วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

หนังที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ปีนี้ 2015

อันนี้เป็นการเรียงโดยที่ยังไม่ได้จัดอันดับ หรือตัวเต็ง คาดหมายอะไร ขอเรียงไปตามอันดับของนักวิจารณ์ทั่วโลกก่อน และนี่เป็นตัวอย่าง trailer ของหนังที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงทั้ง 8 เรื่องในปีนี้ ส่วนรีวิว และทัศนะข้อคิดเห็นของผู้เขียนจะตามมาในบทความถัดไป หรือ ก่อนหน้านี้ เชิญทัศนาได้เลยครับ

1.  Birdman : or The Unexpected Virtue of  Ignorance


 
2. Boyhood 

 
 
3. The Grand Budapest Hotel


4.American Sniper 

 
 
5.The Imitation Game


6. The Theory of Everything


7. Selma


8. Whiplash


และหนังที่แนะนำ,น่าดู แม้ไม่ได้เข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่ได้ชิงในสาขาผู้กำกับ หรือบทภาพยนตร์ หรือนักแสดง ได้แก่


 
หมายเหตุ  อ่านรายละเอียดของหนังที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 87 ประจำปีนี้ ได้ที่บทความนี้ คลิก link นี้ http://yikgamyok.blogspot.com/2015/01/87.html 

วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

โลก 360 องศา - (จอร์แดนขอความมั่นใจว่านักบินของตนยังมีชีวิตอยู่แลกกับตัวประกันมือระเบิดหญิงอิรัก,รัฐบาลมาเลเซียแถลงสรุปสาเหตุ MH370เป็นอุบัติเหตุ,IS เผยคลิปสังหารตัวประกันชาวญี่ปุ่นแล้ว 1 ราย,ตำรวจฟิลิปปินส์ปะทะเดือดกลุ่มกบฏ,ทางการสเปนจับผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย,กษัตริย์ซาอุสิ้นพระชนม์)


เอเอฟพี - จอร์แดนในวันพฤหัสบดี(29ม.ค.) ย้ำจะไม่ปล่อยมือระเบิดหญิงชาวอิรัก จนกว่าจะได้รับข้อพิสูจน์ว่านักบินของตนเองที่ถูกกลุ่มรัฐอิสลามจับเป็นตัวประกันนั้นยังมีชีวิตอยู่ กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ข่มขู่ที่จะประหารนักบินชาวจอร์แดนที่ถูกตนจับกุมไว้ ในทันทีหากกรุงอัมมานไม่ยอมปล่อยตัวมือระเบิดหญิงชาวอิรักก่อนพระอาทิตย์ตกดินวันพฤหัสบดี (29 ม.ค.) เพื่อแลกเปลี่ยนกับตัวประกันอีกคนซึ่งเป็นนักข่าวชาวญี่ปุ่น โมฮัมหมัด อัล-โมมานี โฆษกรัฐบาลจอร์แดนกล่าวว่า "จอร์แดนมีความตั้งใจแลกตัวซาจิดา อัล-ริชาวี กับนักบินจอร์แดน แต่ในตอนนี้เราเน้นย้ำว่าเราได้ร้องขอข้อพิสูจน์ของการมีชีวิตของนักบินจากไอเอส และเรายังไม่ได้รับคำตอบใดๆ"  "ริชาวี ยังคงอยู่ในจอร์แดนและการแลกเปลี่ยนตัวจะมีขึ้นต่อเมื่อเราได้รับข้อพิสูจน์ตามที่เราร้องขอว่าเขายังไม่ตาย" โฆษกรัฐบาลจอร์แดนบอกกับผู้สื่อข่าว โดยไม่ได้พาดพิงใดๆถึงนายเคนจิ โกโตะ นักข่าวอิสระที่ถูกไอเอสจับไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ในคลิปล่าสุดที่เผยแพร่ในตอนเช้าวันพฤหัสบดี(29ม.ค.) ไอเอสขีดเส้นตายให้ จอร์แดนต้องนำตัว ซาจิดา อัล-ริชาวี ที่ต้องโทษประหารจากการมีส่วนร่วมในเหตุระเบิดในอัมมานปี 2005 ไปส่งที่ด่านชายแดนตุรกีก่อนพระอาทิตย์ตกดิน โดยดูจากพระอาทิตย์ตกในเมืองโมซูล เมืองใหญ่ที่สุดที่ไอเอสยึดครองในอิรัก ซึ่งน่าจะเป็นเวลาราวๆ 15.00 จีเอ็มที(ตรงกับเมืองไทย 22.00น.) จอร์แดน บอกว่าจะปล่อยตัวนักโทษหญิงชาวอิรัก หากไอเอสยอมมอบอิสรภาพแก่นักบินของพวกเขา อย่างไรก็ตามในขณะที่ไอเอสขู่เอาชีวิตร้อยโทมูอาห์ อัล-คัสซัสเบห์ แต่สารของพวกเขาก็ไม่ได้บ่งชี้อย่างชัดเจนว่าพร้อมปล่อยตัวนักบินรายนี้เป็นส่วนหนึ่งในการแลกเปลี่ยนด้วยหรือไม่  ร้อยโทมูอาห์ อัล-คัสซัสเบห์ ถูกจับเป็นตัวประกันเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม หลังเครื่องบินเอฟ 16 ของเขาเกิดตกระหว่างปฏิบัติภารกิจต่อต้านนักรบไอเอสเหนือน่านฟ้าทางเหนือของซีเรีย ขณะที่จอร์แดนบอกว่าเป้าหมายลำดับแรกของพวกเขาคือช่วยเหลือนักบินรายนี้กลับสู่มาตุภูมิโดยปลอดภัย

เอเอฟพี - ภายหลังที่เที่ยวบิน MH370 ของสายการบิน มาเลเซียแอร์ไลน์สสูญหายไปนานนับ 10 เดือน ล่าสุดวันนี้ (29 ม.ค.) มาเลเซียได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า อากาศยานลำนี้ประสบ อุบัติเหตุและสันนิษฐานว่า ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตยกลำ ซึ่งนับเป็นขั้นตอนหนึ่งซึ่งจะเปิดโอกาสให้ญาติๆ ของผู้สูญขอรับค่าชดเชย แม้ว่าจะเป็นข้อสรุปที่ยากจะทำใจยอมรับก็ตาม  อัซฮารุดดิน อับดุล ราห์มาน อธิบดีกรมการบินพลเรือนระบุในการแถลง ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ว่า ด้วยความเจ็บปวดสุดหัวใจ และความโศกเศร้าอย่างสุดซึ้ง เราในนามของรัฐบาลมาเลเซีย ขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ประสบอุบัติเหตุ  เขาระบุต่อไปว่า ลูกเรือและผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH370 รวม 239 คน ถูกสันนิษฐานว่าเสียชีวิตทั้งหมด  อัซฮารุดดินชี้ว่า การประกาศอย่างเป็นทางการว่า การอันตรธานหายไปของโบอิ้งมาเลย์ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ปีที่แล้ว เป็นอุบัติเหตุนั้นจะช่วยเปิดช่องให้ครอบครัวของลูกเรือ และผู้โดยสารเดินหน้าขอเงินชดเชยจากทางสายการบินได้ในที่สุด   เขากล่าวว่า คาดหมายกันว่า การประกาศเช่นนี้จะช่วยให้ครอบครัวสามารถขอรับความช่วยเหลือที่จำเป็น โดยเฉพาะผ่านกระบวนการมอบเงินชดเชย  อย่างไรก็ตาม ซาราห์ บัจก์ คู่ครอง ฟิลิป วูด หนึ่งในผู้โดยสารบนเครื่องบินลำนี้ได้ออกมาตำหนิการประกาศของรัฐบาลมาเลเซีย โดยระบุว่า ดิฉันคิดว่า พวกเขากำลังโกหก  ก็อาจเป็นไปได้ว่าเครื่องบินลำนี้ตก แต่ยังไม่มีหลักฐาน และจนกว่าจะมีหลักฐาน เราก็ยังเชื่อคำพูดของพวกเขาไม่ได้เธอกล่าวพาดพิงถึงรัฐบาล และสายการบินของแดนเสือเหลือง   หากเรายังไม่ได้ข้อพิสูจน์ ก็ไม่มีทางปิดคดีนี้ได้ญาติพี่น้องบางส่วนพากันกล่าวหารัฐบาลมาเลเซีย และสายการบินแห่งชาติว่า สร้างความสับสนวุ่นวาย และไม่รู้จักตอบสนองอย่างทันท่วงที ตั้งแต่ครั้งแรกที่เครื่องบินลำนี้ขอเปลี่ยนเส้นทาง จนปล่อยให้อากาศยานทั้งลำสูญหายไป รวมทั้งตั้งข้อสงสัยว่า เจ้าหน้าที่พยายามปกปิดอะไรบางอย่าง ในขณะที่ทั้งกัวลาลัมเปอร์ และสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ต่างปฏิเสธเสียงแข็งว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่เป็นความจริง  ทั้งนี้ เที่ยวบิน MH370 ได้อันตรธานหายไประหว่างออกเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่ง จนกลายเป็นหนึ่งในปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแวดวงการบิน  เหล่าเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของมาเลเซียระบุว่า ข้อมูลจากดาวเทียมชี้ว่า เครื่องบินลำนี้เบนออกนอกเส้นทางไปไกลถึงตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย โดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่พวกเขาสงสัยกันว่า น่าจะเกิดจากการความจงใจของคนบนเครื่อง อย่างไรก็ตาม ยังไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่า อากาศยานลำนี้ประสบชะตากรรมอย่างไร แม้ว่าออสเตรเลียจะยังคงนำภารกิจค้นหาในน่านน้ำที่มีการสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นจุดตกของ MH370 ในการดำเนินปฏิบัติการค้นหาและช่วยชีวิตที่ใช้งบประมาณมากที่สุดในประวัติศาสตร์


เอพี/เอเจนซีส์ - หลังการเผยแพร่คลิปการสังหาร ฮารุนะ ยูกาวะ วัย 42 ปี ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้ญาติและเพื่อนของตัวประกันพลเมืองญี่ปุ่นทั้งสองต่างตกอยู่ในความเศร้าและตื่นตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น โชอิจิ ยูคาวะ (Shoichi Yukawa) พ่อของยูคาวะเสียใจอย่างท่วมท้นต่อข่าวการเสียชีวิตของบุตรชาย และยังหวังลึกๆ ว่าจะไม่ใช่ฮารุนะที่จากไป ในขณะที่ NBC News สื่อสหรัฐฯ ชี้ข้อเรียกร้องใหม่ของกลุ่ม IS ที่ต้องการให้แลกเปลี่ยนชีวิตกับพลเมืองญี่ปุ่นที่เหลือเพื่อแลกกับผู้ต้องขังมือวางระเบิดหญิง IS ชาวอิรัก ซาจิดา อัล-ริชาวี (Sajida al-Rishawi) ในจอร์แดนนั้นเป็นกลยุทธ์ในการโปรโมตข่าวชวนเชื่อให้กับทางกลุ่มว่าเป็นผู้ปกป้อง หญิงมุสลิม โชอิจิ ยูคาวะ (Shoichi Yukawa) บิดา วัย 74 ปีของฮารุนะ ยูกาวะ วัย 42 ปีที่เพิ่งได้รับข่าวการเสียชีวิตของลูกชายหลังจากเส้นตาย 72 ชม. ผ่านพ้นไปในวันศุกร์ (23) ได้เปิดแถลงความรู้สึกวันนี้ (25) ที่กรุงโตเกียวว่า ผมหวังอยู่ในใจลึกๆ ว่านั่นจะไม่ใช่เรื่องจริงยูคาวะกล่าว ซึ่งลูกชายของเขาที่มีความต้องการเปิดธุรกิจด้านให้บริการความมั่นคงถูกจับตัวในซีเรียในปีที่ผ่านมา และยูคาวะกล่าวต่อกับสื่อทีวีญี่ปุ่นโดยขอไม่ให้เปิดเผยใบหน้าว่า หากผมสามารถได้พบกับฮารุนะอีกครั้ง ผมจะกอดเขานานๆและโชอิจิ ยูคาวะ ยังขอโทษต่อทุกคนที่ลูกชายของเขาทำให้ทุกคนเดือดร้อน ซึ่งเอพีชี้ว่าถึงแม้ฮารุนะ ยูคาวะถูกลักพาตัวไปในปีที่ผ่านมา แต่ทว่าข่าวของเขาหายไปอย่างรวดเร็วจากหน้าสื่อญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเห็นว่า ยูคาวะเดินทางเสี่ยงไปที่ถิ่นสงครามกลางเมืองตามลำพังด้วยความบ้าบิ่นและสมัครใจ แต่ทว่าข่าวการถูกสังหารของฮารุนะด้วยฝีมือกลุ่ม IS และสถานการณ์ล่อแหลมในความสามารถการทูตญี่ปุ่นที่จะต้องช่วยพลเมืองตัวประกันที่ถูกจับนั้นทำใหญี่ปุ่นตกอยู่ในอาการขวัญผวาเนื่องจากเป็นประเทศที่ถือได้มีนโยบายเชิงสันติ และมีอัตราอาชญากรต่ำ
ในขณะเดียวกัน สื่อญี่ป่น อาซาฮี ชิมบุน รายงานเพิ่มเติมวันนี้ (25) ว่า ด้านพ่อตาของเคนจิ โกโตะ นักข่าวญี่ปุ่น วัย 47 ปี ที่ปรากฏภาพในวิดีโอคลิปถือภาพการเสียชีวิตของเพื่อน ยูคาวะ และเสียงบรรยายประกอบคลิปยื่นข้อเสนอแลกชีวิตเขากับมือวางระเบิดหญิงชาวอิรัก ซาจิดา อัล-ริชาวี ( Sajida al-Rishawi) กล่าวว่า เรายังไม่สามารถวางใจได้จนกว่า เคนจิจะสามารถมีชวิตกลับมาถึงญี่ปุ่นได้ เพราะเขาอาจถูกสังหารในนาทีใดก็ได้ ผมต้องการให้เขากลับถึงบ้านให้เร็วที่สุดส่วนจุนโกะ อิชิโด (Junko Ishido) มารดาวัย 78 ปีของนักข่าวญี่ปุ่นที่มักท่องเที่ยวในตะวันออกกลางเพื่อสัมภาษณ์คนท้องถิ่นที่นั่นเปิดเผยว่า ดิฉันรู้สึกหนักอื้งเมื่อเห็นวิดีโอคลิปล่าสุด ดิฉันสงสัยว่า เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นจริงหรือในโลกใบนี้ ดิฉันคิดว่าสถานการณ์ที่โหดร้ายเกิดขึ้นเกินกว่าที่ดิฉันจะคาดการณ์ได้ ดิฉันไม่สามารถมองโลกในง่ดีมากไปกว่านี้  ส่วนโนบูโอะ คิโมโตะ (Nobuo Kimoto) วัย 70 ปีที่ปรึกษาบริษัทความปลอดภัยของฮารุน ยูคาวะ ให้สัมภาษณ์ว่า ผมยังสั่นไม่หาย ผมหวังว่า ข่าวที่ปรากฏนั้นไม่เป็นจริงทั้งนี้คิโมโตะที่เป็นอดีตสมาชิกสภาเขตอิบาระกิ เปิดเผยว่า เขาได้กลายมาเป็นที่ปรึกษาของบริษัทยูคาวะเพราะเห็นความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ  อย่างไรก็ตาม ในเงื่อนไขใหม่แลกชีวิตโกโตะกับมือระเบิดหญิง IS นั้นสื่อสหรัฐฯ NBC News รายงานในวันนี้ (25) ถึงรายละเอียดของผู้ต้องขังมือวางระเบิดหญิงชาวอิรัก ซาจิดา อัล-ริชาวี (Sajida al-Rishawi) ในจอร์แดนว่า เธอผู้นี้ผูกระเบิดติดไว้กับกระเป๋าคาดเอวเพื่อระเบิดโรงแรมในอัมมาน ในปี 2005 แต่โชคดีที่ระเบิดไม่ทำงาน แท้จริงแล้วเป็นน้องสาวของผู้บัญชาการระดับสูงภายใต้ อาบู มูซาบ อัล-ซาร์คาวี (Abu Musab Al-Zarqawi) อดีตผู้นำอัลกออิดะห์ในอิรัก ซึ่ง อาบู บาการ์ อัล-บักห์ดาดี (Abu Bakr al-Baghdadi) ผู้นำคนปัจจุบันของ IS เคยทำงานเป็นนักรบภายใต้การนำของอัล-ซาร์คาวี  ด้าน Karima Bennoune ศาสตราจารย์กฎหมายระหว่างประเทศประจำมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ยูซีเดวิส เจ้าของหนังสือ “Your Fatwa Does Not Apply Here : Untold Stories from the Fight Against Muslim Fundamentalism.” และมีผู้ติดตามยูทิวบ์อีกร่วมล้านกว่าคนในการเปิดเผยถึงชีวิตของมุสลิมที่ต่อสู้กับลัทธิก่อการร้าย เปิดเผยกับสื่อสหรัฐฯ ถึงดีลล่าสุดที่ IS หยิบยื่นว่า ดูเหมือนว่าข้อเรียกร้องต่อรองของ IS ได้เปลี่ยนไปเพื่อมุ่งหวังในการทำโฆษณาชวนเชื่อมากกว่าเงินตรา โดยต้องการให้ภาพลักษณ์ของ IS ถูกมองว่าเป็นผู้ปกป้องหญิงมุสลิม โดยเธอได้โยงไปถึงภาษาที่ถูกใช้ในวิดีโอคลิปล่าสุด ที่เรียกขานมือระเบิดหญิงว่า น้องสาวที่ถูกกักขังซึ่งสื่อเป็นนัยถึงการสร้างภาพชวนเชื่อ ทั้งนี้ซาจิดา อัล-ริชาวีพยายามจะกดระเบิดในระหว่างงานพิธีสมรสของคู่บ่าวสาวหนึ่งที่จัดขึ้นในโรงแรมหรูในอัมมาน ปี 2005 พร้อมกับ ฮุซเซน อาลี อัล-ชามารี (Hussein Ali al-Shamari) สามีของเธอประสบความสำเร็จเป็นมือระเบิดฆ่าตัวตายสังหารคนไปเกือบ 40 คนที่โรงแรมแรดิสสันในจอร์แดน และมือระเบิดหญิง IS ถูกจำคุกในปี 2006  โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่า อาเบะได้ต่อสายโทรศัพท์ปรึกษากษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดนในวันเสาร์ (24) สื่อรัฐบาลจอร์แดน เพตรารายงาน โดยไม่ได้ระบุว่าผู้นำทั้งคู่ได้สนทนาเรื่องใดบ้าง แต่สกายทีวี สื่ออังกฤษวิเคราะห์ว่า อาจมีการปรึกษาถึ งข้อเรียกร้องล่าสุดของกลุ่มติดอาวุธ IS   เอเจนซีส์ นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น และผู้นำตะวันตกนำทีมโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ออกมาแถลงในวันอาทิตย์ (25) ม.ค.) ประณามกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่ฆ่าตัดคอตัวประกันชาวญี่ปุ่นไปแล้ว 1 คน โดยระบุว่าเป็นการกระทำที่ เหี้ยมโหดและให้อภัยไม่ได้พร้อมกับเรียกร้องให้ปล่อยตัวประกันชาวซามูไรอีกคนหนึ่งในทันที ขณะที่ทางด้านไอเอสระบุว่ายกเลิกการเรียกร้องค่าไถ่แล้ว แต่จะปล่อยตัวประกันที่ยังเหลืออยู่นี้ หากโตเกียวไปจัดการให้จอร์แดนยอมปล่อยนักโทษหญิงชาวอิรักที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในกรุงอัมมานเมื่อ 10 ปีก่อน  นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ กล่าวผ่านสถานีทีวีเอ็นเอชเคในวันอาทิตย์ว่า มีโอกาสสูงที่ร่างคนไร้ศีรษะซึ่งปรากฏในคลิปที่ถูกนำออกเผยแพร่เมื่อคืนวันเสาร์ (24) คือศพของฮารูนะ ยูกาวะ ผู้รับเหมาสัญญาด้านความมั่นคงชาวญี่ปุ่น  อาเบะย้ำว่า การสังหารยูกาวะเป็นการกระทำที่เหี้ยมโหดและอภัยให้ไม่ได้ และญี่ปุ่นจะไม่ยอมจำนนให้การก่อการร้าย พร้อมเรียกร้องให้กลุ่มไอเอสปล่อยตัวประกันญี่ปุ่นอีกคนที่ยังเหลืออยู่ คือ ผู้สื่อข่าว เคนจิ โกโตะ อย่างปลอดภัยในทันที และประกาศว่า การรักษาชีวิตของโกโตะคือเป้าหมายสำคัญที่สุดในขณะนี้  วิกฤต 2 ตัวประกันชาวญี่ปุ่นซึ่งกลายเป็นบททดสอบหนักหน่วงสำหรับอาเบะ เริ่มต้นขึ้นในวันอังคารที่ผ่านมา (20) เมื่อไอเอสเผยแพร่ภาพโกโตะและยูกาวะสวมชุดสีส้มนั่งคุกเข่า โดยมีชายชุดดำถือดาบกวัดแกว่งอยู่ด้านหลัง และเรียกร้องค่าไถ่ 200 ล้านดอลลาร์ภายในเวลา 72 ชั่วโมง โดยถึงกำหนดเส้นตายเมื่อวันศุกร์ (23)  สำหรับในคลิปล่าสุดคืนวันเสาร์ที่มีความยาว 3 นาที เป็นภาพนิ่งของโกโตะถือภาพร่างไร้ศีรษะของยูกาวะ พร้อมเสียงพูดบรรยายเป็นภาษาอังกฤษของชายที่อ้างว่าเป็นโกโตะ ซึ่งกล่าวว่า ยูกาวะถูกสังหารในดินแดนของรัฐอิสลาม และสำทับว่า ความจริงแล้วรัฐบาลญี่ปุ่นสามารถช่วยชีวิตยูกาวะได้ผ่านทางจอร์แดน ที่อาเบะตั้งสำนักงานประสานงานเพื่อรับมือวิกฤตตัวประกันครั้งนี้ตั้งแต่เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว  โกโตะกล่าวต่อไปว่า ไอเอสยกเลิกการเรียกร้องค่าไถ่และจะปล่อยตัวเขา โดยแลกกับ ซาจิดา อัล-ไรชาวี มือระเบิดหญิงชาวอิรักที่ถูกจอร์แดนตัดสินประหารชีวิต เนื่องจากมีส่วนร่วมในการลอบวางระเบิดในเมืองหลวงอัมมานเมื่อปี 2005 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 60 คน
ทางด้านโชอิชิ ยูกาวะ พ่อของยูกาวะให้สัมภาษณ์วันอาทิตย์ว่า เสียใจมาก และไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นความจริง ขณะที่จุงโกะ อิชิโดะ แม่ของโกโตะ บอกว่า มีความหวังเพียงริบหรี่หลังจากเห็นภาพของลูกชายที่ดูเครียดมาก แต่สำทับว่า รัฐบาลญี่ปุ่นไม่เคยทอดทิ้งประชาชน และเธอเชื่อว่า รัฐบาลกำลังพยายามอย่างดีที่สุด ทั้งนี้ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับเอ็นเอชเค อาเบะเผยว่า ได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ตัวประกันญี่ปุ่นกับกษัตริย์อับดุลเลาะห์แห่งจอร์แดน แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของไอเอสในการแลกตัวโกโตะกับอัล-ไรชาวี ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นย้ำว่า กำลังพยายามติดต่อกับไอเอส และที่ปรึกษาคนหนึ่งของอาเบะระบุว่า ได้สื่อสาร ทางอ้อมกับนักรบอิสลามกลุ่มนี้  โตเกียวนั้นมีอิทธิพลทางการทูตในตะวันออกกลางน้อยมาก กระนั้น สื่อท้องถิ่นรายงานก่อนหน้านี้ว่า อาเบะอาจขอให้ประธานาธิบดีรีเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ของตุรกี ช่วยเหลือตัวประกันญี่ปุ่นด้านโยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแดนซามูไรแถลงว่า ญี่ปุ่นพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยชีวิตโกโตะ และว่า รัฐบาลไม่ได้รับการเตือนใดๆ ก่อนที่จะมีการเผยแพร่คลิปล่าสุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้อง ท่ามกลางการตั้งข้อสงสัยหลายประเด็น อาทิ เสียงในคลิปไม่น่าใช่เสียงของโกโตะ อย่างไรก็ดี สำหรับประเด็นนี้ นักวิเคราะห์คนหนึ่งยืนยันว่า เป็นเสียงของโกโตะจริง นอกจากนี้ ยังมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า คลิปดังกล่าวไม่ได้โพสต์บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของไอเอสและไม่มีธงขาว-ดำของกลุ่มนี้ รวมทั้งไม่มีภาพการสังหารยูกาวะ เหมือนคลิปก่อนๆ ที่นักรบญิฮัดโชว์ภาพการตัดศีรษะตัวประกันตะวันตกให้เห็นกันชัด ๆ ขณะเดียวกัน วันเสาร์ที่ผ่านมา นักรบคนหนึ่งได้ออกคำเตือนผ่านเว็บไซต์ที่โยงใยกับไอเอสว่า ข้อความในคลิปล่าสุดเป็นสาส์นปลอม ขณะที่นักรบอีกคนบอกว่า ข้อความนั้นต้องการสื่อกับครอบครัวของโกโตะเท่านั้น และนักรบคนที่สามตั้งข้อสังเกตว่า คลิปล่าสุดไม่ได้เผยแพร่โดยอัล-เฟอร์กัน ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานด้านสื่อของไอเอสที่ก่อนหน้านี้เป็นผู้โพสต์คลิปเกี่ยวกับการจับและการสังหารตัวประกัน ส่วนที่วอชิงตัน ทำเนียบขาวแถลงในวันเสาร์ว่า ประธานาธิบดีโอบามา ประณามการสังหารยูกาวะอย่างโหดเหี้ยมโดยไอเอส และวอชิงตันพร้อมเคียงข้างสนับสนุนโตเกียว และเรียกร้องให้ไอเอสปล่อยโกโตะ ต่อมา โอบามาซึ่งอยู่ระหว่างเยือนอินเดีย ยังโทรศัพท์หาอาเบะเมื่อวันอาทิตย์ เพื่อแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ทางด้านนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษ ก็แถลงประณามเหตุการณ์นี้ว่าเป็น การฆาตกรรมอย่างป่าเถื่อนเช่นเดียวกับประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศส และโทนี่ แอ็บบอตต์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ประณามว่าเป็น ความชั่วร้ายอย่างแท้จริงของ ลัทธิแห่งความตาย 

รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 32 คนในวันอาทิตย์ (25 ม.ค.) หลังเกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างตำรวจฟิลิปปินส์กับกลุ่มกบฏมุสลิมทางภาคใต้ของประเทศ สั่นคลอนข้อตกลงสันติภาพที่เพิ่งมีอายุได้เพียง 1 ขวบปี รวมถึงข้อตกลงหยุดยิงที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลา 3 ปี  รายงานข่าวระบุว่า เหตุยิงปะทะดังกล่าวซึ่งกินเวลายาวนานกว่า 12 ชั่วโมงใกล้กับเมืองมามาซาปาโน ในจังหวัด มากินดาเนาเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 27 นาย รวมถึงสมาชิกกลุ่มติดอาวุธมุสลิมอีก 5 คนเสียชีวิต  ขณะเดียวกันมีการยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 7 นายได้หายตัวไประหว่างการยิงปะทะและยังหาตัวไม่พบ ขณะที่มีรายงานว่ามีตำรวจอีก 8 นายถูกพวกกบฏมุสลิมจับตัวไป ถือเป็นเหตุปะทะกันระหว่างฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐบาลและฝ่ายกบฏครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2011 เป็นต้นมา ด้านพันเอก เรสติตูโต ปาดิญา จากกองทัพฟิลิปปินส์ออกมาเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทหารไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการยิงปะทะกันอย่างหนักหน่วงระหว่างตำรวจกับกลุ่มกบฏในครั้งนี้ พร้อมเผยจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงอาจพุ่งสูงถึง 50 ศพซึ่งส่วนใหญ่คาดว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ กลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามิกโมโร (MILF) ซึ่งถือเป็นกลุ่มกบฏมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ได้ยอมรับข้อตกลงสันติภาพจากรัฐบาลฟิลิปปินส์เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว หลังการเจรจายาวนานที่มีมาเลเซียเป็นคนกลาง ส่งผลให้ความขัดแย้งที่ดำเนินมานานถึง 45 ปี และคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 120,000 คน กับทำให้เกิดผู้อพยพพลัดถิ่นอีก 2 ล้านคนสิ้นสุดลง ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว กลุ่มโมโรจะต้องยอมวางอาวุธและสลายกองกำลัง ส่วนรัฐบาลฟิลิปปินส์ต้องจัดตั้งองค์กรปกครองใหม่ซึ่งให้อำนาจในการปกครองตนเองแก่คนในพื้นที่ และให้สิทธิ์ชาวมุสลิมซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยของประเทศ ได้เข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและทางการเมืองมากขึ้น

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ผล เอ็กซิท โพลล์ที่มีการเผยแพร่ล่าสุดในกรีซ ชี้ กลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย ซีริซาจะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภากรีซ เหนือพรรคประชาธิปไตยใหม่ของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอันโตนิส ซามาราสที่กำลังจะหมดอำนาจ ผล เอ็กซิท โพลล์ที่มีการเผยแพร่ในวันอาทิตย์ (25 ม.ค.) ชี้ชัด กลุ่มการเมืองซีริซาภายใต้การนำของอเล็กซิส ซีปราส นักการเมืองหนุ่มใหญ่วัย 40 ปีจะได้คะแนนเสียงระหว่าง 35.5-39.5 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็น 146-158 ที่นั่งจากที่นั่งในรัฐสภาทั้งหมด 300 ที่นั่ง ซึ่งมากพอที่จะส่งให้ซีปราสได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่  ขณะที่พรรคประชาธิปไตยใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอันโตนิส ซามาราส มีแนวโน้มได้คะแนนเสียงเพียง 23-27 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น  หากผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการที่จะมีการประกาศในช่วงเช้าวันจันทร์ออกมาสอดคล้องกับผลเอ็กซิท โพลล์จะส่งผลให้อเล็กซิส ซีปราสกลายเป็น หัวหน้ารัฐบาลรายแรกของประเทศสมาชิกกลุ่มยูโรโซน ที่แสดงจุดยืนชัดเจนต่อต้านการบังคับใช้มาตรการรัดเข็มขัดรวมถึงภาระหนี้สินที่เกิดจากเงื่อนไขความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ด้านปาโนส สกูร์เลติส โฆษกพรรคซีริซา ออกมาประกาศชัยชนะผ่านสถานีโทรทัศน์เมกา ทีวี โดยระบุว่า นี่คือชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ และยังเป็นการส่งสัญญาณว่า นับจากนี้กรีซจะไม่ยอมรับเงื่อนไขและมาตรการทางเศรษฐกิจใดๆจากภายนอกอีกต่อไป แต่จะหันไปให้ความสำคัญกับความเป็นประชาธิปไตยและการธำรงรักษาศักดิ์ศรีของประเทศ ทั้งนี้ กลุ่มการเมืองซีริซา ได้ให้คำมั่นตลอดช่วงหาเสียงการเลือกตั้งคราวนี้ ซึ่งจัดให้มีขึ้นก่อนกำหนดถึง 2 ปีว่า หากพรรคของตนคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งก็จะเร่งผลักดันการเปิดเจรจาใหม่ เรื่องบรรดาเงื่อนไขของข้อตกลงเงินกู้ 240,000 ล้านดอลลาร์ที่กรีซทำไว้กับเจ้าหนี้ 3 ฝ่ายหรือ ทรอยกาอันประกอบด้วย สหภาพยุโรป (อียู) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) รวมถึง ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ขณะเดียวกัน ซีปราสยังประกาศจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ตลอดจนออกมาตรการลดค่าไฟฟ้าสำหรับครอบครัวผู้มีรายได้ต่ำ และลดภาษี รวมถึง ยกเลิกการตัดค่าใช้จ่ายโครงการภาครัฐ จุดยืนของพรรคซีริซาในการต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดเช่นนี้ กระตุ้นให้เกิดความกังวลรอบใหม่ว่า รัฐบาลเอเธนส์จะหลุดพ้นจากปัญหาหนักหน่วงทางเศรษฐกิจที่เผชิญอยู่ได้หรือไม่ โดยที่วิกฤตการเงินนั้นได้กัดกร่อนให้เศรษฐกิจกรีซลดขนาดลงถึง 25% หรือ 1 ใน 4 และยังผลักให้อัตราว่างงานในหมู่หนุ่มสาวชาวกรีกพุ่งสูงกว่า 50% รวมถึงทำให้หนี้สาธารณะทะยานจาก 146% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เป็น 175.5% เมื่อปีที่ 2014 ที่ผ่านมา  ขณะที่บรรดาเจ้าหนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศเจ้าของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอียู ยังคงยืนยันว่า กรีซต้องปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำไว้ หากต้องการที่จะรับการสนับสนุนต่อ ขณะที่นักลงทุนและตลาดการเงินต่างหวาดผวาว่า ถ้าพรรคฝ่ายซ้ายจัดซีริซาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งจริง และไม่สามารถตกลงกับฝ่ายเจ้าหนี้ต่างประเทศได้ กรีซอาจจะถึงขั้นล้มละลายและหมดความสามารถในการชำระหนี้สินอย่างสิ้นเชิง


เอเอฟพี - ตำรวจสเปนวานนี้ (24 ม.ค.) ได้เข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงอิสลามิสต์ ที่กำลังเตรียมก่อเหตุโจมตีในประเทศ ทั้งนี้เป็นการเปิดเผยของรัฐบาลแดนกระทิงดุ กระทรวงกลาโหมระบุในคำแถลงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบตัวพี่น้องชาวสเปนเชื้อสายโมร็อกโก 2 คู่ ในนครปกครองตนเองเซวตาแห่งสเปนซึ่งตั้งอยู่ติดกับพรมแดนประเทศโมร็อกโก  กระทรวงมหาดไทยสเปนระบุว่า ชายทั้งสี่ มีประวัติคล้ายคลึงกับสองพี่น้องกูอาชี ผู้ลงมือก่อเหตุโจมตีในฝรั่งเศสเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมามาก แต่ไม่พบว่าทั้งสองกรณีมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันฮอร์เก เฟอร์นันเดซ ดิอาซ รัฐมนตรีมหาดไทยได้เปรียบผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้ กับมือปืนสองพี่น้อง เชริฟ และซาอิด คูอาชี ที่ควงปืนอาก้าบุกสังหารหมู่เหยื่อ 12 ชีวิตที่สำนักงานนิตยสารแนวเสียดสีประชดประชัน ชาร์ลี เอ็บโดในกรุงปารีส เขาชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้ต้องสงสัยในนครปกครองตนเองเซวตา นั้นมีลักษะละม้ายคล้ายผู้ก่อเหตุกราดยิงที่กรุงปารีส ในแง่ที่พวกเขามี การเตรียมความพร้อมทั้งในเชิงกายภาพ และเชิงจิตวิทยา รวมทั้งมีทักษะความชำนาญในการใช้อาวุธเหมือนกัน  นอกจากนี้ ผู้ต้องสงสัยชาวสเปนยังมี เจตจำนงอันแน่วแน่...ที่จะก่อเหตุโจมตี และพร้อมสละชีพเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย หากจำเป็น  ทั้งนี้ ชายชาวเซวตาทั้งสี่ได้รับแรงบันดาลใจจากข้อความที่เผยแพร่ทางโลกออนไลน์ โดยกลุ่มนักรบญิฮาดหัวรุนแรง รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ที่กำลังยึดครองดินแดนอันกว้างใหญ่ในอิรักและซีเรีย

เอเอฟพี - เหล่าผู้นำจากต่างชาติรวมตัวกันที่มัสยิดกลางในเมืองหลวงของซาอุดีอาระเบียในวันศุกร์(23ม.ค.) เพื่อร่วมพระราชพิธีศพของกษัตริย์อับดุลเลาะห์ที่ทรงเสด็จสวรรคตก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ส่วนเจ้าชายซัลมาน บิน อับดุลอาซิส มกุฎราชกุมารผู้สืบทอดราชสมบัติ ทรงให้คำมั่นจะนำพาประเทศอยู่บนเส้นทางแห่งความมั่นคงและเรียกร้องความรักความสามัคคีในหมู่ชาวมุสลิม  นายเรเซพ ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกีและนายนาวาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน รวมถึงเหล่าผู้นำของซูดานกับเอธิโอเปีย เข้าร่วมพิธีสวดพระศพที่มัสยิดอิหม่าม เตอร์กี บิน อับดุลเลาะห์ ในกรุงริบาด เคียงข้างกษัตริย์ซัลมาน เจ้าผู้ครองแผ่นดินคนใหม่ของซาอุดีอาระเบีย  รายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์เผยให้เห็นภาพพระศพของกษัตริย์อับดุลเลาะห์อยู่บนแคร่ที่หามโดยเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีสวดพระศพ ในนั้นรวมถึงเจ้าชายมิเตบ บิน อับดุลเลาะห์ รัฐมนตรีกองกำลังพิทักษ์ชาติ พระโอรสของกษัตริย์ผู้ล่วงลับ     จากนั้นพระศพของพระองค์ก็ถูกเคลื่อนย้ายไปยังสุสานสาธารณะที่อยู่ใกล้ๆกัน โดยตามธรรมเนียมมุสลิมอันเข้มงวดของประเทศ พระศพของอดีตกษัตริย์อับดุลเลาะห์จะถูกฝังในหลุมศพที่ไม่มีป้ายชื่อเช่นเดียวกับอดีตกษัตริย์ฟาห์ด ซึ่งเสด็จสวรรคตเมื่อปี 2005  นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว กษัตริย์ฮาหมัดของบาห์เรน ชีค ทามิม บิน ฮาหมัด อัล-ธานี เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ ผู้แทนระดับสูงจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และชีค ซาบาห์ อัล-อาห์หมัด อัล-ซาบาห์ เจ้าผู้ครองคูเวต ต่างเสด็จมาร่วมพระราชพิธีศพในวันศุกร์(23ม.ค.)เช่นกัน  สำนักพระราชวังซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์ระบุว่ากษัตริย์อับดุลเลาะห์ ซึ่งเชื่อว่ามีพระชนมายุราว 90 พรรษา ทรงเสด็จสวรรคตตอนเวลา 01.00 น. โดยมีเจ้าชายซัลมาน บิน อับดุลอาซิส มกุฎราชกุมารเป็นผู้สืบทอดราชสมบัติ ส่วนเจ้าชายโมเกรน ซึ่งเป็นพระอนุชาต่างพระมารดาของกษัตริย์อับดุลเลาะห์ ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นมกุฎราชกุมาร  กษัตริย์อับดุลเลาะห์ ทรงเข้ารับการรักษาพระวรกายที่โรงพยาบาลเนื่องจากทรงประชวรด้วยพระอากาศพระปัปผาสะติดเชื้อมานานหลายสัปดาห์แล้ว ทั้งนี้นับตั้งแต่ทรงขึ้นครองราชย์เป็นองค์ประมุขของราชอาณาจักรที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นต้นกำเนิดของศาสนาอิสลามแห่งนี้ พระองค์ทรงประสบปัญหาเกี่ยวกับพระพลานามัยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนเจ้าชายซัลมาน พระชนมายุ 79 ชันษา ซึ่งทรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร ต้องทรงปฏิบัติภารกิจแทนพระองค์ในช่วงที่ทรงประชวรในคำแถลงถึงประชาชนครั้งแรกในฐานะผู้ปกครองคนใหม่ กษัตริย์ซัลมาน ทรงประกาศนำพาประเทศอยู่บนเส้นทางแห่งความมั่นคงและเรียกร้องความรักความสามัคคีในหมู่ชาวมุสลิม รวมถึงจะอุทิศพระวรกายเพื่อปกป้องประเทศ
ขณะเดียวกัน พระองค์ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คือ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พระราชโอรสของพระองค์ และทรงแต่งตั้งให้เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ ซึ่งปัจจุบันทรงดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ทรงมีพระอิสรริยยศเป็นรัชทายาทอันดับ 2 ต่อจากเจ้าชายมูคริน มกุฎราชกุมาร  ผู้นำหลายประเทศได้ส่งสารแสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของพระองค์ โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ กล่าวในถ้อยแถลงยกย่ององค์ประมุขของซาอุดีอาระเบียว่า พระชนมายุของกษัตริย์อับดุลลาห์ เริ่มตั้งแต่ก่อนกำเนิดของยุคสมัยใหม่ของซาอุดิอาระเบีย ผ่านช่วงเวลาฉุกเฉินในฐานะกำลังสำคัญภายในเศรษฐกิจโลก และผู้นำในกลุ่มชาติอาหรับและอิสลาม  รัฐบาลญี่ปุ่นส่งสารแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ่งไปยังรัฐบาลและประชาชนในซาอุดิอาระเบียต่อการสูญเสียครั้งนี้ ญี่ปุ่นยังต้องการให้มิตรภาพของสองประเทศแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น มีชาวซาอุดิอาระเบียจำนวนมาก ไปรวมตัวกันเมืองเมกกะ หลังจากที่ทราบข่าวการสวรรคต ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาการครองราชย์ พระองค์ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์นักปฏิรูปและมีแนวคิดสมัยใหม่ และยังทรงทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อพัฒนาการศึกษาและระบบสาธารณูปโภค


วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

โลก 360 องศา - (ชาวมุสลิมในเชชเนียประท้วงชาลี เอ็บโด,ทฤษฏีสมรู้สาเหตุลงมือสังหาร บก.ชาร์ลีเอ็บโด,โบสถ์คริสต์ในไนจีเรียถูกเผาวอด,ผลสืบสวนกล่องดำแอร์เอเซียตกไม่ใช่ก่อการร้าย,ธ.กลางเยอรมันเรียกทองคำกลับ,กองทัพยูเครนโจมตียึดคืนพื้นที่,สโนว์เดนแฉสายลับจีนจารกรรมข้อมูลเครื่องบิน F-35)

รอยเตอร์ ประชาชนหลายหมื่นคนออกมาเดินขบวนในแคว้นเชชเนียของรัสเซียวันนี้ (19) เพื่อประท้วงภาพการ์ตูนล้อศาสดามูฮัมเม็ดของนิตยาสารฝรั่งเศสชาร์ลี เอ็บโด ที่ผู้นำของแคว้นซึ่งชาวมุสลิมทีอิทธิพลสูงสุดแห่งนี้ประณามว่า หยาบคายและเลวทราม  กลุ่มชายในชุดแต่งกายประจำถิ่นเชชเนีย ตลอดจนผู้หญิงและเด็ก ต่างตะโกนว่า อัลลาฮู อัคบาร์“ (พระเจ้ายิ่งใหญ่ที่สุด)พร้อมกับถือป้ายซึ่งเขียนว่า อย่าแตะศาสดามูฮัมเม็ดขณะที่พวกเขาเดินแห่ลงไปตามถนนหลวงสายหลักของกรุงกรอซนี เมืองหลวงของเชชเนีย ซึ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ภายหลังสงครามแบ่งแยกดินแดน 2 ครั้งในภูมิภาคคอเคซัสเหนือ  ชาร์ลี เอ็บโด นิตยสารแนวเสียดสีของฝรั่งเศสได้ตีพิมพ์ภาพของศาสดามูฮัมเม็ดกำลังร้องให้บนหน้าปกของนิตยสารฉบับล่าสุดของพวกเขา หลังจากที่กลุ่มมือปืนบุกถล่มอาคารสำนักงานและสังหารคน 12 คน โดยระหว่างก่อเหตุมือปืนกลุ่มนี้กล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้คือการล้างแค้นนิตยสารเจ้านี้ที่ตีพิมพ์ภาพล้อเลียนอิสลาม   เราจะทำการประท้วงอย่างเด็ดเดี่ยวต่อความหยาบคาย , ความเลวทราม , ความไร้วัฒนธรรมและไร้ยางอายของผู้ที่วาดภาพล้อเลียนศาสดามูฮัมเม็ดรัมซาน คาดีรอฟ ผู้นำเชเชนเขียนบนอินเตอร์เน็ตก่อนการเดินขบวน   เราขอเตือนให้รู้กันโดยทั่วว่า เราจะไม่ยอมทนต่อพฤติการณ์เช่นนี้เขากล่าว โดย คาดีรอฟ ระบุว่า เขาคาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าร่วมการเดินขบวนนี้มากสุดถึง 1 ล้านคนคาดีรอฟ ผู้ได้รับการสนับสนุนจากเครมลิน และมีจุดยืนต่อต้านการก่อกบฏที่มุ่งสถาปนารัฐอิสลามในภูมิภาคคอเคซัสเหนือ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ได้บ่มเพาะภาพลักษณ์อิสลามของตนเองขึ้นมา ซึ่งนักวิจารณ์หลายคน ชี้ว่า ขัดต่อกฎหมายรัสเซีย  การเดินขบวนของมวลชนที่จัดขึ้นในภูมิภาคนี้หลายครั้งถูกใช้เพื่อแสดงความจงรักภักดีที่ คาดีรอฟ มีต่อมอสโก โดยในการเดินขบวนในกรุงกรอซนีที่จัดขึ้นสำหรับวันเกิดของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน เมื่อปีที่แล้วคาดกันว่ามีประชาชนเข้าร่วมราวๆ 100,000 คน  ผู้เข้าร่วมในการเดินขบวนอื่นๆ บางคนได้วิพากษ์วิจารณ์ทางการเชเชน โดยเผยว่า พวกเขาถูกบังคับให้เข้าร่วม สื่อบางสำนักที่เป็นพันธมิตรกับเครมลินและถูกควบคุมโดรรัฐในรัสเซีย ประเทศที่ผ่านกฎหมายกำหนดให้การจาบจ้วงความรู้สึกทางศาสนาเป็นความผิด ได้ตั้งคำถามถึงคุณค่าของเสรีภาพในการพูดนับตั้งแต่เหตุสังหารหมู่ในปารีสเกิดขึ้น

เอเจนซีส์ หลังเหตุนองเลือดในกองบรรณาธิการ ชาร์ลี เอ็บโด เมื่อวันที่ 7 มกราคม เผยแพร่ออกมาไม่กี่ชั่วโมง อินเตอร์เน็ตก็ว่อนไปด้วยทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดมากมาย เป็นต้นว่าการสังหารหมู่ดังกล่าวเป็นปฏิบัติการของหน่วยซีเคร็ต เซอร์วิส หรือกลุ่มต่อต้านมุสลิม ไม่ใช่มือปืนอิสลามิสต์อย่างที่ทางการฝรั่งเศสประกาศ เหตุการณ์ในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลังเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 ที่มีการร่ำลือไปต่างๆ นานาเกี่ยวกับทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด สำหรับครั้งนี้เรื่องที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดคือ กระจกมองหลังของรถที่สองพี่น้องคูอาชีใช้ โดยภาพที่ถ่ายใกล้สำนักงาน ชาร์ลี เอ็บโด เป็นสีขาว แต่ในภาพที่ถ่ายหลังจากรถยนต์คันเดียวกันถูกจอดทิ้งภายหลังก่อเหตุกลับเป็นสีดำ  เรื่องนี้ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า เนื่องจากกระจกทำจากโครเมียมที่สามารถเปลี่ยนสีตามแสงที่ตกกระทบ บ้างบอกว่า มีรายละเอียดมากมายที่เข้าทางทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด อาทิ บัตรประจำตัวที่หนึ่งในสองพี่น้องคูอาชีทำตกไว้ และการที่ผู้รับโทรศัพท์ในซูเปอร์มาร์เก็ตที่มือปืนอีกคนคือ อาเมดี กูลิบาลี สังหารตัวประกัน 4 คน วางหูไม่สนิท  แม้แต่เส้นทางการเดินขบวนสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในปารีสเมื่อวันที่ 11 ที่ผ่านมา ก็มีคนเอาไปโยงกับแนวพรมแดนของอิสราเอลเอ็มมานูเอล เตเอ็บ ศาสตราจารย์รัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยลีอองของฝรั่งเศส และผู้เชี่ยวชาญทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด แสดงความเห็นว่า เรื่องนี้มีสาเหตุมาจากการที่คนมากมายคิดว่า การตีความเหตุการณ์ต่างๆ ของตำรวจ นักการเมือง และนักวิเคราะห์ ตื้นเขินเกินไป  ผู้สังเกตการณ์หลายคนบอกว่า หนุ่มสาวที่ได้รับข้อมูลข่าวสารจากอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่ มีแนวโน้มสูงที่จะเชื่อทุกสิ่งที่อ่านเจอในออนไลน์  บางคนบอกว่า ผู้ใหญ่สมัยนี้มีอิทธิพลน้อยมากต่อสิ่งที่เด็กเลือกที่จะเชื่อ  ครูคนหนึ่งแจกแจงว่า เมื่อ 30 ปีที่แล้ว เด็ก 90% เรียนรู้จากพ่อแม่หรือโรงเรียน แต่ปัจจุบันกลับเป็นตรงกันข้าม  สำหรับกิโญม บรอสซาร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง hoaxbuster.com เว็บไซต์ที่ผู้ใช้สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล มองว่า ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงตัวตนผ่านอินเทอร์เน็ตของหนุ่มสาว ความแพร่หลายอย่างมากของเครือข่ายสังคมทำให้สิ่งที่เคยถกเถียงกันในชั้นเรียนย้ายวิกไปถกกันในทวิตเตอร์, สแนปแชต หรืออินสตาแกรม แทน  โอลิวิเญร์ เอิร์ซชิด ผู้บรรยายวิชาสารสนเทศศาสตร์ในเมืองนองต์ทางตะวันตกของฝรั่งเศส ตั้งข้อสังเกตทิ้งท้ายว่า สื่อกระแสหลัก เช่น หนังสือพิมพ์ เลอ มงด์ ตอบโต้ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดต่างๆ มากมายอย่างรวดเร็วบนเครือข่ายสังคม ซึ่งบ่งชี้ว่าความไวอาจเป็นเป็นปัจจัยสำคัญในการนำเสนอหลักฐานมาหักล้างกัน

เอเอฟพี - ตำรวจระบุในวันนี้ (19 ม.ค.) ว่ามีโบสถ์คริสต์ 45 แห่งถูกวางเพลิงเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในเมืองหลวงของไนเจอร์ ระหว่างที่มีการประท้วงต่อต้านการตีพิมพ์การ์ตูนล้อศาสดามูฮัมหมัดของนิตยสาร "ชาร์ลี เอ็บโด"    อดิลี โตโร โฆษกตำรวจแห่งชาติ ระบุในการแถลงข่าว ว่าการประท้วงที่เกิดขึ้นได้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 รายและได้รับบาดเจ็บ 128 รายในกรุงนีอาเม นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนและสถานเลี้ยงเด็กของชาวคริสเตียนถูกวางเพลิงด้วยเช่นกัน  การ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัดของศาสนาอิสลาม ที่ถูกตีพิมพ์บนปกของนิตยสารรายสัปดาห์ "ชาร์ลี เอ็บโด" ฉบับใหม่ที่ใช้ชื่อว่า "ผู้รอดตาย" ได้สร้างความไม่พอใจให้กับชาวมุสลิมในหลายประเทศ   โตโร บอกด้วยว่า มีธงชาติฝรั่งเศสถูกเผาในระหว่างการประท้วงดังกล่าว รวมถึงมีการปล้นสะดมและวางเพลิงสถานที่หลายแห่ง ซึ่งรวมถึงโรงแรม 5 แห่งและบาร์ 36 แห่ง ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ประท้วงไป 189 ราย โดยที่มี 2 รายเป็นผู้เยาว์  เมื่อวันอาทิตย์ มีผู้ก่อเหตุประท้วงราว 300 รายในกรุงนีอาเม ได้ขว้างปาก้อนหินเข้าใส่ตำรวจที่ยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการประท้วง โดยทางผู้ว่าฯ ฮามิดู การ์บา ได้ระบุว่า มีผู้ถูกจับกุมในวันนั้น 90 ราย ขณะที่สื่อท้องถิ่นก็รายงานด้วยว่า ในกลุ่มผู้ที่ถูกจับ มีผู้นำฝ่ายค้านรวมอยู่ด้วย

รอยเตอร์ - คณะสืบสวนอินโดนีเซียในวันจันทร์(19ม.ค.) เผยจากผลตรวจสอบ"กล่องดำ"บันทึกเสียงสนทนาในห้องนักบินเบื้องต้น จนถึงตอนนี้ยังไม่พบหลักฐานว่าก่อการร้ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุเครื่องบินของสายการบินแอร์เอเชียดิ่งทะเลชวาเมื่อเดือนก่อน คร่าชีวิตลูกเรือและผู้โดยสารยกลำ  อันเดรียส ฮานันโต บอกกับรอยเตอร์ว่าคณะสืบสวน 10 คนของคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติ(เอ็นทีเอสซี) บอกว่าจากบันทึกเสียงในห้องนักบิน ไม่พบว่ามีสิ่งใดๆที่บ่งชี้ว่ามีเหตุทำมิดีมิร้ายระหว่างเที่ยวบิน QZ8501   เครื่องบินแอร์บัสเอ320-200 สูญหายไปจากจอเรดาร์เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ระหว่างเดินทางจากสุราบายา เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของอินโดนีเซียไปยังสิงคโปร์ ก่อนต่อมาพบว่ามันตกลงสู่ทะเลชรา โดยไม่มีผู้โดยสารและลูกเรือรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว  เมื่อถูกถามว่าจากบันทึกเสียงในห้องนักบิน มีหลักฐานใดๆที่บ่งชี้ว่าก่อการร้ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้หรือไม่ ฮานันโต บอกว่า "ไม่ เพราะถ้าเป็นก่อการร้าย ก็น่าจะมีรูปแบบการข่มขู่บางอย่าง และในสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ ขณะนั้น สิ่งที่บันทึกได้บ่งชี้ว่านักบินง่วนอยู่กับความพยายามจัดการกับเครื่องบิน"  ทีมสืบสวนบอกว่าพวกเขาได้ฟังบันทึกการสนทนาทั้งหมดแล้ว แต่เพิ่งถอดความได้เพียงครึ่งเดียว "เราไม่ได้ยินเสียงบุคคลอื่นยกเว้นแต่นักบินทั้งสอง" นูร์ชาห์โย อูโตโม เจ้าหน้าที่สืบสวนอีกคนบอก "เราไม่ได้ยินเสียงปืนหรือระเบิดตั้งแต่ต้น และจากพื้นฐานดังกล่าว เราสามารถขีดฆ่าความเป็นไปได้ของการก่อการร้ายไปได้เลย"   อูโตโม บอกต่อว่าคณะสืบสวนจะได้ยินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องนักบินเกือบทั้งหมดจากกล่องดำ 1 ใน 2 กล่องของเครื่องบิน ส่วนอีกกล่องเป็นบันทึกข้อมูลการบิน ซึ่้งทั้งสองกล่องเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ขึ้นจากก้นทะเลชวาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตามเขาอ้างกฎหมายอินโดนีเซีย ปฏฺิเสธเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับช่วงเวลานาทีสุดท้ายของเครื่องบินมรณะลำนี้   เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อินโดนีเซียสันนิษฐานว่าสภาพอากาศเลวร้ายน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ขณะที่ อูโตโม เสริมว่าจากหลักฐานที่มีพบว่าเครื่องบินไม่น่าจะระเบิดก่อนดิ่งลงสู่ทะเล "จากบันทึกข้อมูลการบินจนถึงตอนนี้ เครื่องบินไม่น่าจะระเบิด เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้น เราก็น่าจะรู้แน่ชัด เนื่องจากแน่นอนว่ามันจะแสดงให้เห็นตัวแปรต่างๆ"  ฮานันโต ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะสืบสวนเอ็นทีเอสซี บอกว่าจำเป็นต้องคัดครองเสียงเครื่องยนต์และเสียงเตือนต่างๆในช่วงนาทีท้ายๆของเที่ยวบิน QZ8501 เพื่อให้ได้มาซึ่งบันทึกที่สมบูรณ์ว่ามีเสียงใดบ้างภายในห้องนักบิน หลังจากเบื้องต้นได้ถอดรหัสบันทึกเสียงภายในห้องนักบินที่มีความยาวกว่า 2 ชั่วโมงไปได้แล้วครึ่งหนึ่ง ในนั้นรวมถึงเสียงจากเที่ยวบินก่อนหน้านี้และช่วงต้นของเที่ยวบิน QZ8501 ซึ่งประสบอุบัติเหตุราว 40 นาทีหลังจากเทคออฟ   คณะสืบสวนที่ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบสวนด้านความปลอดภัยทางอากาศจากฝรั่งเศส สิงคโปร์และจีน หวังว่าจะถอดความบันทึกเสียงสนทนาในห้องนักบินแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลการบินในกล่องดำอีกกล่องคงใช้เวลานานกว่า เนื่องจากคณะสืบสวนต้องตรวจสอบเที่ยวบินทั้ง 72 เที่ยวก่อนหน้านี้ของเครื่องบินลำดังกล่าว   คณะสืบสวนหวังว่ารายงานเบื้องต้นของโศกนาฏกรรมครั้งนี้จะแล้วเสร็จในสัปดาห์หน้า ส่วนรายงานฉบับสมบูรณ์คงต้องใช้เวลานานกว่า 1 ปี "ในอินโดนีเซีย มันจะไม่ถูกเปิดเผย จะมีแค่เหตุการณ์สำคัญๆบางส่วนปรากฎอยู่ในรายงานเท่านั้น" ฮานันโต กล่าว

รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง โบโก ฮารัมจากไนจีเรีย ก่อเหตุอุกอาจบุกข้ามชายแดนเข้าไปลักพาตัวประชาชนกว่า 80 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศแคเมอรูน รวมถึงลงมือสังหารประชาชนไปอีก 3 รายในวันอาทิตย์ (18 ม.ค.) เหตุอุกอาจที่เกิดขึ้นล่าสุด ถือเป็นเหตุลักพาตัวครั้งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินแคเมอรูน และเป็นการตอกย้ำว่าในเวลานี้กลุ่มอิสลามิสต์โบโก ฮารัมได้ขยายขอบเขตการแผ่อำนาจของตนเข้าสู่แคเมอรูนอย่างเต็มตัวแล้ว จากที่เดิมมีเป้าประสงค์เฉพาะการสถาปนาการปกครองแบบรัฐอิสลามสุดโต่งขึ้นในภาคเหนือของไนจีเรีย  เหตุลักพาตัวโดยฝีมือกลุ่มโบโก ฮารัมในครั้งนี้เกิดขึ้นในจังหวะเวลาเดียวกับที่กำลังพลจากกองทัพของประเทศ ชาดชุดแรกได้เดินทางมาถึงยังแคเมอรูนแล้ว ในภารกิจให้การสนับสนุนกองทัพแคเมอรูนในการปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงดังกล่าว  ข้อมูลเบื้องต้นจากแหล่งข่าวในกองทัพแคเมอรูนระบุว่า ในจำนวนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการลักพาตัวของกลุ่มโบโก ฮารัมในครั้งนี้ มีเด็กชายและเด็กหญิงที่มีอายุระหว่าง 10-15 ปีรวมอยู่ด้วยราว 50 คน และอีกราว 30 คนเป็นผู้ใหญ่ โดยทั้งหมดถูกลักพาตัวจากหมู่บ้านมาบาสส์และหมู่บ้านใกล้เคียงอื่นๆในแคเมอรูน ไม่ไกลจากพรมแดนไนจีเรีย  ด้านอิสซา ทีชิโรมา โฆษกรัฐบาลแคเมอรูนออกมาแถลงยืนยันเหตุลักพาตัวดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่า จำนวนผู้ตกเป็นเหยื่อการลักพาตัวของกลุ่มโบโก ฮารัมในครั้งนี้มีจำนวนทั้งสิ้นเท่าใด แต่มีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีบ้านเรือนของประชาชนราว 80 หลังคาเรือนถูกเผาทำลายด้วยจากการบุกโจมตีของกลุ่มโบโก ฮารัม

เอเอฟพี - "บุนเดสแบงค์" ธนาคารกลางของเยอรมัน ได้เปิดเผยในวันนี้ (19 ม.ค.) ว่าการส่งทองคำสำรองของประเทศที่เก็บไว้ในต่างแดน กลับไปเก็บไว้ในคลังของตนเองเมื่อปีที่แล้วลุล่วงด้วยดี  คำแถลงของบุนเดสแบงค์ ระบุว่า ทางธนาคารประสบความสำเร็จในการขนส่งทองคำสำรองกลับสู่ประเทศในปีที่แล้ว โดยมีทองถูกส่งไปเก็บไว้ในแฟรงค์เฟิร์ตเป็นจำนวน 120 ตัน ในจำนวนนั้นถูกส่งมาจากปารีส 35 ตัน และจากนิวยอร์ก 85 ตัน ทองคำสำรองของเยอรมันนั้นมีมากเป็นอันดับ 2 ของโลก ด้วยจำนวนทั้งสิ้น 3,384.2 ตัน ตามหลังเพียงแค่สหรัฐอเมริกา จากข้อมูลล่าสุดของสภาทองคำโลก ซึ่งทองคำเหล่านี้ของบุนเดสแบงค์ ถูกเก็บไว้ในธนาคารของประเทศอื่น ในกรุงปารีส ลอนดอนและนิวยอร์ก มานานนับทศวรรษแล้ว  จากข้อมูลของธนาคารกลางเยอรมัน พวกเขามีทองคำเก็บไว้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ในนิวยอร์ก 1,447 ตัน ที่ธนาคารกลางอังกฤษในลอนดอน 438 ตัน และที่ธนาคารกลางฝรั่งเศสในปารีส 307 ตัน  เหตุผลที่เยอรมันต้องเก็บทองคำสำรองไว้ในต่างแดน เป็นเพราะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และการฟื้นตัวด้านการส่งออกของเยอรมันตะวันตกที่ถูกเรียกว่า "อีโคโนมิค มิราเคิล" ช่วงยุคปี 1950 ตอนนั้นบุนเดสแบงค์ได้นำสกุลเงินดอลลาร์ที่เก็บไว้ ไปแลกเปลี่ยนเป็นทองคำกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ตอนนั้นเยอรมันมีการแบ่งออกเป็นเยอรมันตะวันตก (ทุนนิยม) กับเยอรมันตะวันออก (คอมมิวนิสต์) การเก็บทองคำสำรองไว้ในต่างแดนก็เพื่อให้พ้นเงื้อมมือสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามเย็น อย่างไรก็ตาม กระแสความไม่เชื่อมั่นในสกุลเงินยูโรช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเกิดวิกฤติหนี้สาธารณะยุโรป ทำให้บรรดาพรรคการเมืองในเยอรมันพากันเป็นกังวลเกี่ยวกับทองคำสำรองที่เก็บไว้นอกประเทศ บุนเดสแบงค์จึงได้ตัดสินใจจะส่งทองคำสำรองที่เก็บไว้ในต่างแดนกลับสู่เมืองเบียร์ ภายใต้แผนจัดเก็บทองคำสำรองฉบับใหม่เมื่อปี 2013 บุนเดสแบงค์ตัดสินใจที่จะนำทองคำสำรองในต่างแดนกลับมาไว้ในประเทศเป็นจำนวน 674 ตัน ภายในปี 2020 โดยจะเก็บทองคำครึ่งหนึ่งไว้ในห้องนิรภัยของตนเอง  "การดำเนินงานตามแผนจัดเก็บทองคำสำรองฉบับใหม่เป็นไปอย่างราบรื่น ปฏิบัติการทั้งหมดเป็นไปตามกำหนดที่วางไว้" คาร์ล-ลุดวิก ธีลล์ หนึ่งในบอร์ดบริหารของบุนเดสแบงค์ กล่าว  "เรายังได้เรียกผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศให้มาตรวจสอบแล้วด้วย ซึ่งผลก็ออกมาตามที่คาดไว้ นั่นคือไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น" เขากล่าว  บุนเดสแบงค์ ระบุว่า นับตั้งแต่เริ่มขนส่งทองคำกลับประเทศในปี 2013 ตอนนี้มีการขนย้ายทองไปเก็บไว้ในแฟรงค์เฟิร์ตแล้ว รวมทั้งสิ้น 157 ตัน โดยนำมาจากปารีส 67 ตัน กับอีก 90 ตันจากนิวยอร์ก

เดอะการ์เดียน/รอยเตอร์ - ด้วยปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ กองทัพยูเครนสามารถยึดคืนพื้นที่เกือบทั้งหมดของสนามบินโดเนตสก์ได้แล้วในวันอาทิตย์ (18 ม.ค.) หลังถูกกบฏฝักใฝ่รัสเซียโจมตีอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา จนเกือบจะสูญเสียการควบคุมพื้นที่บริเวณดังกล่าว  อังดรีย์ ลีเชนโก โฆษกสภากลาโหมแห่งชาติของยูเครน บอกกับนักข่าวในวันอาทิตย์ (18 ม.ค.) ว่ากองทัพประสบความสำเร็จในการตัดสินใจใช้ปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ สามารถเคลียร์พื้นที่ได้เกือบทั้งหมดของสนามบินโดเนตสก์ ที่ทางกองกำลังฝ่ายรัฐบาลถือเป็นเส้นแบ่งพื้นที่ในเชิงการทหาร พร้อมกับยืนยันว่ากองทัพยูเครนโจมตีเข้าใส่เฉพาะตำแหน่งที่ตั้งของกองกำลังฝ่ายกบฏเท่านั้น โดยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทหารยูเครนเสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 31 รายในพื้นที่ของสนามบิน  ขณะที่เว็บไซต์ข่าว ไลฟ์นิวส์ ของรัสเซีย รายงานในวันอาทิตย์ว่า กองกำลังของฝ่ายรัฐบาลยูเครนได้ยิงถล่มเข้าใส่ตัวอาคารภายในสนามบิน พร้อมทั้งระบุด้วยว่า ฝ่ายกบฏสามารถต้านการโจมตีครั้งใหญ่ของทหารยูเครนและรถถัง 15 คันในช่วงเช้าวันอาทิตย์เอาไว้ได้ 4 รอบอเล็กซานเดอร์ ซาคาร์เชนโก ผู้นำของกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน "สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์" ที่ออกมาอ้างว่ากองกำลังของเขาสามารถยึดสนามบินเอาไว้ได้แล้วในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ได้บอกกับสำนักข่าวของรัสเซียในวันอาทิตย์ ว่าโดเนตสก์และลูฮานสก์โดนยิงถล่มอย่างหนักโดยกองทัพยูเครน พร้อมทั้งกล่าวหาว่ารัฐบาลกำลังพยายามจะเริ่มก่อสงครามขึ้นอีกครั้ง ทั้งนี้ สนามบินโดเนตสก์เป็นพื้นที่สำคัญทั้งทางยุทธศาสตร์และในเชิงสัญลักษณ์สำหรับทั้งสองฝ่าย และยังคงเป็นจุดที่มีการสู้รบเกิดขึ้นอยู่เสมอ แม้จะมีการทำข้อตกลงหยุดยิงในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม โดยเริ่มที่จะกลับมาสู้รบกันอย่างรุนแรงอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้หอควบคุมการบินพังถล่มลงมา ส่วนตัวอาคารภายในสนามบินและรันเวย์ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก  ก่อนหน้านี้ ทางฝ่ายกบฏได้ระบุไว้ในคำแถลงเมื่อวันศุกร์ ว่าสามารถยึดครองพื้นที่สนามบินโดเนตสก์และพื้นที่โดยรอบเอาไว้ได้ แต่ยอมรับว่ายังมีทหารยูเครนประมาณ 10 นายที่ปักหลักอยู่ภายในตัวอาคาร ซึ่งมีทางเชื่อมต่อกับอุโมงค์ใต้ดินออกไปยังพื้นที่ด้านหลัง ทำให้ทหารยูเครน ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของความอึดจนถูกเรียกว่า "ไซบอร์ก" ยังคงควบคุมพื้นที่ชั้นล่างๆ ของตัวอาคารเอาไว้ได้ ในขณะที่ฝ่ายกบฏนั้นควบคุมพื้นที่ชั้นบนสุดของตัวอาคารและพื้นที่โดยรอบของสนามบินในตอนนั้น

เอเจนซีส์ - เอกสารลับ NSA ของเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯ NSA ถูกเปิดเผยล่าสุดผ่านนิตยสารรายสัปดาห์ของเยอรมัน แดร์ ชปีเกล จากการรายงานของสื่อออสเตรเลียพบว่า สายลับจีนแผ่นดินใหญ่แอบลอบขโมยข้อมูลคอมพิวเตอร์รายละเอียดเครื่องบินขับไล่ของล็อคฮีดมาร์ติน F- 35 กว่า 50 เตตราไบท์ เพื่อพัฒนาเครื่องบินขับไล่ของตนเอง   ซิดนีย์มอร์นิงเฮอราลด์ รายงานเมื่อวานนี้(18)ว่า สายลับรัฐบาลจีนลอบขโมยข้อมูลการออกแบบเครื่องบินขับไล่ F- 35 ของล็อคฮีดมาร์ติน ซึ่ง F- 35 ถือเป็นเครื่องบินขับไล่ล่าสุดประะจำกองทัพออสเตรเลีย โดยสื่อเยอรมัน นิตยสารรายสัปดาห์ แดร์ ชปีเกล ถึงการดักฟังข้อมูลของ NSA ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิก 5 eyes ที่มีออสเตรเลียเป็นหนึ่งในชาติสมาชิก ในความพยายามที่จะต่อกรกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์  อ้างจากข้อมูลลับ NSAที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อเยอรมันพบว่า สายลับจียนได้ขโมยข้อมูลสำคัญบนระบบจำนวนมาก รวมไปถึงรายละเอียดการออกแบบของเครื่องบินรบขับไล่ของบ.ล็อคฮีดมาร์ติน F- 35 ไลต์นิง 2 โดยในเอกสารที่เปิดเผยรวมไปถึงระบบเรดาร์ของเครื่องบินรบขับไล่ที่ใช้ค้นหาเป้าหมาย รวมไปถึงระบบเครื่องยนต์ ระบบการหล่อเย็นก๊าซเสีย และ aft deck heating contour maps ซึ่งถึงแม้จะมีการสงสัยว่าหน่วยจารกรรมจีนหมายตาในข้อมูลของ F- 35 แต่ครั้นี้ถือเป็นครั้งแรกในโลกที่มีหลักฐานยืนยันถึงความเชื่อนี้ว่าเกิดขึ้นจรืง  โดยผู้เชี่ยวชาญทางการทหารชี้ว่า เครื่องบินขับไล่ใหม่ของกองทัพจีน Chengdu J-20 and the Shenyang J-31 ล้วนได้รับแรงบันดาลใจจาก F-35  ในเดือนเมษายน 2014 นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย โทนี แอ็บบอตต์ ประกาศจะสั่งซื้อ เครื่องบินขับไล่ F- 35 จำนวนมากกว่า 58 ลำ ที่มีตัวเลขไม่ต่ำกว่า 12 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ออสเตรเลียมีเครื่องบินขับไล่ F- 35 ทั้งหมด 72 ลำ ตามแผนการที่วางไว้ โดยลำแรกจเริ่มต้นเข้าทำการกับกองทัพอากาศออสเตรเลียในปี 2020 อย่างไรก็ตาม จากเอกสารของสโนว์เดนเปิดเผยว่า รัฐบาลออสเตรเลียรับรู้ถึงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ เครื่องบินขับไล่ F- 35 ถูกสายลับจีนขโมย นอกจากนี้สื่ออสเตรเลียยังรายงานเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากนี้สื่อเยอรมันยังเปิดเผยว่า สายลับจีนยังโจรกรรมข้อมูลลับเครื่องบินล่องหนบอมเบอร์ B-2 เครื่องบินขับไล่ล่องหนแรปเตอร์ F-22 เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ และบลูพรินต์ของมิสไซล์ระบบต่อต้านอากาศยานของกองทัพเรือ รวมไปถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่กองทัพหลายหมื่นนาย ดดยพบว่าจำนวนข้อมูลทางทหารนั้นมีมากถึง 50 เตตราไบต์ หรือคิดเป็นข้อมูลในห้องสมุดรัฐสภาคองเกรส 5 แห่งรวมกัน  แต่ในทางกลับกันเอกสารลับ NSA เปิดเผยว่า หน่วยงานสหรัฐฯ และหน่วยงานความมั่นคงในไฟว์สตาร์สามารถลอบเจาะข้อมูลของเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของจีนได้สำเร็จ รวมไปถึงเป้าหมายการจารกรรมข้อมูลของจีนที่มีต่อสหรัฐฯ และชาติต่างๆ

วันเสาร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2558

เปิดโผรายชื่อผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง(รอบสุดท้าย) รางวัล "อ๊อดกล้า" ของสมาคมลิเกการเมืองไทยปี 2557

สมาคมลิเกการเมืองไทย (Traditional Dramatic Performance of Thai Politic Association) ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการมอบรางวัลและประกาศผลรางวัลอันทรงเกียรติ มีคุณค่าสำหรับผู้ที่มีผลงานอยู่ในแวดวงการเมืองไทยตลอดระยะเวลา 1 ปี (พิจารณาในช่วงปี 2557) ซึ่งการมอบรางวัลและประกาศผล ตลอดจนการจัดงานได้จัดทำขึ้น ปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้ว ณ เดธโน้ตเธียเตอร์ สุสานป่าช้าสีลม มีการปูพรมดำทางเดินสู่หอเกียรติยศ  ซึ่งในงานก็จะมีการแจกสูติบัตร โทฟี่ สดุดีวีรกรรม ผลงาน อันทรงคุณค่า และยกย่องตัวบุคคล ที่ได้สร้างผลงานอันยอดเยี่ยมเอาไว้ในแต่ละสาขา ซึ่งได้มีการแยกประเภทของสาขาออกเป็น 11  สาขารางวัล แต่มาในปีนี้ได้มีการตัดบางสาขาออกไป เนื่องจากไม่มีรายชื่อผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ได้แก่รางวัลในสาขานักแสดงสมทบฝ่ายหญิง,รางวัลสาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม โดยขั้นตอนต่างๆ นั้นจะเริ่มจากการเสนอชื่อผู้เข้าชิงในแต่ละหมวด โดยสมาชิกผู้ทรงเกียรติของสมาคมจำนวน 5,000 ท่าน และคณะกรรมการผู้มีความเชียวชาญในแต่ละหมวดสาขาเป็นผู้พิจารณาประกอบรายชื่อต่างๆ จากนั้นจึงคัดเลือกรายชื่อผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ให้เหลือจำนวนหนึ่งที่มีความโดดเด่นจริงๆ เป็นรายชื่อสุดท้าย โดยในปีนี้ โผรายชื่อผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล อ๊อดกล้าซึ่งเป็นรายชื่อผู้เข้ารอบสุดท้ายในแต่ละสาขา มีดังนี้



1.สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม มีผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ดังนี้


-คณะสามช่า (คสช.)  Every Friday    โดย ฟิล์มบาร์เทนเดอร์
-ร่าง รธน.ฉบับเนติศรีธนญชัย        โดย ปักเป้าคอนเนคชั่น พิคเจอร์

-พันตระบัด รัดกบาลไทย ชุด “สุขกันเถอะเรา”   โดย สหบาทาฟิล์ม
-เกมอลหม่าน ปะ-ติด-ลูบ งงจัง(ไร) ประเทศไทย?    โดย ปักเป้าคอนเนคชั่น พิคเจอร์       

-คุ้มค่าทุกนาที ปาหี่จอดำ อำกันเล่นๆ        โดย เอบีซี เฮโล ร่วมกับ สหบาทาฟิล์ม
-โชติช่วงรับประทาน เรียบร้อยโรงเรียนกุ๊กบิน   โดย ฟิล์มอาร์คิเทคเจอร์

-The Osmosis สงครามปรองดอง 5 ทัพ ดับฝันปฏิรูปไทย  โดย ฟิล์มอาร์คิเทคเจอร์


2.สาขานักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม มีผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ดังนี้
-พล.อ.พิรุธ จันทร์กระพ้อ  จาก ภ.เรื่อง คณะสามช่า (คสช.)  Every Friday

-หลวงปู่ พุทธมามกะ  จาก ภ.เรื่อง โชติช่วงรับประทาน เรียบร้อยโรงเรียนกุ๊กบิน

-ดร.จิระอาหมัด อมไม่บันยะบันยัง จาก ภ.เรื่อง โชติช่วงรับประทาน เรียบร้อยโรงเรียนกุ๊กบิน
-ดร.พิษณุ เจือจาน  จาก ภ.เรื่อง คนรับจ้างพายเรือแป๊ะ เพื่อไปส่งยังกรุงลงกา (The Srithanonchai and The Sea)

-ดร.อมรฉัตร สุกระโปโต  จาก ภ.เรื่อง ร่าง รธน.ฉบับเนติศรีธนญชัย
-มรว.พีสะเดิดอาทร เปลวกุล  จาก ภ.เรื่อง พันตระบัด รัดกบาลไทย ชุด “สุขกันเถอะเรา”

-นายประชิด บาลีทน  จาก ภ.เรื่อง คุ้มค่าทุกนาที ปาหี่จอดำ อำกันเล่นๆ  



 
3.สาขานักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม มีผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ดังนี้

-นางสาวดิ้นรัด ชิงหนีวัด  จาก ภ.เรื่อง  ผีอีโพย อจิณไตย

-นางสาวครอบปากดี ปกรณ์ฟัด (โร้ด) จาก ภ.เรื่อง  Go Hell, F - Word, Hate You  จั๊กกระดึ๋ยส์
-นางจาริก อมไม่บันยะบันยัง จาก ภ.เรื่อง โชติช่วงรับประทาน เรียบร้อยโรงเรียนกุ๊กบิน

-นางสาวสุกินยา จุนนางกุน (แม่ชีเชอร์รี่)  จาก ภ.เรื่อง ฤทธิ์จอมนางแห่งถ้ำขวัญมือง

-นางอุ๊บวลี ทันยุคกะปิ  (เจ๊อุ๊) จาก ภ.เรื่อง นายกตีตรา ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างมั๊ย

4.สาขานักแสดงสมทบฝ่ายชายยอดเยี่ยม มีผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ดังนี้
-พล.ต.อ.ขมรส  ชุ่มกันง่วง  จาก ภ.เรื่อง ใหญ่กว่านี้มีอีกมั๊ย ขี่พายุทะลุฟ้า

-ดร.ประสงค์ใคร ปักตระไคร้ธรณี  จาก ภ.เรื่องโชติช่วงรับประทาน เรียบร้อยโรงเรียนกุ๊กบิน
-พล.อ.เชาวน์มีนิด ลองใจยุทธ์  จาก ภ.เรื่อง รัฐทหาร (ประหาร) ซ้อน

-นายคลั่ง อาชีวะ  จาก ภ.เรื่อง  Go Hell, F- Word, Hate You.  จั๊กกระดึ๋ยส์
-พ.อ.ไม่มี  สกุลยัด  จาก ภ.เรื่อง คุ้มค่าทุกนาที ปาหี่จอดำ อำกันเล่นๆ   

-นายตำปูน วินิจฉัยยาก  จาก ภ.เรื่อง ผีอีโพย อจิณไตย


5.สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม มีผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ดังนี้
-พล.อ.ปี้ปิ๊ด คงกระพัน  จาก ภ.เรื่อง คณะสามช่า (คสช.)  Every Friday

-พตท.ดร.กังฉิน ชิงหนีวัด จาก ภ.สารคดีชุด 80 เดือนรอบโลก ตอน ตาดูเครื่องบินตก นรกอยู่ในใจ 
-หลวงลุงปรเมศ อุตริสเปโต จาก ภ.เรื่อง The Osmosis สงครามปรองดอง 5 ทัพ ดับฝันปฏิรูปไทย


6.สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม มีผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ดังนี้
-คณะสามช่า (คสช.)  Every Friday    โดย ฟิล์มบาร์เทนเดอร์

-ร่าง รธน.ฉบับเนติศรีธนญชัย        โดย ปักเป้าคอนเนคชั่น พิคเจอร์
-โชติช่วงรับประทาน เรียบร้อยโรงเรียนกุ๊กบิน   โดย ฟิล์มอาร์คิเทคเจอร์

-โกรก หวีด สยอง (เศรษฐกิจไทย)  โดย  M100 โปรดักชั่น
-The Osmosis สงครามปรองดอง 5 ทัพ ดับฝันปฏิรูปไทย  โดย ฟิล์มอาร์คิเทคเจอร์


7.สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม มีผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ดังนี้
-พันตระบัด รัดกบาลไทย ชุด “สุขกันเถอะเรา”   โดย สหบาทาฟิล์ม

-เกมอลหม่าน ปะ-ติด-ลูบ งงจัง(ไร) ประเทศไทย?    โดย ปักเป้าคอนเนคชั่น พิคเจอร์       
-คุ้มค่าทุกนาที ปาหี่จอดำ อำกันเล่นๆ    โดย เอบีซี เฮโล ร่วมกับ สหบาทาฟิล์ม

-ใหญ่กว่านี้มีอีกมั๊ย ขี่พายุทะลุฟ้า   โดย ฟิล์มอาร์คิเทคเจอร์
-รัฐทหาร (ประหาร) ซ้อน  โดย ฟิล์มบาร์เทนเดอร์


8.สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม มีผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ดังนี้
-ดิ้นกันมั๊ยลุง เพลงประกอบ ภ.เรื่อง รัฐทหาร (ประหาร) ซ้อน

-สุขกันเถอะเรา   เพลงประกอบ ภ.เรื่อง พันตระบัด รัดกบาลไทย ชุด “สุขกันเถอะเรา”

-พูดไม่ค่อยเก่ง  เพลงประกอบ ภ.เรื่อง คณะสามช่า (คสช.) Every Friday
-มีอะไรอ๊ะเปล่า  เพลงประกอบ ภ.เรื่อง ใหญ่กว่านี้มีอีกมั๊ย ขี่พายุทะลุฟ้า

-อย่ามโน เพลงประกอบ ภ.เรื่อง เกมอลหม่าน ปะ-ติด-ลูบ  งงจัง(ไร) ประเทศไทย?.

-เอาไปเลย  เพลงประกอบ ภ.เรื่อง โชตช่วงรับประทาน เรียบร้อยโรงเรียนกุ๊กบิน

9. สาขาการลำดับภาพและตัดต่อ (เทคนิคพิเศษ) ยอดเยี่ยม มีผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ดังนี้

-The Osmosis สงครามปรองดอง 5 ทัพ ดับฝันปฏิรูปไทย  โดย ฟิล์มอาร์คิเทคเจอร์

-ใหญ่กว่านี้มีอีกมั๊ย ขี่พายุทะลุฟ้า   โดย ฟิล์มอาร์คิเทคเจอร์

-ร่าง รธน.ฉบับเนติศรีธนญชัย        โดย ปักเป้าคอนเนคชั่น พิคเจอร์

-เกมอลหม่าน ปะ-ติด-ลูบ งงจัง(ไร) ประเทศไทย?    โดย ปักเป้าคอนเนคชั่น พิคเจอร์       

-ผีอีโพย อจิณไตย     โดย  สหบาทาฟิล์ม


โดยผลการประกาศรายชื่อ ผู้ชนะเลิศในแต่ละสาขา ซึ่งจะได้รับมอบรางวัล "อ๊อดกล้า"  ของสมาคมลิเกการเมืองไทย จะประกาศบริเวณต่อท้ายของบทความนี้ ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ศกนี้ โปรดติดตาม



เพลงที่ถูกเสนอชื่่อเข้าชิงในสาขา เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในปีนี้ ได้แก่

เพลงดิ้นกันมั๊ยลุง ประกอบ ภ.เรื่อง รัฐทหาร (ประหาร) ซ้อน
 
เพลงสุขกันเถอะเรา ประกอบ ภ.เรื่อง พันตระบัด รัดกบาลไทย ชุด "สุขกันเถอะเรา"
 
 
 
 
เพลงพูดไม่ค่อยเก่ง ประกอบ ภ.เรื่อง คณะสามช่า (คสช.) Every Friday
 
เพลงมีอะไรอ๊ะเปล่า ประกอบ ภ.ใหญ่กว่านี้้มีอีกมั๊ย ขี่พายุทะลุฟ้า
 
เพลงอย่ามโน ประกอบ ภ.เรื่อง เกมอลหม่าน ปะ-ติด-ลูบ งงจัง(ไร) ประเทศไทย?
 
เพลงเอาไปเลย ประกอบ ภ.เรื่องโชติช่วงรับประทาน เรียบร้อยโรงเรียนกุ๊กบิน
 
 

ผลการประกาศรางวัล “อ๊อดกล้า” ของสมาคมลิเกการเมืองไทย (ครั้งที่ 4) ประกาศผลแล้ว ดังนี้ 

1.สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่
ภาพยนตร์เรื่อง “The Osmosis สงครามปรองดอง 5 ทัพ ดับฝันปฏิรูปไทย”  โดย ฟิล์มอาร์คิเทคเจอร์


2.สาขานักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศไ ด้แก่
พล.อ.พิรุธ จันทร์กระพ้อ  จาก ภาพยนตร์เรื่อง “คณะสามช่า (คสช.)  Every Friday


3.สาขานักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิส ได้แก่

นางอุ๊บวลี ทันยุคกะปิ (เจ๊อุ๊) จาก ภาพยนตร์เรื่อง “นายกตีตรา ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างมั๊ย”

4.สาขานักแสดงสมทบฝ่ายชายยอดเยี่ยม ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่
พล.ต.อ.ขมรส  ชุ่มกันง่วง  จาก ภาพยนตร์เรื่อง “ใหญ่กว่านี้มีอีกมั๊ย ขี่พายุทะลุฟ้า”

 
5.สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่
พล.อ.ปี้ปิ๊ด คงกระพัน  จาก ภาพยนตร์เรื่อง “คณะสามช่า (คสช.) Every Friday


6.สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่
ภาพยนตร์เรื่อง “The Osmosis สงครามปรองดอง 5 ทัพ ดับฝันปฏิรูปไทย”  โดย ฟิล์มอาร์คิเทคเจอร์

 
7.สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่

ภาพยนตร์เรื่อง “เกมอลหม่าน ปะ-ติด-ลูบ งงจัง(ไร) ประเทศไทย?  โดย ปักเป้าคอนเนคชั่น พิคเจอร์       

8.สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่

เพลง “เอาไปเลย”  วงไมโคร ประกอบ ภ.เรื่อง “โชติช่วงรับประทาน เรียบร้อยโรงเรียนกุ๊กบิน”

9. สาขาการลำดับภาพและตัดต่อ (เทคนิคพิเศษ) ยอดเยี่ยม ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่

ภาพยนตร์เรื่อง “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับเนติศรีธนญชัย”   โดย ปักเป้าคอนเนคชั่น พิคเจอร์

และสาขารางวัลพิเศษ Lifetime Achivement Award ซึ่งเป็นรางวัลพิเศษ ที่ถูกคัดเลือกโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิกิติมศักดิ์อาวุโส โดยไม่ผ่านการเสนอชื่อโดยสมาชิก หรือการโหวดจากสมาชิก แต่ได้รับการเห็นชอบร่วมกันเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมผู้ทรงคุณวุฒิกิติมศักดิ์อาวุโส จำนวน 11 ท่าน เพื่อมอบรางวัลให้แก่องค์กร หรือสถาบันที่มีส่วนในการส่งเสริมภาพลักษณ์อันดีเด่นให้กับวงการนักการเมืองไทย และสอดคล้องกับแนวคิดของสมาคมลิเกการเมืองไทย โดยพิจารณาจากองค์กรที่มีผลงานโดดเด่นในรอบปีที่ผ่านมา จึงขอมอบรางวัลนี้ให้กับ กระทรวงพลังงาน ประเทศสาระขัณฑ์ และ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)  เอาไว้เป็นอนุสรณ์เพื่อเชิดชูถึงคุณงามความดีขององค์กร 2 แห่งนี้กันต่อไป