล้างกันที เพราะไม่ได้แก้กันที่รากฐานของปัญหาหรือต้นตอให้เสร็จเด็ดขาดหรือแก้แบบถาวร มันจึงวนกลับมาหลอกหลอนสังคมไทย และต้องคอยให้ผู้บริหารประเทศต้องคอยตามแก้อยู่ร่ำไป ไม่จบสิ้น จนกว่าเขาจะเกิดการตรัสรู้ได้ว่าต้องสังคายนาหรือปฏิรูปยกเครื่องการแก้ปัญหาเหล่านั้นอย่างจริงจังนั่นแหละ

หลาน :  คุณอาครับ เด็กไทยเราเก่งนะครับ ไม่แพ้ชาติใดในโลก หากเอาจริงกับเรื่องใดแล้ว เราก็จะทำได้ ดูอย่างเด็กไทยส่งไปแข่งโอลิมปิกคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ชีววิทยา เคมี หรือว่าวิชาการใดๆ แม้กระทั่งแข่งกีต้าร์ วงโยธวาทิต เชียร์ลีดเดอร์  เราก็ยังชนะเลิศได้โลห์ได้เหรียญทองกลับมาทุกครั้ง แล้วเหตุไฉน การศึกษาไทยถึงยังติดที่โหล่ในอาเซี่ยนทุกที จากการสำรวจขีดความสามารถทางการศึกษา พบเด็กไทยล้าหลังสุดใน AEC แล้วเราจะไปแข่งกับใครได้หล่ะครับ

อา :  ประเทศเรามีเด็กเก่ง แต่ก็มีเด็กเกรียนอยู่ด้วย ดูอย่างนาซ่าเขาจัดการถ่ายทอดสดการสำรวจดาวพลูโตทางออนไลน์ เด็กเกรียนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ ไปป่วนเขาจนเขาต้องบล็อกไอพีที่มาจากประเทศไทยทั้งหมด ดูสิ อันนี้เป็นหนึ่งในผลงานด้วยหรือเปล่า แต่หลักๆ เลยก็คือ ประเทศไทยมาตรฐานการศึกษาโดยเฉลี่ยหรือโดยรวมมันอ่อนด้อยทุกด้านจริงๆ คล้ายๆ มาตรฐานความจนความรวยของคนไทยที่ว่า รวยกระจุก จนกระจาย อันนี้ก็เหมือนกัน เก่งกระจุก เกรียนกระจาย เป็นประเทศเดียวที่เด็กต้องเรียนหนังสือในระบบ แล้วยังต้องออกไปเรียนกวดวิชานอกห้องเรียนอีก ทั้งๆ ที่เป็นครูคนเดียวกัน เรียนในระบบเอาวิชาการไปตามมีตามเกิด ตามยถากรรม ฉลาดมากก็เอาไปประยุกต์ต่อยอดเอาเอง แต่ฉลาดน้อยก็ต้องไปเสียเงินเรียนกับครูคนเดียวกันที่โรงเรียนกวดวิชาเพิ่ม มาตรฐานการศึกษาของเด็กไทยจึงขึ้นอยู่กับฐานะการเงินของผู้ปกครองด้วยว่ามีมากหรือน้อย

หลาน :  คุณอาครับ เหตุใดนายกรัฐมนตรีของไทยจะต้องออกทีวีทุกวันศุกร์ พูดเรื่องที่ท่านทำงานให้คนไทยฟัง โดยที่ผลงานที่ประจักษ์สายตาประชาชนกับจำนวนความถี่ ปริมาณน้ำลาย หรือสิ่งที่ท่านพูดจึงไม่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันครับ แล้วโดยส่วนใหญ่ เพื่อนผมที่โรงเรียนกับคุณครูหรือญาติพี่น้องของเรา ก็ไม่เห็นมีใครนิยมดู นิยมฟังท่านเลย อ่ะครับ  สงสารท่านนะครับ ทำงานเหนื่อยหนัก พูดมากขนาดนั้น เพื่อจะบอกเล่าให้คนไทยฟังว่าท่านทำอะไรให้กับคนไทยบ้าง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ฟังท่านเท่าไหร่ เห็นโพลล์สำรวจความนิยมของท่านในช่วงหลัง ก็คะแนนความนิยมลดลงแล้วนี่ครับ

อา :  ใครบอกหล่ะ ว่าประชาชนไม่ฟังท่าน อย่าเอาความคิดของเราเพียงคนเดียวไปตัดสินท่านสิ คนไทยส่วนใหญ่ทั้งประเทศฟังท่าน และให้โอกาสท่าน ท่านถึงเป็นนายกรัฐมนตรีมาได้ตั้ง 1 ขวบปีแล้ว แต่ท่านต่างหากที่ไม่ฟังคนไทย ท่านฟังประชาชนบ้างหรือเปล่า อย่างกรณี การต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน การขอให้รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานขะลอการตัดสินใจหรือหยุดให้สัมปทานพลังงานรอบที่ 21 ที่ทำให้รัฐเสียผลประโยชน์ ไม่คุ้มค่า ไม่เป็นธรรม โดยภาคประชาชนออกมาเคลื่อนไหว ชี้แนะ ท้วงติง แต่ท่านนายกรัฐมนตรีก็ยังคงยืนกรานที่จะเดินหน้าต่อ ใครกันแน่ที่ไม่ฟังเสียงผู้อื่น

หลาน :   งั้นคุณอาว่า ท่านนายกรัฐมนตรี เปรียบไปแล้ว ท่านอยู่ในข่ายไหนอ่ะครับ เป็นคำถามทายเล่นนะครับ อะไรเอ่ย ท่านนายก เปรียบเหมือน กบตัวไหนครับ  ข้อ ก.  กบเลือกนาย  ข้อ ข. กบในกะลา  ข้อ ค. กบในหม้อต้มน้ำ 

อา :  มีข้อ  ง. มั๊ย 

หลาน :  มีครับ ข้อ ง.  ถูกทุกข้อครับ

อา :  อาเลือก ข้อ ง. ละกัน

 
 

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ย้อนตำนานยุครุ่งเรือง เกมส์โชว์ (2) ในบ้านเรา ตอนที่ 2

จากตอนที่แล้วได้กล่าวถึงบริษัทเจเอสแอล  เป็นผู้บุกเบิกรายการประเภทเกมส์โชว์ที่มีฟอร์แมตแบบมาตรฐานสากลในบ้านเราในยุคแรกๆ สืบเนื่องจากเป็นบริษัทของคนรุ่นใหม่ มีคีย์แมนที่สำคัญเป็นกลุ่มเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คณะสถาปัตย์จุฬาฯ มาทำงานอยู่ร่วมกันในบริษัทนี้จำนวนมาก จึงเป็นบ่อเกิดของคลังสมอง ครีเอทีฟ รายการรูปแบบใหม่ มีความคิดสร้างสรรค์ที่สร้างกระแสท็อลค์ออฟเดอะทาวน์ในยุคนั้น และยังครองเรตติ้งสูงสุด จำนวนมาก อาทิ เพชฆาตความเครียด ,ภาษาไทยวันละคำ, เกมพลิกล็อค, นัดบอด, ลาภติดเลข ,ยุทธการขยับเหงือก เป็นต้น ในยุคแรกๆ และไม่ใช่เพียงเกมส์โชว์เท่านั้นที่เจเอสแอลทำแล้วประสบความสำเร็จ ยังมีควิชโชว์ วาไรตี้โชว์ ทอล์คโชว์ คอมเมดี้โชว์ ซิทคอม ละครสั้น/ยาว สารคดี ละครเวที การประกวด เรียลลิตี้โชว์ ฯลฯ จัดว่าเป็นบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ที่ใหญ่อันดับต้นๆ ของเมืองไทยมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน  พอผ่านมาได้ 10 ปี ก็มีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายของบรรดาคีย์แมน/บุคลากรคนสำคัญของบริษัทแยกย้ายออกไปตั้งบริษัทของตนเอง สุดท้ายปัจจุบันกลายมาเป็นคู่แข่ง อาทิ เวิร์คพ้อยท์ ทีวีธันเดอร์ ทริปเปิ้ลทู บอร์น เป็นต้น แต่ตำนานของเจเอสแอล อย่างไรเสียก็ยิ่งใหญ่และยังครองใจผู้ชมมาจวบจนถึงปัจจุบันนี้ รายการเกมส์โชว์ในความทรงจำมากมาย เมื่อนึกถึงอันดับต้นๆ ก็ยังคงเป็น เกมพลิกล็อค,ลาภติดเลข,สืบสะเด็ด,เกมจุดเดือด,เกมล่ามหาสมบัติ (ล่ามหาสนุก,ล่า2,000,ล่าทะลุมิติ,ล่าทวิน) ,แข่งร้อยได้ล้าน,ยุทธจักรนักจำ,เกมกำแพงซ่า เป็นต้น ของค่ายเจเอสแอลอยู่ดี        

ต่อมาก็กล่าวถึงบริษัทรัชฟิล์มทีวี ที่ไม่เพียงนำเข้าภาพยนตร์จากต่างประเทศ สร้างภาพยนตร์ไทย,ผลิตละครป้อนช่อง 5,9 เป็นหลักเท่านั้น แต่ยังผลิตรายการเกมส์โชว์ที่มีอิทธิพลต่อวงการโทรทัศน์ไทยอยู่หลายรายการ อาทิ เช่น เกมมาตามนัด ,น่ารักน่าลุ้น, โหดมันฮา, น้ำใจ ,ลุ้นระเบิด ,ยุทธภูมิกระทะเหล็ก ,แข่งกันก๊าก ,ฮาตามนัด  เป็นต้น
 
ควิชโชว์ รายการแรกๆ ของเมืองไทยที่เป็นขวัญใจเด็กมัธยม
 
ควิชโชว์ยอดนิยม ที่ครองเรตติ้งช่วงเย็นอย่างยาวนาน
 
ต่อมาก็เป็นบริษัทกันตนา ที่เป็นอีกบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านผลิตรายการโทรทัศน์ ถ้าเป็นด้านละคร ถือเป็นเบอร์ 1 ของวงการโทรทัศน์ไทยมาอย่างยาวนานแล้ว เกมส์โชว์ที่สร้างชื่อให้กับค่ายกันตนาก็คือ เกมละครปริศนา (2528-30,2541) ได้รับความนิยมโดยทำป้อนให้กับช่อง 3และช่อง 7 นอกจากนี้ยังมีเกมส์โชว์ที่คนดูทั่วไปยังพอจะจำได้ ก็ได้แก่ ชีวิตพิสดาร,มนุษย์เจ้าปัญหา,ท้าท้าย,กาลิเลโอเกมส์,โชว์บายโชว์ใบ,ยุทธภูมิกระทะเหล็ก,ฮิวโก้เกมส์,เกมคนเก่งกับแอลจี,แท็คทีม,เกมบันลือโลก,Tore เกมพีระมิดปริศนา,เกมตลกหกคะเมน,เกมเกาะแก้วพิสดาร,น้องรักนักร้อง และเกมทีเด็ดลูกหนี้ (2รายการหลังเป็นรายการของจันทร์ 25 ที่ร่วมกับกันตนาผลิต) เป็นต้น

บริษัทแกรมมี่และเอ็กแซ็กท์ ก็เป็นบริษัทผู้ผลิตรายการโทรทัศน์รายใหญ่อีกเจ้าหนึ่งของเมืองไทยที่นอกเหนือจากผลิตรายการเพลง ละครโทรทัศน์ประเภทต่างๆ แล้ว ยังผลิตรายการเกมส์โชว์ วาไรตี้โชว์ เรียลลิตี้โชว์อีกมากมายด้วย เกมส์โชว์รายการแรก ๆ ของแกรมมี่ อาทิ เกมตั้งตัว ยิ้มใส่ไข่ แบบว่าโลกเบี้ยว ตามไปดู ส่วนที่เป็นฟอร์แมตเกมส์ที่สร้างชื่อให้กับแกรมมี่จริงๆ ผลิตร่วมกันในนามของแมสมอนิเตอร์ โดยพิไลวรรณ บุญล้น ที่แยกตัวมาจากเจเอสแอล มานั่งคุมบังเหียนเป็นโปรดิวเซอร์รายการดังๆ ให้กับแกรมมี่ อาทิ เช่น เกมโซน ,เกมหยุดเวลา,เลขมหาสมบัติ, คุณจำเนียน ,สมอลล์ทอล์ค ,บางกอกสเตชั่น,,สมรภูมิพรมแดง ,เกมแจกเก๋ง, ซุปตาร์ปาร์ตี้ เซเลบริตี้เกมส์ไนท์ เป็นต้น
 
 
รายการเกมส์โชว์ ที่ซื้อลิขสิทธิ์จาก ตปท.ที่คุณบอยหมายมั่นปั้นมือผลิตมาก
 
บริษัทบีอีซี-เทโร ซึ่งเป็นบริษัทลูกของช่อง 3 ก็ผลิตรายการโทรทัศน์จำนวนมาก ป้อนช่อง 3 เกมส์โชว์ที่ดังๆ ได้แก่ 4 ต่อ 4 แฟมิลี่เกมส์ ,4 ต่อ 4 ซันเดย์ ,ถ้าคุณแน่!อย่าแพ้ ป.4, ถ้าคุณแน่! อย่าแพ้เด็ก,เกมเนรมิต,หน้ากากทองคำ,แก็งค์กระจิ๊ดคิดได้ใจ,จูเนียร์มินิททูวินอิท,ตัวนิดพิชิตล้าน เป็นต้น

บริษัททีวีธันเดอร์ เป็นบริษัทคู่แฝดกับเจเอสแอลหรือถอดแบบโมเดลมาเหมือนกัน เพราะอดีตผู้บริหาร คุณสมพงษ์ วรรณภิญโญ ก็เคยเป็น 1 ใน 3 ผู้ก่อตั้งเจเอสแอลมาก่อน ภายหลังแยกมาตั้งบริษัททีวีธันเดอร์ โมเดลธุรกิจจึงคล้ายกัน ผลิตทั้งละคร รายการโทรทัศน์ทุกรูปแบบเหมือนกัน ในส่วนของเกมส์โชว์ก็มีหลากหลาย ที่สร้างชื่อจริง ๆ เห็นจะเป็น มาสเตอร์คีย์ ,เทคมีเอ้าท์ไทยแลนด์ และโอโน่โชว์ นอกจากนี้ก็ยังมีเกมส์โชว์อื่นๆ ที่คนดูพอจะรู้จัก อาทิ โอนลี่วันเกมส์, กินกับเกม ,ลุ้นรหัสลับ, อัศวินน้อย,ขวัญถุงเงินล้าน ,Hidden Singer Thailand เสียงลับจับไมค์ เป็นต้น

บริษัททริปเปิ้ลทู  ของกิ๊กกับติ๊ก  เป็นบริษัทของคู่หูพิธีกรที่เคยทำงานอยู่ที่เจเอสแอล แกรมมี่ เวิร์คพ้อยท์ เป็นมือปืนรับจ้างมาก่อน ก่อนจะมาตั้งบริษัทของตนเอง ผลิตรายการโทรทัศน์แนวเกมส์โชว์ วาไรตี้โชว์ ผสมซิทคอม อาทิ รายการ แสบคูณสอง, จาระบีสีชมพู,จาระบีปีเสือ ,ซี้ย่ำปึ้ก ,รักกันสนั่นเมือง ,เกมพันหน้า, กีกกะไบท์ ,ชิดหมอ ,กลมกิ๊ก, กิ๊กดู๋สงครามเพลง ,อัพทูยูคู่ซ่าส์ เป็นต้น
เมื่อก่อนใครไม่ดูรายการนี้ก็บ้าแล้ว พิธีกรชวนหมั่นไส้ และถูกด่ามากที่สุด

บริษัทลักษ์ 666  ของเพื่อนซี้ 3 คนคือ วิลลี่ หอย เปิ้ล (ปัจจุบันเปิ้ล นาคร ได้ถอนตัวหรือถอนหุ้นออกจากบริษัทไปแล้ว อันเนื่องจากเหตุผลทางธุรกิจส่วนตัว) แรกๆ รับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์ หลังๆ ก็ผลิตรายการเพื่อเสนอช่องทีวีหลักๆ และเคยมีทีวีดาวเทียมเป็นของตนเองในนาม สาระแนแชนแนลด้วย รายการที่ผลิตส่วนใหญ่อยู่ในรูปเกมส์โชว์ ภาพยนตร์ วาไรตี้ ทอล์คโชว์ และซิทคอม อาทิ แฟนตาซีมีหาง ,เป๋าตุง, ทีวีพูดได้ ,สาระแนโชว์ ,นั่งยางโชว์ ,ฮวงจุ้ย ดีดี, I See U,  บางจะเกร็ง, ฮาจะเกร็ง ,ไมค์คู่เอก, Tore เกมพีระมิดปริศนา และ งานเข้าที่เล้าเป็ด เป็นต้น 

บริษัท แฮ็ปอะกู๊ดดรีม/เฮลิโคเนีย ของกิตติกร เพ็ญโรจน์ จากนักร้องค่ายคีตา สู่การเป็นผู้บริหารรายการทรูแฟนเทเชีย จากนั้นตั้งบริษัทตนเอง มาทำรายการเดอะเทรนเนอร์ปั้นฝันสนั่นเวที, สุภาพบุรุษบอยแบนด์, ล้านฝันสนั่นโลกกับแอลจีเอนเตอร์เทนเนอร์,เดอะวัน รวมไทยใจเดียวกัน ,The Acting Queen, ,Hell 's Kitchen ,Killer Karaoke, เชฟกะทะเหล็ก The Iron Chef,โหดมันฮา (เวอร์ชั่นไทยผลิต) ,แท็กซี่มหาเศรษฐี Cash Cab Thailand, The Choice Thailand เลือกได้ให้เดต  เป็นต้น  

บริษัทเวิร์คพ้อยท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ดูรายละเอียดที่ลิ้งค์นี้ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B9%8C_%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C

บริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอท จำกัด ดูรายละเอียดที่ลิ้งค์นี้ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%99_%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C_%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B9%8C

บริษัทโพลีพลัส ส่วนใหญ่จะเน้นผลิตละครโทรทัศน์ มีรายการวาไรตี้ ทอล์คโชว์ และเกมส์โชว์บ้างแต่ไม่มาก และส่วนใหญ่เป็นรายการที่ยังไม่เป็นที่จดจำมากนัก ดูรายละเอียดที่ลิ้งค์นี้ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%AA#.E0.B9.83.E0.B8.99.E0.B8.AD.E0.B8.94.E0.B8.B5.E0.B8.95

บริษัทดีทอล์ค ของดู๋ สัญญา คุณากร หลักๆ ก็จะเป็นรายการที่นี่หมอชิต ส่วนใหญ่จะรับจ้างเป็นพิธีกรให้กับบริษัท เจเอสแอล และบริษัทมีมิติ ในเครือแกรมมี่ อย่างล่าสุด เป็นพิธีกรรายการเกมแจกเก๋ง ช่องวัน เอชดี

บริษัท วู้ดดี้เวิล์ด ของวู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา  ปัจจุบันผลิตรายการโทรทัศน์ป้อนช่อง 9 MCOT เป็นรายการรูปแบบทอล์คโชว์ 2 รายการ คือ ตื่นมาคุย และ วู้ดดี้เกิดมาคุย อดีตโด่งดังมาจากเป็นดีเจค่ายเอไทม์ เครือแกรมมี่ และเป็นพิธีกรรายการเรียลลิตี้ ไฮโซบ้านนอก เป็นต้น

บริษัท เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ของวราวุธ เจนธนากุล อดีตผู้บริหารบริษัทเอกชน ก้าวมาสู่พิธีกรของค่ายเวิร์คพ้อยท์ รายการแจ้งเกิด คือ ตู้ซ่อนเงิน จากนั้นตั้งบริษัทของตนเอง ผลิตรายการ 5 มหานิยม, รายการ Step Right Up ใครเก่งใครได้, The Money Drop Thailand ,Honey Moon น้ำผึ้งพระจันทร์ ,นักคิดตะลุยอาเซี่ยน เป็นต้น

บริษัท เน็ก แอนด์เดอะซิตี้  หรือน้าเนค เกพย์เสพสวัสดิ์ ปาละกะวงศ์ ณ อยุธยา โมเดลคล้ายวู้ดดี้ ก้าวมาจากการเป็นดีเจ,พิธีกรค่ายเอไทม์ในเครือแกรมมี่ ภายหลังผันตัวมาเป็นผู้ผลิตรายการโทรทัศน์อีกคนหนึ่งของวงการ ตอนนี้ที่ผลิตให้กับทีวีดิจิตอล ก็คือ รายการเกมวัดดวง ,เนคแอนด์เดอะซิตี้ และรับจ้างเป็นพิธีกรให้กับเวิร์คพ้อยท์ มีรายการไทยแลนด์ก็อตทาเล้นท์, ใครคือใคร Identity Thailand, Take Me Out Thailand เป็นต้น  

 
 

จริงๆ ยังมีบริษัทอีกหลายบริษัทที่ผลิตรายการเกมส์โชว์ป้อนให้กับฟรีทีวียุคก่อน และทีวีดิจิตอลยุคปัจจุบันอีกมาก แต่เท่าที่ยกตัวอย่างมาคือผู้ผลิตที่เรารู้จักคุ้นเคย และเป็นผู้เล่นหลักอยู่ในเวลานี้ อื่นๆ ที่ไม่ได้เอ่ยนาม หรือนึกไม่ออก โปรดอภัยด้วย นึกได้เท่านี้   

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ย้อนตำนานยุครุ่งเรือง เกมส์โชว์ (1) ในบ้านเรา ตอนที่ 1


ถ้าจะเอ่ยถึงรายการเกมส์โชว์ในบ้านเรายุคแรกๆ ก็ต้องนึกถึงรายการ ประตูดวง (ปี 2510-2530) กับ นาทีทอง (ปี 2514-2530) ซึ่งเป็นรายการเกมส์โชว์ชื่อดังในอดีต (ช่วงยุคบุกเบิกวงการทีวี ทั้งคู่เป็นรายการของช่อง 7 สี) ซึ่งมีคุณอาคม มกรานนท์และคุณธรรมศักดิ์ นาคสุริยะ สลับกันเป็นพิธีกรหลักทั้ง 2 รายการ และพิธีกรคนอื่นๆ อีกมากมายในยุคถัดๆ ไป รูปแบบยังคงเป็นการเสี่ยงดวง ไม่ได้เน้นของรางวัลมากนัก เกมส์ก็ง่ายๆ อาศัยเสี่ยงดวงเอา ผู้แข่งขันคัดมาจากทางบ้าน หรือสมัครมา  

รายการประตูดวงออกอากาศช่วงเวลา 16.30 -17.30 น. ไฮไลท์อยู่ในช่วงทายปริศนาดาราที่อยู่หลังประตูดวง ซึ่งมีหลายประตู มีคำใบ้ ถ้าทายถูกมีรางวัลเป็นเงินสด และภายหลังเป็นรถเก๋ง

รายการนาทีทองออกอากาศช่วงเวลา 11.30- 13.00 น. ไฮไลท์คือช่วงปาลูกดอกตรงวงล้อที่หมุนเคลื่อนเป็นวงกลม หากถูกตรงตำแหน่งแจ็คพ็อทก็จะได้รางวัลใหญ่ไป

ทั้ง 2 รายการมีแขกรับเชิญเป็นดารา นักร้องที่อยู่ในความสนใจ หรือร่วมงานกับช่อง 7 และมีตลกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาเล่นในรายการ จัดได้ว่าทั้ง 2 รายการนี้เป็นต้นแบบของเกมส์โชว์ในบ้านเราก็ว่าได้ เพราะอายุอานามเก่าแก่ที่สุดแล้ว

รายละเอียดรายการประตูดวง อ่านที่ลิ้งค์นี้https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0

รายละเอียดรายการนาทีทอง อ่านที่ลิ้งค์นี้ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87

ยุคต่อมาก็จะเป็นยุคเฟื่องฟูของการผลิตเกมส์โชว์ด้วยรูปแบบใหม่ที่มีฟอร์แมทมากขึ้น กติกาการเล่นที่ง่าย ตายตัว และสนุก ตื่นเต้น มีรางวัลมาล่อใจ โดยบริษัทที่เป็นผู้บุกเบิกเกมส์โชว์รูปแบบใหม่ที่ว่านี้ก็คือ บริษัท เจเอสแอล จำกัด  ในขณะนั้นบริษัทได้แจ้งเกิดพิธีกรหน้าใหม่ชื่อ ปัญญา นิรันดร์กุล กับเกมพลิกล็อก คู่กับคุณดี๋ ดอกมะดัน (ปี 26-32)ในนามคู่หูพลิกล็อค รายการเกมพลิกล็อคกลายเป็นเกมส์โชว์อันดับ 1 ของเมืองไทยไปโดยปริยาย มีเรตติ้งถล่มทลาย ครองความนิยมในช่อง 5 มาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ ปี 2524-2532 และ 2539-2541 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการอยู่เสมอ เบื้องหลังความสำเร็จของรายการนี้คงอยู่ที่บรรดารุ่นพี่กลุ่มสถาปัตย์ จุฬาฯ ทั้งหลาย อาทิ โปรดิวเซอร์มือทองของค่ายเจเอสแอล อย่าง วัชระ แวววุฒินันท์ , กลุ่มซูโม่สำอางค์ (รายการเพชฌฆาตความเครียด เป็นครีเอทีฟทอล์คโชว์ผสมซิทคอมรายการแรกของไทย ,รายการภาษาไทยวันละคำ โดยมีปัญญา นิรันดร์กุลเป็นพิธีกร ช่วงปี 2527-2532) ยังคงทำรายการอยู่ในสังกัดเจเอสแอลอีกหลายรายการ ภายหลังปัญญา นิรันดร์กุล พร้อมด้วยประภาส ชลศรานนท์ ได้แยกตัวออกจากเจเอสแอล ไปตั้งบริษัทใหม่ของตนเองในนามเวิร์คพ้อยท์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (ปี 2532) มีรายการแรกคือเวทีทอง (32) ชิงร้อยชิงล้าน (33) เกมแก้จน (41-46) แฟนพันธุ์แท้ (43-50,55)  เกมทศกัณฐ์-เด็ก (46-51) กล่องดำ (51) อัจฉริยะข้ามคืน(49-50) หลานปู่กู้อีจู้ (51-53) ยกสยาม (51-54) เอสเอ็มอีตีแตก (53-55) ราชรถมาเกย (54-56) นอกจากนี้ยังมีรายการบ้านเจ้าปัญญา ,นักประดิษฐ์พันล้าน รายการใหม่ๆ ของช่องเวิร์คพ้อยท์เอง อย่าง ปริศนาฟ้าแล่บ เป็นต้น ฉายาพิธีกรเจ้าพ่อเกมส์โชว์อันดับ 1 ของเมืองไทยในปัจจุบัน ในช่วงก่อตั้งบริษัทใหม่ๆ ยังมีคุณสมพงษ์ วรรณภิญโญ จากบริษัทคีตามาร่วมวงก่อตั้งด้วย หลังจากนั้นไม่นานคุณสมพงษ์ ก็แยกตัวไปตั้งบริษัททีวีธันเดอร์ร่วมกับภูษิต ไล้ทอง ผลิตเกมส์โชว์และละครเฉกเช่นเดียวกัน

 
 
ลักษณะเด่นของเกมพลิกล็อคก็คือการเปิดป้ายตัวเลข ผู้เล่นจะต้องทายว่าเลขลำดับถัดไปมีตัวเลขที่มากกว่าหรือน้อยกว่า ทายไปเรื่อยๆ เป็นแถวๆ แถวนึงมี 4 ป้าย ตัวสุดท้ายของแต่ละแถวนำมาตั้งต้นเป็นเลขตั้งต้นของแถวถัดไป ทายไปจนกว่าจะถึงป้ายสุดท้าย หากถูกหมดก็คือแจ็คพ็อตแตก ได้รางวัลใหญ่ ความสนุกคงอยู่ที่ต้องลุ้นไปทีละป้าย ทีละตัว โดยมีกิมมิคคือ ท่าชูนิ้วโป้งขึ้น คือมากกว่า หากชูนิ้วโป้งกลับหัวลง ก็คือทายว่าน้อยกว่า กลายเป็นท่าฮิตประจำรายการ  

รายละเอียดรายการพลิกล็อค อ่านที่ลิ้งค์นี้ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81

จริงๆ ในยุคนั้น ยังมีพิธีกรที่แจ้งเกิดและตีคู่กันมากับคุณปัญญา ก็คือคุณไตรภพ ลิมปพัทธ์ ซึ่งคุณไตรภพ เคยมาเป็นพิธีกรในรายการพลิกล็อคอยู่ในช่วงปีแรก (ปี 2525) ภายหลังเป็นคุณปัญญาเป็นพิธีกร ก่อนจะมาทำเกมส์โชว์เดี่ยวที่มีตนเองเป็นพิธีกร อาทิ ลาภติดเลข (ช่อง 5,ปี 2526-27) ท้าพิสูจน์ (ช่อง 7,2531)  หลังจากนั้นแกก็ออกจากเจเอสแอลมาตั้งบริษัทร่วมกับน้องชาย ชื่อ บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอท จำกัด โดยมาทำรายการให้ช่อง 3 รายการแรก เอาไปเลย ปี 27-30(เป็นรายการเกมส์ชิงโชคโปรโมตช่อง 3 โดยตรง) ,คุณขอมา ปี 31-34 จากนั้นก็ทำรายการฝันที่เป็นจริง (31-38) ,ทไวไลท์โชว์ (33-51,57) , เฉียด (38-40) ก่อนจะมาทำรายการควิชโชว์ชื่อดัง (ซื้อลิขสิทธ์จากต่างประเทศ) เกมเศรษฐี  (43-51) และทูไนท์โชว์ (52-ปัจจุบัน) จนโด่งดัง และแกเคยย้ายไปทำรายการช่องไอทีวี (จู๊กบ็อกเกมส์) เป็นผู้บริหารไอทีวีอยู่พักนึงจนสถานีได้ปิดตัวลง จึงชิมลางไปทำรายการใหม่ คลับเซเว่น (ช่อง 7) ได้เวลาช่วงไพร์มไทม์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ถูกเปลี่ยนวันออกอากาศ สุดท้ายต้องกลับมาซบช่อง 3 ดังเดิม ชิมลางด้วยรายการทูไนท์โชว์ ,เอ็กซ์เกม ซึ่งปัจจุบันแกมีรายการอยู่ที่ช่อง 3 ออริจินัลอยู่ 2 รายการใหม่คือ ครัวคุณต๋อย และ ทูเดย์โชว์  

เกมโชว์อีกรายการที่กลายเป็นตำนานที่สุดของเกมส์โชว์ในบ้านเราก็คือ “มาตามนัด” ผลิตโดย รัชฟิล์มทีวี เป็นเกมส์โชว์ที่ครองความนิยมอันดับ 1 ติดต่อกันยาวนานที่สุดของเมืองไทยคือ 11 ปี นับตั้งแต่ปี 2527-2538 นอกจากนี้ยังมีรายการเกมน่ารักน่าลุ้น (2530-2539) ,โหดมันฮา (ซื้อลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่น) ,ลุ้นระเบิด, ยุทธภูมิกระทะเหล็ก ,ฮาตามนัด  เป็นต้น

ลักษณะเด่นของเกมส์โชว์มาตามนัดก็คือเป็นเกมส์ที่เต็มไปด้วยแนวคิดสร้างสรรค์ ตั้งแต่การกดปุ่มแย่งกันกด ซึ่งรายการนี้ใช้ค้อนทุบปุ่มกดมาเป็นตัวกิมมิคของรายการ นอกจากนี้เกมทายคำนั้นจัดว่าแปลกและล้ำสมัยในยุคนั้น เป็นรายการแรกที่ใช้รูปแบบทายคำ จนรายการอื่นนำไปเลียนแบบ นอกจากนี้ตัวพิธีกรก็มีส่วนให้รายการสนุก ขำขันตลอดรายการ ได้แก่ เศรษฐา ศิระฉายา และญาณี จงวิสุทธิ์ อีกทั้งเป็นเกมโชว์รายการแรกของเมืองไทยที่มีติดต่อกันจันทร์-พฤหัส ที่ทำให้คนดูสามารถดูต่อเนื่องเป็นประจำและลุ้นรายการต่อเนื่องเป็นซีรี่ย์ได้ โดยผู้แข่งขันเป็นชุดเดียวกันทั้งสัปดาห์นั้น ซึ่งแปลกแตกต่างจากรายการอื่นในยุคนั้น ที่สัปดาห์นึงมีแค่ครั้งเดียวเพียง 1-2 ชั่วโมง อีกทั้งเป็นเกมส์โชว์ที่ออนในช่วงไพร์มไทม์ชนกับเวลาละครภาคค่ำเสียด้วยในยุคนั้น แต่ก็ยังคงได้รับความนิยมไม่แพ้ละครเลยทีเดียว
 
 
รายละเอียดรายการมาตามนัด อ่านที่ลิ้งค์นี้  https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%94
 

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

โลกเหงาๆ ของเขาและเธอ 6





ช่วงนี้ คนไทยเป็นอะไรไม่รู้ เจอข่าวแต่เรื่องเศร้าๆ ดราม่าหนักมาก ชีวิตมันช่างโหดร้าย สังคมอยู่ยากขึ้นทุกวัน คอลัมน์นี้จะเป็นครั้งแรกที่จะขอให้กำลังใจทุกชีวิตบนโลกนี้ ที่กำลังโศกเศร้า ขอให้คุณผ่านคืนวันอันโหดร้ายไปให้ได้ และตื่นขึ้นมาวันพรุ่งนี้ ขอให้พบหนทางอันสดใส ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป อย่าท้อ อย่าหวาดกลัว อยู่กับวันปัจจุบันให้ดีที่สุด ขอให้มีสติ มีศรัทธา ก็จะต้องมีความหวัง คนเราทุกคนมีหน้าที่ มีชีวิตที่จะต้องดำเนินต่อไป เพื่อเป้าหมายในชีวิตอื่นๆ ที่ไม่ใช่เพียงแต่เรื่องความรักเท่านั้น



 


ขอขอบคุณในไมตรีที่มีให้
เหมือนคนไข้ได้ยามารักษา
ยังคิดถึงเธออยู่ทุกเวลา
ลมหวนมา เยี่ยมเยือนเพื่อนคนนี้
ยังไม่ลืมสายตาพาใจอุ่น
เป็นแรงหนุนให้อยู่สู้ไม่ถอย
ขอสัญญาจะอยู่และจะคอย
และเกี่ยวก้อยเป็นเพื่อนใจไปนิรันดร์.


อย่ารักใครมาก จนกลายเป็นหลง
อย่าคิดว่ารักจะมั่นคง จนไม่เผื่อใจไว้
อย่าคิดว่าชีวิต จะสนุกสนาน เสมอไป
เพราะ..เมื่อเรา..ไม่เหลือใคร
ก็ต้องเรียนรู้ให้ได้ “ที่จะอยู่เพียงลำพัง”


เราจะไม่รู้คุณค่าของ ‪#‎ความสบาย‬
หากไม่เคยเจอ "ความลำบาก" มาก่อน
เราจะไม่รู้คุณค่าของ ‪#‎ความสุข‬
หากไม่เคยเจอ "ความทุกข์" มาก่อน


 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

โลก 360 องศา - (IMF ประกาศ กรีซผิดนัดชำระหนี้,ผู้ลี้ภัยเข้ายุโรปเพิ่มกว่า 80%,ตรวจสอบเครื่องบินอิเหนาตก,นักโทษแหกคุกที่เยเมน,ชายจุดไฟเผาตัวเองในรถไฟ,ทรัมป์หยามชาวเม็กซิกัน)


เอเอฟพี/รอยเตอร์ - กรีซ เมื่อวันอังคาร (30 มิ.ย.) กลายเป็นประเทศพัฒนาชาติแรกในประวัติศาสตร์ที่ผิดนัดชำระหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หลังไม่สามารถจ่ายคืนหนี้ 1,500 ล้านยูโร ที่ครบกำหนดไปเมื่อเวลา 22.00 จีเอ็มที (ตรงกับเมืองไทย 05.00 น.ของวันพุธ) การพลาดจ่ายเงินดังกล่าวถือว่าเป็นจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ มีค่าเท่ากับผิดนัดชำระหนี้ รวมทั้งส่อนัยถึงการละเมิดพันธสัญญาของเอเธนส์ โดยทางแกร์รี ไรซ์ โฆษกของไอเอ็มเอฟบอกว่า เราได้แจ้งแต่คณะกรรมการบริหารแล้วว่าตอนนี้กรีซค้างชำระหนี้ และจะได้รับเงินทุนเพิ่มเติมจากไอเอ็มเอฟก็ต่อเมื่อเคลียร์หนี้ค้างชำระแล้วเท่านั้น  หลังจากพยายามตลอดทั้งวันในการกู้ชีพข้อตกลงช่วยเหลือทางการเงินกับสหภาพยุโรป แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ กรีซได้ร้องขอนาทีสุดท้ายไปยังไอเอ็มเอฟ สำหรับขอขยายเวลาชำระหนี้ที่ครบกำหนดตอน 22.00 จีเอ็มที (ตรงกับเมืองไทย 05.00 น.ของวันพุธ) ออกไป โดยไรซ์ยืนยันว่ามีคำขอดังกล่าวมาจริงและตอนนี้บอร์ดบริหารก็ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ คำร้องขอยืดเวลาชำระหนี้จะถูกส่งไปยังคณะกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม  กรีซพยายามทาบทามเหล่าเจ้าหนี้นานาชาติในนาทีสุดท้ายเพื่อขอความช่วยเหลือทางการเงินในวันอังคาร (30 มิ.ย.) แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะปกป้องพวกเขาจากการกลายเป็นประเทศพัฒนาชาติที่ผิดนัดชำระหนี้ไอเอ็มไอฟ  รัฐบาลฝ่ายซ้ายของกรีซร้องขอคู่หูยุโรปสำหรับแพกเกจช่วยเหลือ 2 ปีเพื่อชดเชยความจำเป็นทางการเงิน และในช่วงค่ำวันอังคาร (30 มิ.ย.) นายยานิส วารูฟาคิส รัฐมนตรีคลังกรีซ บ่งชี้ในคำร้องขอต่อเหล่ารัฐมนตรีคลังยุโรปว่าบางทีเอเธนส์อาจยอมยกเลิกการจัดประชามติในวันที่ 5 กรกฎาคม หากบรรลุข้อตกลง  ความโกลาหลทางการทูตดังกล่าวคือความพยายามดึงเหล่าเจ้าหนี้คืนสู่การเจรจา หลังการหารือที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 เดือนพังครืนลงโดยไม่ได้ข้อสรุปใดๆ กระพือความเป็นไปได้ว่ากรีซอาจต้องออกจากยูโรโซน แม้สุดท้ายจะเป็นไปตามคาดหมายที่กรีซไม่สามารถจ่ายหนี้คืนแก่ไอเอ็มเอฟ แต่กระนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปส่งสัญญาณว่าจะไม่ยอมแพ้ในการหาทางออกแก่กรีซง่ายๆ ด้วยเหล่ารัฐมนตรีคลังจะประชุมกันในวันพุธ (1 ก.ค.) เพื่อหารือถึงคำร้องขอเงินกู้ยืมล่าสุดของซีปราส ซึ่งผลก็คือดึงทุกฝ่ายคืนสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้ง  แหล่งข่าวคาดหมายว่าในวันพุธ เหล่าเจ้าหนี้ที่จะหารือคำร้องขอของนายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ที่ขอเงินกู้ยืมรอบใหม่ 2 ปีเพื่อจ่ายหนี้ เป็นจำนวนเกือบ 30,000 ล้านยูโร นอกจากนี้ นายซีปราสยังต้องการปรับโครงสร้างหนี้ ประเด็นที่เหล่าเจ้าหนี้ไม่สู้เต็มใจประนีประนอม ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการประชุมในวันพุธจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เนื่องจากความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างเอเธนส์กับสหภาพยุโรปอยู่ในภาวะขาดรุ่งริ่งตามหลังการเจรจาอันเผ็ดร้อน ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็เสื่อมทรามลงไปอีก หลังจากเมื่อวันเสาร์ (27 มิ.ย.) ตัดสินใจนำข้อเสนอปฏิรูปแลกเงินช่วยเหลือของเหล่าเจ้าหนี้ไปให้ประชาชนลงประชามติในวันที่ 5 กรกฎาคม      

รอยเตอร์ ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดวันนี้ (1 ก.ค.) เผย ประชาชนชาวกรีซส่วนใหญ่จะโหวต โนไม่เอาแผนปฏิรูปรับเงินช่วยเหลือจากองค์กรเจ้าหนี้ ในการทำประชามติวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ (5 ก.ค.) แต่กระแสเริ่มแผ่วลงมา โดยมีคะแนนนำฝ่ายที่จะโหวต เยสอยู่เพียงเฉียดฉิว ภายหลังรัฐบาลเอเธนส์ประกาศมาตรการควบคุมเงินทุนและสั่งปิดธนาคาร  ผลสำรวจซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 มิ.ย. และเผยแพร่ทางหนังสือพิมพ์ Efimerida ton Syntakton พบว่า ชาวกรีซ 54% ที่จะออกไปใช้สิทธิ์ลงประชามติในวันอาทิตย์นี้ ไม่เห็นด้วยกับการยอมรับเงื่อนไขปฏิรูปที่สหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เสนอมา ขณะที่อีก 33% คิดว่ากรีซควรกัดฟันยอมรับเพื่อความอยู่รอด อย่างไรก็ดี เมื่อเปรียบเทียบผลสำรวจในช่วงก่อนและหลังจากที่รัฐบาลกรีซได้ประกาศควบคุมเงินทุนและปิดสถาบันการเงินทั่วประเทศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(28 มิ.ย.) พบว่าช่องว่างระหว่างกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเริ่มจะ แคบลง  ชาวกรีซ 57% ที่ตอบคำถามก่อนปิดธนาคาร ระบุว่าพวกเขาจะโหวต โนในขณะที่ผู้โหวต เยสมีเพียง 30% เท่านั้น แต่หลังจากที่มีการปิดธนาคาร กลุ่มที่จะโหวต โนลดลงมาเหลือ 46% แต่พวกที่คิดจะโหวต เยสกลับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 37%  ผลสำรวจยังพบด้วยว่า กลุ่มที่สนับสนุนให้โหวต โนมากที่สุดคือฐานเสียงของพรรครัฐบาลฝ่ายซ้ายไซรีซา (77%) พรรคขวาจัดโกลเดนดอว์น (80%) และพรรคคอมมิวนิสต์ เคเคอี (57%) ส่วนเสียงเชียร์โหวต เยสเข้มแข็งเป็นพิเศษในกลุ่มฐานเสียงของพรรคกลางขวาประชาธิปไตยใหม่ (65%) พรรคสายกลางโปรยุโรป โต โปตามี (68%) รวมถึงพรรคกลางซ้ายปาซ็อก (65%)  กระแสโหวต โนค่อนข้างแรงในกลุ่มพลเมืองกรีซที่ว่างงาน (62%) และในภาพรวมของประชาชนทุกกลุ่มก็ยังพบว่ามีผู้จะโหวต โนมากกว่า เยสไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ คนวัยเกษียณที่รับเงินบำนาญ พนักงานบริษัท และแม่บ้าน หลังจากที่กลายเป็นชาติพัฒนาแล้วประเทศแรกในโลกที่ ผิดนัดชำระหนี้กับไอเอ็มเอฟ ล่าสุดวันนี้ (1 ก.ค.) รัฐบาลกรีซได้พยายามหันไปขอความช่วยเหลือจากหุ้นส่วนในยูโรโซนและธนาคารกลางแห่งยุโรป (อีซีบี) โดยยื่นข้อเสนอกับกลุ่มรัฐมนตรีต่างประเทศยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป) ว่าจะขอทำข้อตกลงเงินกู้ก้อนใหม่ในช่วงเวลา 2 ปี และขอปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส ของกรีซเองก็แบะท่าว่าอาจจะยอมยกเลิกแผนทำประชามติในวันอาทิตย์(5) หรือไม่ก็หนุนให้ประชาชนโหวต เยสหากการเจรจากับสหภาพยุโรปเป็นผลสำเร็จ

เอเจนซีส์ – Süddeutsche Zeitung สื่อเยอรมันรายงานเอกสารลับ IMF ระบุ จากการประเมินของ IMF พบว่าถึงแม้เอเธนส์ยอมรับข้อเสนอมาตรการรัดเข็มขัดทั้งหมดจากกลุ่มเจ้าหนี้ต่างชาติ ทรอยกาแต่ทว่าจะยังไม่สามารถช่วยให้กรีซออกจากเหววิกฤตหนี้ไปได้ โดยพบว่าในปี 2030 เพดานหนี้กรีซจะยังสูงถึง 118% ของตัวเลข GDP ในปีนั้น   RT สื่อรัสเซียรายงานวันนี้(1)ว่า Süddeutsche Zeitung สื่อเยอรมันได้ตีพิมพ์เผยแพร่เอกสารลับ IMF ซึ่งมีการคาดการณ์ถึงวิกฤตหนี้สินกรีซว่า จากการวิเคราะห์ทาง IMF เชื่อว่ากรีซจะยังคงเผชิญหน้ากับวิกฤตหนี้สิ้นที่ไม่แน่นอนต่อไปในปี 2030 โดยเพดานหนี้กรีซจะยังสูงถึง 118% ของตัวเลข GDP ในปีนั้น ถึงแม้ว่าเอเธนส์จะรับปากตามข้อเรียกร้องของกลุ่มเจ้าหนี้ ทรอยกาอันประกอบไปด้วยคณะกรรมาธิการยุโรป ธนาคารกลางยุโรป ECB และ IMF ซึ่งมาตรการเหล่านี้รวมไปถึง มาตรการขึ้นภาษี และการตัดลดงบประมาณใช้จ่ายประเทศเพื่อแลกรับความช่วยเหลือด้านการเงินในแพคเก็จช่วยเหลือ 5 เดือนมูลค่า 15.5 พันล้านยูโร  ซึ่งจากการรายงานครั้งแรกโดยหนังสือพิมพ์เยอรมัน Süddeutsche Zeitung ที่เป็นผู้ได้รับเอกสาร หลังจากเอกสารลับเหล่านี้ได้ส่งไปยังคณะรัฐมนตรีเยอรมัน และสื่ออังกฤษ เดอะการ์เดียน รายงานต่อในภาษาอังกฤษหลังจากได้เห็นเอกสารเหล่านี้ชี้ว่า การคาดการณ์เหล่านี้ระบุอยู่ในเอกสารจำนวน 6 ชุด ที่ 1 ใน 6ของเอกสารเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของดีลเจรจาขั้นสุดท้ายที่ทางกลุ่มเจ้าหนี้ทรอยกาได้ยื่นให้กับเอเธนส์ในวันศุกร์(26มิถุนายน)ที่ผ่านมา และการประเมินเหล่านี้ RT รายงานว่า ได้สนับสนุนการตัดสินใจของเอเธนส์ในการไม่ตอบรับข้อเสนอของบรรดาเจ้าหนี้ต่างชาติ ซึ่งพิสูจน์ว่าทางที่จะทำให้กรีซรอดพ้นจากหายนะวิกฤตหนี้ครั้งใหญ่นี้ต้องมาจาก มาตรการความช่วยเหลือผ่อนปรนหนี้อย่างจริงจังมากกว่าที่จะใช้ มาตรการรัดเข็มขัดกับกรีซ  นอกจากนี้เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษยังชี้เพิ่มเติมว่า เพราะการวิเคราะห์ของ IMF พบว่า ข้อกำหนดตัวเลขเพดานหนี้สินต่ำกว่า 110% ของตัวเลขGDP ตามที่เกณฑ์ระบุที่ประชุมของคณะรัฐมนตรีการคลังประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปในเดือนพฤศจิกายน 2012 กำหนดนั้น กรีซจะไม่สามารถทำได้สำเร็จ เพราะในปี 2030 กรีซจะยังคงต้องแบกรับหนี้สินถึง 118% ของตัวเลข GDP ในปีนั้นถึงแม้ทางเอเธนส์จะยอมรับข้อเสนอมาตรการรัดเข็มขัดทุกประการ  และโดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน กรีซต้องแบกรับตัวเลขหนี้สินถึง 175% ของ GDP และอีกทั้งตัวเลขหนี้นี้สามารถขยับเพิ่มขึ้นได้ง่ายมาก หากสภาพเศรษฐกิจของกรีซตกไปสู่สภาพเศรษฐกิจแบบถดถอย RT ยังรายงานต่ออีกว่า ถึงแม้เมื่อพิจารณาในสถานการณ์ที่เป็นบวกมากที่สุด ในสถานการณ์ที่เอเธนส์จะสามารถทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจรุดหน้าได้ไม่ต่ำกว่า 4% ต่อปีอย่างคงที่ในเวลาอีก 5 ปีข้างหน้า โดย IMF วิเคราะห์ว่า ระดับเพดานหนี้สินของกรีซจะลดลงไปที่ 124% เท่านั้นก่อนปี 2022  เป็นที่เห็นได้ชัดว่า นโยบายที่ถดถอยและแปรปรวนในช่วงเดือนท้ายๆส่งผลต่อความสำเร็จในเป้าหมายตามประกาศปี 2012ของคณะรัฐมนตรีการคลังประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ที่ต้องการให้เพดานหนี้กรีซต่ำกว่า 110% ของตัวเลข GDP ก่อนปี 2022 นั้นเป็นไปไม่ได้เลย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตามรายงานจากเอกสารลับ IMF หัวข้อหัวข้อ “The Preliminary Debt Sustainability Analysis for Greece”  และนอกจากนี้ RT ยังรายงานว่า ชุดเอกสารลับ IMF เหล่านี้ได้ถูกส่งไปยังรัฐมนตรีเยอรมันทุกคนในคณะรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล เพื่อพิจารณาและอนุมัติ แต่ทว่ากลับไม่เคยเกิดขึ้นเนื่องจากนายกรัฐมนตรีกรีซ อเล็กซิส ซีปราส ได้ปฎิเสธเงื่อนไขทั้งหมดของเจ้าหนี้ต่างชาติ และประกาศให้ทำประชาพิจารณ์แทน  ซึ่งในเอกสารลับ IMF ยังมีการบ่งชี้ด้วยว่า หากจะสามารถช่วยกู้วิกฤตกรีซให้สำเร็จจากการปลอดหนี้สินแล้ว จำเป็นต้องมีการถอย  และสื่อรัสเซียยังรายงานถึงเอกสารลับ IMF อีกชิ้น ซึ่งเป็นเอกสารชิ้นที่ 3 เปิดเผยถึงรายละเอียดข้อตกลงเกี่ยวกับข้อตกลง ตัวอย่างเช่น อธิบายถึงสถานการณ์ที่จะทำให้เอเธนส์สามารถได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 15 พันล้านยูโร ซึ่งในแผนการจะแบ่งออกเป็น 5 ส่วนที่จะสามารถเริ่มขึ้นได้อย่างเร็วที่สุดในเดือนมิถุนายน และจะเร็วที่สุดตราบเท่าที่รัฐสภากรีซโหวตอนุมัติตอบรับข้อเสนอเจ้าหนี้ต่างชาติ แต่ทางกรีซต้องแลกกับการทำตามเงื่อนไขไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน โดยตามเอกสารระบุว่า ความช่วยเหลือก้อนนี้จะสามารถบรรเทาความต้องการเม็ดเงินของกรีซอย่างเร่งด่วนได้ ซึ่งพบว่า 93% ของจำนวนเงินทั้งหมดจะนำไปจ่ายคืนให้กับหนี้สินเดิมที่ถึงกำหนดชำระ  นอกจากนี้ในเอกสารลับ IMF ยังเปิดเผยถึงการปฎิรูปต่างๆที่กรีซจำเป็นต้องทำหากยอมรับเงื่อนไขของกลุ่มเจ้าหนี้ทรอยกา โดยทางกลุ่มเจ้าหนี้ต้องการให้มีการปฎิรูปครั้งใหญ่ในประเทศเพื่อต้องการให้กรีซสามารถมีตัวเลขเหนือเป้าหมาย 1%, 2%, 3%, และ 3.5% ของตัวเลข GDPในปี 2015, 2016, 2017 และ 2018 ตามลำดับ จาการรายงานของสื่ออังกฤษ รวมไปถึงการปรับฐานภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT ใหม่เป็น 23% ที่รวมไปถึงร้านอาหารและธุรกิจการให้บริการจัดเลี้ยง โดยทาง IMF ระบุว่าการปรับอัตรา VAT จะส่งผลถึง 1% ต่อตัวเลข GDP โดยรวม  แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีการเสนอลดอัตรา VAT ลงเหลือ 13% จำกัดเฉพาะในกลุ่มสินค้าอาหารพื้นฐาน พลังงาน โรงแรม และอัตราการใช้น้ำ(ยกเว้นค่าใช้จ่ายสำหรับปล่อยน้ำเสีย) และอัตรา VAT 6% ในส่วนของยารักษาโรค หนังสือ และโรงละคร และโรงภาพยนตร์  เดอะการ์เดียนรายงานเพิ่มเติมว่า มีการเพิ่มขึ้นของภาษีมูลค่าเพิ่มในธุรกิจประกันภัย และอีกทั้งกำหนดให้ยกเลิกการไม่เก็บภาษี VAT ในบางเกาะของกรีซ ซึ่งแต่เดิมนั้น กลุ่มเจ้าหนี้ต่างชาติประสงค์จะให้มีระบบ VAT ของกรีซเป็นแบบ 2 ขั้นเท่านั้น
 
รอยเตอร์ ผู้ลี้ภัยและผู้อพยพเดินทางข้ามทะเลเข้ามาในยุโรปมากกว่า 135,000 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2015 และภาระดังกล่าวส่วนใหญ่ตกอยู่กับบรรดาประเทศในยุโรปใต้ ทั้งนี้อ้างจากรายงานล่าสุดของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR)  เหล่าผู้คนที่หมดหวังกำลังพึ่งพาอาศัยวิธีที่สิ้นหวัง และโชคร้ายที่ตัวเลขดังกล่าวคาดว่าจะยังคงพุ่งสูงต่อไปอีกไบรอัน แฮนส์ฟอร์ด โฆษกของ UNHCR กล่าว  จำนวนของผู้ลี้ภัยและผู้อพยพที่เข้ามาในยุโรปในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2015 เพิ่มขึ้นกว่า 80 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2014 รายงานชิ้นนี้ของ UNHCR ระบุ  รายงานชิ้นนี้มีออกมาในขณะที่บรรดาผู้นำยุโรปยังคงไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขวิกฤติผู้อพยพนี้ที่กำลังหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ  การเพิ่มจำนวนมากขึ้นของผู้ลี้ภัยและผู้อพยพ ซึ่งส่วนมากเสี่ยงตายข้ามทะเลเมดิเตอเรเนียนมาด้วยเรือที่ไม่ปลอดภัย มีผลกระทบหนักโดยเฉพาะกับประเทศในยุโรปใต้ รายงานระบุ  กรีซ ซึ่งเป็นจุดลงเรือที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ลี้ภัยและผู้อพยพในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2015 กำลังมีปัญหาทางเศรษฐกิจและเพิ่งถูกประกาศว่าผิดนัดชำระหนี้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศเมื่อเช้าวันนี้ (1) ผู้ลี้ภัยและผู้อพยพกำลังไหลหลั่งเข้าสู่พื้นที่ทางตะวันตกของคาบสมุทรบอลข่านจากกรีซ และนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายน ทุกๆ วันจะมีผู้เดินทางเข้ามากว่า 1,000 คน เทียบกับ 200 คนเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนหน้านั้นรายงานระบุ  นายกรัฐมนตรี มัตเตโอ เรนซี ของอิตาลีต่อว่าเหล่าผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจากเรื่องความล้มเหลวในการตกลงกันเกี่ยวกับแผนการที่จะรับผู้แสวงหาที่พักพัง 40,000 คนจากอิตาลีและกรีซ  ในขณะที่ผู้อพยพเข้ามากำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ศักยภาพและปัจจัยแวดล้อมในการต้อนรับยังไม่เพียงพออย่างร้ายแรงแฮนส์ฟอร์ด กล่าว นี่เป็นปัญหาในภูมิภาคที่จำเป็นต้องใช้การตอบสนองและความสามัคคีในภูมิภาค  ซีเรีย ซึ่งตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองมาตั้งแต่ปี 2011 เป็นประเทศที่มีผู้อพยพลี้ภัยมาขึ้นชายฝั่งของยูโรปมากที่สุดด้วยจำนวนเกือบ 44,000 คน รายงานชิ้นนี้ระบุว่า ความไร้เสถียรภาพในลิเบียก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของจำนวนผู้ลี้ภัยที่เพิ่มขึ้นนี้ เอริเทรียและอัฟกานิสถานเป็นประเทศต้นทางอันดับที่ 2 และอันดับที่ 3 ตามลำดับ รายงานระบุ อย่างไรก็ตาม รายงานชิ้นนี้เสริมว่า การที่อียูจัดหาเงินทุนให้กับปฏิบัติการกู้ภัยเพิ่มขึ้นทำให้ตัวเลขการเสียชีวิตกลางทะเลลดลงนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา

เอเจนซีส์ ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย มีคำสั่งตรวจสอบสภาพความปลอดภัยฝูงบินของกองทัพอากาศที่ใช้งานมาอย่างยาวนาน หลังเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินขนส่งเฮอร์คิวลิส ซี 1-30 ร่วงใส่ชุมชนในเมืองเมดานบนเกาะสุมาตราเมื่อวานนี้ (30 มิ.ย.) ซึ่งล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 142 คน  เครื่องบินซึ่งบรรทุกผู้โดยสารรวม 122 ชีวิตประสบปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้อง และร่วงลงใส่ย่านที่พักอาศัยของประชาชน ภายหลังเดินทางออกจากฐานทัพได้ไม่กี่นาที ซึ่งอาจเป็นอุบัติเหตุครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศอิเหนาที่มีสถิติความปลอดภัยย่ำแย่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทวิ บาดาร์มันโต โฆษกกองทัพอากาศ ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า เวลานี้สามารถระบุเอกลักษณ์ผู้ตายได้แล้ว 42 ศพ แต่คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากกองทัพเชื่อว่าคงไม่มีผู้โดยสารคนใดรอดชีวิต อุบัติเหตุสยองที่เกิดขึ้นกับเครื่องบิน ซี-130 ยิ่งเน้นให้เห็นถึงมาตรฐานความปลอดภัยการบินที่ตกต่ำของกองทัพอิเหนา รวมไปถึงฝูงบินที่ถูกใช้งานมานาน  สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการขนย้ายร่างผู้เสียชีวิตออกจากเครื่องบินเฮอร์คิวลิส จากนั้นจะต้องมีการประเมินศักยภาพของเครื่องบิน และระบบป้องกันทางอากาศที่มีอายุการใช้งานยาวนานมากแล้วประธานาธิบดี วิโดโด แถลงผ่านสื่อทวิตเตอร์เมื่อค่ำวานนี้ (30)  ผมหวังว่าจะไม่เกิดหายนะเช่นนี้ขึ้นอีก”    ทั้งนี้ คาดว่าผู้นำอินโดนีเซียจะเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับอุบัติเหตุเครื่องบินตกภายในวันนี้ (1 ก.ค.)  เจ้าหน้าที่ระบุว่า เครื่องบินขนส่งลำนี้เกิดระเบิดกลางอากาศ ก่อนจะตกใส่อาคารบ้านเรือนและโรงแรมแห่งหนึ่งภายในเขตชุมชนใหม่ของเมืองเมดาน ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาเมืองใหญ่ที่สุดของหมู่เกาะอินโดนีเซีย  ล่าสุด ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งในเครื่องบินและบนพื้นรวมทั้งสิ้นกี่คน เครื่องบินลำนี้ออกเดินทางจากฐานทัพเมืองเมดาน เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองตันหยงปีนังบนหมู่เกาะรีเอา นอกชายฝั่งเกาะสุมาตรา  สื่อท้องถิ่นระบุว่า นักบินได้แจ้งขอบินกลับไปยังฐานทัพเพราะเครื่องยนต์ขัดข้อง แต่ก็ประสบอุบัติเหตุตกเสียก่อน ข้อมูลจากเครือข่ายความปลอดภัยด้านการบิน (Aviation Safety Network) ระบุว่า เหตุเครื่องบินตกครั้งนี้อุบัติเหตุทางการบินขั้นร้ายแรงครั้งที่ 10 ที่เกิดขึ้นกับกองทัพและตำรวจอินโดนีเซียในรอบ 10 ปี  กองทัพอากาศอินโดนีเซียสูญเสียเครื่องบิน ซี-130 ไปแล้ว 4 ลำ ซึ่งที่ผ่านมาอากาศยานรุ่นนี้ถูกใช้เพื่อการขนส่งข้ามหมู่เกาะต่างๆ จากฝั่งตะวันตกไปจรดปลายสุดทางด้านตะวันออกของประเทศ ซึ่งคิดเป็นระยะทางกว่า 5,000 กิโลเมตร  ล่าสุด กองทัพได้สั่งระงับการใช้งานเครื่องบิน ซี-130 ที่ยังเหลืออยู่ 8 ลำ จนกว่าพนักงานสอบสวนจะระบุต้นตอของอุบัติเหตุที่เมืองเมดานได้

รอยเตอร์ - มีนักโทษราว 1,200 คน ในนั้นรวมถึงเหล่าผู้ต้องสงสัยอัลกออิดะห์ หลบหนีออกมาระหว่างเหตุปะทะกันในเรือนจำแห่งหนึ่งในตอนกลางของเยเมนเมื่อวันอังคาร (30 มิ.ย.) ถือเป็นการแหกคุกครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี เหตุการณ์นี้นับเป็นการแหกคุกครั้งใหญ่ที่สุดในปฏิบัติการหลบหนีออกจากเรือนจำของเหล่านักรบเยเมนหลายต่อหลายครั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมา และเป็นการส่งสัญญาณซ้ำเติมความอ่อนแอของภาครัฐท่ามกลางสงครามกลางเมืองที่กำลังล้างผลาญประเทศแห่งนี้  วันนี้กลุ่มผู้สนับสนุนอัลกออิดะห์โจมตีเรือนจำกลางในเมืองทาอิซและมีนักโทษอันตรายหลบหนีไปมากกว่า 1,200 คนซาบา สำนักข่าวแห่งรัฐรายงานโดยอ้างคำสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงรายหนึ่ง แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอีกคนบอกกับรอยเตอร์ว่าผู้หลบหนีส่วนใหญ่ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกของอัลกออิดะห์ และพวกเขาหลบหนีท่ามกลางเหตุปะทะกันระหว่างพวกนักรบคู่สงครามในตัวเมือง พวกนักรบฮูตีมุสลิมชีอะห์บุกเข้ามายังเมือตาอิซ ในเดือนมีนาคม ในการรุกคืบจากป้อมปราการในกรุงซานนา ลงไปทางใต้ ซึ่งกระตุ้นให้พันธมิตรนานาชาติที่นำโดยซาอุดีอาระเบียเข้าแทรกแซงทางทหาร ทว่าแม้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศผ่านมาแล้ว 3 เดือน แต่ก็ยังไม่สามารถผลักดันนักรบกลุ่มนี้รวมถึงกองทหารที่ยังภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ถอยร่นกลับไปได้  เจ้าหน้าที่ความมั่นคงบอกว่าพวกทหารที่เกี่ยวข้องกับนายซาเลห์ เป็นผู้เปิดทางให้พวกนักรบหลบหนีระหว่างที่พวกนักรบซึ่งได้รับฉายาจากเหล่าผู้สนับสนุนว่า คณะกรรมการประชาชนรุกคืบเข้ามา มีการสู้รบดุเดือดใกล้ๆกับเรือนจำกลาง คณะกรรมการประชาชนเข้ามาควบคุมพื้นที่ แต่เป็นกองกำลังของซาเลห์ที่เปิดประตูเรือนจำ

เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ชายผู้หนึ่งจุดไฟเผาตัวเองบนขบวน รถไฟหัวกระสุนที่กำลังแล่นตะบึงอยู่ในญี่ปุ่นเมื่อวันอังคาร (30 มิ.ย.) สังหารทั้งตัวเขาเองและหญิงอีกผู้หนึ่ง พร้อมกับยังทำให้มีผู้บาดเจ็บอีกหลายคน ในเหตุการณ์ร้ายแรงซึ่งไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนกับเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงของแดนอาทิตย์อุทัยซึ่งมีประวัติด้านความปลอดภัยอย่างน่าอิจฉามาหลายสิบปี  สื่อญี่ปุ่นรายงานข่าวที่รวบรวมปากคำของผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ชายผู้นี้ได้นำเอาของเหลวติดไฟได้มาราดรดตามตัว จากนั้นก็ใช้ไฟแช็กฉุดไฟเผาตนเอง ในตู้โดยสารตู้แรกของขบวนรถไฟซึ่งกำลังพุ่งผ่านแถบพื้นที่ชนบท ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 70 กิโลเมตร  รายงานหลายกระแสกล่าวด้วยว่า ได้ยินเสียงระเบิดจากคอกสุขา ทำให้เกิดควันสีขาวปกคลุมตู้โดยสารคันหน้าสุด และก็ทำให้ขบวนรถไฟหยุดฉุกเฉิน ขณะที่บรรดาผู้โดยสารต่างพากันหลบหนีจ้าละหวั่นไปตามตู้โดยสารอื่นๆ  สื่อระบุด้วยว่า พนักงานขับรถไฟขบวนนี้ซึ่งมีผู้โดยสารมากกว่า 800 คน ได้ออกมาตรวจที่เกิดเหตุหลังจากรถหยุด และพบร่างที่ยังติดไฟเผาไหม้อยู่ของชายผู้นั้น  รถไฟขบวนนี้ซึ่งเป็นรถไฟหัวกระสุน โนโซมิสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าในขณะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นนั้นกำลังแล่นด้วยความเร็วเท่าใด แต่กำลังวิ่งอยู่บนเส้นทางจากโตเกียวมุ่งหน้าสู่เมืองโอซากา โดยตอนที่เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นมาในพื้นที่ของเขตโอดาวาระ   คลิปวิดีโอจากภายในขบวนรถไฟภายหลังเกิดไฟไหม้ขึ้นแล้ว แสดงให้เห็นพวกผู้โดยสารพากันกระพริบตาและส่งเสียงไอขรมเนื่องจากควันไฟ ขณะคืบคลานไปตามทางเดินเพื่อหาทางหลบหนีไปสู่ที่ปลอดภัย  หลายคนมีใบหน้าที่เปื้อนเขม่าดำ และบางคนมีท่าทีงุนงงและหงุดหงิด  สื่อญี่ปุ่นรายงานปากคำของชายที่เห็นเหตุการณ์ผู้หนึ่งซึ่งเล่าว่า ตรงบริเวณหน้าที่สุดของรถคันแรกเลย เขาเทและราดรด (ของเหลว) จากภาชนะพลาสติกใส่ตัวเขาเอง จากนั้นก็จุดไฟ  ส่วนผู้โดยสารอีกคนหนึ่งบอกว่าได้พูดกับชายผู้นี้ไม่กี่อึดใจก่อนที่เขาจะจุดไฟเผาตัวเอง  เขาบอกผมว่า 'หลบไปข้างหลังโน้น มันอันตรายนะ' ผมยังงงๆ อยู่ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ผมก็หิ้วข้าวของของผมออกมา ตั้งใจว่าจะเดินไปข้างหลัง ตอนนั้นเองที่เขาดึงเอาแทงค์ทำด้วยพลาสติกใบหนึ่งออกมาชายผู้นี้เล่า ข้างในนั้นใส่ของเหลวสีส้มเอาไว้ ผมคิดว่ามันน่าสงสัยมาก จึงถามเขาว่านั่นอะไร เขาก็ตอบว่า 'ช่างมันเถอะๆ หลบไปข้างหลัง'” รายงานหลายชิ้นบอกว่า ชายผู้ก่อเหตุอายุ 30 เศษ แต่ก็มีรายงานชิ้นหนึ่งระบุว่า เขาเป็นชายชราวัย 71 ปี และได้พยายามเอาแบงก์ย่อยๆ ของเขามาแจกจ่ายให้ผู้โดยสารคนอื่นๆ ก่อนจะจุดไฟเผาตัวเองด้วย  ทางด้านเจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งในสำนักงานป้องกันอุบัติภัยในท้องที่เกิดเหตุ กล่าวว่าชายผู้นี้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนผู้หญิงอีกคนหนึ่งซึ่งพบอยู่ที่ด้านตรงข้ามของตู้โดยสารคันดังกล่าว ถูกนำตัวไปโรงพยาบาลแต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา
เขาระบุด้วยว่า ยังมีชายอีก 3 คนที่อาการสาหัส แล้วมีอีก 3 คนซึ่งบาดเจ็บมากทีเดียว นอกจากนั้นมีผู้โดยสารคนอื่นๆ อีก 20 คนที่ต้องให้แพทย์รักษา ส่วนใหญ่ไม่สบายเนื่องจากสูดควันในขณะเกิดไฟไหม้เข้าไป  ภายหลังจากขบวนรถหยุดฉุกเฉินแล้ว ในเวลาต่อมาก็ได้แล่นต่อไปยังสถานีที่อยู่ใกล้ที่สุด และภาพจากข่าวทีวีแสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้เปลลำเลียงผู้โดยสารที่บาดเจ็บออกไป  ทางด้านนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ได้ประกาศจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ประสานการตอบโต้รับมือของรัฐบาล และขบวนรถไฟหัวกระสุนทุกขบวนที่แล่นระหว่างโตเกียวกับเมืองนาโงยา ถูกสั่งหยุดเดินรถไปนานหลายชั่วโมง  สำหรับแรงจูงใจที่ทำให้เกิดการเผาตัวตายคราวนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจน โดยที่ในญี่ปุ่นมีน้อยครั้งนักที่เกิดการฆ่าตัวตายเช่นนี้ในที่สาธารณะ แต่ที่เกิดขึ้นมามักเป็นการแสดงการประท้วงทางการเมือง   เป็นต้นว่าในเดือนพฤศจิกายน 2014 มีรายงานว่าชายผู้หนึ่งได้เผาตัวตายที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งบริเวณใจกลางกรุงโตเกียว โดยดูเหมือนว่าเขาต้องการประท้วงคัดค้านการที่รัฐบาลอาเบะมีนโยบายเพิ่มขยายบทบาททางทหารของญี่ปุ่น ก่อนหน้านั้นในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน ก็มีชายอีกผู้หนึ่งเผาตัวตายบนทางเดินเท้าในย่านชินจูกุ หนึ่งในย่านธุรกิจคึกคักที่สุดของโตเกียว หลังจากที่ได้กล่าวปราศรัยคัดค้านแผนการของอาเบะที่จะปฏิรูปรัฐธรรมนูญฉบับนิยมสันติของญี่ปุ่น

เอเอฟพี - สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีประกาศตัดความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ โดนัลด์ ทรัมป์เจ้าพ่อนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และดาราทีวีเรียลิตีโชว์ชาวอเมริกันซึ่งผันตัวมาเป็นผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี ภายหลังจากมหาเศรษฐีรายนี้ออกมาวิจารณ์เหยียดหยามผู้อพยพเม็กซิกันว่าเป็นพวก ตัวปัญหา  นั่นหมายความว่า เวทีประกวดขาอ่อนทั้งมิสยูเอสเอ และมิสยูนิเวิร์ส ที่ทรัมป์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดจะไม่ออกอากาศผ่านช่องเอ็นบีซีอีกต่อไป และตัวทรัมป์เองก็ต้องหลุดจากรายการเรียลิตีโชว์ “The Apprentice” ที่เขาเป็นดาราตัวเอกอยู่ด้วย  ก่อนหน้านี้ 4 วัน สถานีโทรทัศน์ยูนิวิชันซึ่งเป็นเจ้าตลาดทีวีภาคภาษาสเปนในสหรัฐฯ ก็ออกมาตัดสัมพันธ์กับกองประกวดมิสยูนิเวิร์สเช่นกัน  สัปดาห์ที่แล้ว เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์รายนี้ประกาศตัวจะชิงตำแหน่งผู้แทนพรรครีพับลิกันในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 และใช้เวลา 45 นาทีพูดพล่ามโวยวายเรื่องต่างๆ ที่ระคายหูผู้ฟังทั้งในอเมริกาและต่างประเทศ ชาวอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิกเป็นพลเมืองกลุ่มน้อยที่เติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐฯ และส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหลานผู้อพยพชาวเม็กซิโก  ทรัมป์กล่าวว่า ตอนเม็กซิโกส่งคนมาให้เรา พวกเขาไม่ได้คัดเอาพวกที่ดีที่สุดมา... แต่กลับส่งพวกที่สร้างปัญหา และพวกนั้นก็เอาปัญหามาทิ้งไว้ที่เรา ทั้งเรื่องยาเสพติด อาชญากรรม โจรข่มขืน  มิเกล อังเกล โอโซริโอ ชอง รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเม็กซิโก ออกมาวิจารณ์คำพูดของ ทรัมป์ ว่าเต็มไปด้วย อคติและ หาสาระไม่ได้กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิชาวอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิกล้วนประณามคำพูดของ ทรัมป์ ส่วนตัวเก็งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตอย่าง ฮิลลารี คลินตัน ก็ถือโอกาสนี้ถล่มมหาเศรษฐีปากพล่อยว่าพูดจายั่วยุให้เกิดความแตกแยก  อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนทรัมป์จะยังไม่สะทกสะท้านกับเสียงก่นด่าทั้งหลาย เพราะเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เขายังออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลจังโก้จ่ายเงินสร้าง กำแพงกั้นระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโกเสียด้วย  ผมจะต้องใช้วิธีรุนแรง ถ้าพวกเขาไม่ช่วยสนับสนุนหรือออกเงินสร้างกำแพงทรัมป์ กล่าวในรายการ State of the Union ทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น  เราต้องรองรับคนสารพัดกลุ่มที่เดินทางข้ามแดนเข้ามา ซึ่งคนพวกนี้แย่... แย่มากๆ  ผมไม่ได้หมายถึงชาวเม็กซิกันเท่านั้นนะ แต่หมายถึงทุกๆ กลุ่ม ซึ่งมีทั้งฆาตกรและพวกโจรข่มขืนด้วย  เม็กซิโกปฏิบัติไม่ดีกับเรา ทำเหมือนเราเป็นพวกโง่เง่าเต่าตุ่น ซึ่งอันที่จริง... ผู้นำของประเทศเราก็เป็นอย่างนั้นเสียด้วย